ตอนที่ 3 ระลึกถึงคนที่จากไป

โพรทาเลียรู้ว่าครอบครัวอยู่ค่ายนี้ แต่ก็ไม่นึกว่าพ่อของเธอนั้นจะเป็นผู้อำนวยการค่ายเลยจริง ๆ เธอทำสีหน้าไม่ถูกจริง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเป็นพ่อความรู้สึกของเธอมันกำลังทะลักออกมา แต่เธอต้องลบความรู้สึกนั้น เพราะตอนนี้เธอคือเด็กหนุ่มที่ชื่อ คีย์ วันเดอร์เลอร์ ที่พึ่งมาที่ค่ายนี้ครั้งแรกในชีวิต เพอร์ซีย์มองเด็กทั้งสองคนอย่างวิเคราะห์ว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ที่เขาต้องดูแลอีกสองคน แต่เขาสังเกตสายตาของเด็กหนุ่มที่สวมหมวกว่ากำลังจ้องมองด้วยสายตาบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ

 

“เอาล่ะ ยินดีที่ได้เจอรู้จักทั้งสองคน ค่ายฮาล์ฟบลัดขอต้อนรับอีกครั้ง”

“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสองคนขานตอบกันทันที

เพอร์ซีย์มองการพูดของทั้งสองอย่างสงสัย ก่อนจะพูดต่อ “เอ่อ...ที่นี่จะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับพวกเธอ กฎของที่นี่อาจจะเคร่งมาก เพราะเราไม่อยากเสียใครไปอีก ถ้าไม่ทำตามกฎ!”

“เสียใครไปอีก มีคนตายหรือขอรับ?โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยในคำพูดของผู้พ่อขึ้นมาทันที

“เปล่านะ แค่พวกเขาหายตัวไปเมื่อ 6-7 ปีก่อนนะ แต่พวกเขาก็กลับมาอยู่ในความดูแลของเราแล้วนะ ถึงจะแค่บางส่วนก็ตามทีนะ”

โพรทาเลียยกคิ้วขึ้นเชิงสงสัยเลยว่าในค่ายนี้มีคนหายไปเมื่อ 6-7 ปีก่อน ทำให้เธอนึกถึงพวกเพื่อน ๆ ที่อยู่บนเกาะด้วยกันมาก่อนเลย เพราะพวกนั้นก็โผล่มาเมื่อ 6-7 ปีก่อนเหมือนกัน ถ้าเป็นพวกนั้นจริง ๆ เธอคงฮ่ามาก ๆ แน่

“ฉันเรียกคนของบ้านหมายเลข 11 มาแล้ว เพื่อรับตัวพวกเธอไปที่บ้านพักเพื่อพักผ่อน ส่วนเรื่องสายเลือด พวกเธอคงต้องรอตรวจสอบว่าพวกเธอเป็นลูกของเทพคนไหนน่านะ”

“ตรวจสอบ!?โพรทาเลยตาตื่นเลยว่าตัวเธอจะโดนตรวจสอบเรื่องสายเลือดเหรอ แต่ก็สงสัยว่าจะโดนตรวจสอบแบบไหน

“ใช่แล้วล่ะ พวกเทพจะมองดูเราว่าใครกันที่เป็นลูกพวกเขา ที่จริงพวกเขาดูเราตลอดนั้นล่ะ ถ้าเด็กเหล่านั้นเป็นลูกพวกเขานะ” เพอร์ซีย์อธิบายให้เด็กทั้งสองฟัง

“แบบนี้เอง”

โพรทาเลียโล่งใจที่พ่อพูดแบบนั้น เพราะเธอนึกว่าจะโดนตรวจอย่างละเอียดแบบทางการแพทย์ของโลกมนุษย์ที่เธอเห็นไม่นานมานี้ ถ้าพ่อรู้ว่าเธอเป็นใครคงวุ่นวายแน่ ๆ

“ใช่ งั้นรอสักครู่นะ เดียวผู้ดูแลของพวกเธอจะมา งั้นขอบใจมากนะ อาร์เธอร์ที่พาเด็ก ๆ กลับมาปลอดภัย”

“ครับ คุณเพอร์ซีย์ ผมขอตัวนะครับ ลาล่ะทั้งสองคน”

 

อาร์เธอร์โบกมือให้เด็กทั้งสองคนก่อนที่เขาจะออกไปจากตรงนั้น อาร์เธอร์เดินกลับไปแล้ว เพอร์ซีย์มายืนข้าง ๆ เด็กพร้อมกับรอเด็กบ้านเฮอร์มีส โพรทาเลียใช้หางตามองพ่อที่มายืนอยู่ข้าง ๆ เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ข้าง ๆ เขาอีกครั้ง ความรู้สึกของเพอร์ซีย์รู้สึกว่ามีคนมอง จนหันไปเห็นเด็กหนุ่มแอบมองเขาอยู่ เขาเลยลองถามเด็กหนุ่มดู

 

“มีอะไรหรือเปล่า?

“อ๊ะ...เปล่าขอรับ...” โพรทาเลียตกใจที่เขาถามแบบนั้น จนเธอหันหน้าหนีทันที “ท่านแจ็กสันเป็นผู้ดูแลของที่นี่ นานแค่ไหนแล้วหรือขอรับ?

“อ๋อ...ฉันทำมา 4 ปีแล้วนะ”

“ว้าว...คงเหนื่อยน่าดูเลยนะขอรับ...”

พอเด็กหนุ่มพูดแบบนั้น ทำให้เพอร์ซีย์สงสัยในการพูดของเด็กหนุ่ม “ใช่...เหนื่อยเหมือนกัน...ขอบคุณที่ถามนะ”

“ขอรับ...เอ่อ...ท่านเพอร์ซีย์เหมือนพ่อข้า...ข้าเลยห่วง ทำงานหนักไปจะแย่เอานะขอรับ”

“งั้นเหรอ ขอบใจที่ห่วงนะ” เพอร์ซีย์มองเด็กหนุ่มอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายห่วงเขา ก่อนจะมีความคิดบางอย่างจึงถามเด็กหนุ่มออกไป “พวกเธอเคยอยู่ที่ไหนมาก่อนนะ?

“เอ๋!? เอ่อ...” โพรทาเลียถึงกับกังวลเลยว่าจะพูดยังไงดี “เอ่อ...มันอธิบายยากนะขอรับ...”

“ก็ลองอธิบายดูสิ เพื่อฉันจะได้เข้าใจพวกเธอ” เพอร์ซีย์รอฟังเด็กชายพูด

 

ความคิดในหัวของโพรทาเลียกำลังปั่นป่วนไปหมดว่าจะพูดยังไงว่าพวกเธอมาจากไหน เกิดบอกไปว่ามาจากเกาะที่แซเทิร์นควบคุมแล้วขังเธอไว้คงโดยมองแปลก ๆ แน่ ระหว่างที่เธอกำลังสับสนนั้น เทพีอลิซ่าเบ็ธก็เอียงตัวมองผู้อำนวยการค่ายแล้วพูดบางอย่างออกมา

 

“เอ่อ...ตอบยากที่เราจะบอกว่าเคยอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ”

“หือ!?” โพรทาเลียหันไปมองเทพีที่จู่ ๆ เกิดพูดบางอย่างออกมา

“ทำไมเหรอ?

“คือ...เราเคยอยู่ในสถานที่หนึ่งแล้ว เราก็มาโผล่ยุคนี้เจ้าค่ะ”

เพอร์ซีย์ฟังคำพูดเด็กสาว เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย “หมายความว่าพวกเธออยู่มานานแล้วนะเหรอ?

“เจ้าค่ะ สถานที่ที่เราเคยอยู่ เมื่อก่อนมันยังเป็น โลตัสราตรี แต่พอออกมามันก็กลายเป็นโลตัสกาสิโนไปแล้วนะเจ้าค่ะ”

“ว้าว แปลว่าพวกเธออยู่นานมากเลยนะนั้น ฉันเคยเข้าไปอยู่นั้นนะ หลายวันเหมือนกัน เกือบเอาตัวไม่รอดเลยล่ะ”

“จริงหรือขอรับ!!” โพรทาเลียตาลุกวาวทันที พอเป็นเรื่องของอีกฝ่ายเธอก็สนใจขึ้นมาทันที

“ใช่ ตอนนั้นฉันแค่ 12 เองนะ” เพอร์ซีย์หันไปทางเด็กหนุ่มที่ดูสนใจเขา คงเพราะเขาเหมือนพ่อของเด็กชาย “เธออยากฟังเหรอ?

โพรทาเลียพยักหน้าทันที “ข้าอยากฟังขอรับ!”

 

สีหน้าของโพรทาเลียในฐานะคีย์ ตอนนี้คงเหมือนลูกหมาน้อยที่อยากฟังเรื่องราวที่น่าสนุกของอีกฝ่าย แต่ระหว่างที่คุยกันก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาทางนี้ พวกเขาทั้งสามคนหันไปมองต้นเสียงที่กำลังวิ่งมาทางนี้ อีกไม่กี่เมตรเขาก็ใกล้มาถึงพวกเขา แต่อีกท่าไหนไม่รู้ คนที่กำลังวิ่งมากับสะดุดขาตัวเองล้มสไลด์มาตรงหน้าพวกเขาทันที โพรทาเลียกับเทพีอลิซ่าเบ็ธมองอย่างตกใจว่านั้นคืออะไรกัน เพอร์ซีย์ส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ กับชายหนุ่มเหมือนเขาเคยไปทำอะไรผิดร้ายแรงมา

 

โพรทาเลียเดินไปใกล้ ๆ อีกฝ่าย แล้วย่อตัวลงไปหาอีกฝ่าย "เจ้าไม่เป็นไรนะ? "

 

โพรทาเลียถามชายตรงหน้าที่ล้มอยู่ แต่ดูจากสภาพอีกฝ่ายน่าจะมีเจ็บมั้งล่ะ พอสิ้นคำถามของเธอ ชายตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ พอเธอเห็นใบหน้าอีกฝ่ายทำให้เธอนึกถึงคนรู้จักของเธอขึ้นมา ชายตรงหน้ามีผมเซ่อ ๆ สีน้ำตาลยาวระดับประบ่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าหล่อเหลา เสื้อผ้าเหมือนนักบินสมัยก่อนที่ชอบใส่เสื้อกั๊กหนังสีน้ำตาล เสื้อสีส้ม ถุงมือ และกางเกงผ้าสีเขียวขี้ม้าอ่อน ๆ ชายตรงหน้าจ้องมองเธอแล้วส่งยิ้มออกมา

 

“ฉันไม่เป็นไรนะ แค่นี้เองล้มหนักกว่านี้ยังเคยเลย สบายมาก” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาปัดฝุ่นดินเต็มตัวไปหมด

“ไม่เจ็บจริงหรือ?โพรทาเลียดูเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาเลยทีเดียว

“ไม่เจ็บ ๆ” ชายหนุ่มยิ้มจนเห็นฟันที่มีเขี้ยวเล็กน้อย “พวกเธอเป็นเด็กใหม่สินะ”

“ใช่ ข้าคีย์ วันเดอร์เลอร์ ส่วนนั้นพี่สาวข้า ลิซ่า วันเดอร์เลอร์” โพรทาเลียยื่นมือไปหาอีกฝ่ายเพื่อจะทักทาย

“คีย์ วันเดอร์เลอร์!?

 

เพอร์ซีย์สะดุดกับชื่อของเด็กหนุ่ม ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ถามชื่อของพวกเขาจากนิโคมาเลยไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่พอพวกเขาแนะนำตัวกับคนมาใหม่ ทำให้เพอร์ซีย์ขมวดคิ้วสงสัยทันที ในหัวเขาตอนนี้มีความคิดหลายอย่างออกมา อย่างสงสัยว่าเด็กตรงหน้าเป็นใครกันถึงมีชื่อว่า คีย์ วันเดอร์เลอร์ได้ เพราะชื่อนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นยิ่งนามสกุลยิ่งหายากจริง ๆ สำหรับบ้านแจ็กสัน เขาเคยสอนเด็ก ๆ ว่า คีย์วันเดอร์เลอร์ คือการขอความช่วยเหลือ เพอร์ซีย์คงต้องจับตาดูเด็กคนนี้สักหน่อยแล้ว

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คีย์ ลิซ่า” ชายคนนี้จับมือคีย์และลิซ่าที่เดินเข้ามาหา “ฉัน โทมัส วาโอเยอร์”

“วาโอเยอร์!!” พออีกฝ่ายพูดนามสกุลตัวเองออกมาทำเอาโพรทาเลียอึ้งไปเลย “เจ้า!!”

โพรทาเลียจับแขนอีกฝ่าย เธอไม่นึกว่าจะเจอชายที่มีนามสกุลที่เธอตามหาอยู่ตลอดเวลา โทมัสตกใจที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็จับแขนของเขาขึ้น

“เย้ย!? มีอะไรเหรอ? คีย์ ฉันตกใจหมด!”

“เจ้านะ รู้จักคนชื่อ อีธาน วาโอเยอร์ไหม!?โพรทาเลียถามชื่อของคนที่เธอตามหาอยู่

“อ๋อ รู้สิ ก็ฉันเองนะ” เขาเอานิ้วชี้ที่ตัวเองทันที

“เอ๋...นายเหรอ?โพรทาเลียปล่อยแขนจากอีกฝ่ายตอนแรกอีกฝ่ายบอกชื่อว่าโทมัส ไม่ใช่ อีธาน นี่น่า

“ใช่ พอดีฉันมาเปลี่ยนชื่อตอนเด็ก ๆ นะ จากอีธานเป็นโทมัสแทนนะ นายรู้จักชื่อเก่าฉันได้ไงเหรอ?โทมัสขมวดคิ้วอย่างสงสัยคีย์ที่รู้จักชื่อเก่าเขาได้ยังไง แต่ก็มีอีกความคิดหนึ่งขึ้นมา

 

โพรทาเลียจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าจนภาพซ้อนของใครบางคนแฝงเข้ามา ทำเอาเธอยิ้มออกมาเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้าช่างคล้ายกับคนที่เธอคิดถึงสุด ๆ สีหน้าของโพรทาเลียดูเศร้า ๆ เธอหันไปหยิบของบางอย่างจากกระเป๋าคาดเอว เธอล้วงมือเข้าไปลึกมาก ๆ โดยที่กระเป๋านั้นเล็กนิดเดียวจนชายทั้งสองที่พึ่งเคยเห็นของแบบนั้นก็อึ้ง ๆ แต่กระเป๋าแบบนั้นดันคล้าย ๆ กับกระเป๋าชายคนหนึ่งที่ไม่อยู่ในค่ายนี้ โพรทาเลียหยิบบางอย่างออกมาแล้วแอบไว้ในมือ แล้วจับมืออีกฝ่ายพร้อมกับวางสิ่งบางอย่างลงบนมือของโทมัส ความรู้สึกเย็นลงบนมือของเขา เมื่อมืออีกฝ่ายหลบออกไป สายตาของโทมัสก็อ้ำอึ้งไป สิ่งตรงหน้านั้นคือ จี้สร้อยคอของแม่เขา

 

“นายไปได้จี้นี้มาได้ไง?โทมัสเงยหน้ามองอีกฝ่าย สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นมา “จี้...ของแม่ฉัน...ดีแลนเป็นคนถือมัน...ก่อนจะหายตัวไป...”

สถานการณ์ตอนนี้โคตรตึงเครียดสุด ๆ เพอร์ซีย์มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน เพราะโทมัสตามหาน้องชายที่ชื่อดีแลนมานานแล้ว ทำให้เพอร์ซีย์สงสัยเลยว่า คีย์รู้จักกับดีแลนด้วยเหรอ

โพรทาเลียมองอีกฝ่าย เธอถอนหายใจหนึ่งครั้ง “เพื่อนคนสำคัญของข้าบอกว่าให้นำจี้มาให้พี่ชายของเขา ก่อนที่เขา...”

“ก่อนที่เขา...?โทมัสพูดทวนอีกครั้ง เขาไม่ได้อยากได้ยินเลยว่าน้องชายเขาเป็นอะไรไป

“จะตายจากไป...”

โทมัสได้ยินถึงกับหน้าซีดทันที การได้ยินจากคนที่ไม่รู้จักพูดถึงน้องชายเขา ทำเอาเขาอึ้งมาก ๆ เขากำจี้ไว้ให้มือของเขา

“แล้วก่อนตาย...เขา...ทรมานไหม?

โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น มันจุกไปทั้งหน้าอกของเธอ การที่ต้องพูดถึงคนที่เธอคิดถึงมาก ๆ ใบหน้าของเขาก่อนตายยังตราตรึงอยู่ในหัวของเธอ น้ำตาของเธอไหลออกมาจนเธอต้องเช็ดมันออกไป เธอส่ายหน้าก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

“เขายิ้ม...ก่อนจะจากไป…”

“งั้นเหรอ...ขอบใจนะ...ที่อยู่ข้าง ๆ น้องฉันก่อนจะจากไปนะ”

“อืม...ข้าขอโทษทีปกป้องเขาไม่ได้...ถ้าตอนนั้นข้าไม่ประมาทเขาก็คงไม่ต้องเอาตัวมาบังข้าน่านะ”

โพรทาเลียก้มหน้าแบบเศร้าใจ เพราะถ้าตอนนั้นดีแลนไม่เข้ามา ตอนนี้ก็คงได้กลับมาหาพี่ชายแล้วในตอนนี้ โทมัสมองอีกฝ่ายก่อนจะแตะไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ

“อย่าโทษตัวเองเลยนะ นายไม่ผิดนะ น้องชายฉันก็คงพูดแบบนั้นนะ”

โพรทาเลียเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เธอเช็ดมันยังมันก็ไหลออกมา จนโทมัสรู้สึกกังวลเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปลูบหลังปลอบอีกฝ่าย

“เห้ย! อย่าร้องสิ เดียวดีแลนมาเล่นงานฉันพอดี”

 

ภาพตรงหน้าของเพอร์ซีย์นั้นมันช่างรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้แบบนั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมา เทพีมองคนข้าง ๆ ที่กำลังจ้องมองภาพตรงหน้า เธอมองเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนคนชรามองเหล่าเด็ก ๆ เจอเหตุการณ์ที่ตนเองต้องเจอกัน แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ต้องเจอพี่ชายของดีแลน เพราะโพรทาเลียเศร้าใจมาตลอดที่ต้นเหตุทำให้ดีแลนตายจากไป เทพีอลิซ่าเบ็ธคิดบางอย่างได้ เธอหันกระเป๋าเป้มาหาตัวเองแล้วหยิบบางอย่างออกมามันเป็นกล่องไม้ขนาดยาวที่ใส่โหลอัฐิไว้ แล้วข้างในนั้นคืออัฐิของดีแลน พวกเธอเก็บมันอย่างดีมาตลอดหลังจากเผาศพของดีแลน เธอเดินตรงไปหาทั้งสองพร้อมกับยื่นกล่องนั้นให้โทมัส

 

“โทมัส ข้าเสียใจเช่นกันที่เจ้าเสียน้องชาย อ๊ะ นี่...”

“นี่คือ...?โทมัสมองกล่องที่อีกฝ่ายยื่นให้

“พวกข้าทุกคนเผาศพดีแลน ก่อนที่พวกปีศาจจะตามมากัน แล้วนำเขาไว้ในโหลอัฐิ รอคุณจะพาเขากลับยังที่ที่เขาจากมา”

โทมัสมองกล่องตรงหน้าแล้วรับมันมาไว้ใกล้ ๆ ใบหน้าของเขาทำหน้าเศร้าออกมา

“นายกลับมาหาพี่แล้วนะ ดีแลน”

 

โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่กำลังเศร้าใจอยู่ ก่อนที่เธอจะนึกบางอย่างได้อีก ก่อนจะค้นหาของในกระเป๋าคาดเอว เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา เพอร์ซีย์มีความอยากรู้เขาเอียงคอมองหนังสือเล่มนั้นอย่างสนใจ เขาเห็นลวดลายบนหนังสือนั้นมันคล้ายกับหนังสือที่เขาซื้อให้ลูกสาวไม่มีผิด แต่อีกฝ่ายมีสิ่งที่คล้ายลูกสาวเขาได้ไง เพราะลูกสาวบอกเสมอว่าเก็บไว้อย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นลูกสาวเอาออกมาใช้เลย โพรทาเลียหยิบรูปที่คั่นหนังสือไว้ยื่นให้อีกฝ่าย

 

“คือข้าเคยถ่ายรูปเขาไว้ เลยอยากส่งให้พี่ชายของเขานะ”

 

โทมัสได้ยินแบบนั้นเขารับรูปถ่ายของน้องชายเขาที่เขาไม่ได้เจอมาอย่างยาวนาน ภายในภาพเป็นรูปดีแลนที่มีอายุ 12 ปี เด็กชายผมสั้นสีน้ำตาลดวงตาสีน้ำตาล พร้อมกับใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมมาก ๆ พอโทมัสเห็นรูปดีแลนเขาถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไว้ ก่อนที่เขาจะเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มออกมา

 

“ขอบใจทั้งสองคนนะ ที่ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะ ตอนนี้ดีแลนก็อยู่กับฉัน...อยู่ในใจตลอดไป”

โพรทาเลียกับเทพีอลิซ่าเบ็ธพยักหน้าทันที ทั้งสองดีใจที่อีกฝ่ายไม่อมทุกข์กับคนที่จากไป เพอร์ซีย์เห็นว่าเด็กพวกนั้นเลิกเข้าโหมดเศร้าแล้ว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าทุกคนรู้สึกเศร้ากันอยู่ แต่วันนี้ต้องทำอะไรอีกเยอะกับอนาคตข้างหน้า โทมัสเธอพาลูกบ้านคนใหม่ของเธอไปบ้านหมายเลข 11 เพื่อพาไปพักผ่อน หลังจากนี้ทั้งสองคนจะทำอะไร เธอก็พาไปละกันนะ”

“ครับ!!” โทมัสรับคำสั่งพร้อมกับเตรียมตัวพาทั้งสองคนไปบ้านพัก “งั้นไปกัน!”

“อ๋อ เดียว! อีกเรื่องหนึ่ง” เพอร์ซีย์พูดเพื่อหยุดเด็ก ๆ

”พวกเธอสองคนจงจำกฎของที่นี่ไว้ให้ดี ๆ ข้อ 1 ห้ามออกไปนอกข้างนอกยามดึก ข้อ 2 อย่าแม้แต่จะออกไปนอกค่ายเด็ดขาด ถ้าไม่ใช่ภารกิจของพวกเธอ เข้าใจนะ?เพอร์ซีย์มองเด็กทั้งสองคนที่กำลังฟังกฎที่อีกฝ่ายพูด

แต่โพรทาเลียหยีตามองพ่อ อย่างสงสัยว่าข้อสุดท้ายนี้ต้องมีคนเยอะแน่ ๆ “ข้อสุดท้ายนี้เหมือนถึงห้ามก็มีคนออกไปเลยนะขอรับ?

เพอร์ซีย์หันมองเด็กน้อยด้วยสีหน้ายิ้มมุมปากก่อนจะขำในลำคอ “หึ ๆ จริงของเธอ คีย์ เพราะตอนฉันมานี้ครั้งแรกฉันก็ผิดกฎของนี้ไปแล้วล่ะ”

“เอ๋?

น้ำเสียงของโพรทาเลียดูแปลกใจที่พ่อของเธอนั้นก็เคยผิดกฎข้อนั้นด้วยเช่นกัน ทำเอาเธออยากผิดกฎข้อนี้ขึ้นมาแล้วสิ เพอร์ซีย์มองเด็กหนุ่มก็ยิ้มหน่อย ๆ

“แล้วตอนนั้นออกไปทำอะไรเหรอคะ?เทพีอลิซ่าเบ็ธก็สงสัยเหมือนกัน

“อ๋อ...พอดีตอนนั้นแม่ฉันโดนเทพฮาเดสลักพาตัวไปอยู่ที่นรกนะ ฉันเลยต้องไปช่วยท่าน เพราะพวกเขาเข้าใจผิดว่าฉันเอาสายฟ้าของซุสไปเลยต้องการได้จากฉันนะ”

“โอ้!! แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อหรือขอรับ?โพรทาเลียสนใจแบบสุด ๆ เพราะเรื่องนี้พ่อไม่เคยเล่าให้ฟังเลย

“ก็...เรื่องมันเยอะเล่าไม่หมดหรอกนะ ไว้คราวหน้าละกันเจ้าหนู”

“โธ่~โพรทาเลียแอบเซ็งเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับย่าของเธอ

“เอาล่ะ ๆ ทั้งสองคนไปเถอะ คุณแจ็กสันต้องทำงานอีกเยอะ” โทมัสเข้ามาขัดพร้อมกับโอบไหล่ของทั้งสองออกจากจุดนั้น

 

พอทั้งสองโดนโทมัสลากออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด ระหว่างที่กำลังเดินออกไปนั้น เธอแอบหันไปมองพ่อสักเล็กน้อย เธอไม่นึกว่าจะได้เจอพ่อเร็วขนาดนี้แถมยังได้ฟังอะไรสนุก ๆ ที่เธอไม่เคยได้ยินอีก ระหว่างที่เด็ก ๆ เดินออกไปนั้น เพอร์ซีย์หันไปมองพวกเขา เขาจ้องมองคีย์ที่หันมามองที่เขา ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกอยากยิ้มที่เห็นเด็กคนนั้นหันมามอง แต่ใบหน้าอีกฝ่ายนั้นคล้ายคลึงกับลูกสาวเขาจน ทำให้นึกถึงลูกสาวขึ้นมา พอพวกเด็ก ๆ เดินออกไปไกลจากตรงนั้น เพอร์ซีย์ก็กลับเข้าข้างในบ้านใหญ่ไป

 

ระหว่างที่เดินไปตามทางอยู่นั้น โทมัสแอบสนใจเรื่องของน้องชายเลยเข้าไปถามคีย์ตรง ๆ ว่าน้องชายเขาเป็นยังไงมั้งตอนอยู่กับพวกเขา โพรทาเลียอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องพูดถึงดีแลน แต่ว่าเธอก็ยอมเล่าเรื่องดีแลนให้อีกฝ่ายฟัง แต่ก็ต้องเก็บเรื่องที่พวกเขาเคยโดนแซเทิร์นจับตัวไป เพราะถ้าบอกไปว่าพวกเขาถูกแซเทิร์นจับกุมไว้ในเกาะลอยน้ำไปทั่วโลกนั้นขึ้นมาคงมีเรื่องเพิ่มขึ้นอีกแน่ ๆ ระหว่างเดินกันไปเรื่อย ๆ โพรทาเลียเห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นและเคยเห็นอยู่บ้าง จนกระทั่งพวกเขาเดินมาเจอ ชายร่างสูงที่ครึ่งหนึ่งเป็นคนครึ่งหนึ่งเป็นม้าสีขาว พอโพรทาเลียเห็นใบหน้าอีกฝ่ายช่างคล้ายกับอาจารย์ที่เคยสอนเธอมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนเธอเผลอพูดออกมาเบา ๆ

 

“เหมือนอาจารย์เลย...”

เทพีอลิซ่าเบ็ธก็มองชายตรงหน้า จริงของโพรทาเลียที่เซนทอร์ตนนี้เหมือนอาจารย์ของโพรทาเลีย เธอเดินมากระซิบข้าง ๆ โพรทาเลีย

“จริงด้วยเหมือนมาก ๆ เลยล่ะ”

“ใช่...โคตรเหมือน”

“สวัสดีครับ ไครอน” โทมัสยกมือทักทายอาจารย์แห่งค่ายนี้

“ไง โทมัส...” ไครอนมองโทมัสก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยสองคนที่เขาไม่คุ้นหน้า “แล้วเด็กสองคนนี้?

ทั้งสองโค้งให้อีกฝ่าย ทำให้ไครอนแปลกใจกับท่าทางที่ไม่ได้เห็นมานานนับหลายศตวรรษ เขาก็โค้งให้ทั้งสองเล็กน้อย

“เด็กใหม่ครับ ไครอน เด็กหนุ่มชื่อ คีย์ วันเดอร์เลอร์ แล้วหญิงสาวชื่อ ลิซ่า วันเดอร์เลอร์ พวกเขาต้องไปอยู่บ้านเฮอร์มีสก่อน ระหว่างรอการพิจารณาจากเทพนะครับ”

“อ๋อ งั้นยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคน ไว้เจอกันในคาบเรียนของข้าล่ะ ขอให้โชคดีนะเด็ก ๆ”

“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสองขานตอบอีกฝ่าย

ไครอนหยุดเดินสักแป๊บที่ได้ยินเสียงขานตอบของทั้งสอง ก่อนจะเดินไปต่ออย่างเงียบ ๆ โพรทาเลียกับเทพีอลิซ่าเบ็ธมองกันอย่างสงสัยว่ายังมีเซนทอร์ตนอื่นอีกไหม โพรทาเลียหันไปถามโทมัส

“นี่ โทมัส นอกจากไครอนคนนั้น ยังมีเซนทอร์ตนอื่นอีกป่ะ?

“หือ?โทมัสหันไปมองคีย์ทันที “อ๋อ มีสิ แต่พวกนั้นไม่เหมือนอาจารย์นะ พวกนั้นก้าวร้าวกว่า แต่ไม่ได้อยู่ในค่ายนะ”

“โอ้~

 

การได้คำตอบทำให้โพรทาเลียคิดเลยว่าดีที่มีแค่อาจารย์ของเธอกับชายคนเมื่อกี้ยังมีสติดีไม่ก้าวร้าวล่ะนะ พวกเขาเดินออกไปจากตรงนั้น ระหว่างที่เดินกันไปนั้นก็มีก็เจอกับตึกสถานที่หนึ่งที่ไม่มีคนเข้าใกล้เท่าไร แล้วมีโลหะเต็มสถานที่นั้นจนน่าสงสัย แต่พอโพรทาเลียจ้องมองก็แอบสนใจอยากประดิษฐ์อะไรขึ้นมา เพราะตอนเด็ก ๆ เธอชอบสร้างอะไรอยู่คนเดียวจนพ่อแม่สงสัยว่าเธอจะสร้างอะไรออกมา ทำให้โดนแซวว่าลูกเป็นสายเลือดเฮเฟตัสไหมจนทำเอาเธอขำทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าเทพนั้นมีจริงแล้วทำไมพ่อแม่ชอบพูดแบบนั้น

 

เธอยืนจ้องมองอยู่สักพักก่อนจะถามทั้งสองคนที่เดินไปก่อนหน้าแล้ว ถ้าไปที่บ้านพักแล้วเก็บของเสร็จเธอคงขอให้โทมัสพาเธอไปเที่ยวรอบ ๆ ค่าย เพื่อดูว่ารอบ ๆ ค่ายมีอะไรมั้ง ระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับจุดที่เห็นคนอื่น ๆ กำลังยกอาวุธออกมา ทำให้รู้ว่านี้คือคลังแสงจนพวกเขาเดินไปอีกไม่ใกล้ พวกเขาเดินไปสักระยะก็เห็นบ้านเรือนต่าง ๆ เต็มไปหมด จนโพรทาเลียเอ่ยขึ้นมาอย่างตะลึงกับบ้านต่าง ๆ

 

“นี่นะเหรอ...ที่พักของมนุษย์กึ่งเทพ?

 

จบตอนที่ 3 โปรดติดตามตอน 4 ต่อไป