99 ตอน ตอนที่ 99 ห้องประชุมโคลอสเซียม
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 99 ห้องประชุมโคลอสเซียม
30 นาทีก่อนเกิดเหตุระเบิด
ประตูลิฟต์เปิดออก ณ ชั้นที่นี่สิบ ภายในลิฟต์มีสองหนุ่มพี่น้องเดินออกมาจากภายในลิฟต์ แล้วตรงดิ่งไปยังประตูบานใหญ่ เจ้าหน้าที่สองคนในชุดยามสองคนยืนอยู่ก็เห็นทั้งสองเดินมาพวกเขาจับไปที่ด้ามจับประตูแล้วเปิดให้ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังภายในที่ตอนนี้มีแต่เสียงทะเลาะกันถึงเหตุการณ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ในช่วงนี้ พวกเขามองลงไปยังสถานที่ที่คล้ายโคลอสเซียมที่มีรอบวงกลมเป็นที่นั่งแล้วมีที่ว่างตรงกลางวงกลม แต่ตรงกลางนั้นมีเพียงโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่ไว้สำหรับวางของต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นโต๊ะสำหรับการประชุมในครั้งนี้
สองหนุ่มต่างมองหน้ากันว่าพวกผู้ใหญ่กำลังสนทนาอะไร โดยวันนี้พวกเขาเห็นว่าผู้ที่มีประชุมมีตั้งแต่ทางฝั่งกรีก โรมัน กลุ่มพรานหญิง แล้วก็กลุ่มปริศนาที่พวกเขาสังเกตตั้งแต่เข้ามาพวกนั้นนั่งอยู่ด้านบนสุดในที่มืดทำเอา พวกเขาสวมผ้าคลุมมีฮู้ดปกปิดทั้งร่างกายจนโอราอุสเกิดสงสัยว่าพวกนี้เป็นใครแล้วมาร่วมประชุมในมุมมืดโดยที่ไม่ลงมาร่วมทำไม
“ชักน่าสงสัย...”
“มีแต่เรื่องน่าสงสัยถึงทุกวันนั้นล่ะ แล้วก็วันนี้ผมไปเจอของบางอย่างระหว่างออกเดินทางไปต่างประเทศด้วย!”
“อะไร?”
“รอดูละกัน! เอาล่ะ ลงไปร่วมประชุมดีกว่านะ!” เบเดอร์กล่าวพร้อมกับเดินลงข้างล่างทันที
โอราอุสมองน้องชายลงไปยังด้านล่าง เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามลงไป พวกผู้ใหญ่พูดกันเสียงดังมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า เพราะพวกเขาเอาแต่เถียงถึงความรับผิดชอบของการเกิดพวกอสูรเริ่มบุกรุกมาตามจุดต่าง ๆ
“พวกนายไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องนะว่าพวกเราไม่จัดการพวกอสูรพวกนั้นนะ”
แอนนาเบ็ธขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าของเธอผอมจนแก้มตอบลงไปเยอะ แล้วก็ขอบตาที่ดำคล้ำไปหมดจนสังเกตเห็นได้
“ไม่งั้นพวกปีศาจพวกนั้นจะมาฝั่งโรมันได้ไง! รู้ไหมว่าพวกมันดักรอกินเด็กไปแล้วกี่คนในค่ายเรา!!” หญิงสาวร่างสูงเอ่ยขึ้น
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ!? ไม่ใช่แค่ทางนายนะ เด็กค่ายฮาล์ฟบลัดก็เช่นกัน!!”
“พอ ๆ พวกเธอสองคนคิดว่าการทะเลาะกันแบบนี้จะสามารถช่วยคนที่ตายไปแล้วกลับมาหรือไง?” หญิงสาวผมสีดำเอ่ย เธอมีดวงตาสีฟ้า จับจ้องมองทั้งสองคนที่ทะเลาะกัน “แอนนาเบ็ธ เรย์น่า”
“ก็ดูยัยนี้สิ!! ธาเลีย!!”
“ทำไม!? ฉันไม่ใช่เธอนี้ ที่เอาแต่อมทุกข์กับการตายของสามีนะ!!”
แอนนาเบ็ธจะพุ่งเข้าใส่จนโกรเวอร์รีบเข้ามาสกัด “ใจเย็น ๆ แอนนี่!!”
“ปล่อยฉัน โกรเวอร์! ฉันจะต่อยยัยนี้สักที!!”
เรย์น่าแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายอย่างชอบใจ แอนนาเบ็ธเห็นก็ยิ่งไม่ชอบใจ ทำเอาผู้ใหญ่บางคนต่างส่ายหน้า แล้วหันมาหารือคุยกันดีกว่า
“ปล่อยสองคนนั้นเถอะ เอาล่ะ กลับมาคุยกันดีกว่านะ” ไพเพอร์เอ่ยพูดขึ้นตอนนี้เธอรูปลักษณ์ที่ต่างไปเธอผมสั้นแล้วก็ยังมัดเปียด้านหน้าเหมือนเดิม “ถ้าไล่ตามเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มจากไหนล่ะ?”
“ถ้าไล่ก็คงยาวน่าดูเลยนะ มีหลายคนที่ทำภารกิจหลายปีก่อนต้องตายไป...แล้วตอนนี้พวกเด็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมาตายระหว่างภารกิจ เหมือนกับมีคนรู้ว่าเด็ก ๆ จะไปช่วงไหน?”
“ที่จริงนะ การทำภารกิจมันก็ต้องเสี่ยงกันเป็นธรรมดา แต่การเสี่ยงครั้งนี้...มันเยอะเกินไป!”
“จริง...ที่สุด...” ธาเลียกล่าวเพราะคนของเธอก็โดนไปหลายคนถึงจะเป็นแค่พรานหญิงที่เป็นอมตะ แต่ก็โดนโจมตี “ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่การโจมตีเล่น ๆ แต่เป็นการตัดขาของทวยเทพล่ะ?”
“!!” ทุกคนต่างหันไปมองธาเลียก็ยิ่งรู้สึกว่ามันตรงประเด็นสุด ๆ
“ใช่เลย...เพราะพวกเรานั้น...เป็นเหมือนหมากของเทพ...”
“พวกที่เป็นศัตรูกับเราต้องการเล่นงานพวกเราไม่ให้เหลือ...เพื่อตัดแขนตัดขาเทพเนี่ยนะ...บ้าบอสิ้นดี!” แอนนาเบ็ธกล่าวขึ้น เธอนึกถึงเพอร์ซีย์ที่ตอนนั้นออกไปหาสมุนไพรรักษาลูก ๆ มันยิ่งเจ็บปวดใจกว่าเดิม
“แอนนาเบ็ธ...”
ทุกคนต่างมองแอนนาเบ็ธที่มีสีหน้าอมทุกข์มาก ๆ จนไพเพอร์เข้าไปหาแล้วปลอบใจอีกฝ่ายเบา ๆ ชายร่างใหญ่อวบ ๆ หันไปมองหญิงผมสีส้มในทันใด
“แล้วครั้งนี้มีคำพยากรณ์อะไรโผล่มามั้งไหม? เรเชล”
“ใจเย็น...ลีโอ...ถึงมีมันก็แค่คำพยากรณ์ไร้สาระ”
“ไร้สาระยังไง?”
“มันก็แค่คำสั้น ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด!!”
“งั้นเหรอ...แย่จริง ๆ”
ทุกคนที่ได้ยินต่างหากันถอนหายใจกันยกใหญ่ คนที่อยู่รอบนอกต่างก็ไม่มีความคิดเห็นแต่อย่างใดจนพวกโอราอุสเดินลงมา
“รู้สึกเครียดกันน่าดูเลยนะครับ” โอราอุสกำลังเดินลงมาอย่างช้า ๆ แต่ว่าเบเดอร์เดินนำจนมาถึงโต๊ะประชุม
“ไง ทุกคน สบายดีกันไหม!?”
“ยังกล้าถามเจ้าเด็กนี้!!”
“ไม่เอาน่า อาไทสัน เอาแต่เครียดกันเดี๋ยวผิวหนังย่นกันพอดี”
พวกผู้หญิงได้ยินแบบนั้นต่างพากันทำให้ตัวเองหายขมวดคิ้วหรือเอากระจกมาส่องหน้าตัวเองทันที แอนนาเบ็ธมองทุกอย่างขบขันเล็กน้อย ก่อนจะมองลูกชายก็เห็นว่ามีแค่สองคน
“ทั้งสองคน แล้วเอเดอร์ล่ะ?”
“หมอนั้นไม่อยากมานะ แม่ หมอนั้นบอกว่าน่าเบื่อ” เบเดอร์ยกมือขึ้นมาประคองต้นคอของเขา
“โธ่ ลูกคนนี้!” แอนนาเบ็ธรู้สึกเป็นห่วงลูกคนที่สามที่เริ่มออกห่างขึ้นทุกวัน
“แต่ว่าแม่เลิกสนใจหมอนั้นแล้วมาสนใจของที่ผมเจอดีกว่านะ!!”
“เจออะไรล่ะนั้น?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ย
”ไม่รู้สินะ แต่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจ ถึงมันจะเป็นหีบก็ตามที” เบเดอร์หยิบกระเป๋าทำงานสีดำของเขาขึ้นมา
“หีบ?”
สิ้นเสียงของทุกคนนั้นเบเดอร์ก็ล้วงมือเข้าไปภายในกระเป๋าจนมิดแขนของเขา แล้วสิ่งที่เขาดึงออกมาเป็นหีบไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่มีแม้แต่กุญแจล็อก แต่มันไม่มีทีท่าจะเปิดแต่อย่างใด ทุกคนต่างมองอย่างสงสัยว่าสิ่งตรงหน้ามันก็แค่หีบไม่ใช่หรือไง จนผู้ใหญ่หนึ่งคนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“มันก็แค่หีบไม่ใช่เหรอ? เบเดอร์”
“จุ๊ ๆ อย่ามองมันเป็นแค่หีบนะทุกคน ผมเคยไปให้เฮเฟตัสตรวจสอบแล้ว เขาบอกว่าหีบตัวนี้มีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ ผมเลยคิดว่า!!” เบเดอร์ยกหีบกระแทกกับโต๊ะทันที “มันอาจจะมีอุปกรณ์ที่สามารถจัดการพวกปีศาจอยู่ก็ได้นะ!!”
ทุกคนต่างมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่สิ้นหวังสุด ๆ ที่อีกฝ่ายหวังกับหีบเล็ก ๆ นี้ เรเชลส่ายหน้าเบา ๆ แต่สายตาของเรเชลก็ไปเห็นสิ่งบางอย่างที่ถูกสลักอยู่บนหีบอันนั้น
“สิ่งนั้นล่ะ!!”
เรเชลตะโกนออกมาอย่างเสียงดังออกไปจนทุกคนต่างตกใจกับเสียงของเธอ เบเดอร์เห็นอีกฝ่ายตะโกนออกมาจนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ่อ...เมื่อกี้หมายความว่าอะไร คุณเรเชล”
“หีบนั้น! ข้อความพยากรณ์อยู่บนหีบนั้น!!”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองก็เห็นว่าบนกล่องนั้นมีตัวอักษรภาษากรีกอยู่ แล้วทุกคนต่างพากันมองตัวหนังสือก็สลับไปมาจนอ่านได้ว่า ‘ข้าเปิดเมื่อสัมผัส’
“ข้าเปิดเมื่อสัมผัส...” ลีโอเอ่ยออกมาอย่างสงสัย “มันหมายความว่าไง?”
“ที่ผมรู้มานะ เฮเฟตัสบอกว่าเจ้าของหีบนี้คงตั้งรหัสอะไรเอาไว้นะครับ”
“แล้วเจ้าของล่ะ?”
“ผมไม่รู้อ่ะ...”
“โอ๊ย!! ไม่รู้แล้วเอามาทำไม!! เรเชลพูดอย่างกับเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์ แต่จะไม่มีประโยชน์เพราะเธอเลย! เบเดอร์!!” เรย์น่าตะโกนใส่อย่างไม่ชอบใจสุด ๆ
“ทำไงได้ล่ะครับ! มีคนบอกว่ามันโผล่มาจากท้องฟ้า ผมเลยจะลองเอามาให้เทพดูนะ เพื่อเทพองค์ไหนเป็นคนทำตกไว้นะ”
“ถ้าของเทพคงมีคนบ่นแล้วว่าทำของหายนะ”
“จริงด้วย...งั้นเก็บสิ่งนั้นไปก่อนเราจะคุยเรื่องการวางแผนจัดการพวกปีศาจที่เริ่มไล่ล่ามนุษย์กึ่งเทพกัน”
พวกเขาเริ่มกลับมาคุยกันถึงเรื่องแผนที่จะรับมือกัน ระหว่างที่เบเดอร์กำลังอยากตรวจสอบหีบอยู่นั้นก็มีหนึ่งในกลุ่มปริศนาเดินตรงไปทางเบเดอร์อย่างช้า ๆ โดยไม่มีคนสนใจสักนิด แต่ทว่าโอราอุสกับรู้สึกแปลก ๆ ก็หันไปมองก็เห็นคนปริศนาในเสื้อคลุมมีฮู้ดอยู่ข้าง ๆ เบเดอร์แล้ว
“นี่เจ้าหนู~”
“ห๊ะ?”
เบเดอร์หันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายที่อยู่ด้านข้าง อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนเผยให้เห็นดวงตาสีทอง แต่ลักษณะของดวงตานั้นมันคล้ายกับตางูที่กำลังจับจ้องเหยื่อจนเบเดอร์รู้สึกว่าร่างกายนั้นเหมือนถูกแช่แข็งไม่มีผิด ก่อนที่อีกฝ่ายนั้นจะเอ่ยคำสั่งกับเขา
“จงส่งหีบนั้นมาให้ข้า”
“ห๊า!?”
เบเดอร์อุทานออกมาแต่ทว่าร่างกายของเขานั้นกับขยับตามคำสั่งนั้น มือของเขากำลังจับไปที่หีบแล้วกำลังหมุนตัวไปทางอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ จนทำให้เบเดอร์สงสัยว่าร่างกายของเขาเป็นอะไรไป
‘นี่มัน...อะไรกัน...!!’ เบเดอร์คิด ‘ต้องบอกพี่!!’
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่เบเดอร์ไม่สามารถขยับปากพูดอะไรได้เลย จนโอราอุสที่กำลงัคุยกับพวกอาลีโอนั้นก็สังเกตเห็นน้องชายกำลังทำตัวแปลก ๆ เขาก็เห็นว่าบุคคลปริศนาที่อยู่กลุ่มพวกสวมฮู้ดอยู่ตรงหน้าน้อง แล้วกำลังยื่นมือจะรับหีบที่น้องชายกำลังขยับจะส่งให้ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของน้องชายในหัว
‘พี่โอราอุส ช่วยด้วย!!’
โอราอุสได้ยินแบบนั้นก็รีบพุ่งตัวไปหาน้องชายในทันใด “ออกห่างจากน้องฉันนะ!!”
ทุกคนหันไปมองโอราอุสที่ตะโกนแบบนั้นออกมา พวกเขาก็เห็นว่าคนสวมชุดเสื้อคลุมอยู่ตรงหน้าของเบเดอร์ เมื่อมืออันผอมบางจับไปที่หีบก็เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าอะไร
“หึ ๆ เริ่มแผนได้!”
ตู้มมมมมมมมมมม!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรงทำให้พวกที่อยู่แถว ๆ เก้าอี้นั่งต่างพากันกระเด้งไปทางตรงข้ามของระเบิด พวกแอนนาเบ็ธที่อยู่ใจกลางต่างพากันหลบใต้โต๊ะประชุมกันยกใหญ่ โอราอุสถึงกับเซไปด้านข้างเมื่อเกิดการระเบิดขึ้น เขาสะบัดใบหน้าของตนเองสองสามรอบ ก่อนจะเงยหน้ามองภาพตรงหน้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ดวงตาอันสีเขียวมรกตจะลุกวาวอย่างตะลึงกับภาพที่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้า ผ้าคลุมได้ถูกถอดออกจนเผยให้เห็นรูปลักษณ์ภายใต้เสื้อคลุมนั้น รูปลักษณ์ที่คล้ายกับหญิงสาวแต่ทว่าผมของอีกฝ่ายมีสิ่งที่ขยับไปมานั้นก็คืองูที่มีเกล็ดสีน้ำเงิน โอราอุสเห็นจึงรีบหลับตาของเขาในทันใด เพราะเขาจำได้ว่าสิ่งที่มีงูบนหัวนั้นมีแต่อย่างเดียวนั้นก็คือ เมดูซ่า
“ทุกคนระวังนะ!! มีเมดูซ่าโผล่มาด้วย!!”
“ว่าไงนะ!!”
ทุกคนที่อยู่ภายในนั้นต่างพากันตื่นตกใจว่ามีเมดูซ่าที่สาปคนให้กลายเป็นหินด้วยเหรอ บางคนที่กำลังคิดจะหนีกันก็โดนพรรคพวกของหญิงสาวผมงูจับได้แล้วจะฆ่าทิ้ง เรย์น่าเห็นคนของตนเองจะโดนฆ่านั้นทำให้เธอรีบพุ่งตัวออกไปโดยไม่สนใจอะไร
“เรย์น่า!!”
พวกแอนนาเบ็ธเห็นอีกฝ่ายวิ่งออกไปก็กังวลยิ่งกว่าอะไร ก่อนจะมองกันและกันว่าจะทำไงดี โกรเวอร์ที่จำเหตุการณ์ครั้งแรกที่ได้ผจญภัยกับเพอร์ซีย์เขายังผวาไม่หายเลยจริง ๆ กับการต่อสู้กับเมดูซ่า
“เมดูซ่าเนี่ยนะ!! ครั้งนั้นเพอร์ซีย์จัดการไปแล้วไม่ใช่เหรอ!?” โกรเวอร์กล่าวออกมา
“นางคงฟื้นคืนชีพนั้นล่ะ!!!” แอนนาเบ็ธตอบอีกฝ่ายเธอก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่เธอพึ่งนึกว่าลูก ๆ อยู่ข้างนอกนั้น “โอราอุสกับเบเดอร์อยู่ข้างนอกนั้น...ฉันต้องไปช่วย!!”
“เดียวแอนนี่! เธอไปก็ซวยโดนมันสาปนะ!!”
“แต่ลูกฉันอยู่ตรงนั้นนะ”
“ฉันรู้ แต่ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดก่อน!!”
โกรเวอร์เตือนสติอีกฝ่าย แต่ตัวแอนนาเบ็ธกับไม่ชอบใจกับคำเตือนนั้น ก่อนที่เธอจะสะบัดมือออกจากอีกฝ่ายทันที
“ถ้าเป็นลูกนาย นายจะยอมอยู่เฉยไหมล่ะ!!” แอนนาเบ็ธคลานออกจากโต๊ะทำงานทันที
“แอนนี่!!!”
“โกรเวอร์อย่าไปห้ามเธอ จริงของเธอนะ นั้นลูกเธอ ถ้าเป็นลูกนายจะยอมไหมล่ะ?”
“ไม่มีทาง! โทษที ฉันสติแตกเพราะเมดูซ่า!!”
โกรเวอร์กล่าวขอโทษก่อนที่เขาจะตั้งสติแล้วพยายามออกจากตรงนั้นแล้วไปช่วยคนอื่น ๆ ที่กำลังโดนโจมตี แอนนาเบ็ธออกมาจากโต๊ะประชุม เธอก็เห็นลูกชายกำลังวิ่งตรงเข้าหาหญิงสาวที่คล้ายเมดูซ่า
“เอาหีบคืนมานะ!!”
โอราอุสหยิบปากกาขึ้นมาแล้วถอดปลอกออกจนกลายเป็นดาบขนาดใหญ่ แล้วเขากระโดดพุ่งหาอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจอะไร อีกฝ่ายเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่พุ่งมาหาเธอแต่เธอก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหลับตาไม่มองเขาก็ยิ่งทำให้เธอยิ้มออกมาที่อีกฝ่ายนั้นช่างประมาทยิ่งกว่าอะไร จนเธอหลบการโจมตีอีกฝ่ายแล้วยกขาขึ้นเตะไปอย่างรุนแรงจนโอราอุสกระเด้งไปอย่างไกลจนชนกับเก้าอี้ยาว
“โอราอุส!!” แอนนาเบ็ธเห็นลูกชายกระเด้งไปจนเธอรีบวิ่งกลับไปหาลูกชายคนโตทันที
“พี่ครับ!!” เบเดอร์หันไปมองทางที่พี่ชายกระเด้งไป
“พวกอ่อนแอ...ข้าขอเอาหีบนี้ไปละกัน? สิ่งนี้อาจจะเป็นของที่เจ้านายต้องการก็ได้”
“ฉันไม่ให้หรอกน่า!!”
เบเดอร์ที่นอนอยู่กับพื้นหลังจากมีเสียงระเบิด สติของเขาก็ครบถ้วนเขาหมอบลงเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ยิ่งทำให้เขาคิดเลยว่าตัวเองไม่น่าเอาหีบมาเลยจนมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เขารีบเกาะขาของหญิงสาวที่กำลังจะเอาหีบไปในทันใด
“น่ารำคาญจริง ๆ”
ปีศาจหญิงสาวมองอีกฝ่ายที่มาเกาะขาของเธอจนเธอสะบัดขาแล้วเตะเข้าไปที่ปลายคางอีกฝ่ายในทันที
“อ๊ากกกกกกก!!” เบเดอร์ถึงกับน็อคไปเลยที่โดนเตะเข้าที่ปลายคางจนเขาสลบไปตรงนั้น
พวกผู้ใหญ่ที่ออกมากำลังต่อกรกับพวกปีศาจที่กำลังโจมตีใส่พวกใส่พวกเขา บางคนเห็นแล้วว่าหญิงที่โอราอุสบอกว่าเป็นเมดูซ่านั้นไม่เป็นจริงอีกฝ่ายแค่มีรูปลักษณ์นั้นคล้ายกับเมดูซ่าแต่สาปพวกเขาไม่ได้นั้นทำให้พวกเขาออกมาต่อกรอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แอนนาเบ็ธดูลูกชายที่บาดเจ็บของเธอยิ่งทำให้เธอเคืองยิ่งกว่าเดิมจนเธอรีบตรงไปหาปีศาจผู้หญิงผมงูที่โจมตีลูกชายของเธอ
“แก!! กล้ามาทำร้ายลูกฉันเหรอ!?” แอนนาเบ็ธวิ่งไปสุดแรงแล้วกระโดดโจมตีท่าเดียวกับโอราอุส
ปีศาจงูเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นพุ่งตรงมาหา เธอก็ทำการหลบการโจมตีทันที “โธ่ ๆ ผัวเป็นยังไง เมียก็เป็นยังงั้นสินะ!!”
“แก...พูดแบบนั้นหมายความว่าไง?” ดวงตาสีเทาของแอนนาเบ็ธลุกวาวอย่างสงสัยกับคำพูดอีกฝ่าย
“ผัวแกก็ใจกล้าพุ่งเข้ามาไม่คิดไงล่ะ จนทำหมอนั้นตายยังไงล่ะ!!”
แอนนาเบ็ธได้ยินแบบนั้นเลือดก็ขึ้นหน้าที่มีคนพูดแบบนั้นถึงสามีของเธอมันยิ่งโกรธยิ่งกว่าอะไรจนเธอพุ่งเข้าโจมตีปะทะดาบกันอย่างรุนแรง ภายในห้องประชุมอย่างกับสนามรบที่กำลังฆ่าฟันกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าประตูบานใหญ่ที่เป็นทางออกเดียวของห้องประชุมก็มีการเปิดออกอย่างรุนแรงจนบานประตูนั้นพุ่งมาโดนพวกปีศาจสี่ตนที่กำลังต่อสู้อยู่กับพวกลีโอที่รีบหลบเมื่อเห็นบานประตูลอยมา หลายตาจ้องมองไปทางบานประตูก็เผยให้เห็นบุคคลที่โจมตีจนบานประตูกระเด้งมานั้นก็คือ โพรทาเลีย ที่รำคาญที่พวกยามเอาแต่บอกว่าไม่ให้เข้าไปถึงจะมีเหตุการณ์ร้าย แต่เธอทนไม่ไหวเพราะคนในครอบครัวเธออยู่ในนี้ พอบานประตูเปิดออกโพรทาเลียก็ได้เห็นสถานที่ที่คล้ายโคลอสเซียมมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจกับสถานที่ประชุม แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าแม่ที่กำลังต่อสู้กัน
‘ถึงโลกไหน...แกก็อยู่ให้น่ารำคาญใจจริง ๆ นูอัส!!’ โพรทาเลียคิด
จบตอนที่ 99 โปรดติดตามตอนที่ 100 ต่อไป
Comments (0)