92 ตอน ตอนที่ 92 จุดเริ่มต้นของความพินาศ
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 92 จุดเริ่มต้นของความพินาศ
ตกเย็นผู้คนมากมายกำลังทำกิจกรรมของตัวเองกันอย่างสนุกสนาม แต่ทว่าผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ภายในบ้านใหญ่ถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ยิ่งเพอร์ซีย์ไม่อยากให้เด็กที่เขาดูแลอยู่นั้นไม่ต้องเจอเรื่องโหดร้ายเหมือนครั้งนี้อีก ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ทำเอาทุกสายตาหันไปมองประตูที่มีเสียงดังขึ้น ผู้ใหญ่บางคนต่างมองกันอย่างสงสัยว่าไม่มีใครต้องมาแล้วนี่น่า แล้วใครมาเคาะเวลานี้กัน ก่อนที่เพอร์ซีย์จะเอ่ยพูดขึ้นมา
“นั้นใครนะ!?”
เสียงของเพอร์ซีย์เงียบลง ประตูก็กำลังเปิดออกไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเห็นเส้นผมสีดำทองกำลังชะโงกหน้าเข้ามาทำให้พวกผู้ใหญ่โล่งใจที่เห็นว่าคนที่เขามาเป็นเด็กตัวเล็ก แต่บางคนที่เห็นเด็กสองคนนี้ก็มีความสงสัยว่าเป็นลูกหลานใครที่เดินเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไรเลย สายตาของบางคนกำลังจับจ้องหลาน ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างมีความสุข
“เดวิค คาเร็นน่า หลานปู่มาทำอะไรกันเอ่ย~”
เสียงของเจสันดัดเสียงเหมือนคนอารมณ์ดีทำเอาคนอื่น ๆ ถึงกับขนลุกกับเสียงนั้น
‘หลานเจ้าเจสันจริง ๆ ด้วย’ ทุกคนคิด
เด็กทั้งสองได้แต่ยิ้มให้คนเป็นปู่ แต่ความสนใจของพวกเขาอยู่อีกทางจนเดินไปทางอื่นที่ไม่ปู่ของพวกเขา เจสันที่เห็นหลานเดินไปทางอื่นก็รู้สึกหน้าแตกที่หลาน ๆ ไม่มาหาตนเอง แต่ไปหาอีกคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั้นก็คือเพอร์ซีย์ที่จ้องมองหลาน ๆ ที่เดินมาหาตนอย่างสงสัย สายตาของเด็ก ๆ กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตากลมโต จนความรู้สึกภายในของเขานั้นมันจั๊กจี้ไปหมด ก่อนจะโดนท่าไม้ตายของหลานทั้งสองเข้าให้
“คุณตาครับ~ / คุณตาค่า~”
เสียงออดอ้อนของเด็กน้อย ทำให้คนเป็นตาอย่างเพอร์ซีย์รู้สึกหวั่นไหวให้กับเรียกที่ไม่คุ้นชิน สักเท่าไหร่ถึงจะได้ยินมามั้งแต่น้ำเสียงของหลาน ๆ ทำเอาเขารู้สึกใจบางมาก ๆ ในตอนนี้ ผู้คนเห็นสีหน้าของเพอร์ซีย์ต่างพากันจ้องมองว่าเพอร์ซีย์จะทำยังไงกับหลาน ๆ เพอร์ซีย์หันไปมองหลานด้วยท่าทางที่กำลังกัดฟันพูดออกไป
“ละ...หลาน...มีอะไรเหรอ...?”
“พวกเราอยากให้คุณแม่นอนกับพวกเราครับ/ค่ะ!!”
“ก็...ไปนอนสิ ทำไมมาขอตาล่ะ?”
”พวกเราจะไปนอนที่บ้านพ่อครับ/ค่ะ!”
เปรี๊ยะ!!
เสียงสายฟ้าดังขึ้นในหัวของเพอร์ซีย์ทันที เขาอุตส่าห์เคยสั่งแล้วว่าห้ามสองคนนั้นอยู่ด้วยกันแต่นี่หลาน ๆ มาขอให้แม่ของตนไปนอนด้วยแถมยังนอนบ้านเดียวกับเจ้าลูกชายเจสันอีก ทำเอาเพอร์ซีย์ทำหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม แต่ก็ต้องเก็บสีหน้าสักระยะแล้วก้มมองหลาน ๆ อย่างยิ้มแย้ม
“ถ้าอยากนอนกับแม่ทำไมหลาน ๆ ไม่ไปนอนที่บ้านตาหรือไม่ก็บ้านโพไซดอนล่ะ?”
“ไม่เอา! พวกเราอยากนอนกับแม่และพ่อครับ!”
“ใช่ ๆ คุณตาค่า ให้พวกเรานอนกับแม่และพ่อนะคะ”
สายตาออดอ้อนพร้อมกับน้ำตาคลอเป้า ทำเอาคนเป็นตาถึงกับสะดุ้งและไม่กล้าพูดอะไรต่อ จนต้องยอมถอดใจเพื่อยอมแพ้ต่อหลาน ๆ ของเขา
“เฮ้อ...ก็ได้เด็ก ๆ แค่คืนเดียวนะ”
“เย้!! ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณตา!!”
เด็กทั้งสองกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมโดยปล่อยให้พวกผู้ใหญ่มองกันอย่างสงสัย แต่บางคนกับเศร้าใจที่หลานไม่เข้าหาตัวเองเลยสักนิด แอนนาเบ็ธเห็นหลาน ๆ เดินออกไปก็หัวเราออกมาเบา ๆ ที่คนเป็นสามีนั้นยังแพ้สายตาหรือความออดอ้อนของลูกหรือหลานจริง ๆ
“ถึงจะเมื่อไหร่ก็ตามที นายก็แพ้สายตาน่ารักของเด็ก ๆ นะ เพอร์ซีย์”
“เหอะ ๆ ตั้งแต่เอสเทลล่ะ...เด็ก ๆ น่ารักจนฉันใจอ่อนแบบนี้ไง...” เพอร์ซีย์ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้จริง ๆ
“ก็ดีแล้วล่ะนะ เธอถึงรักครอบครัวมาก ๆ ไม่งั้นตอนนั้นถ้าไม่ได้เจสันไปช่วยด้วย เพื่อไปหายามารักษาเบเดอร์และเอเดอร์ เธอคงตายไปแล้วล่ะนะ”
“ก็จริงนั้นล่ะนะ...”
ลงมาชั้นล่างที่ห้องโถงใหญ่ของบ้านพักใหญ่ โพรทาเลียกับฟีนีอุสกำลังรออยู่ ๆ อยู่นั้น โพรทาเลียรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันช่างเงียบมาก ๆ จนเธอไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย พอ ๆ กับฟีนีอุสที่ไม่รู้จะคุยอะไร ทั้งสองคนต่างใช้หางตามองกันก็ทำให้สะดุ้งว่าพวกเขานั้นสบตากันพอดี โพรทาเลียเขินอายสักครู่แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“เอ่อ...ไม่รู้เลยนะ ว่าลูกจะ...อ้อนพ่อฉันสำเร็จไหมนะ...?”
“อ๊ะ...ฉันว่าสำเร็จนั้นล่ะนะ ลูกเธอนี่น่า...”
“ลูก...ของเรา...” โพรทาเลียพูดเปลี่ยนคำของอีกฝ่าย
“อ๊ะ...ใช่...ลูกของเรา” ฟีนีอุสได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
โพรทาเลียเงยหน้ามองใบหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มอย่างเขิน ๆ กับรอยยิ้มนั้น ก่อนจะมีความคิดหนึ่งขึ้นมาในทันที
“เอ่อ...พี่ค่ะ...”
“ฟีนีอุส...” ฟีนีอุสเอ่ยเรียกชื่อของตนเองให้อีกฝ่ายเรียกเขาแบบนั้น
“พอเลย หนูจะเรียกยังไงก็ได้อ่ะ! จะเรียกชื่อ เรียกพี่ เรียกที่รักก็เรื่องของหนู!”
“ที่รัก...” ฟีนีอุสได้ยินคำสุดท้ายก็สนใจในทันใด แล้วพุ่งเข้ามาจับมือของอีกฝ่าย “เรียกแบบนั้นได้ไหม?”
“อ๊ายยยย~ อย่าเข้ามาใกล้แบบนี้สิ!”
ใบหน้าของโพรทาเลียแดงก่ำยิ่งกว่าอะไร ข้างในหัวใจของเธอนั้นเต้นตึกตักอย่างรุนแรงจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองคนกำลังลงบันไดพร้อมกับตะโกนขึ้นมา
“พวกเราทำสำเร็จแล้ว!!”
“คุณตาอนุญาตแล้วค่ะ!!”
โพรทาเลียดันตัวของอีกฝ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว “งั้นเหรอจ๊ะ!”
“พ่อแม่กำลังทำอะไรกันนะคะ?” คาเร็นน่าลงมาเห็นพ่อกับแม่อยู่ใกล้ ๆ กันก็สงสัย
เดวิคเห็นพ่อโดนแม่ดันออกจากตัวก็รู้สึกว่าต้องเป็นแบบที่เขาคิดแน่ ๆ “เอ๋~ หรือว่าพ่อแม่กำลังจะจูจุ๊บกันเหรอครับ!?”
“ตายแล้ว! เดวิคลูกไปเอาคำนั้นจากไหนกัน!!” โพรทาเลียได้ยินก็หน้าแดงในทันใด
“จริงด้วย ๆ ลูกไปเอาคำนั้นจากไหนกัน!” ฟีนีอุสเข้ามาพูดเช่นกัน เพราะมันไม่สมควรจริง ๆ
“จากหนังที่พ่อดูกันนะ มีแต่ฉากจูบกันบ่อยเลยนี่น่า!”
โพรทาเลียได้ยินคำพูดลูกก็หันไปมองอีกฝ่ายที่อยู่ข้าง ๆ ในทันใด “พี่ให้ลูกดูอะไรนะ!!”
“เปล่านะ! ก็เป็นหนังวัยรุ่นหรือเด็กดูได้นะ! แต่ไม่นึกว่าลูกเขาจะ...เอามาจำแบบนั้นนะ...”
“พี่ฟีนีอุส!!!”
“ขอโทษษษษษษษษษษษษ!!!”
หลังจากที่โพรทาเลียจัดการอีกฝ่ายที่ทำให้ลูกจำเรื่องไม่ควรจำ ทั้งสองก็พากันออกจากบ้านใหญ่ พวกเขาเดินไปตามทางยังช้า ๆ ตามทางในค่ายที่มีบางคนยังเดินเล่นหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่ก็ต่างพากันหันมาให้ความสนใจพวกเขาทั้งสี่ที่กำลังจูงมือเดินเล่นกันเพื่อกลับบ้านพักที่ห่างจากบ้านใหญ่พอตัว พวกผู้หญิงบางคนต่างน้ำตาตกจริง ๆ ที่ว่าฟีนีอุสมีลูกอย่างที่เขาบอกจริง ๆ ถึงตอนแรกที่พวกเธอจะไม่เชื่อก็ตามที่จนทำให้โพรทาเลียรู้สึกถึงสายตาต่าง ๆ ที่มองมาทางนี้
“ทำไมทุกคนถึงมองเราแบบนี้นะหรือว่า...” หางตาของโพรทาเลียมองไปคนข้าง ๆ เธอ
“อย่ามองแบบนั้นสิ...”
“ก็พี่เป็นจุดสนใจของผู้คนนี้น่า สูง หล่อ หน้าตาดี เก่ง ฉลาด มีฐานะ มีหรือจะไม่มีคนสนใจชายหนุ่มแบบพี่นะ”
“งั้นโพรทาเลียก็ชอบพี่สินะ”
“แน่ล่ะ...อ๊ะ! นี่อย่ามาหลอกถามกันสิคะ!!” โพรทาเลียถึงกับตะโกนใส่อีกฝ่ายในทันใด
“คิก ๆ คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักจริง ๆ นะ”
“อยากอ้วกกับช่วงเวลานี่จริง ๆ” เดวิคทำหน้าอยากอาเจียนสุด ๆ
“พี่ห้ามอ้วกนะ! แม่พี่จะอ้วก!!” คาเร็นน่าเห็นสีหน้าพี่ชายแล้วรีบตะโกนบอกแม่ในทันใด
โพรทาเลียได้ยินก็ย่อตัวลงตรงหน้าของลูกทันที “เดวิคไม่สบายเหรอ?”
“เปล่าครับ ผมแค่ประชดนะ” เดวิคพูดพร้อมกับมองคนเป็นพ่อ
“ลูกคนนี้นี่!!” ฟีนีอุสยกคิ้วขึ้นมาอย่างกระตุก
สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ถึงบางครั้งจะเข้าขากันก็ตามที ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาพอดี
“คุณเกรซ คุณแจ็กสัน”
“หือ?”
พวกโพรทาเลียหันไปมองเจ้าของเสียงก็เห็นเด็กหนุ่มที่โพรทาเลียเคยเห็นหน้าตอนอยู่บ้านเฮอร์มีสก็พอจำได้ว่าใคร
“นาย...ดีลนี่น่า”
“จำผมได้ด้วยเหรอครับ! ดีใจสุด ๆ ผมชื่นชอบนาย...ไม่สิ คุณตั้งแต่ตอนเป็นคีย์แล้วล่ะ ตัวเล็กแต่แข็งแกร่ง กล้าหาญ ผมอยากเป็นแบบนั้นมั้งจัง!”
“ขอบคุณนะ ถ้านายพยายามอย่างเปลี่ยนตัวเอง นายก็ทำได้เหมือนกันนั้นล่ะนะ”
“จริงเหรอครับ! งั้นผมจะพยายามครับ! จริงสิ ผมมีกล้องที่คุณแม่ส่งมาให้ ผมขอถ่ายทั้งสี่คนเป็นการตอบแทนได้ไหมครับ!?”
“จะดีเหรอ? ดีล ค่าทำรูปมันแพงนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับที่บ้านผมมีเครื่องปริ้น เพราะบ้านผมเป็นร้านถ่ายรูปอยู่แล้วนะครับ”
“อ๋อ แบบนี้เอง ถ้าไม่อะไรมากก็ขอรบกวนด้วยนะ” ฟีนีอุสชอบใจเลยอีกฝ่ายจะถ่ายรูปให้
“ครับ!”
ดีลหยิบกล้องขึ้นมาพร้อมกับเตรียมตัวจะถ่ายทั้งสี่คน โพรทาเลียกำลังคิดเลยว่าจะถ่ายท่าไหนดี จนคาเร็นน่าเดินมาหาคนเป็นแม่แล้วอ้าแขนเพื่อให้แม่อุ้ม โพรทาเลียเห็นก็ย่อตัวอุ้มลูกสาวขึ้นมา คาเร็นน่ายิ้มอย่างชอบใจแล้วกอดคนเป็นแม่อย่างมีความสุข เดวิคเห็นก็ทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจสุด ๆ ฟีนีอุสไปอุ้มลูกชายขึ้นมาอยู่ข้างเขา ทั้งสองคนมายืนระยะประชิดพร้อมกับอุ้มลูกอยู่ ดีลเห็นว่าพวกเขาตั้งท่ากันดีแล้วเขาก็กดถ่ายรูปไปหลายภาพจนพอใจ ดีลจะหาโอกาสกลับบ้านตอนไหนจะเอาไปเข้ากรอบให้
“ขอบใจมากนะ ดีล”
“ครับ งั้นเจอกันใหม่นะ!”
ดีลโบกมือลาทั้งสี่คน พวกเขามองอีกฝ่ฝ่ายที่เดินออกไป พอพูดถึงรูปถ่ายทำให้โพรทาเลียอยากเห็นรูปที่ถ่ายกับครอบครัวสุด ๆ
“อยากเห็นเร็ว ๆ แล้วสิ”
ฟีนีอุสได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้ยิ้มอย่างพึงพอใจที่พวกเขากำลังจะมีรูปครอบครัวครั้งแรกแบบนี้ เขายกมือขึ้นพร้อมกับลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
“คิดเหมือนกันเลยนะ”
โพรทาเลียหันมามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ความรู้สึกอบอุ่นของอีกฝ่ายทำให้เธอคิดว่าการมีใครที่ทำดีกับเธอมันช่างรู้สึกดีแบบนี้ แถมคนข้าง ๆ เป็นว่าที่สามีของเธออีก ทำเอารู้สึกถึงความรักมากกว่าเดิมอีก แต่ท่าทางของทั้งสองที่เหมือนกำลังแสดงความรักต่อกันนั้น ทำให้ลูก ๆ ที่กำลังยืนอยู่เงยหน้าจ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน
“ถ้าจู้จี้กัน ผมว่ากลับบ้านดีกว่าไหม? ผมอายคนอื่นเขานะ”
“พี่ค่ะ!” คาเร็นน่าตีแขนพี่ชายในทันที
อ๊ะ!! ลูก ๆ ก็...”
“ทำให้คิดแล้วนะ...ว่าพวกแกอายุ 5 ขวบแน่เหรอ?”
“ฉันไม่รู้นะ แต่ว่า...สิ้นเดือนนี้ก็วันเกิดลูก ๆ แล้วนี่เนอะ”
เด็ก ๆ ได้ยินก็หันขวับไปมองแม่ในทันใด วันนั้นเป็นวันที่พวกเขาเกิดมาดูโลกอันแสนน่าหวาดกลัว
“จริงด้วย ทุกปีเราจัดงานวันเกิดตลอดนี่เนอะ เดวิค”
“จริงครับ! นี่ คาเร็นน่า เราจะได้จัดงานวันเกิดด้วยกันแล้วนะ!!”
“งานวันเกิดที่แม่เคยจัดแบบเล็ก ๆ เหรอ?” คาเร็นน่าได้ยินก็มองคนเป็นพี่ชายอย่างสงสัย
“ไม่จ๊ะ...งานต้องใหญ่กว่างานที่แม่จัดให้...”
โพรทาเลียนึกถึงช่วงเวลาที่เธอจัดงานวันเกิดให้ลูกทั้งสองมันช่างไม่มีอะไรมีแต่แป้งหนา ๆ ที่เอาไปย่างกับแผ่นหินร้อน ๆ คล้ายแพนเค้กแต่มันทั้งหยาบและมีรสชาติหวานจากน้ำตาลเท่านั้น โพรทาเลียย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ลูกสาวแล้วยกมือมาลูบหัวเบา ๆ
“แม่จะให้ลูกมีความสุขกว่าตอนอยู่ที่สถานที่แย่ ๆ นั้น ให้ลูกได้เห็นเค้กที่แม่เคยให้ลูกดูตอนเราเดินทางครั้งแรก”
“จริงนะคะ” คาเร็นน่ามองคุณแม่อย่างมีความหวัง
“จ้ะ”
คาเร็นน่าได้ยินแบบนั้นก็อ้าแขนเข้าไปกอดคนเป็นแม่อย่างมีความสุข โพรทาเลียดีใจที่จะได้สร้างความทรงจำดี ๆ ให้ลูก ก่อนที่พวกเขานั้นจะพากันกลับบ้านของฟีนีอุสไปอย่างเงียบ ๆ กัน ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงบ้าน ฟีนีอุสอุ้มลูกทั้งสองพาไปอาบน้ำจนโพรทาเลียอยากช่วยแต่โดนอีกฝ่ายห้ามแล้วจะพาอาบเอง โพรทาเลียเลยคิดว่าตัวเองคงต้องเตรียมชุดให้ลูก ๆ นั่นแหละ แต่เธอไม่มีชุดให้ลูกนี่สิ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของอีกฝ่ายว่ามีชุดของเด็กไหม ก็เจอชุดเด็กคงจะเป็นของเดวิค เธอก็เตรียมเอาไว้ให้ ไม่นานนักเด็ก ๆ ก็วิ่งกันมาทั้งผ้าเช็ดตัวพื้นเดียว แต่เหมือนวิ่งหนีอะไรมา
“วิ่งหนีอะไรกันมานะ?”
“ก็...”
เดวิคกับคาเร็นน่ามาแอบข้างหลังของคนเป็นแม่ก่อนจะมองทางเข้าประตู โพรทาเลียก็มองตามก็เห็นบางอย่างกำลังเดินมาอยู่หน้าประตู สภาพของชายหนุ่มที่เปียกไปทั้งตัวจนผมยาว ๆ นั้นปกปิดใบหน้าของเขาไปเลย แล้วสภาพที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากโดนคนเป็นลูกใช้พลังสาดน้ำใส่เขา
“ตายจริง...โดนลูกแกล้งเหรอ?”
“แค่จะถูตัวให้...แต่ว่า...คาเร็นน่าเล่นใช้พลังสาดน้ำใส่นี่สิ”
“คิก ๆ บอกแล้วว่าเดียวช่วย...”
โพรทาเลียเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วโบกมือให้น้ำออกจากร่างกายอีกฝ่ายให้กลับไปที่ห้องน้ำจนอีกฝ่ายแห้งเหมือนไม่ได้เปียกมาก่อน
“ขอบใจนะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
โพรทาเลียยิ้มแล้วเดินไปหาลูกทั้งสองแล้วพาลูกแต่งตัวกันอย่างรวดเร็ว พอจัดการให้เสร็จเธอก็ให้ลูกอยู่กับพ่อแค่สามคนเธอก็เตรียมตัวไปอาบน้ำสักครู่ ฟีนีอุสก็เอาชุดของเขามาให้ แต่เป็นชุดสมัยที่เขายังเด็กให้อีกฝ่าย
“ฉันว่าเสื้อผ้าตรงนี้นะ...”
“ขอบคุณค่ะ” โพรทาเลียพูดพร้อมกับเปิดฝักบัว
ฟีนีอุสยังยื่นอยู่ข้างนอกห้องน้ำก่อนจะคิดบางอย่างแล้วเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายที่กำลังอาบน้ำอยู่
“ก่อนหน้านั้นเหมือนเธอจะถามอะไรฉันหรือเปล่า?”
“อ๊ะ...เกือบลืมเลย...” โพรทาเลียนึกได้ว่าตัวเองอยากปรึกษาบางอย่างกับอีกฝ่าย แต่เจออีกฝ่ายขัดจังหวะเลยทำให้เธอลืมไปเลย “ขอถามอะไรได้ไหมคะ?”
“ได้สิ”
“คนเรามีสิทธิ์เห็นภาพหลอนหรืออะไรที่มันแปลกประหลาดไหมคะ?”
“หมายความว่ายังไงนะ?” ฟีนีอุสเอ่ยถามอย่างสงสัยว่าคำถามของอีกฝ่ายนั้นหมายความว่าอะไร
“คือ...พี่อาจจะคิดว่าฉันบ้าก็ได้นะ...แต่ว่าวันนี้ฉันมีต่อสู้กับพ่อ...”
“ต่อสู้? เธอไม่เป็นอะไรนะ”
“ไม่ค่ะ ฉันชนะด้วยนะ”
“เธอนี่น่าเก่งเกินไปแล้วนะ”
“คิก ๆ ค่ะ แต่ขอเข้าเรื่องต่อนะ”
“เชิญ ๆ”
“คือหลังจากที่พี่ได้รับดาบริดไทด์…”
“เอ๋!! โอราอุสได้ดาบริดไทด์จากคุณแจ็กสันแล้วเหรอ!?”
“พี่ค่ะ...” โพรทาเลียกำหมัดระหว่างที่กำลังอาบน้ำ
“อ๊ะ...โทษที ๆ” ฟีนีอุสรีบปิดปากตัวเองที่ขัดอีกฝ่ายอีกแล้ว ก่อนจะรอฟังอีกฝ่าย
“เฮ้อ...ก็หลังจากนั้นนะคะ ทุกคนกำลังมีความสุข แต่แล้วภาพตรงหน้าหนูก็เปลี่ยนไปภาพของพ่อแม่ที่มีความสุขกลายเป็นภาพของแม่ที่ดูเศร้าหมองผิวซีดยิ่งกว่าอะไร...”
“หือ...เธอไม่ได้ตาฝาดไปเหรอ?”
“ไม่ค่ะ...ตอนนั้นเหมือนจริงมาก ๆ เหมือนอะไรบางอย่างกำลัง...เปลี่ยนสภาพรอบ ๆ ของเราชอบกล...”
“เธอคงคิดมากนั้นล่ะนะ คงไม่มีอะไรหรอกนะ”
“เหรอ...”
โพรทาเลียคิดอย่างสับสนว่าตัวเองนั้นกำลังเจออะไร แต่ว่าคงต้องหาใครมาให้คำตอบของเธอ เธอปิดก๊อกแล้วเดินออกมาแต่งตัวตรงหน้ากระจก เธอจ้องมองตัวเองที่กำลังใส่เสื้อที่อีกฝ่ายเอามาให้ แต่ว่าเสื้อของอีกฝ่ายนั้นใหญ่มาก ๆ จนเธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายเอาเสื้อตัวใหญ่มาให้ เธอหยิบกางเกงมาสวมดีที่มันใส่ได้ไม่งั้นได้ใส่เสื้อตัวใหญ่กับกางเกงในแน่ ๆ พอแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นอีกฝ่ายอยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำก่อนที่เธอจะถามอีกฝ่าย
“แล้วเราควรไปถามพวกผู้ใหญ่ดีไหมคะ?”
“ก็ดีนะ...!!!”
ฟีนีอุสสะดุ้งเล็กน้อยที่เห็นสภาพที่อีกฝ่ายออกมา เส้นผมที่เปียกจากน้ำเล็กน้อย กลิ่นอายหลังอาบน้ำ เสื้อผ้าที่เขาให้อีกฝ่ายที่มันล่อแหลมสายตาของเขา มันทำให้ต่อความรู้สึกของเขากำลังถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น จนเขาอยากเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วจูบสักครั้งหนึ่ง ความรู้สึกที่อดกลั้นตอนนี้กำลังตบะแตกไปหมด จนโพรทาเลียรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเธอมันทำให้ร่างกายเธอมันรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะพูดเรียกสติอีกฝ่าย
“นี่!พี่คะ! เลิกจ้องแบบนั้นได้แล้วนะคะ”
“อ๊ะ...โทษที...ฉัน...”
ฟีนีอุสหันหน้าหนีอย่างละอายใจ เขากำลังคิดอยากจะจูบอีกฝ่ายจนแถมจะทนไม่ไหว ดีที่อีกฝ่ายทันเขาก่อน ไม่งั้นเขาพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายแน่ ๆ ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ด้วยกันสองคนนั้น คนเป็นลูกก็ตะโกนขึ้นมา
“พ่อ! แม่! มานอนได้แล้ว!”
“อ๊ะ!!” ทั้งสองคนต่างสะดุ้งกับเสียงของลูกก่อนจะมองหน้ากัน
“เอ่อ...ลูกเรียก...”
“ค่ะ...เอ่อ...งั้นขึ้นบนกันเถอะ”
ทั้งสองคนต่างพากันขึ้นข้างบนกันไปอย่างเงียบ ๆ แล้วพาลูก ๆ เข้านอนกันตอนนี้เด็กทั้งสองนอนอยู่ตรงกลางโดยมีคนเป็นแม่และพ่ออยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง เด็กทั้งสองสบายใจอย่างมากก่อนที่พวกเขาจะนอนหลับไปอย่างสบายใจอย่างไม่รู้ตัว คนเป็นแม่เห็นก็ยิ้มอย่างชอบใจที่ลูก ๆ นั้นหลับไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่เธอจะจุ๊บที่หน้าผากของลูกทั้งสอง ก่อนที่จะมีคนหนึ่งจ้องมองเธอด้วยสายตาขอร้อง
“เอาอะไรคะพี่...”
“จุ๊บหน้าผากฉันด้วยสิ”
“นั้นสำหรับลูก ๆ ค่ะ”
“เอ๋! พี่ด้วยสิ”
“ชู่วววว!! เดียวลูกตื่นหรอกนะคะ”
“ถ้าโพรไม่ทำพี่จะตะโกนให้ลูกตื่น!!”
พออีกฝ่ายเล่นขู่แบบนั้น เธอกำหมัดอย่างชกอีกฝ่ายจริง ๆ แต่ก็ต้องยอมก่อนที่เธอจะยื่นหน้าไปหาอีกฝ่ายเพื่อจะจุ๊บที่หน้าผาก แต่ทว่าฟีนีอุสขยับใบหน้าจนริมฝีปากของโพรทาเลียมาโดนริมฝีปากของเขา โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองโดนกระทำแบบนี้
“พี่!!”
“หึ ๆ” ฟีนีอุสหัวเราะในลำคอก่อนจะเอาผ้าคลุมตัวเองนอนทันที
โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่อีกฝ่ายหลอกเธอ แบบนี้ก่อนจะนอนลงอย่างเคือง ๆ เธอจ้องมองอีกฝ่ายที่นอนคลุมโปงไปแล้ว ก่อนที่เธอจะใช้นิ้วทั้งสองนิ้วชี้ไปที่ตาของเธอแล้วชี้ไปทางอีกฝ่ายเหมือนบอกว่าพรุ่งนี้เจอกัน ฟีนีอุสเห็นท่าทางอีกฝ่ายผ่านผ้าห่มว่าอีกฝ่ายอาฆาตเขาสุด ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มนอนหลับ โพรทาเลียกำลังจะเตรียมตัวเธออยากให้ถึงพรุ่งนี้ที่เธอจะจัดการกับอีกฝ่ายในตอนเช้า แต่โพรทาเลียยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ของเธอกำลังจะเป็นวันที่เธอทรมานใจที่สุดในชีวิต
ณ บ้านเจสัน ห้องทำงานของเจสัน
หลังจากการประชุมเจสันเศร้าใจมาก ๆ ที่หลาน ๆ ไม่เข้ามาหาเขาเลย คนเป็นภรรยาอย่างไพเพอร์ต้องปลอบใจว่าอย่าคิดว่าตัวเองเป็นที่รักคนเดียว เพอร์ซีย์ก็มีสิทธิ์เพราะเป็นตาของเด็ก ๆ แต่เจสันไม่ยอมอยากเป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่หลาน ๆ รัก ไพเพอร์ส่ายหัวไปมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะตบไหลอีกฝ่ายแล้วหอมแก้มเบา ๆ
“เลิกโวยวายได้แล้วนะ วันนี้คุณต้องเขียนเอกสารต่อไม่ใช่เหรอ?” ไพเพอร์พูดพร้อมกับหอมแก้มอีกข้างของอีกฝ่าย “รีบทำงานเถอะ เดี๋ยวจะได้พัก”
“ครับ...”
เจสันขานตอบไพเพอร์ก็ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบ ๆ เจสันเห็นภรรยาเดินออกไปก็ยิ้มอย่างสบายใจ ที่เขายังมีชีวิตและได้มีความสุขแบบนี้เขาได้มีลูกที่น่ารักและมีหลาน ๆ ที่น่ารักจนอยากหอมแก้มตลอด เขาหยิบเอกสารขึ้นมาเพื่อจะเขียนอะไรต่อ แต่แล้วจู่ ๆ หน้าอกของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา เจสันกุมหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดเหมือนคนขาดเลือด เจสันถึงกับล้มลงจากเก้าอี้ของเขา
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกัน...”
เขาพูดพร้อมกับลากตัวเองที่นอนซุกกับพื้นจะไปที่ประตูห้องทำงาน
“ต้อง...ต้องรีบไปหาไพเพอร์...”
เจสันกำลังลากสังขารตัวเอง แต่ระหว่างลากร่างกายตัวเองไปตามพื้นนั้น ร่างกายของเขาก็เจ็บปวดเหมือนตอนที่เขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโดนตกลงจากหลังของเทมเพสต์ (ม้าของเจสัน) แล้วตกลงสู่เรือของพวกศัตรู
“แฮก แฮก บ้าจริง...”
‘นายต้องรอด!’ เสียงปริศนาพูดขึ้น
“เสียงใครกัน...” เจสันที่กำลังเจ็บปวดได้ยินเสียงที่เขารู้สึกคุ้นเคยดังขึ้น
‘ฉันช่วยนายได้เท่านี้...นายต้องอยู่ต่อ...เพื่อ...คนที่ฉันรัก...’ เสียงที่พูดนั้นอ่อนนุ่มยิ่งกว่าอะไร แล้วก็ดวงตาที่มีสีเขียวกำลังจับจ้องมองเขา
นอกจากเสียงก็มีภาพขึ้นมาข้างในความทรงจำของเขา ทำให้เขาเห็นดวงตาสีเขียวพร้อมกับเส้นผมสีดำ ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึงว่าคนตรงหน้าในความทรงจำของเขาคือใคร
“เจ้าของเสียงนี้...คือ...”
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไรร่างกายของเขาก็สลายหายไปจากตรงนั้นอย่างไม่รู้สาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าอีกไม่นานพวกโพรทาเลียกำลังจะเจอกับเรื่องที่ทำให้พวกเธอต้องเจอกับความทุกข์ที่ยังไม่ปล่อยตัวพวกเธอไป
จบตอนที่ 92 โปรดติดตามตอนที่ 93 ต่อไป
Comments (0)