ตอนที่ 69 [ตอนพิเศษ1.2] พ่อลูกได้เจอกัน [จบ]

ตกเย็นของวันนั้น เดวิคฟื้นขึ้นหลังจากที่เขาโดนโจมตีจากข้างหลังจนสลบไป เขาส่ายหน้าเบาๆ เพื่อให้หายมึนหัว เขาเงยหน้ามองภาพตรงหน้าที่เป็นเส้นๆ เมื่อเขาปรับตาได้ เขาก็เห็นอะไรเงาๆ คล้ายๆ เหล็ก หันมองรอบๆ ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในลูกกรงสี่เหลี่ยม พอเขาจะลุกขึ้นก็สะดุดกับบางอย่าง เมื่อหันไปก็รับรู้ว่าตัวเองโดนใส่โซ่ตรวนทำจากเหล็ก สำหรับรัดข้อเท้าข้างเดียวและไม่ใช่แค่ที่ขาที่มือของเขาก็เช่นกัน ทำให้เขาลองกระชากแต่ก็ไม่ได้ผล จนเสียงของชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น

 

“ทำไปก็ไม่ได้ผลหรอกนะ พ่อหนุ่ม”

เดวิคหันไปด้านข้างทันที เขาได้เห็นพวกผู้ใหญ่ที่เห็นก่อนหน้าและคนที่เขาไม่เคยเห็นอีกสัก 2-3 คนอยู่ตรงหน้าเขา มันยิ่งทำให้เขาโกรธเข้าไปอีกที่ถูกพามาขังอยู่ในลูกกรงแบบนี้

“มาขังฉันแบบนี้ต้องการอะไร!! พวกแกก็คงเป็นปีศาจเหมือนกันใช่ไหม!?

“จากโพรทาเลีย มาเป็นพวกเรา!! ฉันบอกแล้วว่าเด็กนั้นต้องติดโรคเหมือนพวกไพเพอร์แน่ๆ” เพอร์ซีย์กอดอย่างไม่พอใจ “แต่ว่าเจ้าหนูพ่อแม่ไม่ได้สอนให้พูดจาสุภาพหรือไง”

 

‘ห๊า! มาพูดแบบนั้นกระทบแม่ผมนะ คุณตา เพราะแม่ผมก็ลูกคุณอ่ะ!!’ เดวิคคิดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดอีกฝ่าย

 

“ขอโทษนะ แม่ฉันสอนไว้ว่าถ้าผู้ใหญ่คนไหนไม่ทำตัวให้น่าเคารพ ฉันก็ไม่ควรทำตัวสุภาพด้วย!!” เขานั่งลงบนพื้นพร้อมกับหันตัวหนี

“แก! ว่าไง เป็นเด็กเป็นเล็กอายุเท่าลูกฉัน ยังปากดีแบบนี้อีก! เป็นลูกฉันนะ จะตีให้ก้นลายซะเลยนี่!!”

 

‘เหอะๆ ถ้าบอกเป็นหลานคงโดนแน่ๆ เรา’ เดวิคเหงื่อตกเล่นน้อย

 

“เพอร์ซีย์ถอยไปเลย เธออารมณ์ร้อนตั้งแต่ตอนนั้นแล้วยังจะทะเลาะกับเด็กอีก”

“เธอคงไม่ลืมว่าเด็กนั้นจะฆ่าลูกเรานะ แอนนี่”

“ฉันรู้! แต่ยิ่งเธออารมณ์ร้อนไปด้วยเด็กคนนั้นก็จะอารมณ์ร้อนไปด้วยเช่นกัน!! ไม่งั้นเราก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่องสิ!! โกรเวอร์พาเพอร์ซีย์ออกห่างๆ จากเด็ก เดี๋ยวนี่!!”

“ไม่มีปัญหา” โกรเวอร์รวบตัวเพอร์ซีย์จากข้างหลังแล้วลากออกมาให้ห่างๆ

“เห้ย! ปล่อยฉันนะ โกรเวอร์!!” เพอร์ซีย์ดิ้นตลอดที่เพื่อนซี้ลากเข้าออกไป

“ปิดปากเขาด้วย!!”

“ได้!!” โกรเวอร์หยิบเทปออกมาปิดปากเพอร์ซีย์ โดยที่เขาเอาเทปมาจากไหนก็ไม่รู้

“อืมมมมม!!” พอโดนปิดปากเพอร์ซีย์ก็ดิ้นพล่านทันที

“เฮ้อ...เอาล่ะ สามีฉันเงียบลงไปแล้ว เธอก็ใจเย็นๆ เราจะรักษาเธอพร้อมกับสอบถามว่าเธอเป็นใคร งั้นมาทานยานะ” แอนนาเบ็ธรับขวดยาจากชายข้างๆ เธอ

เดวิคจ้องมองอีกฝ่ายที่มีผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า แล้วก็ออร่าสีทอง พอทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นสายเลือดของอะพอลโล

 

‘คนนี้ไม่ใช่ปีศาจ...ส่วนคุณยายก็...ไม่ใช่ปีศาจ...’

 

เดวิคมองคุณยายของเขากำลังเทยาใส่ช้อนให้เขา เพื่อทานมันถึงตัวยานี่เขาจะเคยทานแล้วเมื่อตอนเด็กๆ แต่มาเจอคุณยายป้อนยาเขา ทำให้นึกถึงคำพูดของแม่ที่คิดถึงคุณยายขึ้นมาจริงๆ คำพูดของท่านช่างเจ็บปวดและเศร้าใจจนเขาเป็นลูกต้องเข้าไปปลอบแม่ตลอด เขาส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อมองช้อนที่ใส่ยาอยู่ เขาค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปกินยาโดยไม่ขัดขืน เพอร์ซีย์เห็นก็หงุดหงิดทันที เขาดึงเทปออกแล้วสลัดตัวออกจากเพื่อนเขา

 

“อะไรวะ!! สองมาตรฐานชัดๆ กับภรรยาฉันทำตัวดีกับฉันทำตัวแย่ แกมันสองมาตรฐาน ไอ้เด็กเว้ย!!”

“ชิ!! น่ารำคาญ!” เดวิคจ้องมองคุณตาอย่างน่ารำคาญ

“ว่าไงนะ!!”

“เพอร์ซีย์! เงียบ!!”

 

แอนนาเบ็ธตะโกนใส่สามี เธอเริ่มรำคาญสามีของตนเองมากกว่าเดิมแล้ว เพอร์ซีย์ถึงกับนิ่งไปเลย เขาตัวสั่นอย่างระริกที่ภรรยาตะโกนใส่เขา นั้นทำให้เดวิคเห็นว่าคุณตานั้นกลัวคุณยายเหมือนกัน แต่พฤติกรรมของอีกฝ่ายก็ทำให้เดวิคเข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ปีศาจ แต่เขาชักรำคาญอารมณ์ของคุณตาขึ้นมาแล้ว รู้ว่าโกรธที่เขาเล่นงานคนที่ตนนึกว่าเป็นลูกสาว แต่อารมณ์โกรธช่วยมีขอบเขตหน่อยก็ดี

 

“เงียบสักที!!” แอนนาเบ็ธหันมามองเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอ “เอาล่ะ สักพักเธอจะดีขึ้นนะ แล้วเธอจะไม่เห็นลูกสาวฉันเป็นปีศาจแล้วนะ”

“ไม่มีทาง...”

“เอ๋?แอนนาเบ็ธเอียงคอสงสัย

“ยังไงผมก็เห็นเธอปีศาจอยู่ดี!! ถึงจะทานยาไปแล้ว ผมก็เห็นยัยนั้นเป็นปีศาจอยู่วันยังค่ำ!!”

“อะไรกัน!! กินยาก็กินไปแล้วนะ!! ทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงยังพูดแบบนั้นกัน!?

“คงเพราะยา ยังไม่ออกฤทธิ์ดีนะ เพอร์ซีย์”

ชายอีกคนพูดขึ้น เขามีผมสีทองอ่อนๆ ริมฝีปากนั้นมีรอยแผลเป็นอยู่ ดวงตาสีฟ้าอ่อนมากๆ เหมือนของเดวิค แต่พอเห็นชายคนนั้นเขากับรู้สึกคุ้นเคยมากๆ เขาคล้ายๆ ฟีนีอุสมากๆ แต่อีกฝ่ายดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

“เงียบไปเลย เจสัน! นายกลับค่ายนายไปเลย!!”

“กลับไปเพื่อ? ฉันมาดูภรรยาฉันนะ!!”

“งั้นก็ไม่ดูภรรยานายสิเว้ย!! จะมายุ่งตรงนี้ทำไม?

“ไม่ยุ่งได้ไง? ฉันจะมาดูหน้าเด็กที่ช่วยภรรยาฉันได้นะ”

“ช่วยไพเพอร์นะเหรอ?

เจสันเดินตรงมาอยู่ข้างหน้าของเด็กหนุ่มที่เขาพึ่งรู้จัก เขายิ้มอ่อนๆ ให้เด็กหนุ่ม จนทำให้เดวิคสนใจอีกฝ่ายมากๆ ความรู้สึกโกรธเคืองคุณตานั้นหายไปหมด

“ขอบใจเธอนะ ลูกๆ ฉันบอกว่าเธอให้ยากับพวกเขาจนสามารถนำมารักษาภรรยาฉันได้ทันทวนทีนะ”

“ลูกๆ ?

“ฟีนีอุสกับเอมิลี่นะ”

“ทั้งสองคนนั้น...ลูกคุณเหรอ? แปลว่าภรรยาคุณก็หายดีแล้วสินะ”

“อืม!” เจสันพยักหน้าให้

“โล่งอกไปที” เดวิคโล่งใจทันที

เพอร์ซีย์เห็นพฤติกรรมเด็กหนุ่มยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดที่เจ้าเด็กนั้นสองมาตรฐานกับเขา

“อ๊ากกกกกกกกก! เลิกนอกเรื่องสักที!! เจ้าหนูแกต้องเลิกอาฆาตลูกสาวฉัน แล้วก็แกต้องบอกด้วยว่าแกเป็นใคร ฉันจะได้ไปจัดการเทพที่เป็นพ่อแก!!”

“จากการต่อสู้นั้น เขามีสองพลังเลยนะ เพอร์ซีย์” เจสันกล่าวอย่างสงสัย

เพอร์ซีย์นิ่งเงียบไปทันที

“จริงด้วยนะ เกิดเด็กนั้นเป็นสายเลือดโพไซดอนล่ะ เพอร์ซีย์” แอนนาเบ็ธแซวสามีทันที

“อึ้ก!”

“กล้าจัดการพ่อตัวเองล่ะก็ บอกนะ ฉันจะรอดูนะ” เจสันยิ้มเยาะอย่างชอบใจ

“พอ!! อย่ามาแซะฉันสิ!! แอนนี่ทำไมไม่เข้าข้างฉันเลยล่ะ!?

“ก็เราบอกแล้วว่าเราจะมาดูอาการเด็กว่าจะหายไหม? แต่เธอกับเอาเขาขังแบบนี้ฉันก็โกรธสิ ถ้าเป็นลูกเราโดนแบบนี้เธอจะเคืองไหม?

“เคืองสิ!!”

“งั้นก็เห็นใจเด็กหน่อย!! พอแค่นี้วันนี้ โซเลซ นายค่อยให้เด็กบ้านนายมาพาเด็กคนนี้ไปยังสถานพยาบาลนะ”

“รับทราบ งั้นฉันขอตัวไปทำธุระก่อนนะ งานฉันยังมีอีกเยอะเลยนะ”

“อืม งั้นเพอร์ซีย์กลับ!! วันนี้ไม่ต้องนอนในบ้าน!” แอนนาเบ็ธเชอะใส่สามี ก่อนจะเดินออกจากเต็นท์ไป

“เอ๋!! เดียวสิ!! แอนนี่!!” เพอร์ซีย์รีบตามภรรยาของตนเองไปทันที

“หึๆ” เจสันเห็นคู่ปรับของตนเอง ต้องตามไปง้อภรรยาก็ฮ่าเหมือนกัน เขาค่อยๆ กันไปหาเด็กหนุ่มที่อยู่ในลูกกรง “ถ้าได้ออกมาเมื่อไร ถ้านายอยู่บ้านซุส ฉันจะช่วยดูแลนายให้นะ”

“อืม...ไม่ต้องก็ได้...” เดวิคหันหน้าหนีด้วยอารมณ์ที่เขินๆ หน่อยๆ

"หึ" เขามองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู "ขอโทษแทนหมอนั้นด้วยนะ"

เขายื่นมือเข้าไปในลูกกรงพร้อมกับตบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วเขาก็เดินออกไปจากเต็นท์ เมื่อเหลือเดวิคแค่คนเดียว เขาหันกลับมามองทางเข้า เขายกมือสัมผัสจุดที่โดนแตะ เขารู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่แม่สัมผัสเขา

 

‘อบอุ่นดีจัง...’

 

พอนึกถึงชายคนนั้น เขาก็จำที่ฟีนีอุสบอกว่าพ่อเขาเป็นสายเลือดจูปิเตอร์ ทำให้คิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงเป็นชาวโรมันแน่ๆ แต่พอเปรียบกับคุณตาที่เป็นสายเลือดโพไซดอน ช่างแตกต่างหน่อยๆ แต่ก็อยากขอโทษท่านที่พูดกวนๆ ใส่ เพราะตอนนั้นยังโกรธที่คุณตาเข้าข้างนูอัสจนเขาไปชอบใจ แต่ดูจากสถานการณ์นูอัสคงสร้างเรื่องลับหลังคุณตากับคุณยายไว้เยอะแน่ๆ เพราะจากพฤติกรรมของโทมัสที่ได้เจอนูอัส เขาดูไม่ชอบใจเธอมากๆ

 

หลังจากคิดอะไรเยอะเรื่องนูอัส เขาหันกลับมาดูสถานการณ์ตอนนี้ เขาโดนจับล่ามโซ่ทั้งมือทั้งขาแบบนี้คงไปไหนไม่ได้ แถมหน้าเต็นท์มียามสองคนที่กลิ่นอายของพวกเขาช่างแตะจมูกเขามากๆ จนแสบจมูกไปหมด ทำให้เดวิครู้สึกว่าพวกมันแฝงตัวได้เยอะกว่าที่เขาคิด ความรู้สึกเหนื่อยล้ามาจนหมด เขาพิงตัวกับลูกกรงทางด้านหลัง เขาชักคิดถึงแม่แล้วอยากถามแม่ว่าสถานการณ์แบบนี้จะทำอะไรดีจริงๆ

 

“แม่ครับ...” เดวิคก้มหน้าพร้อมกับเอ่ยหาแม่เบาๆ

“นายนี่...ช่างไม่คิดหน้าคิดหลังเลยนะ”

เดวิคเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงที่พูดกับเขา จนเห็นใบหน้าของคนที่ทำให้เขาต้องสลบไป “นาย...เกรซ!!”

“อย่าพูดเหมือนคนห่างเหินสิ!! เดวิค!!”

“นายมาทำอะไร!? ทำฉันสลบไปแล้วยังกล้ามาหาฉันอีกเหรอ?!”

“ใจเย็นสิ เพื่อน ก็ถ้านายไม่โจมตีใส่ครอบครัวผู้ดูแลฉันคงไม่โจมตีนายหรอกนะ!!”

“ฉันไม่ได้จะโจมตีพวกนั้น ฉันจะโจมตียัยตัวปลอมต่างหาก!!”

“ตัวปลอม...ทำไมนายคิดว่าแฟนฉันเป็นตัวปลอมกัน?

“แฟน?เดวิคยังคงงุนงงว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

พอเห็นอีกฝ่ายไม่เข้าใจ ฟีนีอุสเลยอธิบายเพิ่มให้ “หมายถึงคนรักไง?

“นายเป็นคนรักกับยัยปีศาจนั้น จะบ้าแล้วหรือไง!?เดวิคพุ่งจับลูกกรงทันที “ยัยนั้นเป็นปีศาจนะ แล้วไม่ใช่โพรทาเลียตัวจริงด้วย!!”

“ไม่ใช่...โพรทาเลียตัวจริง!? นายพูดอะไรกัน?ฟีนีอุสขมวดคิ้วอย่างสงสัย ตั้งแต่อีกฝ่ายพูดถึงโพรทาเลียเหมือนกับเขาเชื่อว่าโพรทาเลียที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่ตัวจริง “นายพูดอย่างกับรู้อะไรบางอย่างเลยนะ?

“ก็รู้นะสิ!! โพรทาเลียตัวจริงอยู่กับแซเทิร์นตั้งแต่เธออายุ 6 ขวบ ฉันอยู่กับเธอตั้งแต่เธอ 10 ขวบเชียวนะเฟ้ย!!”

สีหน้าของฟีนีอุสถึงกับซีดเผือดไปทันที เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแปลกๆ จะอีกฝ่าย

“ไม่จริง!! ฉันจะเชื่อนายได้ไง!!”

“นายคิดเอาเองละกัน!! ว่าจะเชื่อฉันไหม? แต่นายกำลังโดนยัยนูอัสหลอกใช้อยู่นะ!!”

คำพูดของเดวิคทำให้ฟีนีอุสว่าเขาจะเชื่อยังไงดี โดยไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่าผู้หญิงที่อยู่กับเขาไม่ใช่โพรทาเลียตัวจริง

“อย่ามาทำหน้าแบบนั้น ถ้านายไม่เชื่ออีกไม่ช้า ฉันคงโดนยัยปีศาจนั้นส่งคนมาฆ่าฉันแน่ๆ!!”

“ฆ่านาย!? โพรทาเลียไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ”

 

“พวกเจ้าเป็นคนเฝ้ายามสินะ!! เยี่ยม!! เราจะได้จัดการคนที่มาขัดขวางแผนการของเรา!!” เสียงคุ้นเคยของโพรทาเลียดังขึ้น

 

“โพรทาเลีย!!” ฟีนีอุสพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ

“หนีไปซะ ถ้านายไม่อยากโดนเล่นงานด้วย!!” เดวิคเตือนอีกฝ่ายให้ออกไปจากที่นี่

“เอ๋!” ฟีนีอุสจ้องมองอย่างอ้ำอึ้งว่าควรออกไปดีไหม

 

ระยะเวลาต่อมา นูอัสเดินเข้ามาพร้อมกับลูกสมุนอีก 4-5 คนเดินเข้ามาข้างในเต็นท์ที่เดวิคอยู่ เขาที่นั่งอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครก็จับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตยัยปีศาจที่แย่งทุกอย่างไปจากแม่ของเขา นูอัสจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเหมือนกำลังคิดบางอย่างว่าจะเอายังไงกับมนุษย์กึ่งเทพตรงหน้าดี

 

“แก! เป็นใคร?

“ข้าไม่ขอตอบ!”

“ข้า? เจ้าเป็นคนโบราณงั้นเหรอ?

“ไม่ใช่! ข้าเป็นคนของยุคนี่เท่านั้น!” เดวิคทำหน้านิ่งจนไร้ความรู้สึก “เลิกมาคุยกับข้าสักที นูอัส”

“!?นูอัสถึงกับสะอึกไปเลยที่อีกฝ่ายเรียกชื่อของตนออกมา ทำให้นางกลับร่างเดิมแล้วพุ่งตรงเข้ามากระชากของเสื้อเดวิคทันที “แกเป็นใครกันแน่!! ถึงรู้ชื่อของข้ากัน!!”

“ก็ไม่ขอตอบอีกนั่นแหละ แต่จะบอกแค่ฉันกับโพรทาเลียมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งก็เท่านั้นล่ะ”

 

‘ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง!?ฟีนีอุสคิด

 

เหนือหัวของพวกเขา ฟีนีอุสลอยตัวอยู่ข้างนอก เขาแอบฟังพวกนั้นคุยกันอย่างสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่พอได้ยินได้เห็นทุกอย่าง ทำให้เขาเชื่ออีกฝ่ายแล้วว่าเขาพูดความจริง แต่การฟังเดวิคบอกว่ามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับโพรทาเลีย มันทำให้เขารู้สึกเจ็บที่หัวใจทันที แต่ตอนนี้เขาต้องฟังทุกอย่างเพื่อนำเอาไปบอกพวกผู้ใหญ่

 

“ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง งั้นนายก็เป็นมนุษย์กึ่งเทพที่ท่านพูดนั้นจับตัวไปที่นั่นเหมือนยัยนั้นสินะ นายออกมาจากเกาะนั้นได้ไงกัน?

“ฉันพูดให้โง่สิ!! เพราะที่ฉันออกมาได้ฉันจะเปิดโปงให้ครอบครัวแจ็กสันได้รับรู้ว่าแกเป็นตัวปลอม นูอัส!!”

“!!”

นูอัสได้ยินแบบนั้น ผมของเธอที่กลายเป็นงูกำลังชะเง้อคอขึ้น ด้วยความโกรธ เธอใช้ขาอันบางเล็กถีบเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายจนกระเด็นไปชนลูกกรงอย่างรุนแรง

“อ๊าก!!” เดวิคถึงกับจุกไปเลย จนตัวเขาล้มไปกับพื้น

 

‘เดวิค!!!’ ฟีนีอุสมองอีกฝ่ายที่โดนถีบไปชนกับลูกกรงอย่างจัด

 

“กล้ามาทำให้ฉันอารมณ์เสีย!! คงอยากตายมากๆ สินะ!!” สายตาของนูอัสเริ่มโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที เธอหันไปหาลูกสมุนของตนเองทันที “เอามันออกไป จงอย่าทำให้พวกชั้นต่ำนั้นรับรู้ว่าเราเอาเจ้าเด็กนี่ไป! ทำให้พวกมันคิดว่าเจ้านี้หนีออกไปจากค่ายซะ!!”

“ขอรับ ท่านนูอัส!!”

 

ลูกสมุนหนึ่งคนเดินเข้าไปในลูกกรงอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้กุญแจ มันแค่กระชากประตูก็หลุดออก มันเข้ามาใช้ผ้าปิดปากเดวิคที่นอนอย่างเจ็บปวด แล้วอุ้มเขาออกไปอย่างง่ายดาย ลูกสมุนที่เหลือจัดสถานที่ให้เหมือนกับมีการลอบหนีจากกรงขัง ฟีนีอุสเห็นทุกอย่างจนเข้าใจว่าหลายครั้ง ถ้ามีใครหายหรือไม่กลับมาค่ายจะเกิดอะไรขึ้นแบบนี้จริงๆ ลูกสมุนที่กำลังอุ้มเดวิคก็ออกจากเต็นท์พร้อมกับเดินไปด้านหลังเต็นท์ที่มันเป็นป่าใหญ่ นูอัสมองอย่างชอบใจที่สามารถกำจัดคนที่มาขัดขวางแผนของเธอได้

 

“งั้นพวกกระผมขอไปจัดการทุกอย่างทานละกัน”

“ได้!! ข้าจะรออยู่ที่ค่ายรอพวกเจ้ามาบอกว่ามันตายยังไง!! ฮ่าๆ” นูอัสหัวเราะอย่างชอบใจ เธอเดินออกไปจากตรงนั้น

 

ฟีนีอุสที่แอบอยู่ข้างบนเต็นท์ก็รู้สึกเลยว่าเขาต้องไปช่วยเดวิค แต่เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เพราะคิดว่าไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เกิดเรื่องจริงๆ ในค่ายที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยแล้ว เขาลอยตัวพุ่งไปยังทางที่เขาจะกลับไปเอาอาวุธเพื่อไปช่วยเดวิค

 

‘รอก่อนนะ!! เดวิค ฉันกำลังไปช่วยนาย!!’

 

ในป่าลึกนอกค่ายฮาล์ฟบลัด ลูกสมุนทั้ง 4 ตนกำลังเดินผ่านป่าไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่พวกเขาคิดว่าห่างจากค่ายมากแล้ว ลูกสมุนหนึ่งคนแบกตัวเดวิคไว้ก็ปล่อยเดวิคอย่างที่ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง เพราะพวกมันก็จะกินเขาอยู่แล้ว เมื่อมองสภาพอีกฝ่ายที่ไม่ได้สติเลย พวกมันก็คิดกันว่าจะทำยังไงกับมนุษย์กึ่งเทพตนนี้ แต่แล้วเดวิคก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับหยิบมีดสั้นออกมาแทงปีศาจที่อยู่ด้านข้างของเขาตนหนึ่ง

 

“อ๊ากกกกกกกกก!!”

ปีศาจที่โดนแทงถึงกับสลายไปในทันที เดวิคลุกขึ้นเพื่อถอยไปข้างหลังทันที ลูกสมุนคนอื่นๆ ต่างตกใจแล้วหันมามองมนุษย์กึ่งเทพที่

“แก!! กล้าดียังไม่ฆ่าคนของเรากัน!!”

“กล้าได้ไง? ก็กล้านะสิ!! ฉันจะให้พวกแกรับรู้ว่าการที่พวกแกมาแฝงตัวกับมนุษย์กึ่งเทพแล้วจะเจออะไร ฉันลูกชายของโพรทาเลีย แจ็กสัน จะเล่นงานพวกแกไม่ให้กลับไปเล่าเรื่องของฉันให้นูอัสฟังได้เลย!!”

“ลูกชายโพรทาเลีย!!”

“เป็นไปได้ไง!?

 

เดวิคไม่รีรอรีบพุ่งตรงเข้าหาพวกปีศาจในทันใด การวิ่งที่รวดเร็วฟันใส่จุดสำคัญจนพวกมันสองตนสลายไปต่อหน้าต่อตา จนเหลือแค่ปีศาจคล้ายๆ มนุษย์ แต่มันไม่มีหัว แล้วใบหน้าของมันอยู่บนหน้าอก มันคือ เบลมมี นั้นเอง แต่เดวิคไม่สนใจว่ามันเป็นตัวอะไร เขาพุ่งตรงไปหาพร้อมกับมีดสั้นในมือ ระหว่างที่พุ่งไปนั้นเขากับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองโดนดึงจากบางอย่าง เขาหันไปมองก็เห็นมืออันใหญ่ยักษ์จับโซ่ตรวนล็อกขาเขาไว้จนเขาโดนเหวี่ยงไปไกลจนชนต้นไม้เข้าเต็มๆ

 

“อ๊ากกกกกกกกก!!”

“ดูเหมือนว่าพวกแกที่อยู่กับมนุษย์มากไป จะอ่อนหัดขึ้นจริงๆ นะ”

“!!”

เสียงอันน่ารังเกียจดังขึ้น จนเดวิคเงยหน้ามองเขาเห็นทันทีใบหน้าของปีศาจที่ตามล่าเขามาตลอดหลายสัปดาห์

“แก!! บลูตัส!!”

ร่างยักษ์ไซคลอปซ์ที่ใหญ่กว่าตนอื่นๆ ถึง 3 เท่า จนเรียกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าของไซคลอปส์ด้วยซ้ำ

“ไง เจ้าหนูหนีจากข้าไปได้หลายครั้ง แต่ไม่ต้องห่วงครั้งนี้แกได้ตายก่อนแม่แกแน่ๆ!!”

“อย่ามาเอ่ยถึงแม่ฉันนะเว้ย!!”

“เห้ย แก!!” เบลมมีที่หลงเหลืออยู่ตนเดียวชี้ไปที่ยักษ์ไซคลอปส์ที่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ มันเลยตะโกนใส่อีกฝ่าย "งานนี้มันงานของพวกเรา พวกแกห้ามยุ่งสิเว้ย!!"

“เงียบปากไปซะ! เจ้าเบลมมีชั้นต่ำ!! พวกข้าก็มาทำภารกิจ เพื่อฆ่าเจ้าเด็กนี่ตามคำสั่งนายท่านแซเทิร์น”

“อ๊ะ!!” เบลมมีตนนั้นถึงกับหน้าซีดทันที "ถ้าทำตามคำสั่งนายท่าน...ข้าก็ไม่ยุ่งก็ได้..."

“ดี!”

เดวิคฟังพวกมันคุยกัน จนเขาลุกขึ้นมาอีกครั้งอย่างสะบักสะบอม เขาต้องฆ่าพวกมันให้หมดไป เพื่อให้เขาอยู่รอดแต่ตอนนี้เขามีแค่มีดสั้น ดาบยาวดันโดนยึดไป แต่ถึงมีแค่มีดสั้นเขาก็ต้องจัดการให้มันจบๆ ไป เขาวิ่งพุ่งตรงไปหาอีกฝ่ายทันที

“ตายซะ! บลูตัน!!”

“อ่อนหัด!”

บลูตันหันมามองอีกฝ่ายที่พุ่งตรงมาหาเขา เขายกมือขึ้นเหวี่ยงตบเดวิคจนกระเด็นไปอีกครั้ง จนกระทั่งไอออกมาเป็นเลือด

“อั๊ก!!”

“เป็นแค่มนุษย์ที่มีพลังกระจอกงอกง่อย บังอาจมาต่อกรกับเรา”

 

บลูตันพูดพร้อมกับส่งสายตาให้ลูกน้องของตนที่อยู่ข้างหลัง 2-3 ตน เข้าไปจัดการมนุษย์กึ่งเทพตนนั้นทันที พวกมันเดินเข้าไปหาเดวิคทันที เขาได้ยินเสียงการเดินถึงตอนนี้ร่างกายเขาจะสะบักสะบอมและบอบช้ำจากการโดนทั้งตบและเหวี่ยง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็ก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้อะไรเด็ดขาด เดวิคกำลังลุกขึ้นหนี แต่แล้วเจ้ายักษ์ตนหนึ่งก็มาอยู่ระยะประชิดเขาพร้อมกับยกขาขึ้นมาจะเหยียบเดวิคอย่างรุนแรง แต่แล้วก็มีบุคคลปริศนาใส่ฮู้ดเข้ามาช่วยเขา

 

ตึง!!

 

เสียงของยักษ์ไซคลอปส์ล้มไปในทันที เดวิคได้ยินเสียงนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองได้เห็นกลุ่มบุคคลปริศนาสามคนใส่ฮู้ดยืดอยู่ตรงหน้าเขา พวกนั้นไม่พูดอะไรแต่รีบพุ่งตรงเข้าไปจัดการพวกปีศาจตรงหน้าทั้งหมด เดวิคมองอย่างอ้ำอึ้งก่อนจะเห็นว่าเจ้าเบลมมีกำลังจะหนีไป เขาจึงลุกขึ้นวิ่งไปทางที่เบลมมีวิ่งไปในทันที

 

“อย่าหนีนะเว้ย!!”

“เดวิค!!”

 

เสียงบุคคลใส่ฮู้ดเรียกเดวิค ทำให้เจ้าตัวจำเสียงนั้นได้ แต่เขาไม่หยุดวิ่ง เพราะถ้าหยุดเจ้าเบลมมีนั้นคงวิ่งไปบอกนูอัสแน่ๆ ว่าเขาเป็นใครและพวกมันคงโจมตีค่ายแน่ๆ ถึงวิ่งไม่ได้ เขาก็เลยลอยตัวพุ่งไปข้างหน้าทันที เมื่อบินไปสักระยะก็เจอเจ้าเบลมมีนั้นเขาก็พุ่งตรงเข้าไปยกมือสั้นนั้นขึ้น

 

“ตายซะ!”

เดวิคกระโดดลงเสียบมีดเข้าที่กลางใบหน้าของเบลมมีไปในทันใด ปีศาจสลายหายไปทันใด ตัวของเดวิคก็ล้มลงไปกับพื้น

“แฮ่ก แฮ่ก จบสักที...คนพวกนั้นคงจัดการพวกบลูตันแล้วแน่ๆ ฉันจะได้พักผ่อนสักที...” เดวิคพลิกตัวจ้องมองท้องฟ้าก่อนจะหลับตาอย่างสบายใจ

“แกคิดว่าจะได้พักผ่อนอย่างงั้นหรือ?

“!!”

เดวิคสะดุ้งจนลืมตาขึ้นมา ก่อนที่เขาจะโดนเจ้าของเสียงใช้เท้าเหยียบเข้าที่กลางหน้าอกอย่างรุนแรง

“อ๊ากกกกกกกก!!” เสียงร้องของเดวิคดังไปทั่วบริเวณนั้น ก่อนจะจ้องมองยักษ์ไซคลอปส์กำลังเหยียบเขาอยู่ ” แก!! บลูตัน!!”

“รู้ไหมว่าพอนายท่านบอกว่าโพรทาเลียมีลูกชายที่หลบหนีออกมาได้ ข้าล่ะนะอยากฆ่าแกสุดๆ จะได้ให้ยัยเด็กนั้นเจียมตัวมั้งว่าใครกันที่แข็งแกร่งกว่ากัน!!”

บลูตันใช้แรงกดลงไปตรงหน้าอกอีกฝ่ายจนมีเสียงกระดูกหักดังเป๊าะขึ้นมาเรื่อยๆ

“อ๊ากกกกกกกกกก!!”

“ข้าจะทรมานแกให้แม่แกทนทุกข์ทรมานจนใจสลายจนข้าสามารถจัดการมันได้เลยล่ะ!!” บลูตันกระทืบใส่อีกฝ่ายหลายครั้งจนเดวิคกระอักเลือดออกมา

“อ๊าก! อั๊ก!!”

ร่างกายของเดวิคเจ็บปวดไปทั้งร่างกายยิ่งโดนซ้ำ จนสติของเขากำลังจะเลอะเลือนจนจะหมดสติ บลูตันเริ่มยกขาสูงขึ้นเพื่อกระทืบให้เดวิคตายในทันที

“รอแม่แกในนรกซะ เจ้าหนู!!”

 

‘แม่...’ ดวงตาของเดวิคเลื่อนลอยไปในทันใด เขาคิดถึงแม่ของเขาก่อนจะหลับตาลง ’ ผม...กำลังจะตาย...ถ้าแม่รู้...แม่จะเศร้าแค่ไหนกัน...’

 

“ตายซะ!!”

บลูตันกำลังยกขาลงเพื่อกระทืบอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายในตายคร่าเท้าของตน แต่เสี้ยววิบลูตันกับรู้สึกร่างกายชาไปหมด ตรงหน้าของมันมีบุคคลใส่ฮู้ดยืนอยู่

“แก...พวกเมื่อกี้...ลูกน้องฉัน!”

“ลูกน้องแกตายหมดแล้ว” มือข้างหนึ่งเปิดฮู้ดออก ทำให้เห็นใบหน้าของฟีนีอุสอย่างชัดเจน “รวมถึงแกด้วยที่ต้องตาย!!”

“หืม!?

ชั่วพริบตาบลูตัสขาดเป็นสองท่อน พร้อมกับกำลังจะสลายหายไป

“นี่มันอะไรกัน!! อ๊ากกกกกกกกก!”

เมื่อปีศาจสลายไปต่อหน้า ฟีนีอุสเก็บดาบของตนพร้อมกับวิ่งไปหาเดวิคทันที

“เดวิค!!”

พอเขาเข้ามาใกล้อีกฝ่าย ก็ได้เห็นร่างกายที่บอบช้ำและฉีกขาดจนเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ฟีนีอุสเห็นก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เขาตรวจหาชีพจรอีกฝ่ายยังดีที่ยังเต้นอยู่ แต่ว่ามันเต้นอ่อนมากๆ

“เดวิค!! เดวิค ฟื้นขึ้นมาสิ!”

ระหว่างที่ฟีนีอุสกำลังเรียกสติของเดวิคกลับมา อีกสองคนที่ใส่ฮู้ดก็ตามมาคนที่ดูตัวเล็กกว่ารีบพุ่งมาอยู่ด้านข้างของเดวิคทันที

“แจ็กสัน!!” เธอเปิดฮู้ดออกจนเห็นใบหน้าของเอมิลี่อย่างชัดเจน "พี่ค่ะ!! รีบพาเขากลับค่ายเถอะ! ไม่งั้นเขาตายแน่ๆ"

“พี่รู้แล้ว แต่ต้องให้เขาได้สติก่อนนะ! เดวิค! เดวิค!”

ส่วนลึกในจิตใจเดวิคเหมือนคนกำลังจำศีลอยู่ เพราะเขาหายใจแผ่วเบามาก แต่แล้วเสียงบางอย่างกำลังเรียกหาเขา จนทำให้เขาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย

 

‘เสียงใครกัน...เสียงใครกำลังเรียกเรากัน...’

 

“ตื่นเร็ว!! เดวิค!!”

เดวิคสะดุ้งจนได้สติกลับมา ความรู้สึกทุกอย่างของเขากลับมา เขารู้สึกเจ็บไปหมดทั้งร่างกายจนรับรู้เลยว่ามันเจ็บมากแค่ไหน แต่ว่าในสายตาของเขานั้นก็ได้เห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยกำลังจับจ้องเขาด้วยใบหน้าอันโศกเศร้า

“ฟี...นีอุส...เอ...มิลี่…โท…มัส...”

“ฟื้นสักที!!” เอมิลี่จ้องมองอีกฝ่ายจนน้ำตาไหลอาบแก้มไปหมด

“พวกนาย...กลับมา...ช่วยงั้นเหรอ?

“แน่อยู่แล้วพวกเราต้องมาช่วยนายสิ!” โทมัสรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เขากำลังยืนอยู่ปลายเท้าของอีกฝ่าย

"ใช่ แต่ตอนนี้นายต้องเก็บแรงไว้ก่อนนะ พวกเราจะพานายกลับค่าย!!"

น้ำเสียงฟีนีอุสสั่นเครือไปหมด การเห็นคนที่รู้จักกำลังจะตายต่อหน้าเป็นอะไรที่เขาไม่คิดว่าจะเจอในเวลาแบบนี้

“โทมัสมาช่วยฉันที!!”

“ได้!” โทมัสจะเข้ามาช่วย

“ไม่ต้อง!!” เดวิคตะโกนห้ามพวกเขา

“นายห้ามเราทำไม!? เดวิค!!” ฟีนีอุสจ้องมองอีกฝ่ายที่ตะโกนออกมาเหมือนไม่ต้องการให้พวกเขาช่วยเหลือ “นายกำลังจะตายนะ!”

“แต่มัน...ก็จริง...ไม่ใช่เหรอ?

“อย่าพูดแบบนั้นสิ!! แจ็กสัน” เอมิลี่เขยิบมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมทั้งน้ำตาที่อาบใบหน้าของเธอ “ฉันไม่อยากเห็นใครตายต่อหน้านะ!!”

“โทษนะ...เอมิลี่...แต่ฉัน...กำลังจะตายจริงๆ ...ขอล่ะ...ขอฉัน...ไปอย่างสงบก็ดี...”

“ไม่...ไม่นะ...”

การได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทำให้เอมิลี่ไม่อยากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอลุกขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะวิ่งหนีออกจากตรงนั้น

“เอมิลี่!! ฉันไปตามเธอก่อนนะ!!” โทมัสรีบวิ่งตามออกไปทันที

เหลือแค่พวกเขาสองคนที่มองอีกสองคนวิ่งออกจากตรงนั้น เดวิคค่อยหันไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เริ่มซีดมากขึ้น

“ฉัน...ทำให้เธอไม่พอใจกับคำพูดตัวเองสินะ...”

“ก็แหงล่ะ...”

ฟีนีอุสไม่มองอีกฝ่ายเลย เขาค่อยๆ วางอีกฝ่ายลงช้าๆ ทั้งสองนั่งข้างๆ กัน เดวิคพิงตัวฟีนีอุสพร้อมกับเงยหน้ามองใบหน้าอีกฝ่ายที่เหมือนอยากจะร้องไห้ตลอดเวลา

“อย่าเศร้า...ไปเลยน่า...พี่...ฟีนีอุส...”

“หือ? ฟีนีอุสได้ยินคำพูดอีกฝ่ายเรียกเขาว่าพี่ก็ทำให้สงสัยว่าทำไมเรียกแบบนั้น "พี่เหรอ?"

“ผม...อายุน้อย...กว่าพี่...ตั้ง 10 กว่าปี....แฮ่กๆ” เดวิคยิ่งพูดเขาก็ไอออกมาเป็นเลือดมากกว่าเดิมจนตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าเวลาเขาเหลืออีกไม่นาน

“อ่อนกว่า? นายอายุเท่าไรแน่?

เดวิคได้ยินแบบนั้น เขาค่อยๆ เอี่ยมมือไปหามืออีกฝ่ายที่อยู่ข้างๆ ชี้นิ้วขึ้นพร้อมกับเขียนขีดสามขีดบนฝ่ามืออีกฝ่าย ทำให้ฟีนีอุสอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายเขียนออกมา

3...เด็กมากเลยนะ เดวิค”

“ผมรู้...แต่ทำไงได้...แฮ่กๆ ผมเกิดจากผลแพลเปิ้ลนี่น่า...”

“ผลแพลเปิ้ล...แต่มันไม่ได้ทำให้โตขึ้นไม่ใช่เหรอ?

“อ๊ะ...รู้เยอะจริงๆ นะ...” เดวิคขำในลำคอ เขาค่อยๆ เงยหน้าจ้องมองท้องฟ้าสีดำ ทำให้เขานึกถึงผมสีดำของแม่ขึ้นมาทันที “นี่...พี่ฟีนีอุส...”

“หือ?

“พี่รู้จัก...กับโพรทา...เทีย...ตั้งแต่...เมื่อไหร่กัน?

“โพรเหรอ? ฉันรู้จักเธอตอนไปงานวันเกิดของเธอนะ...”

“วันเกิด...” เดวิคจำคำพูดของแม่ได้ว่าเธอโดนลักพาตอนเย็นหลังงานวันเกิด “งั้น...พี่พอ...รู้จักใครสักคน...ที่มอบของขวัญ...บางอย่าง...ให้เธอ...ไหม?

“โทษนะ...ฉันไม่รู้นะ...”

“งั้นเหรอ?ดวงตาของเดวิคเริ่มมืดไปหมด

“นายถามเรื่องนั้นทำไมนะ?

“ก็...เพราะ...ผมอยากหาพ่อของผมนะ...”

“พ่อเหรอ? นายหมายความว่าไงนะ?

“คือ...แม่ของผม...คือโพรทาเลีย...แจ็กสัน...”

“!!” ฟีนีอุสหันหน้ามองเดวิคอย่างสับสนและตกตะลึงกับคำพูดอีกฝ่าย “งั้น...ที่นาย...ทำเรื่องทุกอย่าง...เพราะ...”

“ใช่...ผมอยาก...คืนอิสรภาพให้แม่ผม...แต่ก็ทำ...ไม่ได้...แฮ่กๆ”

“งั้นนายห้ามตายเลยนะ!! เดวิค!!” ฟีนีอุสเริ่มตื่นตระหนกเข้าไปอีก ที่จะทำตามที่อีกฝ่ายขอไว้ว่าอยากตายตรงนี้ “ฉันจะพานายกลับค่าย!!”

“ไม่ทันแล้ว...พี่ฟีนีอุส...น่าเสียดายจัง...ที่ผม...ตามหาพ่อ...ที่ให้หุ่น...เส้นผม...กับแม่...ไม่ได้...ซะ...แ...ล้...ว”

เสียงเดวิคแผ่วเบาลงพร้อมกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตกลงชนกับไหล่อีกฝ่าย ฟีนีอุสเห็นภาพตรงหน้า เขาตกตะลึงไปในทันที

“เด...วิค...”

 

น้ำตาของฟีนีอุสกำลังไหลออกมาจากดวงตา มือของเขากำลังเอี่ยมไปสัมผัสใบหน้าที่ซีดขาวไร้สีเลือด ความรู้สึกที่ปลายนิ้วได้สัมผัสความเย็นของผิวหนังยิ่งทำให้ฟีนีอุสสั่นกลัว ชายหนุ่มตรงหน้าที่เขาได้เจอเมื่อวานเป็นคนที่แปลกแถมให้การช่วยเหลือเขาจนเขาสามารถรักษาแม่จนหายได้ ยังสู้เพื่อคืนอิสรภาพของโพรทาเลีย แต่ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจมากที่สุดกับคำพูดสุดท้ายของอีกฝ่าย

 

‘น่าเสียดายจัง...ที่ผม...ตามหาพ่อ...ที่ให้หุ่น...เส้นผม...กับแม่...ไม่ได้...ซะ...แ...ล้...ว’

 

หุ่นเส้นผม คำพูดนั้นทำให้ฟีนีอุสนึกถึงวันเกิดของสองแฝดแจ็กสัน เขาจำภาพที่มีคนยืนหุ่นเส้นผมกับโพรทาเลียได้ในทันที เพราะนั้นคือตัวเขา มันยิ่งทำให้เขาช็อกเขาไปอีกที่คนตรงหน้าเป็นลูกที่เขาไม่เคยรู้จักและเป็นลูกของโพรทาเลียที่โดนจับไปตั้งแต่เมื่อ 7 กว่าปีก่อน เขาร่ำไห้เสียใจยิ่งกว่าอะไรที่ตนไม่สามารถช่วยเหลือลูกของคนที่ตนรักได้และยิ่งมารับรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นลูกตนเองมันยิ่งเจ็บปวดใจเขาไปอีก เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งตรงมาทางนี้ เอมิลี่กับโทมัสวิ่งกันมาสุดชีวิตพร้อมกับบุคคลปริศนาที่กำลังตามมาอีกสองคน

 

“พี่ค่ะ!!” เอมิลี่วิ่งเข้ามาเธอหยุดชะงักที่เห็นพี่ชายของตนเหมือนคนที่ช็อกไปทั้งน้ำตาล “พี่ค่ะ...หรือว่า...”

“ไม่นะ!!” โทมัสมองภาพตรงหน้าเขารับรู้ว่าเดวิคตายไปแล้ว

เอมิลี่ส่ายหน้าก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหาพี่ชายที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกยกเว้นดวงตาที่มีน้ำตาไหลออกมา เธอสัมผัสใบหน้าของเดวิคจึงรับรู้ว่าเขาตายแล้วจริงๆ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

“พี่ค่ะ ตั้งสติเร็ว! หนูพาพ่อมาช่วยแล้วนะ! พวกเขานำขนแกะทองคำมาด้วย!!” เอมิลี่เขย่าตัวพี่ชายแต่ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด

เจสันรีบวิ่งเข้ามาดูลูกชายของตนที่ช็อก เพราะคนข้างๆ พึ่งตายไป เมื่อเขามองคนข้างๆ ก็จำได้เลยว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตภรรยาเขาและคนในค่าย

“เรเชล!! ขนแกะ!”

“อ๊ะ”

หญิงสาวที่สวยชุดคล้ายๆ แม่หมอตามร้านยิปซี กำลังยืนผ้าที่เป็นหนังขนแกะมีลวดลายสลักอยู่บนขนให้แก่อีกฝ่าย

“ฟีนีอุส! ฟีนีอุส!”

ฟีนีอุสได้สติขึ้นมา เขาค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่เรียกเขา “พ่อ...”

“พ่อมาช่วยแล้ว!” เจสันพูดจบก็วางขนแกะบนตัวเด็กหนุ่มข้างๆ ลูกชาย

เมื่อได้ยินแบบนั้นฟีนีอุสยิ่งน้ำตาไหลมากกว่าเดิม “ได้โปรด...ช่วยเด็กคนนี้ด้วย...ผมยัง...ไม่อยากเสียเขาไป...ผมยังไม่อยากเสียลูกคนนี้ไป!!”

 

‘ลูกเหรอ!?

 

ทั้งสามคนที่ได้ยินคำพูดของฟีนีอุสต่างตกตะลึงว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา ยกเว้นหญิงสาวที่ชื่อว่าเรเชลดูไม่มีสีหน้าตกใจ ระหว่างที่พวกเขาอ้ำอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินขนแกะทองคำก็เริ่มแผลงฤทธิ์ออร่าสีทองออกมา ร่างกายที่บอบช้ำและร่างกายแตกหักเริ่มกลับมาเป็นปกติ ใบหน้าที่ซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีอีกครั้ง จนกระทั่งความรู้สึกทุกอย่างของเดวิคกลับมาทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง

 

“อ๊ะ!”

สายตาของเดวิคกลับมาเป็นปกติ เขายกมือมาดูมือของตนเองที่ยังขยับได้พร้อมกับใบหน้าของคนรู้จักอยู่ตรงหน้า แต่ที่น่าตกตะลึงคือสิ่งที่พาดตัวเขาอยู่ หนังสัตว์ที่อ่อนนุ่มแล้วมีลวดลายสลักบนหนังสัตว์

“นี่มัน...ขนแกะทองคำ....”

“ใช่แล้ว...พ่อฉันนำมาช่วยนาย! ถึงไม่รู้ว่าพ่อฉันรู้ได้ไง แต่เขาก็ช่วยนายไว้แล้วนะ แจ็กสัน” เอมิลี่พูดไปน้ำตาก็ไหลไปจนเธอเริ่มร้องออกมาเต็มที “แงงงงง อย่าทำแบบนี้อีกนะ!! แจ็กสัน นายทำฉันหัวใจจะวายเลยรู้ไหม!!”

“พี่เอมิลี่...ขอโทษนะ...” เดวิคยิ้มอ่อนๆ ให้อีกฝ่าย เขาไม่นึกว่าจะมีคนห่วงเขาด้วย เพียงเพราะพึ่งได้เจอกันแค่วันเดียว เขาหันไปหาผู้ใหญ่ที่เขาเจอเมื่อตอนที่เขาโดนขังในกรง “ขอบคุณนะครับ คุณเจสัน”

“ดูเหมือนเธอจะจำชื่อฉันได้จากที่เพอร์ซีย์ตะโกนว่าฉันสิ”

“ครับ!”

“ถือว่าหนี้บุญคุณที่เธอช่วยภรรยาฉันก็หมดไปแล้วนะ”

“แฮะๆ” เดวิคยิ้มออกมาก่อนจะนึกถึงคนข้างๆ ที่ค่อยๆ โอบกอดไว้ในทันที “พี่...ฟีนี-”

“เจ้าเด็กบ้า!!”

“!!”

ทุกคนต่างสะดุ้งที่จู่ๆ ฟีนีอุสตะโกนออกมา เดวิคก็ตกใจที่อีกฝ่ายตะโกนใส่เขาแบบนี้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นน้ำตาอีกฝ่ายที่หยดลงบนใบหน้าเขา

“นายมันบ้าที่สุด!! กล้ามาพูดแบบนั้นกับคนที่เป็นเจ้าของหุ่นเส้นผมนั้นได้ไงกัน!! แล้วยังมาบอกว่าเป็นลูกอีก!! นายกล้าตายต่อหน้าพ่อนายได้ไงกัน!!”

“เอ๋!?เดวิคมองอีกฝ่ายที่เลื่อนใบหน้ามาอยู่ตรงหน้าเขา คำพูดอีกฝ่ายทำให้เขารับรู้ว่าชายตรงหน้าที่เขาพึ่งรู้จักเป็นใครกัน “พี่...ฟีนีอุส...นี่พี่...”

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตากำลังจะไหลออกมาจากดวงตา จ้องมองชายหนุ่มตนหน้าที่ตนพึ่งได้รู้จักแค่วันเดียว

“ฉันเอง เดวิค...เจ้าของหุ่นเส้นผมนั้น!!”

คำพูดนั้นมลายความรู้สึกทุกอย่างที่เขามีความรู้สึกที่โหยหาของคนเป็นพ่อ เดวิคพุ่งเข้ากอดอีกฝ่ายทันที

“พ่อฮะ!!”

“เอ๋...เอออออออออออออออออออ๋!!”

ทั้งสามคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจกับสิ่งที่เห็นแล้วสิ่งที่ทั้งสองทำจนทำให้คนเป็นพ่อ น้องสาว และเพื่อน ต่างตกใจ

“เดียวนะ! เดวิคกับฟีนีอุส! เป็น…” โทมัสกล่าวอย่างตกใจ

“พ่อลูกกันเหรอ?!” เอมิลี่รู้สึกอึ้งไปอีกที่พี่ชายมีลูกรุ่นคราวเดียวกับตัวเองด้วยเหรอ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!?ยิ่งคนเป็นพ่ออย่างเจสันยิ่งตกใจที่เขามีหลานชายตั้งแต่ตอนไหน

“หึ หึ หึๆ”

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น ทำให้คนอื่นๆ ต่างไปหมดก็เห็นว่าคนที่หัวเราะคือหญิงสาวผมสีแดงที่กำลังมองพวกเขาอยู่

“ขอโทษที...ฉันแค่ดีใจที่พวกเธอสนุกกัน เอาล่ะเท่านี้ก็ช่วยลูกชายของฟีนีอุสจบแล้วสินะ”

“เอ๋?

ทั้งสามคนต่างมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจที่เธอดูไม่ตกใจที่ฟีนีอุสมีลูก จนเจสันต้องถามอีกฝ่าย เพราะตำแหน่งของเธอ

“เรเชล...เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“หึ หึๆ” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับจ้องมองพวกเขา “ตั้งแต่พวกเขาเกิดล่ะนะ”

“เอ๋!? งั้นคุณก็รู้ว่า...” เดวิคได้ยินแบบนั้นก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าคนที่ในค่ายไม่ใช่แม่เขา

“ใช่”

“แล้วทำไมเธอไม่บอกใครสักคน!!”

“เพราะถ้าบอก...อนาคตก็จะเปลี่ยนไป...แล้วที่ฉันมาช่วยลูกของโพรทาเลียก็เพราะอนาคตก็เด็กคนนี้ก็สำคัญต่อโพรทาเลีย”

“ผม...สำคัญต่ออนาคตของแม่เหรอ?

“เอ๋!? แม่เหรอ?!” เอมิลี่ยิ่งตกใจที่ฟังจากหญิงสาวตรงหน้าพูดแล้วที่เดวิคพูด “นี่โพรทาเลียเป็นแม่นายเหรอ? แล้วผู้หยั่งรู้รู้ตั้งแต่ต้นเหรอ?

“ใช่...พอเจอโพรทาเลียตัวปลอมฉันถึงได้รับรู้ว่า...ตัวจริงนั้นไม่ได้อยู่ในค่าย...ฉันเคยนะ...ที่อยากจะบอกเพอร์ซีย์...แต่...สิ่งบางอย่างเล่นตลกกับเราตลอด...”

“สิ่งบางอย่าง!?เดวิคพูดขึ้นก่อนที่จะเกิดควันบางอย่างทำให้เขากลับร่างเป็นเด็ก 3 ขวบไปในทันที

“ตาเถร!!” เจสันตกใจที่จู่ๆ มีควันขึ้น แล้วเขาก็ได้เห็นจากเด็กหนุ่มกลายเป็นเด็กชาย

“แจ็กสัน...กลายเป็นเด็ก...ไปเหรอ?

“เปล่าฮะ...นี่ร่างเดิมของผมนะ...” เดวิคแอบเขินๆ ที่เขากลับร่างเดิม จนตอนนี้เสื้อผ้าของเขาไซส์ใหญ่เกินไปสำหรับเขามาก

“คงได้ไปรื้อเสื้อผ้าเก่าๆ ของฉันมาใส่แล้วล่ะ” ฟีนีอุสเดินมาอุ้มเดวิคไว้ในอ้อมกอดทันที

“เสื้อผ้าของคุณพ่อ...” เดวิคคิดอย่างดีใจที่จะมีโอกาสได้ใส่เสื้อของพ่อเป็นครั้งแรก

“แต่...” เจสันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ลูกชายด้วยใบหน้าขมวดคิ้วเหมือนกำลังโกรธบางอย่าง “ลูกต้องอธิบายให้พ่อฟังหน่อยล่ะว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!?

เดวิคกับฟีนีอุสถึงกับเหงื่อตกที่เห็นสีหน้าของผู้ใหญ่กำลังจะจ้องเล่นงานพวกเขา

“ไว้กลับไป...ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ...คุณปู่...”

“!!” เจสันจ้องมองเดวิคด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นใบหน้าอันน่ารักของเด็ก “อืมมมมม! ฉันมีหลานในวัยสี่สิบกว่าๆ ชะตาเล่นตลกกับฉันจนได้!!”

“แฮะๆ แต่ขอเข้าเรื่องนะครับ!” เดวิคยกมือขึ้นเหมือนขอถามคำถาม "สิ่งบางอย่างที่เล่นตลกกับชะตากรรมของแม่ผมคืออะไรกันครับ!!"

เรเชลได้ยินคำถามของเด็กน้อย เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาอันรับรู้สึกสิ่งบางอย่างที่ตนเองไม่อยากรับรู้จริงๆ

“สิ่งบางอย่างนั้น...อยู่เหนือเราทุกคน...และอยู่เหนือเทพเจ้า” เรเชลเงยหน้ามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

 

พวกเขาฟังรู้สึกตะลึงถึงคำว่าอยู่เหนือเทพเจ้า นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะดีจริงๆ สำหรับพวกเขา ผ่านท้องฟ้ากันกว้างใหญ่ หลุดออกไปนอกอวกาศอันไกลโพย มีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีลานกว้างใหญ่พร้อมกับที่ประทับอาศัย บัลลังก์อันยาวสำหรับไว้นอนได้มีชายคนหนึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์นั้น เส้นผมสีดำยาวสลวยไหลอยู่ตามพื้นอย่างสายน้ำ การแต่งกายที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้า กำลังนอนอย่างสบายใจก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น

 

“หึๆ ดูท่าผู้หยั่งรู้คนนี้…ช่างรับรู้สิ่งที่ข้าลิขิตจริงๆ”

เสียงอันสุขุมพูดเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเส้นผมของเขานั้นปกปิดร่างกายเอาไว้ไม่ให้เห็นสิ่งบางอย่างได้

“อื้มมมม!!”

เขายกมือขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างสบายใจ ก่อนจะเดินไปที่ลูกแก้วที่ตั้งอยู่ใจกลางลานแก่นนี้ เขาจ้องมองภาพของพวกเดวิคกำลังคุยกันอยู่ในป่า

“น่าเสียดายที่เหลนของโพไซดอนและจูปิเตอร์ไม่ได้ตาย...เพราะผู้หยั่งรู้คนนี้...แต่...ก็ไม่สำคัญกับข้า”

เขาใช้มือปัดภาพให้ขึ้นภาพของหญิงสาวผมสีกำลังโดนล่ามโซ่อยู่

“ดูเจ้าสิ โพรทาเลียต้องโดนล่ามโซ่ของลูกชายของตนเอง...ชะตาของเธอที่ข้าสร้างขึ้นช่างเจ็บปวด...ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ข้าหมายปองอย่างแองเจิล...ทิ้งการตายมาหาข้าแล้วเกิดใหม่...”

เขาเข้าใกล้ลูกแก้วพร้อมกับโอบกอดมันอย่างหลงใหล

“เจ้าของคงไม่ต้องทนทุกข์กับชะตาที่ข้าเล่นตลกกับเจ้า...ให้ไกอาเป่าหูแซเทิร์นให้ฆ่าบิดาของตน แล้วก็จัดการพี่ชายของตนที่มีความสุข หึ หึ หึๆ”

เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างชอบใจ แล้วชูมือสู่อากาศ

“เพื่อที่ข้าจะได้แองเจิลมาครอบครอง!! แล้วให้รับใช้ข้า!! แต่เจ้าเด็กนั้น! “

เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธเคืองต่อแองเจิล

“กับกล้าวางท่าว่าตนเองไม่ใช่ของเล่นของข้า!! งั้นอย่าหวัง!!”

เขาหันกลับไปมองลูกแก้ว แล้วเดินเข้าไปหา

”ว่าชาติสุดท้ายของเจ้าจะมีชีวิตที่ดี!! จงทุกข์เข้าไป!! จะไม่มีเทพหน้าไหนรับรู้ว่าสายเลือดของตนเองไงมั้ง!! ข้าจะปิดลางสังหรณ์ของพวกแกให้สิ้น!! ดูสิว่าพวกเจ้าจะทำเยี่ยงไร!!”

เขาพูดพร้อมกับเดินตรงกลับไปยังบัลลังก์ยาวของตน บัลลังก์นั้นเริ่มกลายร่างเป็นเก้าอี้บัลลังก์ เมื่อเขามาถึงก็นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับนั่งไขว่ห้าง

"เมื่อข้า เคออส ทำให้ชะตากรรมพวกเจ้าตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งหายนะอีกครั้ง!! ฮ่าๆๆๆๆๆ"

 

2 ปีต่อมา

 

ภายในห้องกว้างแห่งหนึ่งมีเก้าอี้มากมายถูกจัดเรียงเว้นกันเป็นช่องๆ เก้าอี้เหล่านั้นมีเหล่าเด็กๆ ที่ตั้งใจเตรียมรอที่จะได้กลับบ้านของตนเองและรอผู้ใหญ่มารับพวกเขา บนโต๊ะหนึ่งมีเด็กชายกำลังวาดรูปได้สวยงามมากๆ เขากำลังวาดเด็กหญิงที่มีผมสีทองและมีรอยยิ้มอันน่ารักจนหาที่ไหนมาเปี่ยมจนเด็กหญิงคนหนึ่งเดินมามองเขาวาดรูป

 

“เดวิคนี่เก่งจังเลยนะ วาดรูปสาวมากๆ เลย”

“อ๊ะ...ขอบคุณที่ชมนะ...” เดวิคเงยหน้าขึ้นอย่างเขินๆ ที่มีเด็กผู้หญิงมาชมเขา

 

ตอนนี้เวลาผ่านมาเกิน 2 ปี เดวิคโตขึ้นมากหลังจากที่เขาได้มาอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัด เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากครอบครัวเกรซ ทำให้เขาได้เป็นสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวและได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น เดวิค เกรซ ตอนแรกๆ เขาก็ลำบากใจที่ต้องมาโรงเรียนตามคำแนะนำของคุณปู่คุณย่า แต่ฟีนีอุสผู้เป็นพ่อบอกให้เขามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมั้ง ดีกว่าคลุกอยู่กับผู้ใหญ่ เดวิคก็ยอมและตั้งใจเรียนถึงแม้จะมีเรื่องชกต่อยกันในโรงเรียนมั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะเดวิคเป็นเด็กใหม่เลยโดนเด็กที่อยู่ก่อนแกล้งและหยอกล้อเขาด้วยคำพูดที่เดวิคไม่ชอบเท่าไร นั้นก็ทำให้ฟีนีอุสต้องลำบากสักเล็กน้อย

 

ส่วนเรื่องของฟีนีอุสกับโพรทาเลียตัวปลอมหลังจากที่รับรู้ว่าโพรทาเลียตัวจริงอยู่กับแซเทิร์น ฟีนีอุสจึงต้องทำบางอย่างเพื่อออกห่างจากที่อีกฝ่ายและเป็นโอกาสดีที่ว่าอีกฝ่ายเล่นทำให้เขาเจ็บมาหลายครั้ง จนตอนนี้ทำให้เขากล้าที่จะทำบางอย่างที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ นั้นก็คือ การบอกเลิกต่อหน้าทุกคนในค่าย

 

“แจ็กสัน! เราเลิกกันเถอะ!!”

 

นั้นเป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนต่างหันมามองกันอย่างตกตะลึงที่คู่รักหวานซึ้งอย่างฟีนีอุสกับโพรทาเลีย กับมีการบอกเลิกกัน นั้นทำให้ครอบครัวแจ็กสันก็อึ้งไปที่ได้ยินแบบนั้น นูอัสตกตะลึงอย่างงุนงงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกฝ่ายถึงมีขอเลิกกับเธอ โดยที่แผนกำลังดำเนินไปอย่างดี เธอถามเหตุผลเขาอย่างสงสัย จนฟีนีอุสตอบออกมา

 

“ฉันเบื่อที่เธอเล่นละครรักฉันมาตลอด! แล้วก็ฉันเบื่อที่ต้องมาอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก!!”

 

นั้นเป็นคำพูดที่สำหรับหลายๆ คนคงเจ็บ แต่เดวิคที่จ้องมองสีหน้าและคำพูดของพ่อ มันเหมือนเป็นคำพูดที่โล่งอกที่ตนเองไม่ถลำลึกเข้าไปรักปีศาจ ถึงตลอดหลายปีมานี่พ่อจะบอกว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อโพรทาเลียมันแปลกมานานก็ตามที่ แต่สำหรับเดวิคก็ดีใจที่พ่อไม่โดนลูกหลงเข้าไปด้วย เขาส่ายหน้าตัวเองแล้วเลิกคิดถึงอดีตก่อนจะมองเพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆ

 

“ให้ฉันวาดรูปให้ไหมล่ะ? อแมนด้า”

“ได้เหรอ? วาดให้หน่อยสิ?อแมนด้ายิ้มอย่างดีใจทันที

“ได้เลย!” เดวิคเปลี่ยนหน้ากระดาษพร้อมกับหยิบดินสอสีขึ้นมาวาด

อแมนด้ารีบมานั่งอยู่ข้างหน้าของเดวิคเพื่อให้เขาวาดรูปให้อย่างดีใจ เธอก็รู้สึกมีคำถามขึ้น

“แล้วเด็กผู้หญิงที่เธอวาดนะ เป็นใครเหรอ?

“อ๊ะ...คือ...น้องสาวฉันนะ...”

“น้องสาว? เดวิคมีน้องสาวด้วยเหรอ? แล้วน้องเธอเรียนที่นี่ด้วยหรือเปล่านะ”

“เปล่านะ...ฉันยังไม่มีโอกาสได้เจอน้องเลยนะ”

“เอ๋...” อแมนด้าทำสีหน้าหดหู่ทันที “ขอโทษนะ...ฉันพูดอะไรแย่ๆ ออกไปนะ”

เดวิคส่ายหน้า “ไม่หรอก...ก็มันจริงนี่น่า”

“แล้วไม่รู้สึกเศร้าเหรอ? ที่ไม่มีคุณแม่หรือน้องสาวอยู่ข้างๆ นะ”

เดวิคนิ่งไปในทันที ก่อนจะยิ้มออกมา “รู้สึกสิ...แต่ต้องเข้มแข็งนะ”

“เดวิคเป็นผู้ใหญ่จังนะ...ฉันแค่เรื่องนิดหน่อยก็ร้องไห้แล้ว เดวิคช่างเป็นผู้ใหญ่ดีจังจน...จนฉัน...”

“หือ?

“จนฉัน...ฉัน...ชอบ-”

“เดวิค!! พ่อมารับแล้ว!!” ฟีนีอุสโผล่หน้าออกมาอย่างดีใจที่ได้มารับลูกชาย

“!!” อแมนด้าสะดุ้งทันทีจนหน้าแดงสุดๆ

“พ่อครับ!” เดวิคหันไปมองพ่อที่มารับแล้ว ก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า “เมื่อกี้เธอจะบอกอะไรฉันหรือเปล่า?

“ปะ เปล่านะ!!” อแมนด้าหันหน้าหนีไปในทันที

“งั้นเหรอ?เดวิคจ้องมองอย่างสงสัย แล้วหันมาฉีกกระดาษที่ตัวเองวาดรูป “อ๊ะนี่ ภาพของเธอนะ”

“ขอบคุณนะ” อแมนด้ารับกระดาษมามองภาพของเธอที่สวยเหมือนตัวจริงมากๆ เธอยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเห็นข้อความที่เดวิคทิ้งไว้ให้

 

‘อย่าเศร้าเรื่องฉันเลยนะ เด็กอย่างเธอเพราะกับรอยยิ้มมากที่สุด’

 

“อ๊ะ!” อแมนด้าอ่านพร้อมกับหันไปมองเดวิคที่กำลังเดินไปหาพ่อของเขา

“วันนี้ดูดีนะเนี่ย?

“หมายความว่าไงครับ?

“ทุกทีกลับบ้านต้องสะบักสะบอมมาตลอดนี่น่า” ฟีนีอุสพูดพร้อมกับยื่นมือไปหาลูกชาย

“ก็เจ้าบลูตันมันเล่นงานผมก่อนนี่น่า” เดวิคกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปจับมือพ่อ “ดีที่หมอนั้นกลับไปแล้ว!”

“เหรอ แต่รู้สึกชื่อคุ้นๆ นะ”

“คิดไปเองนะครับพ่อ” เดวิคแก้ความคิดพ่อทันที เพราะว่ามันก็จริงที่ชื่อคุ้นๆ

ทั้งสองต่างเดินออกไป อแมนด้ามองกระดาษอย่างรู้สึกดีใจอยู่ข้างใน แต่เสียดายกับโอกาสที่เธอจะพูดกับอีกฝ่าย ทั้งสองคนต่างเดินออกมานอกโรงเรียน ฟีนีอุสก็นึกบางอย่างได้

“จริงสิ! เด็กผู้หญิงที่อยู่ด้วยเมื่อกี้เป็นใครนะ? น่ารักนะ แฟนลูกเหรอ?

“จะบ้าเหรอ!! นั้นเพื่อนผมนะ! เธอน่ารักจน...ผมไม่มีสิทธิ์เป็นอะไรแบบนั้นหรอกนะ”

“เหรอ? แต่น่ารักนะ ไม่ลองคบเล่นๆ ดูล่ะ?

“ผมไม่ใช่พ่อนะ ที่จะคบกับใครตอนอายุน้อยๆ นะ”

“ฮ่าๆ แก่แดดจริงๆ นะ” ฟีนีอุสย่อตัวเพื่อจะอุ้มลูกชาย

เดวิคอ้าตัวเพื่อให้พ่ออุ้มเขา “ก็เหมือนพ่อนั้นล่ะครับ”

“กล้าต่อล้อต่อเถียงนะเรา”

“หึๆ” เดวิคกอดคอพ่อทันที 2 ปีแล้วสินะครับ...ตอนนี้แม่ทำอะไรอยู่นะ”

“คงกำลังเดินทางอยู่นั้นล่ะนะ”

“ขอให้กลับมาถึงค่ายอย่างปลอดภัยนะครับ เพราะพวกพี่ๆ แม็กกี้อุตส่าห์มาถึงนี่แล้วแท้ๆ รู้สึก...ตรงคำที่ผู้หยั่งรู้บอกเลยนะครับ”

“จริงด้วย...ตรงจริงๆ”

 

ในความคิดของฟีนีอุสขออย่างเดียวว่าขอให้โพรทาเลียปลอดภัยจนกลับมาถึงค่ายก็พอ เขาไม่อยากให้เหมือนเดวิคที่เกือบตาย เพราะความช้าช่วงวินาทีของเขาทำให้เกือบเสียลูกของตนเองไป แต่หลังจากที่ฟีนีอุสรู้จักเดิน เขาก็ได้พาอีกฝ่ายไปตรวจดีเอ็นเอก็ตรงกับเขาตั้งหลาย 99 เปอร์เซ็นต์ เขายิ่งรักยิ่งห่วงมากกว่าเดิม แต่สำหรับเขาโพรทาเลียจะชอบใจไหมนี่สิ พวกเขาเดินอยู่ภายในกรุงโรมในค่ายจูปิเตอร์ กำลังมุ่งหน้าผ่านไปยังประตูที่เชื่อมต่อกับระหว่างสองค่าย พวกเขาเดินข้ามมายังค่ายฮาล์ฟบลัดที่อยู่ข้างๆ บ้านใหญ่ พอออกมาก็ได้เห็นโทมัสกำลังวิ่งไปยังบ้านใหญ่อย่างเร่งรีบ

 

“โทมัสวิ่งอย่างรีบร้อน เพราะอะไรล่ะนั้น?

“จริงด้วยนะค-”

 

ตึง!!

 

“อ๊ะ...รู้เลยว่า...”

“ลื่นล้มสินะครับ...พี่เขาเป็นอะไรกับการล้มหรือการล่อสิ่งของจริงๆ เลยนะ”

“ใช่...”

“เฮ้อ...”

ทั้งสองคนต่างถอนหายใจ ก่อนจะเดินผ่านหน้าทางเข้าบ้านใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อของตนเองขึ้น

“ใช่ ข้าชื่อคีย์ วันเดอร์เลอร์-”

เดวิคสะดุ้งจนยืดตัวตรงทันใด เดวิคเห็นลูกชายมีท่าทีที่แปลกไปจนน่าสงสัย ใบหน้าของเดวิคซีดเผือดเหมือนได้ยินชื่อที่ว่า เขาหันกลับไปยังบ้านใหญ่ แต่เขาไม่เห็นข้างในบริเวณทางเข้าของบ้านใหญ่ว่าใครเป็นคนพูด

“พ่อ! พาผมไปแถวๆ บ้านใหญ่ที!”

“มีอะไรเหรอ?

“น่า! พาผมไปที่!!”

“ได้ๆ” ฟีนีอุสค่อยๆ เดินไปแถวๆ บ้านใหญ่

 

เดวิคตั้งใจมองผ่านเข้าไปยังบ้านใหญ่ จนเห็นร่างของสองคนที่อยู่ตรงนั้น ทั้งสองเห็นเด็กใหม่สองคนที่มีทั้งคนตัวสูงและคนตัวเล็ก ทั้งสองคนมีผมสีน้ำตาลจนเห็นเป็นปกติ เดวิคจ้องมองอย่างสงสัย แล้วเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างชัดเจน ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับแม่เขาและพลังที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน

 

“คน...”

“หือ? เป็นอะไรนะ เดวิค?

“คนคนนั้น...ผู้ชายผมสีน้ำตาลคนนั้น...คุณแม่!” เดวิคกล่าวขึ้นจนฟีนีอุสตกใจขึ้นมาทันที

“โพร...ทาเลีย...งั้นเหรอ?ฟีนีอุสได้จ้องมองชายผมสีน้ำตาล เขาเห็นภาพซ้อนของคนที่เขารักมาตลอด “มาถึงค่ายจนได้นะ...”

 

นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่พวกฟีนีอุสจะอยู่ข้างๆ โพรทาเลียไปตลอดจนกว่าจะสามารถต่อกรกับนูอัสได้ จนกว่าจะถึงเวลาที่สมควรพวกเขาถึงจะยอมออกมาเจอโพรทาเลียได้นั้นเอง

 

จบตอนที่ 69 โปรดติดตามตอนที่ 70 ต่อไป