ตอนที่ 58 ไม่อยากพบเจอ

ณ ร้านแฮมเบอร์แถวสวนสนุกลูน่า พาร์ค เพอร์ซีย์ได้พาทั้งสองไปที่เงียบๆ ไม่ค่อยมีคนเท่าไร ดีที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์นี่มันคนน้อย แต่ผู้คนก็เริ่มเข้ามาหลังจากฝนตกลงมา ทำให้เพอร์ซีย์เซ็งๆ กับผู้คนที่เยอะแบบนี้ แต่ฝนตกลงมาเยอะจริงๆ ซุสคงกริ้วที่อยู่ๆ พายุแถวๆ ทะเลเกิดขึ้น เขาคงสงสัยว่าพี่ชายอย่างโพไซดอนทำอะไรแน่ๆ เขาค่อยๆ หันไปมองปู่หลานกำลังคุยกันถึงเรื่องที่อดีตชาติของโพรทาเลีย

 

“งั้นแปลว่า...สิ่งที่โครนอสพูดก็เป็นความจริงที่มีลูกอีกสองคนสินะ...แล้วหลานกับอีกคนก็ไม่ได้แอบแฝงแต่ก็เป็นจริงๆ ด้วย”

“ใช่ค่ะ ถึงมันจะอธิบายได้ยาก เพราะเวลามันผ่านมานานแล้วไม่เคยมีใครออกมาบอกนอกจากคนที่อยู่ในยุคนั้นนะคะ”

“มันก็จริงล่ะนะ...แต่...อดีตชาติของหลานเป็นพี่ชายคนโตของปู่ด้วยสินะ”

“ก็ตามที่โครนอสบอกมาก็น่าจะใช่นะคะ”

โพไซดอนกอดเอวอย่างสงสัยในทันที “ถ้าเขาเป็นบุตรคนแรกก็น่าจะอยู่ในท้องแซเทิร์นด้วยสิ...แล้วทำไม...ถึงไม่มีเขาอยู่”

“จากความทรงจำที่เห็นแค่บางช่วง...” โพรทาเลียหลับตาหนึ่งครั้งเพื่อนึกถึงอดีตบางส่วน “ที่หนูเห็นเขาเล่นกับครอบครัว...และหนึ่งในนั้นหนูเห็นเด็กผู้ชายที่อดีตชาติหนูเรียกว่าโพไซดอนนะคะ”

โพไซดอนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สิ่งที่หลานพูดนั้นคือตัวเขาจริงๆ หรือเปล่า

“ปู่จำไม่ได้เลยนะ...ว่ามีผู้ชายผมดำเป็นพี่ชายคนโตมาก่อนนะ...” ภายในหัวของโพไซดอนนั้นรู้สึกว่างเปล่าไปหมด แต่ในความรู้สึกนั้นกับบอกว่าคิดถึงมากๆ

“งั้นเหรอคะ...”

 

โพรทาเลียก็มีสีหน้าที่นิ่งเฉย แต่ข้างในของเธอกับรู้สึกแปลกๆ เธอยกมือขึ้นมาสัมผัสแถวๆ เนินอกมันรู้สึกหวิวๆ จนไม่รู้เลยว่าจะบอกความรู้สึกแบบนี้ยังไงหรืออธิบายความรู้สึกนี่ของตนเองยังไง แต่เธอรับรู้ได้ว่ามันคือความรู้สึกที่แองเจิลส่งมาหาเธอ มันเหมือนบ่งบอกว่าเศร้าและเสียใจกับคำพูดของคุณปู่ ถึงอีกฝ่ายจะไม่เคยโผล่ออกมา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาส่งความรู้สึกให้เธอ เพอร์ซีย์เห็นลูกสาวเงียบไปเลยลองถามดู

 

“ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า? โพรทาเลีย”

“อ๊ะ...เปล่าค่ะ...” โพรทาเลียเงยหน้ามองคนเป็นพ่อทันที

“อืมมมม...ปู่ก็นึกไม่ออกจริงๆ นะ” โพไซดอนหันไปมองหลานสาวอีกครั้ง

“ช่างเถอะค่ะ ทำไงได้ล่ะค่ะ ตอนนั้นท่านอยู่ข้างในตัวของแซเทิร์นตั้งแต่เล็กกันนี่นา”

“มันก็จริง...ต้องทานอาหารที่หมอนั้นทานเข้าไปตลอดจนพวกเขาพี่ต่างรู้สึกแย่จริงๆ”

“ลำบากจริงๆ นะคะ”

“อืมๆ แต่การที่ได้รู้ว่าคนที่กินพวกเราทั้ง 7 ไปไม่ใช่พ่อ ก็ทำให้โล่งใจพร้อมกับ…แค้นเจ้าเทพนั้นสุดๆ และยิ่ง...” เมื่อโพไซดอนนึกถึงแซเทิร์น เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “มาแตะต้องหลานสาวสุดแสนน่ารักของข้าอีก!!”

“พ่อ!! ใจเย็นๆ หน่อย เดียวมนุษย์ทั่วไปเขาตกใจหมดนะ!!”

“เฮ้อ...เข้าใจแล้ว!” โพไซดอนถึงกับสงบใจทันที “แต่ประวัติศาสตร์คงเปลี่ยนไม่ได้ แต่สำหรับพวกเราที่อยู่เบื้องหลังก็คงต้องปล่อยไปตามที่มนุษย์รับรู้เท่านั้น แต่พวกเรานั้นต้องรับรู้ในสิ่งที่เป็นความจริงล่ะนะ”

“ใช่ค่ะ”

เพอร์ซีย์รับฟังทั้งสองคุยก็รู้สึกสนใจนั้นล่ะนะ แต่ว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขาคิดเกี่ยวกับอดีตชาติที่เป็นลูกชายของโครนอส

“เอ่อ...พ่อถามหน่อยสิ โพรทาเลีย” เพอร์ซีย์เอ่ยออกมา โพรทาเลียก็หันมาพร้อมกับพยักหน้า เขาก็ถามคำถามกับลูกสาวทันที “แล้วอดีตชาติคนนี้ เขาเป็นพี่โตของสายเลือดโครนอสสินะ”

“ค่ะ...”

“แล้วเขาไม่เคยโผล่มาให้ลูกเห็นเหมือนอดีตชาติคนอื่นๆ เหรอ?

“โผล่เป็นบางครั้งนะคะ...จนหนูก็สงสัยว่าเขาทำอะไรอยู่...หรือว่าตอนนี้อยู่ไหน จนตอนนี้เริ่มสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ข้างในร่างกายของหนูนะคะ” โพรทาเลียยกมือมาสัมผัสที่หน้าอกของเธอ

“งั้นเหรอ?เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็สงสัยอีกอย่างทันที “งั้นอดีตชาติที่เป็นรุ่นลูกของเทพแต่ละคนก็อยู่ข้างในของลูกเหมือนกันสินะ”

“ค่ะ!” โพรทาเลียขานตอบพร้อมกับพยักหน้าทันที

โพไซดอนได้ยินแบบนั้น เขานึกภาพความทรงจำของโพรทาเลียก็เห็นเด็กสาวที่เขาไม่คิดว่าจะเจออีกในชาตินี้

“โพรทาเลีย...”

“ค่ะ คุณปู่” โพรทาเลียหันหน้าไปหาคุณปู่

“ปู่...ขอพบกับเฟอร์ร่าสักครู่ได้ไหม?

“เอ๋...คือว่า...”

นั้นเป็นคำขอที่โพรทาเลียจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่าเธอไม่สามารถบังคับเหล่าจิตวิญญาณได้ว่าพวกเขาอยากมาพบกับเทพหรือเปล่า แต่จากใบหน้าของคุณปู่ที่ดูเศร้าและไม่มีชีวิตชีวาหลังจากพูดถึงเฟอร์ร่า

“จะดีเหรอคะ...ที่อยากจะเจอเธอนะ”

“ปู่...”

‘ไม่เอา!!’

“เอ๋?โพรทาเลียถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงของเฟอร์ร่าจากข้างใน “เฟอร์ร่า...”

 

‘ขอล่ะ...ข้ายังไม่อยากเจอเขา...’

‘เอ่อ...’ โพรทาเลียรับรู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นยังไม่ต้องการพบเจอคนเป็นพ่อเท่าไร ‘ก็ได้...ฉันจะไม่บังคับเธอ...’

‘ขอบคุณ...’

พอเฟอร์ร่าพูดจบเสียงก็หายเงียบไป โพรทาเลียขมวดคิ้วออกมา จนคนเป็นปู่เห็นหลานนิ่งไป ทำให้เขารู้เลยว่าลูกสาวตนเองพูดอะไรกับหลานของเขา โพรทาเลียค่อยๆ เงยหน้ามอง เธอก็เห็นปู่มองมาทางนี้

“คุณ...ปู่...”

“ปู่รู้แล้วล่ะ...เด็กคนนั้น...ไม่ต้องพบข้าสินะ...”

“หนู...ขอโทษด้วยค่ะ...”

โพไซดอนส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ใช่ความผิดของหลาน...ปู่รู้ดีว่าเด็กคนนั้นต้องไม่ยอมมาพบปู่แน่ๆ”

“คุณ...ปู่...”

โพรทาเลียจ้องมองสีหน้าของปู่ที่ยอมรับการตัดสินใจของเฟอร์ร่าที่ไม่อยากพบ คงเป็นเพราะเรื่องในอดีตที่เธอรู้แค่บางส่วนนั้นเอง เป็นใครไม่ละอายต่อสิ่งที่ตัวเองทำกับพ่อตัวเองล่ะ

 

‘ฉันเข้าใจเธอดี เฟอร์ร่า...เป็นฉันถึงจะผ่านไปหลายพันปีก็คงไม่กล้าสู้หน้าพ่อของตนได้ใช่ไหมล่ะ...’

 

เวลาผ่านไปหลังจากที่พวกเขาคุยกันพร้อมกับทานอาหารที่สั่งกันมากินเข้าไปด้วย จนถึงเวลาที่ต้องกลับกัน เพอร์ซีย์เตรียมตัวพาลูกสาวตัวเองกลับก่อนจะโดนคนเป็นแม่ของเขาเล่นงาน เพราะดันพาโพรทาเลียออกมาไม่บอกท่าน จนตอนนี้เวลา 2 ทุ่มกว่าๆ พวกเขาบอกลาโพไซดอนก่อนจะกลับ แต่ก็โดนโพไซดอนรั้งไว้แป๊บหนึ่ง เขามองโพรทาเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยกนิ้วมาจิ้มที่หน้าผากของหลานสาวเบาๆ

 

“อ๊ะ!”

“ปู่พึ่งสังเกตว่าหลานมีตราของเทพสามองค์บนร่างกายด้วยนะ”

“อ๊ะ...เหอะๆ ...” โพรทาเลียถึงกับนึกแล้วว่าพูดต้องทักเรื่องตราของเทพสามองค์นั้น “คือว่า...สัญลักษณ์พวกนี้...”

โพไซดอนเห็นหลานไม่พูดอะไร ทำให้เขารับรู้บางอย่างทันที “ปู่ว่า...ปู่คงต้องไปคุยกับเทพสามองค์นี่หน่อยล่ะนะ!!”

“เอ๋!!”

“งั้นปู่ไปล่ะ!!” โพไซดอนพูดจบก็หายไปจากตรงนั้นทันที

“ไปอย่างเร็วเลยนะนั้น...”

“พ่อว่าเตรียมตัวระวังสงครามเทพจะเกิดดีกว่านะ?เพอร์ซีย์มายืนข้างๆ ลูกสาว

“เหอะๆ อาจจะไม่เกิดก็ได้นะคะ...แต่พ่อกับปู่ไม่พอใจที่หนูมีตราสัญลักษณ์ของเทพองค์อื่นสินะ”

“พ่อไม่เคยพูดนะ!!”

“แต่สีหน้าพ่อออกนะคะ” โพรทาเลียชี้ไปที่ใบหน้าของตนเอง

“อ๊ะ...รู้ด้วยเหรอนั้น!?

“หึๆ” โพรทาเลียยิ้มอย่างชอบใจ “ก็หนูเป็นลูกพ่อนี่น่า”

เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีความสุข เขายกมือขึ้นมาลูบหัวลูกสาว

“ก็จริงล่ะนะ”

“คิกๆ” โพรทาเลียมองพ่อที่กำลังลูบหัวเธอ "หนูว่าเรากลับบ้านดีกว่านะคะ เดียวคุณย่าจะเล่นงานเราเอานะคะ"

“เอ่อ...”

ทั้งสองนึกใบหน้าของคุณย่าแซลลี่ ใบหน้าอันเหมือนยักษ์เวลาท่านโกรธช่างน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร

“ลูกพูดถูก...กลับกันดีกว่าเนอะ...”

“ค่ะ!”

 

ทั้งสองต่างรีบกลับไปที่รถพร้อมกับเตรียมตัวออกเดินทางใช้เวลาแค่ 40 กว่านาทีก็มาถึงหลังร้านกันแล้ว เพอร์ซีย์ดับเครื่องยนต์ ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมใจกันเข้าไปทางด้านหลังร้านด้วยความเบามือเบาเท้ากัน พอเข้ามาข้างในร้านก็เดินขึ้นข้างบนไปยังชั้นที่สอง เมื่อเปิดประตูชั้นสองข้างในนั้นมืดสนิทจนเพอร์ซีย์ไม่กล้าเดิน โพรทาเลียก็ค่อยๆ เดินเข้าไปข้างใน พร้อมกับจับมือของพ่อเข้าไปข้างในช้า เมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น เพอร์ซีย์ก็นั่งลงที่โซฟา โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็เตรียมตัวขึ้นข้างบนไปนอน แต่แล้วตรงห้องครัวก็มีคนนั่งอยู่โดยที่พวกเขาไม่เห็นตั้งแต่แรก

 

“กลับมาแล้วสินะ!! ทั้ง สอง คน!!”

ทั้งสองหันไปตามต้นเสียงจนเห็นอีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างมองพวกเขาอยู่ จนทำให้ทั้งสองคนตกใจถึงที่สุด

“คุณย่า!!/แม่!!”

แซลลี่ลุกขึ้นเดินไปหาทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะหันไปหาเพอร์ซีย์ที่นั่งอยู่ที่ตรงโซฟา ก่อนจะยื่นมือไปหยิกหูลูกชายตัวเองทันที

“โอ๊ยยยย! แม่!!”

“ไปไหนกันมาถึงกลับดึกแบบนี้ แม่รอจนตอนนี้จะ 4 ทุ่มแล้วนะ เพอร์ซีย์!! พรุ่งนี้ลูกก็ต้องพาหลานๆ กลับไปไม่ใช่หรือไง!!”

“ผม...ผมรู้แม่ ใจเย็นๆ ก็ได้นี่น่า อ๊ากกกก!! หูผม!!”

“โพรทาเลีย!! หลานขึ้นไปนอนเถอะนะ”

“อ๊ะ...ค่ะ...งั้นหนูขอตัวก่อนนะ” พอโดนสั่งให้ขึ้นขึ้นข้างบน โพรทาเลียก็รีบเดินขึ้นไปยังชั้นสามโดยทันที “เกือบไปแล้วเรา...นึกว่าจะโดนคุณย่าหยิกหูด้วยแล้วสิ...”

พอบ่นพึมพำจบเธอก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปช้าๆ แต่พอเปิดเข้าไปก็มีแสงสว่างเปิดอยู่ ทำเอาคนในห้องตกใจที่ประตูเปิดเข้ามา แต่โพรทาเลียโผล่หน้าเข้าไปก็ทำให้พวกเขาทั้งสองโล่งใจทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเข้ามา

“โธ่...โพรทาเลีย ฉันนึกว่าแม่ซะอีก” เอสเทลถึงกับโล่งใจที่เป็นอีกฝ่าย ถ้าเป็นแม่ของเธอคงโดนบ่นแน่ๆ ที่ไม่นอน

“ขอโทษทีนะคะ” โพรทาเลียเข้าไปพร้อมกับปิดประตูทันที

โฟกัสรีบลุกขึ้นไปหาพี่สาวพร้อมกับกอดพี่สาวทันที “พี่กลับมาแล้ว!”

“รีบเข้ามากอดเลยนะ” โพรทาเลียลูบหัวน้องสาวเบาๆ

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะจะได้นอนกัน”

“ค่ะ!”

เธอรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ไม่กี่นาทีโพรทาเลียก็ออกมาจากห้องน้ำ และเตรียมนอนลงกับที่นอน โฟกัสเห็นพี่สาวนอนก็รีบเข้าไปนอนกอดพี่สาวทันที ทั้งสองต่างนอนกอดด้วยจนคนเป็นอาจ้องมองพวกเขาอย่างชอบใจที่หลานทั้งสองต่างรักกันดีแบบนี้ เธอก็เห็นหลานๆ นั้นนอนหลับกันไปอย่างสบาย จนเธอก็ขอนอนหลับหลังจากรอหลานสาวตั้งแต่ 2 ทุ่ม

 

“ฝันดีนะ เด็กๆ” เอสเทลกล่าวลาก่อนจะหลับไปในทันที

 

เด็กทั้งสามต่างพากันนอนหลับอย่างสบายใจ แต่เวลาก็ดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ แต่หารู้ไหมว่าจะมีเรื่องใหญ่อีกหนึ่งเรื่องกำลังเข้ามาหาโพรทาเลียและค่ายฮาล์ฟบลัดในไม่ช้า แล้วครั้งนี้ทุกเรื่องจะถูกเปิดเผยทั้งหมด

 

เช้าวันถัดมาโพรทาเลียได้ตื่นขึ้นก่อนคนอื่นๆ ในห้องที่หลับอยู่กัน เธอค่อยๆ หันไปมองหน้าต่างที่มีแสงแดดเข้ามา โพรทาเลียค่อยๆ อ้าปากหาวกว้างๆ ก่อนจะตั้งสติขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเมื่อคืนฝันแปลกๆ ว่าได้เจอลูกชายของเธอ เดวิค ความรู้สึกที่ได้กอดนั้นมันช่างมีความสุขมากๆ ที่จริงเธอเกือบลืมเลยว่าเธอเลิกตามหาลูกชาย หลังจากที่เธอได้ยินคำทักของแม่หมอคนหนึ่งที่พูดกับเธอขึ้นมาว่า

 

'เลิกตามหาซะ สักวันลูกของเจ้าจะมาอยู่ตรงหน้าของเจ้าเอง!'

 

นั้นเป็นคำพูดที่โพรทาเลียยังจำมาตลอดแท้ๆ แต่คงเพราะเรื่องมากมายที่เธอเจอเลยลืมไปหมดสิ้น แต่เธอก็นึกถึงลูกชายจนไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนกันแน่ แต่พอนึกไปก็ไม่ได้อะไร เธอคงต้องออกตามหาจริงๆ จังๆ ไม่ไปสนคำพูดของแม่หมอซะแล้ว เธอส่ายหน้ากับลุกขึ้นไปยังห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัวในยามเช้า พอทำทุกอย่างเสร็จเธอก็ออกจากห้องไปอย่างช้าๆ ปล่อยทั้งสองคนในห้องหลับกันไปต่อ ระหว่างที่กำลังลงมานั้นเธอก็ยังเห็นพ่อกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็แอบยิ้มเล็กน้อย แล้วลงมานอนข้างๆ พ่อของเธอทันที

 

“หือ?เพอร์ซีย์รู้สึกถึงโซฟาที่ขยับๆ กับไออุ่นจากคนที่เข้ามากอดตัวเขา พอเขาลืมตาก็เห็นผมสั้นสีดำ ก็รู้เลยว่าใคร “อืออออ โพรทาเลีย...”

“ค่ะ”

 

โพรทาเลียซุกตัวพ่ออย่างใกล้ชิด เป็นครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ ตอนอายุเท่านี้ ถ้าสมัยก่อนเธอจะทำแบบกันเป็นแก๊งพี่น้อง 5 คนมากกว่า สมัยนั้นสามแฝดพึ่งเกิดด้วยซ้ำ ตอนนั้นมีความสุขมากๆ จนเธอไม่อยากตื่นจากความเป็นจริงเท่าไร เพอร์ซีย์ค่อยๆ ลืมตาอีกครั้ง ก็ยังเห็นลูกสาวยังนอนกอดเขาอยู่เหมือนเดิม เขาจ้องมองลูกสาวพร้อมกับลูบหัวลูกสาวเบาๆ อีกฝ่ายถึงจะโตแค่ไหนก็ยังเป็นลูกตัวน้อยของเขาตลอดเวลา ทำให้เขานึกเลยว่าผู้ใหญ่อะไรกล้าทำร้ายเด็กน้อยแบบนี้ได้กัน

 

“ถ้าย้อนเวลาได้...พ่ออยากไปช่วยลูกจริงๆ โพรทาเลีย” เพอร์ซีย์จ้องมองลูกอย่างรู้สึกผิด “พ่ออยาก...เห็นรอยยิ้มอันน่ารักของลูกอีกครั้ง...”

โพรทาเลียได้ยินคำพูดของพ่อ เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย “แล้ว...หนูยังไม่น่ารักพอเหรอ?

เพอร์ซีย์ถึงกับสะดุ้งที่ลูกสาวได้ยินที่เขาพูด เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาเอาหน้าทับลงบนแขนของพ่อ ทำให้เห็นแก้มหยุ่นๆ ของเธอ จนเพอร์ซีย์เห็นถึงกับรู้สึกอยากจับแก้มนั้น

“ลูกนะน่ารักอยู่แล้ว โพรทาเลีย แต่พ่อเสียดายเวลาอันแสนน่ารักสมัยเด็กของลูกมากกว่า...”

“มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยเถอะค่ะ พ่อ...”

“มันก็จริงนะ...”

“ถึงเวลาจะผ่านไปนะคะ หนูก็ยังเป็นลูกที่น่ารักของพ่อนะ!!”

เพอร์ซีย์ถึงกับตกหลุมรักความน่ารักของลูกสาวทันที เขากอดและหอมหัวของลูกสาวทันที “ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน ลูกก็น่ารักจริงๆ”

“พ่อ! แน่นไปแล้ว!!” โพรทาเลียดันตัวพ่อออก แต่ไม่มีการขยับเลยสักนิด ก่อนจะมีบางอย่างกระโดดมาทับพวกเขาสองคน

“ระเบิดลง!!” เสียงของโฟกัสดังขึ้นพร้อมกับกระโดดลงทับทั้งสองอย่างจัง

“แอ๊ก!!”

สองพ่อลูกถึงกับจุกที่อีกคนกระโดดทับพวกเขา แต่ไม่ใช่แค่คนเดียว เอสเทลก็มาทับข้างๆ โฟกัสทันใด

“ระเบิดลงรอบสอง!!”

“อ๊าก!!”

“ตาย! ตายแน่ๆ ...หนักกันสุดๆ” โพรทาเลียถึงกับรู้สึกอึดอัดและหนักกับน้ำหนักของทั้งสองสุดๆ

“คิกๆ พี่แอบมานอนกับพ่อ ตอนไหนกันนะ!! คิดถึงสมัยเด็กน้อย?โฟกัสใช้นิ้วจิ้มแก้มพร้อมกับแซวพี่สาวไปด้วย

“อะไรล่ะ? ทำอย่างกับเธอไม่เคย!”

“บ่อยจะตาย! แต่เราโตแล้วก็ทำน้อยลงนะ เดียวพ่อกระดูกหักพอดี”

“เหอะๆ แต่ก็เล่นเกือบกระดูกหักนั้นนะ แต่ละคนนะ” เพอร์ซีย์แอบพูดเหน็บแนมขึ้นมา

“แหะๆ” โฟกัสหัวเราะแฮะๆ ออกมาอย่างมีความสุข

“พี่...ค่ะ...” เอสเทลเรียกพี่ชายของเธอทันที “ตอนนี้มันกี่โมงแล้วอ่ะ?

“กี่โมงนะเหรอ? ก็คงจะเช้าอยู่แล้วนั้นล่ะ...” เพอร์ซีย์หันไปมองนาฬิกาที่ติดกำแพงก็เห็นเวลา ทำให้เขาเบิกตากว้างทันที “เห้ย!! นี่มันบ่ายโมงแล้วเหรอ!?

“บ่ายโมง?สองแฝดต่างพูดพร้อมกัน

พอทุกคนงุนงงกับคำพูดของเพอร์ซีย์ ก็ทำให้คนหนึ่งในนั้นถึงกับแตกตื่นขึ้นมาทันที

“ซวยแล้ว!! ไปเรียนสายแล้ว!!”

เอสเทลรีบลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำที่ชั้นสามทันที สองแฝดต่างมองคนเป็นอาเดินขึ้นข้างบนไปทันที

“ดูท่าพี่เอสเทลจะต้องรีบไปเรียนนะคะ”

“เรียนเหรอ?โพรทาเลียนึกถึงสมัยก่อนที่เธอได้ไปโรงเรียนได้เล่นกับเพื่อนอย่างสนุก “คิดถึงสมัยเด็กจังนะ...ได้เล่นกับเพื่อน ได้เรียนหนังสือ”

โฟกัสได้ยินที่พี่สาวพูดทำให้เธอสงสารพี่สาวที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เธอก็คิดว่าพี่สาวนั้นยังมีเวลาอีกเยอะที่จะได้สนุกกับชีวิตของเธอ โฟกัสยื่นมือไปจับมือพี่สาว

“เอ๋?โพรทาเลียหันไปมองน้องสาวที่จับมือเธอ “มีอะไรเหรอคะ?

“พี่ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ยังมีเวลาอีกเยอะ หลังจากหมดวันหยุดเดือนมิถุนายนก็ได้กลับไปเรียนแล้วล่ะ”

“เรียน...” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวทันที “จริงเหรอ!!”

“อืม แต่พี่คงต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ใหม่นะคะ เพราะเราพึ่งขึ้นเกรด 10 เองนะ”

“เกรด 10 เหรอ?

“อืม พวกเราสองคนเข้าเรียนช้านะ เลยได้อยู่เกรด 10 จากที่จะต้องอยู่เกรด 11 นะคะ”

“แบบนี้เอง...เอ่อ...พี่ไม่ต้องกังวลกับคนที่นูอัสรู้จักใช่ไหม?

“อืม ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงมีคนรู้จักก็ไม่ต้องห่วง เพราะพวกเราเรียนที่ค่ายจูปิเตอร์กันนะ”

“ค่ายจูปิเตอร์นะเหรอ?

“อืม พวกเราเริ่มมีการตั้งระบบใหม่ขึ้นนะ ทางค่ายจูปิเตอร์เลยมีการให้มนุษย์กึ่งเทพฝ่ายกรีกสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนของพวกเขาได้ ไม่บังคับด้วยนะคะว่าจะเรียนหรือไม่เรียนนะ”

“ว้าววว สะดวกจริงๆ แหะ...ไม่ต้องไปไหนไกล...”

“ใช่เลยค่ะ”

“แต่ก็ต้องระวังทางค่ายจูปิเตอร์ล่ะนะ เพราะว่าทางค่ายนั้นมีพวกตัวดีๆ ที่นูอัสสร้างด้วยนะ”

“อ๊ะ...น่ากลัว!!”

โพรทาเลียทำสีหน้าหวาดกลัวพร้อมกับเสียงหลงออกมา เธอขำออกมาเหมือนว่าเธอแกล้งพูดไปแบบนั้นล่ะ ทำให้อีกสองคนก็ต่างหัวเราะกันออกมาด้วย จนย่าแซลลี่ได้ยินเสียงทุกคนกำลังหัวเราะออกมา

“อ้าว? ตื่นเช้ากันจังเลยนะ หิวข้าวกันหรือยัง?

ทั้งสามคนต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ กับคำพูดของย่าที่บอกว่าตื่นเช้า จนเพอร์ซีย์ต้องถามแม่ของตนเองทันที

“แม่...นี่ไม่ใช่ตอนบ่ายเหรอ?

“เอ๋?

แซลลี่ได้ยินคำถามอย่างสงสัย ก่อนที่สายตาของเพอร์ซีย์เหมือนชี้ไปที่นาฬิกาข้างบน ทำให้แซลลี่หันไปมองอย่างสงสัยก็เห็นนาฬิกาเข็มอยู่ที่เลยหนึ่งกับสิบสอง

“อ๋อ! นาฬิกามันตายตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ แม่ว่าจะเปลี่ยนอยู่เลยนะ ตอนนี้แค่ 9 โมงเช้าเองนะ”

“เอ๋?

ทั้งสามต่างมองอีกฝ่ายอย่างอ้ำอึ้ง ก่อนที่จะมีคนผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว พวกโพรทาเลียเห็นว่าเป็นเอสเทลก็กะจะเรียกอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกับวิ่งไปอย่างเร็วจนทักไม่ทันซะนี่สิ

“อาเอสเทลไปเร็วมากเลยนะ...” โพรทาเลียจ้องมองไปตรงทางเดินที่อาวิ่งออกไปแล้ว “ได้เสียเวลากลับมาบ้านแน่ๆ แหะ”

“เหอะๆ ถ้ารู้ตัว เอสเทลก็คงไปเดินเล่นที่ห้างนั้นล่ะนะ” เพอร์ซีย์ถึงกับสงสารน้องสาวที่รีบไปโรงเรียนแบบสุดๆ

โฟกัสหยิบมือถือขึ้นมากดบางอย่างพร้อมกับกดส่ง สักพักเอสเทลก็เดินกลับเข้ามาพร้อมสภาพที่ดูเหนื่อยสุดๆ พวกโพรทาเลียเห็นก็รู้เลยว่าพึ่งรู้ตัวว่าตอนนี้กี่โมง

“กลับมาอย่างไวเลยนะนั้น...” โพรทาเลียมองอาที่กลับมาแล้ว

“พี่บ้า! ไหนบอกบ่ายโมง!! ตอนนี้ 9 โมงเช้าเองนะ!!” เอสเทลตะโกนใส่พี่ชายอย่างโกรธเกรี้ยวสุดๆ

“อ้าว...ใครจะคิดล่ะว่านาฬิกาที่ติดอยู่นั้น จะตายได้ล่ะ” เขามองนาฬิกาที่ไม่ขยับเลยจริงๆ

“บ้าจริง! ดีที่โฟกัสส่งข้อความมาบอกไม่งั้นได้ขายหน้าอีกแน่ๆ”

“ขายหน้าอีก?โพรทาเลียมองอย่างสงสัยว่าอาเอสเทลต้องมีอะไรน่าอายด้วยเหรอ

“เอสเทลเคยนอนตื่นสายแล้วไปเรียนสายนะ แต่พอไปถึงก็ไม่มีใคร เพราะวันนั้นเป็นวันหยุดนะ เลยทำให้คนรอบเห็นก็ต่างเอาไปเมาท์และหัวเราะเยาะกันนะ”

“หรือเรียกว่าบูลลี่นะคะ” โฟกัสอธิบายง่ายๆ ให้พี่สาวฟัง

“บลูลี่?โพรทาเลียเอียงคออย่างสงสัย

ถึงจะบอกอธิบายด้วยคำเดียว โพรทาเลียก็สงสัยว่าหมายถึงอะไรอยู่ดี

“ก็ใช่นะสิ!! ฉันโดนบูลลี่จนอายสุดๆ!! พี่ไม่ช่วยฉันเลยหรือไง? มือถือก็มีไม่ใช่เหรอ?

“โทษนะ ฉันตัดขาดจากโลกภายนอกมานานแล้วนะ เอสเทล ฉันถึงไม่มีมือถือไงล่ะ!!”

“พี่บ้า!! บากะ!!”

“บะกะ? แปลว่าอะไรล่ะนั้น” เพอร์ซีย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะน้องสาวชอบพูดภาษาต่างชาติตลอดจนงุนงงทุกครั้ง

“บะกะ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า บ้า งี่เง่า หรือติ๊งต๊อง นะคะ พ่อ” โพรทาเลียอธิบายให้พ่อของเธอฟัง

“เอาเหรอ...เห้ย...มันเหมือนด่ารวมเลยนี่น่า” เพอร์ซีย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ น้องสาวทันที

“ทำไมล่ะ!? หรือจะเอาล่ะพี่!!”

“พอๆ ทั้งสองคน โตกันขนาดนี้แล้ว อย่าทะเลาะต่อหน้าเด็กๆ สิ”

“อ๊ะ...”

ทั้งสองคนมองคนเป็นแม่แล้วก็หันไปมองเด็กๆ พวกเธอยิ้มให้พ่อกับอาอย่างสบายๆ แต่โพรทาเลียก็ยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดบางอย่าง

“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเห็นความรุนแรงกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว แค่ทะเลาะกันแค่นี้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยๆ สำหรับหนูแล้วล่ะนะ เชิญทะเลาะต่อกันเลยค่ะ”

“...”

สองคนพี่น้องได้ยินที่โพรทาเลียพูดก็ถึงกับละอายเลยที่เด็กสาวมายุยงพวกเขาแบบนี้ ก่อนที่จะเลิกทะเลาะกันทันที

 

“อะแฮ่ม พี่ว่าเรามาทานอาหารเช้าดีกว่า วิ่งแค่แป๊บเดียวก็หิวแล้วสิ” เอสเทลเดินไปที่ครัวทันที

“ฉันขอเก็บที่นอนก่อนละกัน เดียวบ่ายๆ ก็กลับค่ายล่ะ” เพอร์ซีย์ก็หันเก็บจุดที่ตัวเองนอนทันที

 

พวกผู้ใหญ่ต่างคนต่างหันไปทำสิ่งที่ตัวเองควรทำ สองแฝดก็หันมามองหน้ากันและยิ้มให้แก่กันอย่างชอบใจที่ผู้ใหญ่นั้นเลิกทะเลาะกันแล้ว โพรทาเลียมองพวกเขาเธอก็สนุกที่เห็นพวกเขาทะเลาะกัน แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ ที่หน้าอกของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในอีกไม่ช้า

 

จบตอนที่ 58 โปรดติดตามตอนที่ 59 ต่อไป