ตอนที่ 93 กาลเวลาที่บิดเบี้ยว

‘จงตื่นขึ้นเถิด บุตรแห่งเรา…’

‘เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย จงตื่นขึ้นเถิด’

‘จงตื่นขึ้น!!’

 

ดวงตาเปิดกว้างทันใดด้วยความตกใจ รูม่านตาหดตัวลงจนเล็กนิดเดียว เสียงหายใจหอบอย่างช้า ๆ ม่านตาค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิม เธอจ้องมองเพดานตรงหน้าอย่างงุนงงดวงตาพร่ามัวอยู่ เธอกะพริบตาขึ้นลงอย่างช้า ๆ เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะฝันร้ายถึงเสียงใครสักคนที่ตะโกนให้เธอตื่นขึ้น แต่น้ำเสียงนั้นดูคุ้นเคยมาก ๆ แต่จำไม่ได้เลยว่าเสียงใคร ก่อนที่เธอจะหันหน้าเพื่อนอนต่อ แต่ตรงหน้าของเธอมันมีเตียงว่างอยู่ข้าง ๆ สายตาของโพรทาเลียมองด้วยสายตานิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง เธอกำลังนึกว่าเมื่อวานเธอไม่เห็นว่าข้าง ๆ มีเตียงตั้งอยู่ นอกจากกำแพง ระหว่างที่เธอครุ่นคิดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นยิ่งทำให้ความระแวงระวังของโพรทาเลียถูกกระตุ้นขึ้น จนเธอรีบพยุงตัวขึ้นมานั่งก็เห็นคนที่ไม่คุ้นหน้าเดินผ่านไปเตียงไปเฉย ๆ แต่พวกนั้นก็หันมามองว่าเธอเช่นกันว่าเป็นอะไร โพรทาเลียจ้องมองคนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ ว่านี่มันบ้านฟีนีอุส แล้วทำไมมีคนเดินไปเดินมาได้ก่อนที่เธอจะสังเกตว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่บ้านฟีนีอุสแล้ว เธอจ้องมองผ่านรอบ ๆ ก็เห็นว่าสถานที่ที่อยู่นั้นคล้ายกับบ้านพักที่มีเตียงหลายเตียง แต่สถานที่นี่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ

 

‘ที่นี่...มันที่ไหน...ที่นี่ไม่ใช่บ้านฟีนีอุสนี่น่า...’ โพรทาเลียคิด

 

โพรทาเลียขยี้ตามองอีกครั้งว่าตนเองนั้นไม่ได้ฟันอยู่หรือกำลังละเมอเห็นภาพหลอนใช่ไหม พอปรับดวงตาได้แล้วก็ลืมตาอีกครั้ง เธอก็เห็นข้างหน้ายังเป็นสถานที่เดิมไม่ใช่บ้านของฟีนีอุสหรือเตียงใหญ่ ๆ นุ่ม ๆ ของฟีนีอุส เธอก้มมองเตียงนี่ถึงจะนุ่มแต่เธอไม่รู้สึกถึงความคุ้นชินเลย แล้วก็ข้าง ๆ เธอไม่มีอะไรนอกจากพื้นที่เว้นวางเพื่อเป็นทางเดิน เธอมองตัวเองที่อยู่เตียงเดียวอย่างสับสน แต่ว่าเตียงข้าง ๆ เธอนั้นมีร่างที่คุ้นชินนอนอยู่นั้นก็คือ โฟกัส ที่ยังนอนหลับอยู่ตรงนั้น โพรทาเลียกำลังคิดเลยว่าน้องอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ เธอจะรู้อะไรหรือเปล่า ก่อนที่เสียงผู้ชายคนหนึ่งกำลังคุยกับเพื่อนอยู่

 

“ค่ายนี้น่าเบื่อขึ้นทุกวัน ทำไมคุณดีต้องเรื่องมากด้วยนะ”

“ไม่รู้สินะ ฉันอยากไปอยู่ข้างนอก ถ้าฉันไม่ใช่สายเลือดโพไซดอน”

“ทำไงได้ พ่อเราเป็นโพไซดอนก็ต้องทำใจ”

 

เสียงของสองหนุ่ม ทำให้โพรทาเลียหันไปสนใจบทสนทนานั้นว่ากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตในค่ายนี้ แต่สองคนที่อยู่แถวหน้าต่างนั้น เธอจำไม่ค่อยได้ว่าเคยเห็นในค่ายแล้วยิ่งบอกว่าเป็นสายเลือดโพไซดอน ปู่ของเธอ นั้นยิ่งจำไม่ได้เข้าไปใหญ่ แต่จากบทสนทนานั้นทำให้โพรทาเลียงุนงงว่าใครกันที่ชื่อคุณดี แต่พอนึก ๆ เธอก็จำได้ว่าพ่อเคยพูดถึงตอนเข้ามาในค่ายว่าเป็นผู้ดูแลคนเก่า ถ้าจำไม่ผิดคุณดีย่อมาจากไดโอนีซุสนี่ล่ะ เทพที่อดีตชาติของเธอไม่อยากเจอที่สุด แต่ก็มีข้อสงสัยทำให้เธอคิดขึ้นมาว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

 

‘นี่มัน...เรื่องอะไรกัน แล้วทำไมฉันมาอยู่บ้านหมายเลข 3 ได้กัน’ โพรทาเลียคิด

 

การตื่นขึ้นมาเจอเรื่องที่ทำให้สับสนนั้นยิ่งทำให้โพรทาเลียไม่ชอบการใช้ความคิดมากกว่าการใช้กำลัง เธอลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปหาน้องสาวเพื่อเขย่าตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา

“โฟกัส โฟกัส” โพรทาเลียกระซิบเรียกน้องสาวเบา ๆ

“อืม...อะไร...ขอเวลาอีก 10 นาที...” โฟกัสตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังสะลึมสะลืออยู่

แต่การตอบแบบนั้นของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกโล่งใจว่าอีกฝ่ายยังเป็นน้องสาวของเธออยู่ ก่อนที่เธอจะเขย่าตัวเธอต่อ

“โฟกัสเกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ตื่นเร็ว!”

“เรื่องใหญ่...เรื่องอะไร?

โฟกัสได้ยินคำพูดของพี่สาวมันดูเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือชอบกล เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมองพี่สาวที่ดูหน้าตาตื่นแบบเจออะไรที่น่ากลัว แต่ว่าพี่สาวไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้ เธอค่อย ๆ มองรอบตัวเธอก็เห็นความผิดปกติในทันใด

“เดี๋ยวนะ...หนู...ยังอยู่กับคราวิลนี่น่า...แล้ว...ทำไมมาอยู่ที่บ้านโพไซดอนกัน?

พอโฟกัสพูดแบบนั้นทำให้โพรทาเลียนิ่งไปชั่วขณะพร้อมกับจ้องมองน้องสาวแล้วครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น

“แปลว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่พี่ที่อยู่ผิดที่ เธอก็ด้วยงั้นเหรอ...” โพรทาเลียยิ่งสงสัยไปอีกว่าทำไมทั้งสองคนมาอยู่ที่กัน “แล้วแบบนี้...ใครกันถึงพาเรามายังบ้านโพไซดอนกัน?

“น้องไม่รู้...” โฟกัสส่ายหน้า

คำพูดนั้นทำเอาทั้งสองคนต่างครุ่นคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งชายคนหนึ่งเดินตรงมาทางพวกเธอที่พึ่งตื่นมาก็คุยโวยวายอะไรเสียแล้ว

“ตื่นมาก็โวยวายกันเลยนะ สาว ๆ”

เสียงแทรกอันคุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา สองสาวต่างพากันหันไปมองเจ้าของเสียงที่พวกเธอเคยเจอเมื่อวานนั้น ลูกชายอันดับที่สี่ของบ้านโพไซดอน เดเมียน เรเยส

“เดเมียน?

“หือ?เดเมียนยกคิ้วมองทั้งสองคนก่อนจะกระแอมออกไป “อะแฮ่ม โทษนะ ช่วยเรียกนามสกุลได้ไหม? เราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย”

“ไม่สนิท? เมื่อวานนายยังให้ฉันเรียกว่าเดเมียนได้เลยนี่น่า?

“เมื่อวาน? เมื่อวานเรายังไม่ได้เจอกันเลยนะ เมื่อวานฉันโดนเรียกไปร่วมประชุมหัวหน้าบ้านนะ”

โฟกัสฟังก็สงสัยว่าไปร่วมประชุมโดยที่ตำแหน่งที่ควรไปประชุมมีแต่พี่ชายของเธอเท่านั้น “หัวหน้าบ้าน? เดียวนะ แล้วพี่โอราอุสล่ะ?

“ห๊า? เธอถามถึงหมอนั้นทำไมกัน? สมองเบลอไปแล้วหรือไง ยัยติงต๊อง!”

“นี่ นายว่าน้องฉันติงต๊องเหรอ!?โพรทาเลียตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจที่มาพูดแบบนั้นใส่น้องสาวเธอ

“เดี๋ยว! ใจเย็น ๆ ฉันแค่พูดเล่นเองนะ!”

“พูดเล่นก็ไม่ได้! แต่ทำไมนายไปทำตำแหน่งแทนพี่ชายฉันกัน?

“อะไรของพวกเธอ ฉันได้รับตำแหน่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนแทนโอราอุสนะ แล้วก็อีกอย่างโอราอุสนะ เขาไม่ได้อยู่ในค่ายมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้วนะ”

“เอ๋?

ทั้งสองคนกะพริบตาอย่างตกใจว่าพี่ชายของพวกเธอจะไม่อยู่ในค่ายได้ไงตั้งสองปีก่อน เพราะบ้านพี่ก็อยู่นี้ หน้าที่ของพี่ก็คือหัวหน้าบ้านโพไซดอนนะ แล้วพี่จะออกจากค่ายไปได้ไง แล้วระยะเวลาที่อีกฝ่ายพูดมันไม่เคยเกิดขึ้น จนโฟกัสเอ่ยถาม

“นายจะบอกว่าพี่ฉันออกจากค่ายไปตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนเหรอ?

“ใช่ ก็คนที่อายุเกิน 18 ปีก็ต้องไปใช้ชีวิตของตัวเองข้างนอกค่ายไงล่ะ นี่พวกเธอจำไม่หรือไง?เดเมียนพูดพร้อมกับทำท่านิ้ววน ๆ บริเวณข้างขมับ

 

ทั้งสองคนต่างหันหน้ามองหน้ากัน โฟกัสส่ายหน้าอย่างกับบอกว่าไม่ใช่ความจริงใช่ไหม โพรทาเลียไม่รู้จะตอบน้องสาวยังไง ตอนนี้ใบหน้าของพวกเธอซีดเผือดเหมือนกับเจอผีมาไม่มีผิด โพรทาเลียลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งออกไปข้างนอกบ้าน โฟกัสก็วิ่งไปตามด้วยเช่นกัน จนทำให้เดเมียนตะโกนเรียกทั้งสองคนที่เป็นอะไรถึงรีบวิ่งออกไปข้างนอกกัน ทั้งสองคนพอวิ่งออกมาข้างนอกได้ก็พบกับบรรยากาศของค่ายที่มันช่างน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

 

บรรยากาศเขียวขจีกลับกลายเป็นบรรยากาศมืดมนยิ่งกว่าอะไรเหมือนว่าไม่มีนางไม้ค่อยดูแลป่าเลยสักนิดแถมยังรู้สึกอับชื้นและเหนียวเหนอะไปหมด โพรทาเลียไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้จริง ๆ มันทำให้นึกย้อนกลับไปยังตอนที่อยู่ในปราสาทไม่มีผิด เธอลองสังเกตรอบ ๆ บ้านพักเธอก็ได้เห็นอีกว่าบ้านแต่ละหลังถูกปล่อยร้างจนไม่มีคนดูแล ยิ่งทำให้เธอสงสัยเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน

 

“ทำไม...สภาพค่ายมัน...ดู...”

“มืดมน...และ...รกร้าง...”

“ใช่...”

ทั้งสองคนมองรอบ ๆ อย่างสงสัยว่าทำไมดูมีบรรยากาศแบบนี้ เดเมียนก็เดินตามมาอย่างสงสัยว่าทั้งสองคนเป็นอะไร ก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่รกร้างได้ไง? บ้านบางหลังไม่มีมนุษย์กึ่งเทพสักคนเลยนะ”

“นายหมายความว่าไง?

“พวกเธอนี่ความจำเสื่อมแน่ ๆ แต่ฉันจะเล่าให้ ก็...หลายปีมานี้ใครออกไปทำภารกิจก็จะตายไม่กลับมาอีกนะสิ ใคร ๆ ก็รู้ดี เด็กที่ยังอยู่ที่นี่ถึงไม่ค่อยอยากออกไปทำภารกิจล่ะนะ แต่บางคนก็อยากออกไปเที่ยว ถ้าไม่โดนห้ามหรือกักขังอยู่ที่นี่จนกว่าจะจบปิดเทอม”

ทั้งสองได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกแปลกเข้าไปอีกว่า สถานการณ์ในค่ายก่อนหน้าไม่มีอะไรเลย แล้วอีกอย่างไม่เคยมีคนตายด้วยซ้ำนอกจากคนที่โดนพวกนูอัสจับตัวไป โพรทาเลียนึกคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งพร้อมกับหันไปหาเดเมียน

“คนดูแลค่ายคือใคร!?

“คุณดี!”

“คุณดี ไดโอนีซุสนะเหรอ? เขาออกจากค่ายไปตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ? ซุสอภัยให้เขาไปแล้วนะ!?

“เธอจำอะไรผิดหรือเปล่า? แจ็กสัน คุณดีก็อยู่นี่ตลอด ซุสไม่มีทางอภัยให้เขาง่าย ๆ หรอกนะ”

“ว่าไงนะ?โฟกัสได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งงุนงงว่าเดิม

คำพูดของเดเมียนทำให้โพรทาเลียยิ่งครุ่นคิดไปอีกว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดเข้าให้แล้ว ก่อนที่เธอจะใช้มือทุบหัวตัวเองแรง ๆ

“พี่! ทำอะไรนะ!!” โฟกัสตกใจที่จู่ ๆ พี่สาวทำร้ายตัวเอง

“กำลังทำให้ตัวเองเจ็บเพื่อตื่นไง! เราอาจจะกำลังหลับอยู่ก็ได้นะ!!”

“หลับเหรอ?

“ใช่...แต่...เจ็บอ่ะ...”

โพรทาเลียจับหัวตัวเอง เธอคิดว่าจะไม่เจ็บ แต่มันดันเจ็บเสียแทน นั้นแปลว่าพวกเธออยู่ในโลกความจริงนั้นเอง เดเมียนมองสาว ๆ กำลังทำอะไรบ้า ๆ ก็ส่ายหัวในทันใด

“พวกเธอนี่น่า ทำเอาฉันปวดหัวจริง ๆ เอาล่ะ เข้าบ้านได้แล้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีอยู่...”

“สถานการณ์ไม่ดีหมายความว่าไง?

“เห็นว่า...มีบางอย่างบิดเบี้ยวทำให้เกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นล่ะนะ”

“แล้วทำไมไม่มีใครทำอะไร? แล้วพวกผู้ใหญ่ไม่ทำอะไรหน่อยหรือไง? พ่อแม่ฉันอยู่ไหนกัน?

“พ่อแม่?เดเมียนขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับแจ็กสันคนพี่ “แจ็กสัน เธอลืมไปแล้วหรือไง?

“ลืมอะไร?

“ลืมไปว่า...แม่เธออยู่นอกค่าย เข้าไม่มายุ่งกับค่ายถ้าไม่ฉุกเฉินจริง ๆ ส่วนพ่อเธอ...เขาเสียไปตั้งแต่พวกเธอเกิดไม่ใช่หรือไง?

 

สิ้นคำพูดนั้นทำเอาใบหน้าของทั้งสองคนถึงกับชาไปเลยที่มีคนบอกว่าพ่อของพวกเธอนั้นตายไปแล้ว เพราะเมื่อวานพวกเธอยังเจอพ่ออยู่เลย แล้วพ่อจะตายไปได้ไง โพรทาเลียส่ายหน้าอย่างสับสน เธอไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายก่อนจะหันหลังวิ่งไปสุดกำลังเพื่อไปพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายพูด

 

“พี่ค่ะ!” โฟกัสเห็นพี่สาววิ่งออกไปก็วิ่งตามไปด้วย

เดเมียนเห็นทั้งสองคนวิ่งไปอย่างไม่สนใจสถานการณ์ตอนนี้เลยสักนิด “ทั้งสองคน! อย่าไปไหนสิ! เดียวฉันโดนดุกันพอดี!!”

เขามองข้างนอกอย่างกลัว ๆ เหมือนตัวเองเคยเจอเหตุการณ์ที่อันตรายมาก ๆ เขาได้แต่มองสาว ๆ วิ่งออกไปไม่คิดอะไรเลย

 

เสียงฝีเท้าวิ่งกันอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บหรือเปล่า แต่ทิศทางที่โพรทาเลียกำลังวิ่งไปนั้นคือทิศจากด้านหลังบ้านพักเลขคู่ ตรงด้านไปตามทางเรื่อย ๆ จะเป็นสถานที่บ้านพักอาศัยของเหล่าผู้ใหญ่ทุกคนที่จะมาอยู่ที่นั่น โฟกัสไล่ตามพี่สาวจนปวดขาไปหมด แต่เธอก็มองรอบ ๆ ที่มีสภาพรกร้างกว่าตอนที่เธอเคยมา ยิ่งทำให้คิดเลยว่ามันไม่คล้ายค่ายที่พวกเธอเคยอยู่เลยสักนิด โพรทาเลียวิ่งจนมาถึงจุดหนึ่งจนทำให้เธอหยุดวิ่งอย่างกะทันหัน ดวงตาของเธอนั้นเหม่อลอยเหมือนมองสถานที่ตรงหน้า โฟกัสไล่ตามจนทันก็หยุดวิ่ง แล้วก้มโค้งหอบหายใจอย่างช้า ๆ

 

“แฮก แฮก แฮก พี่...แฮก แฮก หยุดแล้วสินะ...นึกว่าจะไม่หยุด...”

“ไม่มี...” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือจนเหมือนคนที่กำลังอยากจะร้องไห้ออกมา

“หือ?โฟกัสเงยหน้ามองพี่สาว แล้วพยุงตัวตัวตรง “พี่หมายความว่าไงเหรอ?

“ตรงหน้า...”

“ตรงหน้า?

“ตรงหน้าพวกเรา...ที่สถานที่ตั้งบ้านพักอาศัย...”

“เอ๋?

โฟกัสหันไปมองตรงหน้าก็ตกตกตะลึงจนตาโต ภาพตรงหน้าของเธอคือสภาพของป่าที่มีแค่ต้นไม้ พุ่มไม้ โขดหิน หรือทางเดินที่ไม่ค่อยมีคนเดิม โฟกัสเห็นก็รับรู้เลยว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เคยอยู่แล้วจริง ๆ

“ที่นี่มันที่ไหนกัน...?

“โลกคู่ขนานเหรอ?

“เอ๋?โฟกัสหันไปมองพี่สาวที่อยู่ข้าง ๆ “โลกคู่ขนานหมายถึง?

“ก็...รู้ใช่ไหม...แต่ว่า...โครนอสคือเทพแห่งกาลเวลาด้วยใช่ไหม?

“อืม นอกจากเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยวก็เป็นเทพแห่งกาลเวลาด้วย...พี่ถามแบบนี้ทำไม?

“พี่ไม่รู้หรอกนะ...แต่...พี่ว่าสิ่งที่โครนอสเคยสอนให้ฟัง...มันน่าจะเกิดกับเราแล้วล่ะ...”

“หือ?โฟกัสยกคิ้วอย่างสงสัยว่าโครนอสสอนอะไรพี่สาว “หมายความว่าไง?

“พวกเรา...หลุดมาอยู่ในโลกคู่ขนานเสียแล้ว...”

“ว่าไงนะ!!”

 

โฟกัสตกตะลึงกว่าเดิมกับคำพูดพี่ แค่เรื่องว่าสถานการณ์ตอนนี้ผิดเพี้ยนไปหมด แม่กับพี่อยู่นอกค่าย พ่อเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้พวกเธอไม่มีใครพอจะขอความช่วยเหลือได้สักนิด ยิ่งทำเอาเธอรับรู้เรื่องทุกอย่างไม่ไหว จนตอนนี้ขาของเธอสั่นไปหมดจนกำลังจะล้ม โพรทาเลียเห็นก็รีบเข้าไปรับน้องสาวที่จะเซล้มทันที

 

“โฟกัส!”

“ไม่เอาแล้ว...หนูรับไม่ไหว...แค่พี่ ๆ อยู่นอกค่ายยังพอรับได้...นี่มาเรื่องพ่อ...ที่เสียไปแล้วอีก...และมาอยู่ในโลกคู่ขนานที่ไม่ใช่โลกของเรา...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!” โฟกัสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่กำลังหนองดวงตาของเธอ

“พี่รู้นะว่าเรากำลังสับสนนะ พี่ก็สับสนเหมือนกัน...แต่เราต้องหาทางออกจากโลกนี้ก่อนนะ”

 

ไม่ใช่แค่น้องสาวที่กำลังสับสนกับสถานการณ์ตรงนี้ โพรทาเลียก็เช่นกันเธอไม่คิดว่าจะมาเจอกัสถานการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ มันกะทันหันเกินไปสำหรับพวกเธอจริง ๆ โพรทาเลียต้องหาต้นเหตุให้ได้ว่าทำไมพวกเธอสองคนมาอยู่ที่นี่ได้ ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ช่วงเวลาของตนเอง แปลว่าอยู่คนละกาลเวลาของตนเอง มันยิ่งสับสนยิ่งกว่าเดิมว่าเธอจะเรียกช่วงเวลาแบบนี้ว่ากาลเวลาหรือโลกดี แต่เรียกอันไหนก็ไม่สำคัญ

 

หลังจากที่เธอปลอบน้องสาวที่ร้องไห้ออกมาไม่หยุด เธอพาน้องสาวกลับไปยังบ้านโพไซดอนเพื่อพักผ่อนสักหน่อย เพราะถ้าไม่พักสักหน่อยคงได้ไม่มีแรงที่จะหาต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดแน่ ๆ ไม่นานนักโฟกัสก็หลับไปอย่างเงียบ ๆ โพรทาเลียมองน้องสาวอย่างครุ่นคิดว่าตอนนี้พวกเธออยู่ไหน แล้วจะทำยังไง ดีที่ของติดตัวของเธอยังอยู่ ก็แปลว่าโลกนี้กับโลกของเธอยังอยู่ในช่วงของกาลเวลา แต่เธอจะทำยังไงให้กลับไปกาลเวลาของเธอได้ล่ะ

 

“เหนื่อยใจจริง...จะหาจุดเชื่อมโยงได้ไงว่าอะไรเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกัน...” โพรทาเลียนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมกับกำลังเขียนข้อมูลไล่ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ “เมื่อวาน...ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่น่า...หรือว่ามีอะไรเปลี่ยนไป...”

เดเมียนกับชายอีกคนที่โพรทาเลียคุ้นเคยกำลังจ้องมองเธออย่างสงสัย ทำให้โพรทาเลียที่ทำงานอยู่รู้สึกประหลาดสุด ๆ

“นี่...พวกนายจะจ้องฉันอีกนานไหม?

สองหนุ่มสะดุ้งพร้อมกับจ้องมองหน้ากันก่อนจะเดินตรงมาหาโพรทาเลีย แล้วมายืนอยู่ปลายเตียงของเธอ

“นี่ โพรเทีย”

“หือ? ชื่อใครล่ะนั้น?โพรทาเลียถามอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเรียกใครก่อนจะชี้ตัวเอง “โพรเทีย?

“ใช่...หือ? เธอจำชื่อตัวเองไม่ได้เหรอ? หรือว่าที่เดเมียนบอกว่าพวกเธอเสียความทรงจำจะจริง?

“เดียว ๆ แจ็ค เดเมียน...ชื่อฉันคือ โพรเทีย พูดจริงพูดเล่น?

“นั้นไม่ใช่ชื่อเธอแล้วจะชื่อใคร? แต่ก่อนหน้าเมก้า เรียกเธอว่า โพรทาเลีย ด้วยนะ นั้นชื่อเธอเหรอ?

“เมก้า...เดี๋ยวนะ พวกนายบอกชื่อฉันกับน้องได้ไหมว่าชื่ออะไร?

“โพรเทียกับเมก้า”

“อะไรนะ!!”

 

โพรทาเลียไม่นึกเลยว่าในโลกนี้เธอจะมีชื่อที่สั้นมาก ๆ โดยการตัดทาแล้วเปลี่ยนจากเลียเป็นเทีย ส่วนโฟกัสตัวคำหน้าแล้วเปลี่ยนคำหลังซะงั้น ทำเอาโพรทาเลียถึงกับอึ้งไปเลยว่าคนตั้งชื่อต้องเป็นแม่แน่ ๆ เพราะในโลกนี้พ่อของเธอตายตั้งแต่พวกเธอเกิด ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงพ่อมากกว่าเดิม

 

‘พ่อค่ะ...’ โพรทาเลียคิด

 

แจ็คมองหน้าของหญิงสาวตรงหน้าของเขา เขารู้สึกว่าเธอมีความแปลกไปพอควรตั้งแต่หน้าที่มีแผลและร่างกายที่ดูกำยำเล็กน้อย เขานั่งพินิจสักระยะก่อนจะคิดบางอย่างได้ในทันใด ก่อนจะเอ่ยพูดกับอีกฝ่าย

“เธอนะ...ไม่ใช่โพรเทียกับเมก้าใช่ไหม?

เดเมียนได้ยินก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “นายพูดอะไรนะ ทำอย่างกับยัยนี้เป็นอสูรนะ!”

“เงียบปากไป เดเมียน” แจ็คขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าเขา “ว่าไง ที่ฉันถามนะ ใช่ไหม?

โพรทาเลียจ้องมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นออกมาว่ายิ่งทำให้เธอสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายคิดแบบนั้น ก่อนจะเขยิบเข้าหาอีกฝ่าย

“อะไรทำให้นายคิดว่าฉันไม่ใช่โพรเทีย?

“เธอต่างจากโพรเทีย โพรเทียเป็นหญิงสาวร่างผอมบาง ไม่มีบาดแผล ดวงตาอ่อนโยน แต่เธอต่างออกไป เธอดูเป็นหญิงสาวที่ทรงสง่า มีความเป็นนักรบ มีรอยแผล ดวงตาดุจดั่งสิงโต”

“ขอบคุณที่ชม...ใช่...ฉันไม่ใช่ชื่อโพรเทีย...แต่ฉันชื่อโพรทาเลีย...แล้วฉันต้องการขอความช่วยเหลือจากพวกนายเพื่อออกไปจากโลกนี้...ได้ไหมล่ะ?

 

จบตอนที่ 93 โปรดติดตามตอนที่ 94 ต่อไป