ตอนที่ 71 เกิดเหตุไม่คาดคิดอีกแล้ว

เพดานสีขาวกลายเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนในชั่วพริบตา แองเจิลต้องการให้สองสาวได้พักผ่อนก่อนจะเริ่มทำงานบางอย่าง ตอนนั้นทำเอาสองสาวต่างมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าเขาจะทำอะไรพวกเธอ แต่การที่พวกเธอยังไม่กลับร่างเดิมก็เพราะการใช้พลังบ้าๆ นั้น เวลาต่อมาพวกเธอก็ได้นอนลงบนเตียงอันแสนสบายที่แองเจิลสร้างให้ การมานอนพักมันก็ดีอยู่แต่พวกเธอทั้งสองคนกลับนอนไม่หลับ จนกระทั่งโฟกัสอยากคุยกับพี่สาว

 

“พี่ค่ะ...”

“หือ?โพรทาเลียหันสายตามองน้องสาว แล้วกลับไปมองท้องฟ้า “ว่าไง?

“พี่ว่า...ตัวของพวกเราจะมีความทรงจำในช่วงไหนกัน?

“ไม่รู้สินะ แต่...ฉันกลัวบางอย่าง...ถ้ามันเกิดขึ้น...”

โฟกัสขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอเอียงข้างตัวนอนมองพี่สาว “พี่กลัวอะไร?

“คือว่า...ตอนพี่ 6 ขวบใกล้จะ 7 ขวบ ตอนนั้นพี่เสียความทรงจำช่วงหนึ่งไป มันเป็นครั้งแรกที่แซเทิร์นจับพี่เข้าไปสู่ที่อันตรายมากๆ แล้วมัน...ทำให้พี่กลายเป็นปีศาจ”

“ว่าไงนะ? พี่เคยเป็นปีศาจด้วยเหรอ?

“อย่างที่เธอคิด โฟกัส” โพรทาเลียมองพี่สาวอย่างงุนงง “ใช่ พี่เคยเป็นปีศาจ ตอนนั้นสติปัญญาของพี่หายหมดเกลี้ยงจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย”

“ขนาดนั้นเชียว...”

“อืม ตอนนี้ฟื้นคืนสติมาได้ พี่ก็รับรู้แล้วว่าเวลาผ่านไปหลายเดือนจนร่างกายผอมซีดมาก เพราะไม่ได้ทานอาหารเลยนะ”

โฟกัสฟังทุกอย่างความรู้สึกในใจมันช่างเจ็บปวดแทนพี่สาวมากๆ เธอรีบจับมืออันเล็กและหยาบกระด้างของพี่สาว

“พี่ไม่ต้องทนทุกข์แบบนั้นอีกแล้ว...หนูจะอยู่ข้างๆ พี่ตลอดไปเองนะคะ”

“ขอบใจนะ โฟกัส”

 

โพรทาเลียกล่าวขอบคุณน้องสาวที่พูดปลอบเธอ โฟกัสเขยิบเข้ามาใกล้ๆ เพื่อนอนกอดพี่สาว ทั้งสองกอดกันอย่างกลมเกลียว มันทำให้โพรทาเลียนึกถึงสมัยเด็กที่รักใคร่กันมากๆ เธอมองท้องฟ้ายามค่ำอย่างครุ่นคิดว่าโลกภายนอกกำลังเกิดอะไรขึ้นกันมั้งตอนนี้ สายตาที่มองท้องฟ้านั้นกำลังค่อยๆ ตกลงจนหลับไปตามความรู้สึกที่รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด

 

เหนือหัวของทั้งสองคนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มมีเหล่าอดีตชาติกำลังจ้องมองทั้งสองคนนอนหลับกัน การได้เห็นร่างอันเล็กจ๋อยของเด็กทั้งสองอีก นั้นทำให้พวกเขานึกถึงในอดีตที่อยู่รวมตัวกันปกป้องทั้งสองคนมาตลอด จนกระทั่งวันที่โพรทาเลียหายตัวไป พวกเขาก็โดนทำให้กระจัดกระจายไปตามทางหมด ระหว่างที่พวกเขากำลังนึกถึงอดีตกัน เทพผู้สูงศักดิ์ก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาต่างย่อตัวทำความเคารพเขาในทันที

 

“ขอเคารพแก่เทพผู้เป็นร่างต้นกำเนิดของเรา! ท่านแองเจิล!”

“ลุกขึ้นเถิดเหล่าสหายร่วมสายเลือดของเรา!”

ทุกคนลุกขึ้นยืนกันอย่างพร้อมเพรียง จนกระทั่งอดีตชาติตนหนึ่งนามดาเฟ่กล่าวพูดขึ้น

“จะให้พวกข้าทำอะไรหรือ ท่านแองเจิล ถึงเรียกรวมตัวพวกเราทุกคน!?

แองเจิลได้ยินคำถามพวกเขาก็ทำให้เขายิ้มออกมา “หลังจากนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องทำให้เด็กทั้งสองสามารถใช้พลังของพวกเจ้าให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์”

100 เปอร์เซ็นต์!!”

“ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เจ้าค่ะ!” เฮเลนได้ยินแผนการที่อีกฝ่ายต้องการให้พวกเขามันช่างบ้าบิ่นสุดๆ “ท่านก็น่าจะรู้นะว่าพลังของเราแค่ออกมา 100 เปอร์เซ็นต์นั้นก็ทำให้เด็กสองคนลำบากแล้วนะ!!”

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดว่าจะให้มนุษย์กึ่งเทพใช้พลังพวกเจ้าทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่สักวันเด็กๆ ต้องใช้พลังของพวกเจ้าในการสร้างอาวุธเอาไว้จัดการกับแซเทิร์น!”

“ใกล้ถึงวันนั้นแล้วเหรอขอรับ?ลักซ์ถามขึ้น

“ใช่...แต่ว่า...โพรทาเลียยังมีสิ่งที่ต้องทำ แล้วมันลำบากพอควรล่ะ!”

“หมายความว่าไงเจ้าค่ะ?ไดแอนถามขึ้น

“อดีตชาติตนหนึ่งเกิดหลุดไปอดีตเข้า...แล้วในยุคนี้เขาไม่มีชีวิตอยู่แล้วนะ!”

“ห๊า!! คนไหนกัน!!”

“คงไม่ใช่ท่านพี่นะเจ้าค่ะ!!” เฮเลนกล่าวขึ้นอย่างตกใจ

“ไม่...คนที่หลุดหายไปนั้นคือ...สายเลือดของอะพอลโล ธีเอมัส”

“ถ้าจะลำบากนะ ถ้าเจ้านั้นอยู่ในอดีตนะ!!”

เสียงอันสุขุมดังขึ้นพวกเขาจำน้ำเสียงนั้นได้ จึงเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนก็เห็นชายที่มีผมสีม่วงอ่อนยาวสลวยกำลังดื่มด่ำกับเหล้าอันแสนอร่อย

“เจ้า!! แดเรียล!!”

“ไอ้ขี้เมา สายเลือดไดโอนีซุส!!”

“เจ้าโผล่มาได้ไง!? ไม่ได้มีบททดสอบให้โพรทาเลียนี่น่า!!”

“ทดสอบไปแล้วต่างหาก?

“ตอนไหนกัน?ทั้ง 4 คนที่เป็นอดีตชาติของโพรทาเลียถามอย่างสงสัย

“ก็...ตอนที่โพรทาเลียกลายเป็นปีศาจนะ ข้ารับความรู้สึกจากจิตใจของนาง นางเอาแต่พูดว่าให้ฆ่านางซะ จนข้าสงสารนางเลยยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ ไงล่ะ”

“ข้าว่าไม่ใช่ผ่านง่ายๆ เจ้าแค่ขี้เกียจให้บททดสอบกับนางเท่านั้นล่ะ!”

“ชิ!” แดเรียลเปล่งเสียงอย่างไม่พอใจกับคำพูดของพวกอดีตชาติคนอื่นๆ จนน่ารำคาญ

“ไม่ต้องมาชิเลยนะเว้ย!!”

“น่ารำคาญ! ถึงข้าไม่ทำอะไรบททดสอบที่รุนแรงกว่าของข้าก็อาจจะทำให้โพรทาเลียท้อแท้ไปก็ได้ ยังไม่ลืมนะว่ายังเหลืออีกองค์หนึ่งที่พวกเจ้ายังไม่ลืมว่าเจ้านั้นโกรธแค้นเคืองผู้เป็นบิดาของเขาแค่ไหน?

พอแดเรียลพูดถึงคนคนนั้นทำให้ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบไป เฮเลนที่ฟังใบหน้าของเธอถึงกับแปลงเปลี่ยนไปเป็นเศร้าหมอง

“จงอย่าลืมบททดสอบของพวกเจ้านั้นยังอ่อนด้อยกว่าเทพองค์นั้นชายที่มีนามว่า ฮาลอน บุตรแห่งซุส!! ร่างจุติคนแรก...ของโพรทาเลีย!!”

 

เวลาผ่านไปชั่วข้ามคืนจนถึงยามเช้าของวันถัดมา เหล่าเด็กๆ กำลังทำกิจกรรมและหน้าที่ของตัวเองกันไป จะมีแค่สถานพยาบาลที่ยังต้องวุ่นวายเพื่อดูแลคนป่วยกัน แต่ก็มีอีกที่ที่กำลังประชุมกันเพื่อหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเขตที่อยู่อาศัย บ้านหลายหลังเรียงหลายกันอย่างเป็นระเบียบจนกระทั่งถึงบ้านที่มีภายนอกเป็นบ้านไม้ เมื่อเดินเข้าไปแล้วเลี้ยวไปทางด้านซ้ายมือเป็นห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางในนั้นมีเหล่าผู้ใหญ่และวัยรุ่นมากมายรวมตัวกันอย่างหนาแน่ รวมไปถึงหญิงสาวที่มีอายุเท่าเดิมตลอดอย่างหัวหน้าพรานหญิง ธาเลีย

 

“เหลนของฉัน!”

ธาเลียวิ่งตรงดิ่งมาหาเหลนทั้งสองคนที่นั่งติดกันรอฟังการประชุมอย่างเป็นระเบียบ

“คุณย่าธาเลีย ผมเจ็บนะ” อีกฝ่ายเล่นกอดเดวิคจะแน่นจนเข้าหายใจไม่ออก

“…” คาเร็นน่าถึงกับแข็งทื่อแบบสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่

“ขอโทษนะ หลังจากไม่ได้เจอเธอตั้งแต่ปีก่อน มันช่างยาวนานกว่าที่ย่าคิดอีกนะ”

“ฮะ...ครั้งก่อนเจอกันตอนผม 5 ขวบเองนี่ครับ ตอนนี้ผม 6 ขวบแล้วนี่น่า”

“จริงด้วยนะ แล้วเหลนข้างๆ คาเร็นน่าสินะ หน้าตาหนูคล้ายพ่อหนูมากเลยนะ” ธาเลียหยิบแก้มเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณค่ะ...” คาเร็นน่าแอบเขินๆ ที่อีกฝ่ายชมใบหน้าเธอคล้ายๆ พ่อ

 

จนกระทั่งมีคนฟังอยู่ข้างๆ แอบเคืองที่อีกฝ่ายนั้นกำลังคลุกคลีกับหลานๆ ของเขา เพอร์ซีย์ยิ่งจ้องมองแล้วก็มองเดวิคอย่างไม่ชอบใจที่เจ้าหลานตัวดีไม่เคยบอกเขาว่าเป็นลูกใคร แล้วยิ่งจำเหตุการณ์ที่เจอเดวิคในร่างผู้ใหญ่ ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีกว่าเดิม เพอร์ซีย์ตบมือในทันที

 

แปะ แปะ

 

"เอาล่ะ! มาประชุมกันได้แล้ว ธาเลียกลับมานั่งที!"

“โธ่! กำลังพูดคุยกับเหลนๆ เชียว! ไว้ย่าจะมาคุยใหม่นะ” ธาเลียยิ้มพร้อมกับลูบหัวเหลนทั้งสอง พร้อมกลับมานั่งที่ของเธอ

“เลิกเห่อเหลนสักที!” เพอร์ซีย์ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ จนบางคนเห็นก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีอารมณ์ที่แปรปรวน “งั้นมาเข้าเรื่องถึงความปลอดภัยใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นแล้วก็ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างคุณโอเซซัสที่เป็นน้องชายของไครอน”

“ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักทุกคน!”

โอเซซัสโค้งกล่าวขอบคุณ ตอนนี้เขาอยู่ในร่างมนุษย์โดยมีท่อนล่างเป็นของเทียมเวทมนตร์สามารถเดินได้อย่างมนุษย์ พอๆ ส่วนไครอนก็เปลี่ยนจากรถเข็นเป็นขาเทียบแต่เขาก็ชอบรถเข็นมากกว่า

“ไม่นึกว่าอาจารย์ไครอนจะมีน้องชายด้วยนะ”

“จริงด้วยๆ”

“เลิกพูดแบบนั้นสักที ฉันมีน้องชายหรือมีน้องสาวก็ไม่บอกพวกเธอหรอกนะ!”

“โธ่”

“เอาล่ะๆ งั้นมาคุยกัน ทางด้านอาจารย์ไครอนกับคุณโอเซซัสช่วยดูแลเด็กๆ เหมือนเดิมปกติอย่างที่อาจารย์ไครอนทำ คุณโอเซซัสคงพอทำได้นะครับ?

"แค่ฝึกสอนพอทำได้ล่ะนะ เพราะปกติ ข้าสอนโพรทาเลียมาตลอดตั้งแต่เด็กคนนั้น 7 ขวบนะ"

“งั้นก็ดีครับ ต่อไปก็แครีสกับโทมัสต้องช่วยควบคุม เด็กคนอื่นๆ ในการตรวจตราในค่ายว่ามีจุดไหนที่น่าสงสัยอีก”

“รับทราบ!”

“เข้าใจแล้วครับ คุณแจ็กสัน”

“ส่วนวิล! รายงานเรื่องเด็กๆ หรือแซเทิร์นที่โดนจับตัวไปล่ะ”

วิลหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา “จากการสอบถามจากเด็กทุกคนก็ได้รู้ว่าตลอดที่เด็กพวกนั้นอยู่ พวกมันไม่ได้จะกินพวกเขาในทันที เด็กคนไหนใกล้ตายพวกมันก็ให้พวกเขาทานอาหารก่อนจะกินพวกเขาเข้าไป”

“ยี้!” เหล่าผู้หญิงที่ได้ยินถึงกับทำหน้าเหยเกอย่างไม่ชอบ

“แล้วไงต่อ?เพอร์ซีย์อยากฟังต่อเลยถามออกไป

“มีเด็กตายไปเกือบๆ50 กว่าคน พวกโครงกระดูกของเด็กที่ตายก็อยู่ที่ถ้ำนั้นตามที่เด็กๆ บอก”

“แบบนี้คงต้องไปบอกพ่อแม่พวกเขาด้วยสินะ”

“ฉันว่าอย่าดีกว่า!” นิโคกล่าวขึ้นมา

เพอร์ซีย์หันไปมองนิโคอย่างสงสัย “นายหมายความว่าไงนะ? นิโค”

“เพราะพ่อหรือแม่ของเด็กที่ตายบางส่วนกลายเป็นปีศาจไปนะสิ”

นิโคหยิบรายชื่อที่เป็นกระดาษออกมา เขาไม่ชอบใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่าไร เลยใช้กระดาษแทน

“ตามคำขอของสามีฉัน เขาขอให้ฉันไปตรวจสอบเมื่อวันก่อน ฉันเลยไปตรวจสอบก็จริงอย่างที่เขาคิด พ่อแม่บางคนต่างกลายเป็นปีศาจ บางคนก็ยังเป็นมนุษย์ พอฉันบอกว่าลูกๆ เขาเสียไปแล้ว ทำเอาคนเป็นพ่อหรือแม่ต่างร่ำไห้ไปหมด”

ทุกคนต่างเงียบไปในทันทีบางคนที่เป็นพ่อแม่ต่างมองไปที่ลูกๆ ของพวกเขา ถ้าเป็นลูกพวกเขาก็คงเสียใจเช่นกัน

“เดียวเราค่อยกลับไปที่นั่นแล้วนำโครงกระดูกของเด็กบางคนส่งคืนพ่อแม่เขา ส่วนบางคนเราจะนำพวกเขาไปเผาพร้อมพ่อแม่พวกเขา ถ้ามีญาติเราค่อยอธิบายให้พวกเขาฟัง”

“อืม!” ทุกคนต่างพยักหน้า

“งั้นมาเข้าเรื่องอีก 1 เรื่อง ครั้งนี้ก็เหมือนเคยสายเลือดเฮอร์มีสทำเรื่องอีกตามเคย!” ลีโอกล่าวขึ้น เขาพึ่งกลับมาจากไปท่องโลกกับภรรยามา

“มันก็จริง แต่เราก็โทษอะไรไม่ได้อยู่ดี ก็เหมือนกับที่ฉันบกพร่องในหน้าที่ของคนเป็นพ่อที่ไม่รู้ว่าลูกสาวโดนสลับตัว!” เพอร์ซีย์ขึ้นเสียงขึ้นมา

“เป็นฉันก็คงโกรธ เพอร์ซีย์ ที่ลูกโดนจับตัวไปนะ”

“ฉันยิ่งกว่าโกรธตัวเอง คาลิปโซ ลูกสาวฉันโดนทรมานยิ่งกว่าเด็ก 6 ขวบจะเจอ...ฉันเป็นพ่อที่ไม่ได้ความ...”

แอนนาเบ็ธยื่นมือไปจับมือสามี “เลิกโทษตนเองเถอะ เพอร์ซีย์ เราเคยคุยกันแล้วนะ”

“จริงด้วยครับ พ่อ โพรทาเลียก็ไม่เคยโกรธพ่อนี่น่า ถึงแม้ในความทรงจำของเธอจะโกรธพ่อเล็กน้อยที่ไม่เคยรู้ว่าเธอนั้นถูกจับไป”

“มันก็น่าโกรธนั้นล่ะ แต่โพรทาเลียก็ดูมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่...พอพ่อพึ่งรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นลูกสาวและยิ่งหายตัวไปในคืนวันถัดมา มันช่างน่าเจ็บใจสุดๆ เหมือนเด็กคนนั้นไม่ไหวใจพ่อ”

“น่าๆ” แอนนาเบ็ธลูบมือสามีเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“แล้วทางสถานพยาบาลต้องการคนช่วยอีกไหม?เพอร์ซีย์หันไปหาวิล

“ต้องการเยอะๆ เลยล่ะ แต่เด็กจากทุกบ้านก็มาช่วยมั้งล่ะนะ ตอนนี้ฉันแค่อยากรักษาทุกคนให้หายจากโลกกระเพาะ”

“เสียดายที่เราไม่มีพืชปริมนัสอีกนะครับ มันสามารถรักษาทุกโรคได้นะ” เดวิคกล่าวออกมา เขานึกถึงพืชชนิดแรกที่เขาเสนอให้พ่อของเขา

“จริงของลูกผมนะ เสียดายที่เราใช้ไปหมดเมื่อ 1 ปีก่อน”

“อืมมมมมม!”

 

ทุกคนต่างพากันกอดอกอย่างครุ่นคิดว่าพวกเขาจะทำยังไงเพื่อช่วยเด็กๆ ให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้ แต่ไม่สามารถทำได้ในทันที เพราะร่างกายหลายคนทนทุกข์มานานแล้วนี่สิ พวกเขาคงต้องหาวิธีดีๆ ช่วยทำให้ทุกคนกลับมาเป็นปกติ เพื่อเหตุการณ์ในอนาคตที่จะมาถึงกัน ระหว่างที่พวกเขาสนทนากันอยู่นั้น ชั้นสองของบ้านเดินขึ้นบันไดไปตามทาง เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองข้างหน้ามีประตูบานหนึ่งที่มีสีเขียวมินต์อ่อนตรงหน้าพร้อมกับป้ายตู้ที่มีชื่อว่า ‘โฟกัสเมซ่า’ ข้างในนั้นมีเด็กน้อยอย่างโฟกัสกำลังนอนอยู่ แต่เพราะบางอย่างทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นนั้นก็คือเสียงของโพรทาเลียที่ตะโกนในหัวของเธอ

 

‘เอาฉันออกไปเดียวนี่!!’

 

“!!”

 

โฟกัสลุกขึ้นตื่นขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ แล้วเสียงของพี่สาวนั้นไม่เคยเข้าหัวของเธอมานานถึง 6 เดือน เธอรีบลุกจากเตียงเพื่อไปดูว่าพี่สาวเป็นอะไร เมื่อเดินออกจากห้องเสียงในหัวของโพรทาเลียก็ดังในหัวเธอมากขึ้นไปอีกจนมันเจ็บปวดไปหมด เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้เห็นพี่สาวที่พึ่งตื่นขึ้นมานั่งอย่างหอบหายใจอย่างวิตกกังวล

 

“พี่ค่ะ...ไม่เป็น-”

โพรทาเลียหันขวับมาหาอีกฝ่ายในทันที จนโฟกัสสะดุ้งอย่างตกใจ สีหน้าของเธอต่างจากเด็กทั่วไป แต่ใบหน้านั้นช่างดูเหมือนปีศาจที่กำลังจ้องจะกินเธอ

“พี่...”

ภาพตรงหน้าของโพรทาเลียมันช่างทำให้เธอเจ็บปวดมากๆ หลังจากตื่นขึ้นว่าจะเจอวันดีๆ แต่แล้วเธอกับเจอน้องสาวที่เธอไม่ได้เจอมานานถึง 6 เดือน แต่สิ่งที่เธอคิดนั้นก็คงเป็นแค่ภาพลวงตาที่แซเทิร์นสร้างขึ้น จนเธอกัดริมฝีปากตนเองจนเลือดออก

“อย่ามาเข้ามาใกล้ฉันนะ!!”

“อ๊ะ!!”

“แกก็แค่ภาพลวงตาของแซเทิร์นเท่านั้น!!”

“ภาพลวงตา...พี่ค่ะ...พี่ป่วยหรือเปล่า!?โฟกัสจะเข้าไปหาพี่สาว

“ถอยไป!!”

โพรทาเลียยิ่งตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างดุดันจนโฟกัสสั่นกลัว เสียงของโพรทาเลียดังไปถึงข้างล่างจนทุกคนได้ยินเสียงแปลกๆ จึงมองหากันว่าเสียงมาจากไหน

“เสียงอะไรนะ?

“เหมือนคนตะโกนนะ?

“ฉันว่าฉันไปดูลูกสาวดีกว่านะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ตื่นหรือยัง?แอนนาเบ็ธลุกขึ้นเพื่อไปข้างบน

“ถ้าลูกตื่นก็อย่าลืมอธิบายให้เด็กๆ ฟังล่ะว่าเกิดขึ้นมั้งนะ”

“ได้เลยจ้ะ”

แอนนาเบ็ธเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ทุกคนก็หารือกันต่อด้วยความคิดหลายอย่างที่พวกเขามีตอนนี้ ส่วนข้างบนโพรทาเลียจ้องมองโฟกัสอย่างระแวง แต่โฟกัสสงสัยว่าพี่สาวเป็นอะไรไป

“พี่ค่ะ หนูเป็นตัวจริงนะ ไม่ใช่ภาพลวงตา!”

“หุบปาก!! พูดไปฉันก็ไม่เชื่อ!! แกมันก็แค่ภาพลวงตา!! ฉันไม่ยอมโดนหลอกเมื่อทุกครั้งหรอกนะ!!”

โพรทาเลียลุกขึ้นจากเตียงที่นอนพร้อมกับกระโดดไปตรงโต๊ะไม้ข้างๆ ที่มีหน้าต่างอยู่ เธอเห็นแบบนั้นก็กระโจนออกนอกหน้าต่างออกไปเสียงกระจกแตกดังสนั่นจนแอนนาเบ็ธที่ได้ยินก็ตกใจว่าเสียงอะไร

“กรี๊ดดดดดดดดด!! แม่ค่ะ!! พี่เค้ากระโดดชนหน้าต่างตกลงไปข้างล่างแล้วค่ะ!!”

“ว่าไงนะ!!” แอนนาเบ็ธรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องของโพรทาเลียก็เห็นโฟกัสยืนเฉยๆ เหลือแค่กระจกหน้าต่างที่แตกเพราะการชน “เพอร์ซีย์!! โพรทาเลียหนีไปแล้ว!!”

“ว่าไงนะ!!” เพอร์ซีย์ตกใจจนน้ำที่กำลังดื่มหกใส่ตัวเขา

“คุณเพอร์ซีย์ โพรทาเลียวิ่งหนีไปทางบ้านพักแล้ว!!” โทมัสเห็นเด็กน้อยผมดำวิ่งหนีไปสุดชีวิต

“แย่แล้ว! ทุกคนประกาศในทางค่ายรับรู้ว่าอย่าให้เด็กคนนั้นออกจากค่ายไปได้ ฉันจะตามเด็กคนนั้นไป!!” เพอร์ซีย์รีบวิ่งออกนอกประตูไปในทันที

“พวกผมจะไปด้วย!!” พวกเด็กบ้านแจ็กสันก็ตามกันไปด้วย

"เด็กๆ รอแม่ด้วย" แอนนาเบ็ธกำลังจะวิ่งตามไป เธอก็หันไปหาลูกสาวอย่างโฟกัส “โฟกัสลูกอยู่นี่นะ เดียวแม่อธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นนะ!!”

“ค่ะ...”

โฟกัสมองแม่ที่รีบวิ่งออกไป เธอเดินลงมาก็เจอคนอื่นๆ ที่วิ่งออกไปช่วยครอบครัวแจ็กสัน จนกระทั่งโฟกัสได้เห็นหญิงสาวผมสีฟ้ากำลังจะเดินตามไปด้วย แต่เธอเห็นเด็กน้อยลงมาพอดี

“โฟกัส...”

“พี่...พี่สาวในความฝัน...”

“เอ๋?อลิซ่าเบ็ธจ้องมองอย่างตกใจที่เด็กน้อยพูดขึ้นเหมือนเคยเจอกันมาก่อน

 

จบตอนที่ 71 โปรดติดตามตอนที่ 72 ต่อไป