ตอนที่ 78 การพบปะที่ไม่ได้เจอกันนาน

รถกระบะประจำบ้านแจ็กสันได้รับการซ่อมแซมหลังจากตะลุยการโจมตีจากพวกปีศาจ ตอนแรกที่เพอร์ซีย์เห็นโคตรโกรธสุด ๆ ที่พวกยักษ์ไซคลอปส์มาทุบรถของเขา ดีที่น้องชายของเขาไททันอาสาจะมาซ่อมให้ เลยได้รับการซ่อมแซมเร็วกว่าที่คิด วันนี้เขาเลยพาลูกทั้งสี่และก็หลานทั้งสองออกจากค่ายไปยังนิวยอร์ก เพื่อทำตามคำขอของลูกสาววัยหกขวบเดินทางไปหาผู้อาวุโสของบ้าน

 

ระหว่างที่ขับรถเขาก็มองลูก ๆ หลาน ๆ ที่อยู่ด้านหลังกำลังนั่งกันอย่างสบาย ๆ ทางด้านหลังนั่งกันอยู่ห้าคนเรียงจากซ้ายไปขวานั้นก็คือ คารีเซล เดวิค โพรทาเลียน้อย คาเร็นน่า เรน่า ส่วนมาร์โคนั่งข้างคนขับ เพราะตัวสูงกว่าคนอื่น ๆ เลยเหมาะนั่งตรงนั้น ระหว่างที่กำลังนั้นไปเรื่อย ๆ ข้างหลังก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาร์โคเหงา ๆ เพราะอยู่ข้างหน้านั้นเอง เขาเลยลองเอ่ยถามพี่สาวสักหน่อย

 

“วันนี้พี่จะไปหาคุณย่าคนเดียวเหรอ?มาร์โคเอ่ยถามอย่างสงสัย

โพรทาเลียน้อยเลยหันไปมองน้องชาย “เปล่านะ นอกจากคุณย่าก็มีคนอื่น ๆ อีก เช่น คุณตาพอล คุณปู่โพไซดอน คุณตาเฟรดอริก แล้วก็พี่เอสเทลคนสุดท้าย”

“หือ?

สองในสามแฝดมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าพี่สาวลืมอะไรไปหรือเปล่า เพอร์ซีย์ได้ยินลูกสาวพูดก็ขำหน่อย ๆ เพราะเขารู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าลูกสาวลืมอะไร มาร์โคนับจำนวนผู้ใหญ่แต่ละคนเขาก็ตงิดในทันทีว่าพี่สาวลืมอะไร

“พี่ครับ พี่ลืมใครไปหรือเปล่าครับ?

“มีใครอีกเหรอ?โพรทาเลียน้อยเอียงคอมองทุกคนที่มองเธออย่างสงสัยว่าเธอลืมใคร

เพอร์ซีย์เกือบหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมา “ลูกลืมแม่ของแม่แล้วสินะ”

“แม่...ของแม่...” โพรทาเลียน้อยเอียงคอแล้วคิดสักพักก่อนจะตกใจว่าเธอลืมคนคนนั้นไปจริง ๆ “ตายล่ะ!! หนูลืมคุณยายอาธีน่า!! พ่อค่ะ!!”

“หึๆ ไม่ต้องห่วง พ่อได้บอกคุณยายแล้วล่ะนะ”

“โธ่...ทำเอาตกใจหมด...ขอบคุณค่ะ พ่อ” โพรทาเลียกล่าวขอบคุณพ่อในทันที

“โพรทาเลีย นี่ขี้ลืมคุณยายของตัวเองแบบนี้ ระวังจะโดนท่านโกรธเอานะ” เดวิคแซวอีกฝ่ายอย่างชอบใจ

“อะไรกัน! เดวิค อย่ามาแซวฉันสิ!!!” โพรทาเลียน้อยหันไปจ้องอีกฝ่ายที่มาแซวเธอแบบนั้น

“พี่ค่ะ ห้ามแกล้งคุณ...แม...อ๊ะ โพรทาเลียนะ” คาเร็นน่ากอดแขนโพรทาเลียแบบห่วงๆ

“อะไรละก็มันจริงนี่น่า!!”

“งื้อออออ!” โพรทาเลียน้อยพองแก้มจนกลายเป็นลูกกบแก้มป่อง

เดวิคหัวเราะอย่างชอบใจที่ตัวเองนั้นปกติจะโดนแม่ว่าที่ทำตัวซน แต่ครั้งนี้เขาแกล้งแม่ได้อย่างไม่ต้องกลัวอะไร ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของอีกฝ่าย

“โอ้ ๆ น่า ไม่แกล้งแล้วนะ” เดวิคฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยน

โพรทาเลียเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็ทำเอาเขินหน่อย ๆ ก่อนจะหันหน้าหนี “ไม่ต้องมาโอ้เลย!!”

“เอ๋? อะไรล่ะ? ฉันแค่งอนเธอนะ”

เดวิคเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนที่มือของน้องสาวจะมาดันพี่ชายของตนเองให้ออกห่าง ๆ จากแม่ของเธอ

“พี่!! เลิกเลย อย่าลืมสิ พลังของเราทำให้คนหลงใหลได้นะ!!”

“อ๊ะ! จริงด้วย...” เดวิคทำหน้าเจื่อน ๆ

คาเร็นน่ากอดแม่อย่างแนบแน่น เพราะพี่ชายกำลังโปรยเสน่ห์ใส่แม่ของเธอ โดยไม่รู้ตัว ทำเอาเธอจ้องพี่ชายอย่างเคือง ๆ ที่กำลังทำให้แม่ตัวน้อยของเธอสับสนกับความรู้สึกได้เลยนะ

 

คนอื่นที่กำลังฟังที่เด็ก ๆ คุยกันนั้นก็แอบขำกันเล็กน้อย ตลอดทางนั้นพวกเขากำลังขับรถไปตามทางถนนเรื่อย ๆ ครั้งแรกที่เพอร์ซีย์ได้พาลูกไม่กี่คนออกมานอกค่าย หลังจากมีอะไรเกิดขึ้นในรอบหลายปีที่เขาดูแลลูก ๆ มา แล้วตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้วว่าเรื่องต่าง ๆ นั้นเกิดจากนูอัสที่ปลอมเป็นลูกสาวเขา ตอนนี้ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เพราะปีศาจตนนั้นก็โดนเด็ก ๆ เล็กงานจนถูกฆ่าในตอนถ่ายจนสลายไป ในใจก็แอบสงสารล่ะนะ แต่ว่าอยากมาสร้างเรื่องเองก็สมควรไป ตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องปัจจุบันว่าพวกผู้ใหญ่ทุกคนจะแสดงสีหน้ายังไงที่ลูกสาวเขานั้นกำลังจะไปหาในร่างวัยเด็กแบบนี้

 

กลิ่นอายของพื้นป่ากำลังไหลเข้าสู่จมูกลงในปอดของร่างอันเล็กจ๋อยของโพรทาเลียที่กำลังพักผ่อนหลังจากใช้เวลา เธอเหนื่อยใจกับการเปลี่ยนร่างมาก ๆ เพราะจะทำยังไงมันก็มีภาพของแซเทิร์นเข้ามาในหัวของเธอตลอด เธอยกมือขึ้นมาประกบใบหน้าของตนเองอย่างเหนื่อยใจ เฟอร์ร่าลงมาจากท้องฟ้า เธอมองเด็กน้อยที่กำลังกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเลยค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปหา

 

“ดูเจ้าจะเครียดกับภาพที่เห็นเทพองค์นั้นอีกแล้วนะ”

“อืม...ภาพของเข้าเทพนั้น...ชอบพุ่งเข้ามาจะโจมตีใส่...ทำเอาฉันเครียดมาก ๆ รู้สึกว่าร่างนี้มีแต่ความกลัวที่ฉันเคยเจอตอนเด็ก ๆ”

“เจ้าต้องสู้กับมันให้ได้นะ ไม่งั้นมันอาจจะทำให้เราล่าช้ามาก ๆ เลยนะ” เฟอร์ร่าค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย

“พูดก็พูดได้สิ...” โพรทาเลียก้มหน้าอย่างเศร้าใจ

“ข้าพูด แบบนั้นเพราะเชื่อใจเจ้าว่าเจ้านั้นต้องผ่านสิ่งที่เรียกความกลัวนั้นไปได้แน่ ๆ” เฟอร์ร่ากล่าวแบบนั้นพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ “เพราะเจ้านั้นเคยผ่านเรื่องราวอันโหดร้ายกว่านี้มาแล้วนี่น่า”

 

คำของเฟอร์ร่านั้นเหมือนกระแทกใส่เธอเต็ม ๆ จนทำให้เธอนึกย้อนกลับไปยังอดีตของเธอที่เธอต้องเผชิญความหวาดกลัว ความเจ็บปวด ความทรมาน ความทุกข์ และโดดเดี่ยวที่อยู่ตัวคนเดียว ทุกความรู้สึกนั้นเธอเคยผ่านมาหมดแล้ว แต่แค่เรื่องเล็ก ๆ นี้ เธอจะไปกลัวเทพองค์นั้นทำไม โพรทาเลียลุกขึ้นในทันที

 

“เธอพูดถูก ฉันเคยผ่านอะไรมาเยอะ แค่เรื่องแค่นี้ฉันก็ต้องผ่านไปได้สิ” โพรทาเลียกลับมาฮึดสู้ในทันที

“เป็นคำพูดที่ดี โพรทาเลีย”

“อืม งั้นฉันไปฝึกต่อล่ะ ดูฉันได้เลย เฟอร์ร่า ฉันจะแปลงร่างทำให้เธอตะลึงเลยล่ะ!!” โพรทาเลียพูดแล้วเดินถอยหลังไป

“ข้าจะรอดู!!” เฟอร์ร่าตะโกนตามออกไป

เธอยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายที่เดินออกไป ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่มาอยู่ข้างหลังต้นไม้ที่เธอนั่งพิงอยู่

“ดูเหมือนเจ้ามาแบบนี้แปลว่าหาไม่เจอสินะ”

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลในชุดแนวกรีกที่เรียกว่า ซาลามี ชุดขนสัตว์สีเนื้อแบบคลุมสั้น แล้วคนนั้นคือ ลักซ์ที่มาหาเฟอร์ร่าเพื่อรายงานบางอย่าง

“ใช่ ดูเหมือนคนคนนั้นจะกลับไปยังที่ของนางไปเรียบร้อยแล้วล่ะ...” ลักซ์กล่าวแล้วมองอีกฝ่าย “เราจะทำยังไงดี...ถ้าไม่ครบ เราจะไม่สามารถต่อสู้กับแซเทิร์นได้เลยนะ...”

“ไม่ต้องห่วง...ชะตากรรมที่เราไม่ได้กำหนดเอง...แต่ก็มีคนกำหนดมันไว้หมดแล้ว...”

“จริง...ทุกชะตา...ถูกใครบางคนที่อยู่สูงกว่าที่นี่...กำลังเล่นตลกกับชีวิตของเรา...”

“ถ้าจัดการแซเทิร์น...พวกเราทุกคนจะเป็นอิสระจากจุดที่เราอยู่”

“ขอให้จริงเถอะ...พวกเราทุกคนจะได้ไปเกิดใหม่...ข้าอยากไปเจอ...” ลักซ์มองท้องฟ้าสีคราม

“หึ...ยังดีที่เจ้ามีคนให้คิดถึง...ข้านี่สิ...”

“น่า ๆ พวกเราก็มีกันและกัน ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เฟอร์ร่า”

“ก็จริงของเจ้า” เฟอร์ร่าก้มหน้าอย่างเศร้าใจเล็กน้อย

นางยังคิดถึงอดีตของเธอที่มีความสุขกับคนรักของเธอช่วงเวลามากมายของเธอนั้นมีช่างมีความสุขจนกระทั่งทุกอย่างพังพินาศไปหมดสิ้น ถ้าไปเกิดใหม่ได้จริง ๆ เธออยากเกิดในชีวิตที่มีความสุขไม่ต้องทนทุกข์กับความรักตลอดกาล

 

ตัดกลับมาที่โลกภายนอกนั้นตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงกว่า ๆ ภายในนิวยอร์ก ณ ร้านอันโด่งดังติดอันดับร้านอาหารดังที่สุดในนิวยอร์กอย่างร้านบลูเมอร์เมดหน้าร้านมีป้ายประกาศติดเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ๆ ว่าปิดร้านก่อนกำหนดหนึ่งวัน ทำเอาหลาย ๆ คนที่อยากมาทานเศร้าใจไปเลย แต่ก็ต้องรอเวลาในวันต่อไปถึงจะมาทานกัน ส่วนลูกน้องในร้านบลูเมอร์เมดก็ได้เบี้ยเลี้ยงไปคนละเล็กคนละน้อยกันไป แซลลี่ก็ขึ้นมาอยู่ข้างบนชั้นสองของร้านที่เป็นบ้านของเธอ ตอนนี้เธอกำลังเตรียมอาหารให้แก่หลาน ๆ ของเธอทาน

 

“เอาล่ะ...ต่อไปก็...”

ระหว่างที่แซลลี่กำลังสนใจอาหารของเธอนั้นก็มีแสงเกิดขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอต้องหันไปมองว่าแสงสว่างมาจากไหนจนได้เห็นหญิงงาม ผิวขาวสง่า ใบหน้าอันงดงาม สีผมน้ำตาลเข้ม ที่ใส่ชุดสบาย ๆ แนวกางเกงยีน เสื้อคอกลม เสื้อยีนแขนยาว รองเท้าบูตยาว แซลลี่เห็นก็ตาโตในทันที

“นี่คุณ...”

“ไม่ได้เจอกันนาน คุณนายโบลฟิส” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยทักทายแซลลี่

“อาธีน่า!!”

แซลลี่เดินออกจากห้องครัวแล้วเข้าไปกอดอีกฝ่ายที่ไม่ได้เจอกันนาน

“ไม่นึกว่าจะได้เจอกับท่านอีก หลังจากหลาน ๆ เป็นเด็ก”

“จริงด้วยนะ ข้าโกรธหลานสาวอย่างโพรทาเลียมาก ๆ ที่ทำให้ข้าอารมณ์เสีย” อาธีน่ากอดสักพักก่อนจะดันตัวเองออกแล้วมองหน้าอีกฝ่าย ” แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทำไมหลานข้าถึงทำตัวแปลกนะ”

“ก็จริง ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับหลานของเรา...” แซลลี่ทำหน้าเศร้าเล็กน้อย

“อย่าได้เศร้าไปเลย ที่รัก หลาน ๆ เราอยู่ปลอดภัยแล้วก็ไม่ต้องคิดมากแล้วล่ะนะ” อาธีน่าปลอบใจอีกฝ่ายอย่างเป็นหัว

“ขอบคุณค่ะ อาธีน่า” แซลลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

อาธีน่าเห็นใบหน้านั้นของอีกฝ่าย นางเริ่มรู้สึกอิจฉา โพไซดอนกับสามีอีกฝ่ายจริง ๆ ที่ได้หญิงงามแบบแซลลี่แบบนี้

“อ๊า...ข้าล่ะ อิจฉา โพไซดอนกับสามีเจ้าแล้วสิ”

“ทำไมเหรอคะ?แซลลี่เอียงคอมองอย่างสงสัย

“เปล่านะ...” อาธีน่าหันหน้าไปทางอื่นในทันที ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกเรามากันนะ?

“พวกเพอร์ซีย์ไม่ได้บอกท่านเหรอ?

“ไม่ได้บอกนะ...” อาธีน่าตอบออกไปในทันที “ทำไมเหรอ?

แซลลี่ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เด็กๆ อยากเจอพวกเรานะ”

“หือ? จริงหรือ?อาธีน่าตาโตอย่างแปลกใจที่หลาน ๆ อยากพบเจอพวกเขากัน

“ใช่แล้วล่ะ แต่เดียวก่อนนะ ครั้งนี้ท่านเปลี่ยนสีผมอีกแล้วเหรอ?

“ใช่ ข้าอยากลองสีน้ำตาลมั้งนะ เอาแต่สีดำอย่างเดียวมันก็ดูธรรมชาติเกินไปล่ะนะ”

”โธ่ ๆ ท่านมีสีผมไหนมันก็สวยทั้งนั้นล่ะ เอาล่ะอาธีน่า ท่านไปนั่งรอก่อนเถอะนะ กว่าเด็ก ๆ จะมาคงอีกนาน”

“จะดีหรือ? มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?

“ไม่ต้องหรอก ฉันใกล้ทำเสร็จแล้วนะ”

“งั้นเหรอ...ก็ได้ ๆ”

 

อาธีน่ายอมอีกฝ่ายให้เธอนั่งเฉย ๆ แต่มันก็สบายเธอเล็กน้อยที่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำให้อะไรพังก็พอ เวลาผ่านไปสักไม่กี่สิบนาที พอล สามีของแซลลี่ก็กลับมจากการสอนครึ่งวัน เขาได้รับข้อความจากภรรยาว่าหลาน ๆ จะมาเยี่ยมเขาเลยซื้อขนมมาฝากหลาน ๆ ด้วย แถมเขาก็มาพร้อมกับโพไซดอนที่เจอกันระหว่างทางพอดี พวกเขาเลยมาพร้อมกัน

 

“กลับมาแล้ว!!” พอลเอ่ยพูดพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา

“ที่รัก! ยินดีต้อนรับกลับค่ะ” แซลลี่เอ่ยเรียกอีกฝ่ายก่อนจะหันมาเห็นสามีถือถุงกระดาษสองถุง “ซื้ออะไรมาเยอะเลยละนั่น”

“ก็เด็ก ๆ มานี่น่าก็เลยซื้อขนมมาด้วย แล้วก็คนคนนี้เข้ามาด้วยนะ” พอลยกนิ้วชี้ไปทางหลัง

ชายที่มีผิวออกแทน ๆ จากการอาบแดดค่อย ๆ เดินเข้ามา เขามีผมหยักศกสีดำ ดวงตาสีเขียวที่เหมือนสีน้ำทะเล

“ไง...แซลลี่”

“โพไซดอน...” แซลลี่ตะลึงในทันทีที่เห็นสามีเก่า

“สบายดีไหม?

“ค่ะ สบายดีมาก ๆ เลยล่ะ คุณล่ะ?

“ก็...วุ่น ๆ นะ...ช่วงนี้นะ...”

“ใช่ โคตรวุ่นเลยล่ะ หลังจากได้รู้ว่าลูก ๆ หลายคนที่อยู่ในค่ายเกิดโดนลักพาตัวกันไปหลายคน ทำให้อดอาหารหรือตายไป พวกเราเหล่าเทพเลยกำลังจัดเตรียมขอเอาขอไปให้ลูก ๆ แต่ละคนนะ”

อาธีน่าเอ่ยพูดขึ้นมา ทำเอาโพไซดอนสะบัดหน้าหันไปมองอีกฝ่ายในทันที

“เฮ้ย! เจ้ามาก่อนข้าเหรอ? อาธีน่า!!”

“ทำไมล่ะ? ข้ามาเร็วกว่าเจ้านะ โพไซดอน” อาธีน่ายิ้มเยาะอีกฝ่ายอย่างชอบใจ

“ชิ!!” โพไซดอนรู้สึกไม่พอใจและเสียหน้ามากที่โดนยิ้มเยาะแบบนั้น

“จะทะเลาะกันไหมนั้น?พอลเดินเข้าไปกระซิบกับภรรยาของเขา

“ไม่รู้สินะ...ถ้าทะเลาะบ้านเรามีพังแน่ ๆ” แซลลี่เอ่ยพูดอย่างล้อเล่น

“เหอะ ๆ”

ระหว่างที่เทพทั้งสองกำลังเล่นสงครามประสาทด้วยสายตากันอยู่นั้น หญิงสาววัยรุ่นประจำบ้านก็กลับมา เธอเปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่ที่มากกว่าสองคน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปภายในห้องนั่งเล่นก็เห็นแม่กับพ่ออยู่ในห้องครัว

“กลับมาแล้วค่ะ แม่ พ่อ หลาน ๆ มายัง”

“ยังจ้า เอสเทล”

“โธ่~ นึกว่ามากันแล้ว” เอสเทลทำหน้าเซ็ง นึกว่าหลาน ๆ มากันแล้ว แต่พอหันไปห้องนั่งเล่นก็เจอกับสองคนที่เธอไม่คิดว่าจะเจอ “อ๊า!! แม่อาธีน่า!! พ่อโพไซดอน!!”

“ไงจ๊ะ สาวน้อย” อาธีน่าโบกมือทักทาย

“ไง ลูกสาวน้อยของเรา” โพไซดอนหันไปทักทายเด็กน้อย

เอสเทลรีบวิ่งเข้าไปกอดทีละคน เธอกอดโพไซดอนก่อนจะไปกอดอาธีน่า แล้วดันตัวเองออก

“หนูดีใจสุด ๆ ที่วันนี้ได้เจอสองมหาเทพที่หนูรักที่สุด!!”

“แหม ๆ ดูพูดเข้า” โพไซดอนลูบหัวเด็กสาวเบา ๆ

“ก็พูดจริงนี่ค่ะ เวลาเรียนประวัติศาสตร์กรีก หนูชอบเรื่องของทั้งสองคนมาก ๆ แต่ก็มีบางเรื่องที่ไม่ชอบเหมือนกัน...” สายตาเอสเทลหันไปมองโพไซดอนเบา ๆ

“อย่ามองแบบนั้นสิ...” โพไซดอนถึงกับทำหน้าเจื่อน ๆ เพราะวีรกรรมตนเองเยอะสุด ๆ สมัยวัยรุ่น

อาธีน่าขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะถามไถ่เด็กน้อย “แล้วเรียนเป็นไงมั้งจ๊ะ เห็นปีนี่อยู่ปี 2 แล้วนี่เนอะ?

“ค่ะ! หนูกำลังฝึกเรียนรู้เมนูใหม่ ๆ และอะไรอีกหลายอย่างนะคะ”

“ดีแล้วจ้ะ สู้ ๆ ล่ะ”

“ใช่ ๆ จะได้มาช่วยพ่อแม่ของเธอ”

“ค่ะ!!” เอสเทลยิ้มอย่างชอบใจ

เทพทั้งสองรู้สึกเอ็นดูลูกทูนหัวคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเอสเทลเป็นเด็กน่ารักและร่าเริงมาก ๆ พวกเขาติดตามชีวิตเธออย่างสม่ำเสมอถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่อาธีน่าจะถามเด็กน้อยอีกครั้ง

“แล้วช่วงนี้หนูเจอเรื่องประหลาดอะไรอีกไหม เอสเทล”

เอสเทลหันไปหาเทพีในทันที “ไม่ค่ะ ไม่ค่อยเจอแล้วนะคะ แต่ถ้าเจอหนูจะจัดการให้ถึงที่สุดเลยล่ะ”

“ช่างกล้าจริง ๆ”

 

เอสเทลนั่งคุยกับเทพทั้งสองอย่างสนุก ระหว่างรอหลาน ๆ เดินทางมาที่นี่ เวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพวกเพอร์ซีย์เข้ามายังเขตนิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อย พวกเด็ก ๆ ต่างมองออกไปนอกหน้าต่างก็ได้เห็นตึกอาคารมากมายที่ตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม แสงสีเสียงมากมายทำให้ตราตรึงอย่างสนใจมาก ๆ เด็ก ๆ ต่างพูดกันถึงร้านต่าง ๆ ที่ผ่านสายตาพวกเขาไป ทำเอาคนในรถต่างพากันขำเล็กน้อยที่เด็กทั้งสามคนเหมือนเด็กบ้านนอกเข้ากรุงมาก ๆ ก่อนที่เพอร์ซีย์จะขับพาเด็กมาแถวย่านการค้า พวกเขาได้ขับผ่านร้านบลูเมอร์เมด

 

“นั้นไง ร้านของคุณย่านะ!”

“ไหน ๆ” โพรทาเลียถามอย่างสงสัยก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองร้านสีฟ้าที่มีป้ายเขียนว่าบลูเมอร์เมด “นั้นเหรอ? ร้านของคุณย่า...มันช่าง...รู้สึกแปลกประหลาดจริง ๆ”

“แปลกประหลาดเหรอ?

“ก็...คุณย่าเคยบอกว่าอยากทำอย่างอื่นนอกจากเขียนหนังสือ...แล้วตอนนี้หนูก็ได้เห็นแล้ว...กาลเวลามันช่าง...แปลกประหลาดจริง ๆ”

“นี่ล่ะ อนาคต โพรทาเลีย ลูกไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...”

“จริงค่ะ...อนาคต...หนูไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หนูก็ดีใจที่ตัวเองได้ออกมาจากเกาะน่ากลัวนั้น”

“อืม!”

 

จบตอนที่ 78 โปรดติดตามตอนที่ 79 ต่อไป