ตอนที่ 74 เผลอทำอะไรไม่เข้าเรื่องซะแล้ว

ห้วงแห่งจิตใจมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ต่างจากโลกแห่งความจริงที่ผ่านไปได้สี่ชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่ายๆ หลังจากพวกสองแฝดได้พ่อแม่พาชมทั่วค่ายฮาล์ฟบลัด พวกเขาทั้งสองอุ้มลูกสาวที่เหนื่อยจากการเดินทางกลับมายังบ้านใหญ่ โฟกัสน้อยเหนื่อยตั้งแต่เดินไปตั้งแต่ออกจากโรงอาหาร ส่วนโพรทาเลียน้อยนั้นเดินไปได้ไกลจนถึงรูปปั้นคุณยายของเธอที่ตั้งอยู่แถวๆ ต้นสนธาเลีย โพรทาเลียน้อยต่างตะลึงกับรูปปั้นของคุณยายที่สูงมากๆ เธออยากเจอคุณยายมากๆ แต่แม่บอกว่ายายนั้นมีธุระสำคัญเลยมาหาไม่ได้ จนพวกเธอไปเดินชมต่อจนกลับมาหาบ้านใหญ่ เหล่าพี่น้องที่เหลือก็พากันมารอที่บ้านใหญ่ ถึงเวลาที่สองแฝดจะได้รู้จักพวกเขามั้ง โฟกัสมองพี่ๆ น้องๆ ที่เตรียมตัวมาแนะนำตัว แต่เธอนั้นรู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนเป็นใคร

 

“ไม่ต้องอธิบายให้หนูฟังว่าทุกคนเป็นใครนะ หนูรู้ว่าทุกคนเป็นใครนะคะ”

โฟกัสกล่าวบอกพวกพี่น้องเธอ ทำให้พวกเขาสงสัยว่าโฟกัสรู้ได้ไงว่าพวกเขาเป็นใครกัน

“โฟกัสรู้เหรอว่าพวกพี่ๆ เป็นใครนะ?โอราอุสย่อตัวถามน้องสาว

“ค่ะ พี่โอราอุส หนูฝันเห็นอนาคตได้นะ”

“เอ๋!?ทุกคนต่างตกใจที่น้องสาวพูดว่าตัวเองเห็นอนาคต

 

เจ้าสองแฝดชายถึงกับขมวดคิ้วเหมือนเคยได้ยินน้องพูดบางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ย้อนกลับไปเมื่อเก้าปีก่อน โฟกัสเคยเตือนพวกเขาว่าให้เลิกนิสัยแย่ๆ นั้นสักวันมันจะทำให้พวกเขาตาย ตอนแรกเบเดอร์ไม่เชื่อยกเว้นเอเดอร์ที่เชื่อ ทำให้วันหนึ่งตอนเบเดอร์อายุสิบหกปีก็โดนพวกอันธพาลเล่นงาน เพราะนิสัยปากหมานี้ล่ะเลยเชื่อน้องสาวพูดมาตั้งแต่นั้น แต่ก็มีแค่ตอนอายุหกขวบที่น้องสาวเตือนอะไรแต่ละอย่างพอโตขึ้นน้องสาวก็บอกจำไม่ได้ว่าเคยพูดแบบนั้นกับพี่ๆ

 

“สมกับเป็นเด็กประหลาดตั้งแต่เด็ก!!” เบเดอร์เอ่ยพูดขึ้น

ทำเอาโฟกัสใช้สายตาจ้องพี่ชายทันที “ปากหมาเหมือนในความฝันจริงๆ”

“!!” ทุกคนตกใจที่โฟกัสน้อยพูดแบบนั้นออกมา

“โฟกัสเมซ่า น้องไม่ควรพูดแบบนั้นนะ”

“ก็พี่เขาเรียกหนูว่าเด็กประหลาดอ่ะ!! พี่เอเดอร์!!” โฟกัสพองแก้มอย่างโกรธเคือง

เอเดอร์ได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้นจึงเดินไปข้างหลังพี่ชายพร้อมกับเตะสกัดขาอีกฝ่ายทันที

“อ๊าก!!” พอโดนสกัดขาก็ตั้งตัวในทันที แล้วหันไปตะโกนใส่น้องชายฝาแฝด “เจ้าบ้า!! นายทำอะไรกัน!!”

“ก็พี่แกล้งน้องก่อนทำไม!? สมควรล่ะที่น้องเคยเตือนสมัยเด็กๆ ว่าถ้าไม่เลิกนิสัยปากแบบนั้นจะเกิดผมเสีย แต่ก็เกิดจริงๆ นะ โฟกัส”

“นึกแล้วเชียว”

“นึกแล้วอะไรเหรอ?โพรทาเลียน้อยถามน้องสาว

”เดียวหนูเล่าให้ฟัง!”

 

โฟกัสหันหน้าไปคุยกับพี่สาวถึงเรื่องที่เธอนั้นสามารถฝันถึงอนาคตได้ แต่ส่วนใหญ่จะฝันถึงคนในครอบครัวอย่างเดียว แต่เธอไม่ชอบใจที่ไม่ฝันว่าเห็นพี่สาวโดนลักพาตัวไป แต่ฝันถึงพี่สาวที่โตกว่านี้แล้วก็มีลูกไปแล้ว ทำเอาพวกโอราอุสที่ฟังอยู่กำลังสงสัยว่าใครมันเป็นพ่อเด็กกัน ระหว่างเด็กๆ กำลังคุยกันนั้น พวกผู้ใหญ่ที่แอบฟังเด็กๆ คุยกันก็ทำหน้าแปลกใจที่ลูกสาวพูดแบบนั้นออกมา

 

“เด็กคนนั้นฝันเห็นอนาคตด้วยงั้นเหรอ?

“แกไม่เคยพูดถึงเลยนะ” เพอร์ซีย์กล่าวอย่างสงสัย

แต่เมื่อลูกตอนหกขวบชอบพูดว่าให้เขาระวังตัวมากขึ้น เพราะจะเสียสิ่งที่รักไป แล้วมันก็จริง เขาไม่ได้ระวังเพราะคิดว่าแค่ลูกห่วงเฉยๆ แต่เขาเสียสิ่งที่รักไปคือโพรทาเลีย ช่วงเวลาที่อยู่กับโพรทาเลียทุกอย่างหายไปหมด

“คงเพราะตัวเองนั้นไม่ควรพูดว่ามองเห็นมั้งค่ะ” อลิซ่าเบ็ธเอ่ยพูดขึ้นมา เธออยู่ข้างๆ เหล่าผู้ใหญ่ทั้งสอง

“อลิซ่าเบ็ธ?

“แต่เวลานี้นั้นเป็นอนาคตที่ตัวเองปัจจุบันอยู่ เธอเลยคิดว่าบอกไปก็ไม่มีปัญหาล่ะมั้งค่ะ”

“เอ๋?สองสามีภรรยาต่างมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

“แต่...ไม่รู้ว่าปัจจุบันเธอยังฝันเห็นอนาคตอีกไหมนะ?

“คงต้องลองถามแกตอนกลับร่างเดิมนะ” แอนนาเบ็ธแตะไหล่สามีเบาๆ

“แต่ว่านะ อลิซ่าเบ็ธรู้ได้แบบนี้ เพราะคุยกับเจ้าตัวแล้วเหรอ?

“อ๊ะ...คือว่า...โฟกัสพูดกับฉันว่าฉันจะได้แต่งงานกับโอราอุสแล้วมีลูกด้วย แต่ไม่ได้บอกว่ากี่คนนะคะ”

“เอ๋!?

พวกเพอร์ซีย์ต่างตกใจ พวกเขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะได้แต่งงานกับลูกเขาจริงๆ แบบนี้เขาเตรียมตัวหารือเรื่องงานแต่งไหมเนี่ย

“ถ้าเจ้าโอราอุสรู้เขามีหวังรีบขอแต่งงานแน่ๆ แฮะ”

“คงต้องผ่านด่านของท่านพ่ออีกเยอะเลยล่ะค่ะ”

อลิซ่าเบ็ธนึกถึงหน้าพ่อตอนที่เธอไปหาที่บ้านพัก เขาจ้องเขม็งแถมยังพูดว่าถ้าเจ้าเด็กนั้นขอแต่งงานให้มาหาเขาก่อน

“ช่างสังหรณ์ใจไม่ดีล่ะ...” สองสามีภรรยาต่างพูดพร้อมกันจนพวกเขากลัวว่าโครนอสจะทำให้ลูกพวกเขาไหม

“แต่...ทำไมเด็กคนนั้นถึงมีพลังแบบนั้น...หรือว่า...”

“ค่ะ...อาจจะเป็นพลังแฝงของอดีตชาติ”

 

เพอร์ซีย์มองเทพีอย่างสงสัย คำว่าอดีตชาตินั้นทำให้เขายิ่งสงสัยว่าอดีตชาติแต่ละคนมีพลังอะไรแฝงอยู่ แล้วยิ่งตอนนี้พวกเทพบางคนที่รู้แล้วว่าลูกสาวทั้งสองของเขาเป็นลูกๆ ของตนมาจุติใหม่ ก็ยิ่งส่งของขวัญมาให้ เพอร์ซีย์หันไปมองด้านข้างมีกองของขวัญอยู่เต็มไปหมด แต่ลูกๆ เขาไม่สนใจเท่าไร เลยไม่ต้องตอบเด็กๆ มันคืออะไร โอราอุสจ้องมองน้องทั้งสองคุยกันจนหาโอกาสแทรกเข้ามาเล็กน้อยได้

 

“งั้น...โพรทาเลีย”

โพรทาเลียเห็นอีกฝ่ายย่อตัวเข้ามาใกล้ๆ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคือพี่โอราอุส แต่ยังไม่ชินกับร่างกายที่โตเป็นหนุ่มของพี่ชายเท่าไร

“อ๊ะ...โพร...” โอราอุสมองน้องสาวอย่างเศร้าๆ ที่เธอเขยิบหนี

พอเห็นใบหน้าอีกฝ่ายเป็นแบบนั้น โพรทาเลียก็แอบสงสารนิดหน่อย จนเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย

“พี่...โอราอุส...”

“อ๊า~ โพรทาเลีย...” โอราอุสยิ้มร่าอย่างดีใจที่น้องสาวเรียกชื่อเขาได้

โพรทาเลียจ้องมองพี่ชาย เธอไม่นึกว่าพี่ชายแสนดีจะกลายเป็นหนุ่มหล่อแบบนี้ไปได้ มันทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเลยจริงๆ

“งื้อ...พี่เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ นะคะ”

“แน่อยู่แล้วล่ะนะ พี่อายุ 20 แล้วนี่น่า พี่ต่างหากล่ะที่คิดว่าน้องไม่เปลี่ยนเลย น้องน่ารักเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด พี่อยากจะ-”

โอราอุสกำลังอ้าแขนอยากกอดน้องสาว แต่มีไอ้สองตัวแสบดันเขาออกไปด้านข้างซะงั้น

“ถอยไปเลย ไอ้โลลิค่อน!!”

“พี่ค่ะ!!” เรน่ากับคารีเซลมองพี่ชายที่โดนเจ้าพี่แฝดผลักตกพื้นไป

“พวกนาย!!” โอราอุสขมวดคิ้วอย่างโกรธเคืองขึ้นมาทันที

พวกโพรทาเลียน้อยต่างตาโตกันที่พี่ชายคนโต โดนเจ้าพี่ชายสองแฝดผลักออกไป

“พี่โอราอุส!!”

“พี่ค่ะ!!”

“นี่ๆ เลิกสนใจพี่โอราอุส แล้วมาสนใจพวกพี่ดีกว่านะ เนอะ โพรจำพี่ได้ไหม?

“ไม่!!”

เพียงคำพูดเดียวของน้องสาวทำเอาคนเป็นพี่ชายอันดับสองของบ้านถึงกับสลดไปอยู่มุมห้องทันที

“ฮือ...ฉันทำอะไรผิดกัน โพรทาเลียเกลียดเราต้องแต่เด็กๆ แล้วนี่น่า ทำไมเราไม่ทำตัวดีๆ กับน้องเลยนะ”

“ฮ่าๆ เจ้าบ้านั้น โดนแทงใจดำไปครั้งเดียวกลายเป็นคนบ้าไปเลยนะนั้น” เอเดอร์ขำพี่ชายอย่างชอบใจ

โพรทาเลียน้อยมองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรล่ะนั้น “เอ่อ...หนูทำอะไรผิดเปล่านะ?

“ไม่หรอกๆ เดียวก็หายเองล่ะหมอนั้นนะ” เอเดอร์ลูบหัวน้องสาวเบาๆ “โพรทาเลีย โฟกัส น้องสาวพี่ ทั้งสองคนน่ารักจริงๆ นะ พี่ล่ะคิดถึงวันที่เธอสองคนได้คู่กันจริงๆ”

“พี่เอเดอร์...”

โพรทาเลียน้อยจ้องมองอีกฝ่าย เธอจำได้ดีกว่าพี่เอเดอร์นั้นเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนกับน้องๆ ทุกคน ต่างกับพี่เบเดอร์ที่ทะเลาะกับเธอได้ตลอด

“พี่เอเดอร์ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ”

“อ๊ะ...” เอเดอร์ได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้นก็รู้สึกได้ว่าเขายังทำให้น้องสาวอบอุ่นใจได้ “อืม พี่ยังเหมือนเดิม ถึงมีวันเวลาที่เปลี่ยนไปมั้ง แต่พี่ก็ยังอยู่ข้างๆ น้องๆ ทุกคน รวมไปถึงโพรทาเลียด้วยนะ”

“อยู่ข้างๆ” โพรทาเลียน้อยทวนคำพูดอีกฝ่าย

ทำให้ความรู้สึกอันหนักอึ้งเข้ามาข้างในใจของเธอจนน้ำตาของโพรทาเลียน้อยไหลออกมาจากดวงตา

เอเดอร์เห็นแบบนั้นถึงอึ้งทันทีที่จู่ๆ น้องสาวก็ร้องไห้ออกมา “โพร!!”

“พี่บอก...ว่าจะอยู่ข้างๆ” น้ำเสียงของโพรทาเลียเริ่มสั่นเคืองมากขึ้น “แต่ตอนอยู่กับปีศาจนั้น!! ไม่เห็นมีใครอยู่ข้างๆ เลยสักคน!!”

คำพูดของเด็กตัวเล็กทำให้ทุกคนนั้นต่างเงียบไปกันหมด มีแต่เอเดอร์ที่สีหน้ายังอึ้งๆ อยู่

“โพร...พี่...” เอเดอร์กำลังเอื้อมมือไปหาอีกฝ่าย

โพรทาเลียน้อยปัดมือนั้นออกไปทันที “พวกพี่ๆ ก็เอาแต่โกหก...ไม่มีใครพูดตรงคำสัญญาได้สักคน!!”

โพรทาเลียน้อยตะโกนใส่พี่ชาย ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องนั้นไปในทันที คนอื่นๆ จะห้ามแต่ก็ไม่ทัน

“โพร!!” เพอร์ซีย์เรียกลูกสาวเขากำลังจะลุกขึ้น แต่ภรรยาของเขากับจับตัวเขาไว้ “แอนนี่!!”

แอนนาเบ็ธจ้องมองเขาพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เบเดอร์เห็นว่าน้องสาววิ่งออกไป เขาก็กลับมาเข้าโหมดจริงจังเหมือนเดิม

“เจ๋งมาก! เอเดอร์! ไปกระตุกอารมณ์ซะงั้น!!” เบเดอร์รีบลุกขึ้นตามไปในทันที

“ฉันขอโทษ!!” เอเดอร์รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ตัวเองพูดอะไรไม่ได้คิดว่าจะทำให้น้องเป็นแบบนั้น

“เลิกโทษใครแล้วไปช่วยกันหาพี่สาวเถอะค่ะ!!” เรน่าพูดก็รีบวิ่งตามออกไปทันที

 

โอราอุสจับไหล่น้องชายก่อนจะพาอีกฝ่ายออกไปช่วยกันตามหาโพรทาเลียน้อย พวกพี่น้องบ้านแจ็กสันออกไปกันหมด เหลือแค่โฟกัสที่นั่งเฉยๆ เพื่อไม่พวกพี่น้องตามหาแล้วจัดการสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นกันเอง ผู้เป็นพ่อเห็นลูกๆ เดินออกไปเขาหันไปมองภรรยาของตนเอง

 

“ห้ามฉันทำไมนะ?

“ปล่อยให้ลูกๆ จัดการเองเหอะนะ” แอนนาเบ็ธอยากให้ลูกๆ จัดการปัญหาของตนเองกัน

“จะดีเหรอ?

“ลูกคนที่ห้าของเรายังไม่สนใจเลยนะ”

“เอ๋?

เพอร์ซีย์หันไปมองก็เห็นลูกสาวนั้นยังนั่งอยู่ที่โซฟา อลิซ่าเบ็ธค่อยๆ เดินไปหาเด็กน้อย เพื่อถามไถ่ว่าไม่ตามพวกพี่น้องไปเหรอ

“โฟกัส...ไม่ตามพี่ๆ น้องๆ ไปเหรอจ๊ะ”

“ไม่ค่ะ พวกพี่ๆ เริ่มก่อนก็ต้องจัดการกับสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นค่ะ”

“อ๊ะ...งั้นเหรอ”

เพอร์ซีย์สะดุดใจกับคำพูดของลูกสาวที่พูดเหมือนภรรยาเข้าไม่มีผิด

“เห็นไหมล่ะ? ลูกยังคิดแบบนั้นเลย”

“อ๊ะ...มันก็จริงนะ...” เขาเกาหัวเล็กน้อยที่ลูกสาวกับภรรยานั้นสมกันแล้วที่เป็นแม่ลูก นิสัยเหมือนกันจริงๆ

 

พวกผู้ใหญ่ต่างรอเวลาที่เด็กๆ จะช่วยกันพาโพรทาเลียน้อยกลับมา แต่กว่าจะหาเจอคงหายชั่วโมงหาลูกสาวไม่หนีออกนอกค่ายไป พวกโอราอุสรีบไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ในค่ายช่วยตามหาโพรทาเลีย พวกเขาช่วยกันตามหาทั่วทั้งค่ายแต่ก็ไม่เจอกัน ฟีนีอุสที่ช่วยตามหานั้นกำลังคิดว่าอีกฝ่ายนั้นหายไปไหน จนกระทั่งลูกๆ ทั้งสองมาจับชายเสื้อเขา

 

“อะไรเหรอ? เด็กๆ”

 

เด็กน้อยทั้งสองต่างพากันชี้ไปจุดจุดหนึ่ง สายตาของฟีนีอุสหันไปมองจุดที่เด็กๆ ชี้ มันคือคอกม้าเพกาซัสนั้นเอง เขาลองเดินไปจุดที่เด็กๆ ชี้ เมื่อเข้ามาก็เจอพวกม้าเพกาซัสอยู่กันเต็ม เขาตรวจหาข้างในทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่มีเลยสงสัยว่าลูกบอกผิดไหม เด็กๆ กำลังจ้องมองเขาพร้อมกับสายตาที่มองไปจุดหนึ่งก่อนจะนั่งลงอย่างไม่สนใจ สายตานั้นเขาหันไปจุดที่เด็กมองมันคือกองฟาง ระหว่างที่มองกองฟางนั้นก็ขยับ ทำเอาเขารู้เลยว่ามีบางอย่างอยู่ในนั้น จนเดินเข้าแหวกกองฟางนั้นก็เห็นผมสีดำที่แอบซ่อนอยู่ในนั้น โพรทาเลียน้อยรู้สึกเย็นๆ หัว เลยเงยหน้าว่าทำไมหัวมันเย็นๆ จนเธอเงยหน้ามองเจอชายแปลกหน้าที่มีใบหน้าที่หล่อเหล่าเทียบเท่าพี่โอราอุสอยู่ตรงหน้า

 

“ไง โพรทาเลีย” ฟีนีอุสทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

รอยยิ้มนั้นทำให้โพรทาเลียน้อยรีบเอาฟางมาคลุมหัวเธอทันที หัวใจเธอเต้นตึกตักอย่างเร็ว

‘ทำไมที่นี่ถึงมีแต่คนหน้าตาดีเยอะจัง!!’ โพรทาเลียน้อยคิด

 

“หึๆ รู้สึกเธอจะหาที่ซ่อนได้ดีนะ” ฟีนีอุสรู้สึกอมยิ้มกับท่าทางอีกฝ่ายที่เล่นซ่อนแอบแถวนี้

“ไม่ต้องมายุ่งกับหนู!!” โพรทาเลียน้อยพูดไล่อีกฝ่ายออกไป

“ไม่เอาน่า” ฟีนีอุสตอบปฏิเสธพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เขาไม่สนว่าอีกฝ่ายจะไล่เขากี่ครั้งก็ตาม “แล้วทะเลาะอะไรกับพวกพี่น้องเธอล่ะ?

“ไม่ได้ทะเลาะ...”

“แล้วมาซ่อนตัวทำไม?

“หนูแค่โกรธพี่ชายเท่านั้นล่ะ!!”

“แปลว่าทะเลาะนะสิ”

“ไม่ได้ทะเลาะ!!” โพรทาเลียน้อยโผล่ออกมาจากกองฟาง หัวของเธอมีแต่เส้นฟางเต็มไปหมด

ฟีนีอุสเห็นแบบนั้นก็ช่วยดึงออก “เล่าให้พี่ชายฟังได้ไหมว่าโกรธ เพราะอะไรกันนะ?

โพรทาเลียน้อยทำหน้าบูดบึ้งก่อนจะเล่าออกมา “พี่เอเดอร์บอกว่า พี่ยังค่อยอยู่ข้างๆ พวกหนูตลอดเวลา...แต่ฟังแล้วมันเจ็บปวดข้างในอก...”

ฟีนีอุสมองอีกฝ่ายที่ยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าอก เขารู้ว่าเด็กน้อยกำลังพูดถึงอะไร “เจ็บปวด เพราะไม่มีคนอยู่เคียงข้างๆ เธอ ตอนต้องทนทุกข์ทรมานสินะ”

โพรทาเลียน้อยเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่รับรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง “ใช่ค่ะ...”

“พี่เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะ ที่พูดแบบนั้นออกไปนะ”

“คุณไม่ใช่พี่หนู คุณไม่รู้หรอก!!”

“ฉันก็มีน้องสาว ฉันเข้าใจ บางครั้งเราที่เป็นพี่ชายก็มีสิทธิ์เผลอพูดอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจออกไปทำร้ายจิตใจน้องสาว กว่าจะคืนดีได้ก็หลายวัน”

โพรทาเลียน้อยฟังทุกอย่างที่อีกฝ่ายฟัง ทำให้เธอคิดย้อนไปจนนึกถึงว่าตัวเองอยู่ในอนาคต แล้วตัวเธอรู้สึกยังไงกันแน่ที่ครอบครัวไม่ได้อยู่ข้างๆ หรือไม่ได้ช่วยเหลือเธอเลย

“พี่ชายรู้จักหนูในยุคนี้ไหม?

“หือ?ฟีนีอุสหันไปมองเด็กน้อย เขาเกาแก้มหน่อยๆ อย่างครุ่นคิดว่าจะบอกยังไง “เอ่อ...ก็...รู้จักน่านะ”

โพรทาเลียน้อยจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที

“อย่ามองแบบนั้นสิ ฉันกับเธอยังไม่ได้รู้จักสนิทนะ ฉันแค่โผล่ไปอยู่ข้างๆ ด้วยแล้วก็...เอ่อ...ทำตัวให้สนิทกับเธอเท่านั้น...แต่ฉันรู้ว่าเธอนั้นเป็นคนยังไงน่านะ”

“เหรอ? แล้วถ้าตัวหนูได้ยินพี่ชายพูดว่าพี่อยู่ข้างๆ น้องตลอดไป ตัวหนูจะรู้สึกยังไง?

“รู้สึกยังไงเหรอ? ก็คงยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็จะดีใจที่พวกพี่ๆ จะอยู่ข้างๆ”

“เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดเหรอ? พวกพี่ๆ ก็เคยพูดแบบนั้นว่าจะอยู่ข้างๆ แต่ไม่เห็นมีใครทำสักคน”

“โพรทาเลียปัจจุบันนะ...เปลี่ยนความคิดในจุดนั้น จากไม่มีใครสามารถทำตามสัญญาได้งั้นเธอก็จะทำมันเอง”

“ทำมันเอง?

“เธอผ่าทุกอย่างจนมาเจอครอบครัวที่นี่ แล้วก็อยู่อย่างหลบซ่อนในฐานะคีย์ วันเดอร์เลอร์”

“หือ? คีย์วันเดอร์เลอร์ นั้นมันคีย์เวิร์ดของพ่อ ไว้ขอความช่วยเหลือนี่น่า”

“คีย์เวิร์ด!?

“ค่ะ พ่อบอกว่ามันเป็นคีย์เวิร์ดไว้ขอความช่วยเหลือ แปลว่าตัวหนูในยุคนี้ก็หาชื่อดีๆ จากคีย์เวิร์ดนั้นสินะ”

“อืม!” ฟีนีอุสพยักหน้าเบาๆ

“แต่...ฟังจากคำพูดของพี่ชาย...แปลว่าตัวหนูในปัจจุบันนี้ เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ เลยนะคะ”

“ใช่ เพราะโพรทาเลียเจออุปสรรคเยอะมากๆ จนเธอโตได้ขนาดนี้”

โพรทาเลียน้อยเอียงคอมองชายข้างๆ ใบหน้าอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนตอนพูดถึงตัวเองในปัจจุบัน ทำให้โพรทาเลียออกมาจากกองฟางมานั่งข้างๆ อีกฝ่าย

“พี่ชายกับหนูในปัจจุบันไม่ได้เป็นอะไรกันใช่ไหมคะ?

“!!” พอได้ยินคำถามแบบนั้น ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดแก้ตัว “พูดอะไรนะ? ฉันกับเธอนั้น...เอ่อ...”

โพรทาเลียตัวน้อยเห็นใบหน้าอีกฝ่ายนั้นแดงก่ำก็พอรู้ว่าเขาเขิน “เขินจนหน้าแดงแล้วนะคะ”

“อ๊า!”

“เหมือนกับพี่ชายที่หนูเคยเจอเลย”

“พี่ชายที่เคยเจอ?

“ค่ะ ตอนงานวันเกิดนะ พี่ชายคนนั้นช่วยหนูเอาไว้ตอนหนูตกจากเคาน์เตอร์”

คำพูดของโพรทาเลียทำเอาชายหนุ่มรับรู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงใครกัน ทำเอาเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ

“ฉันเหมือนพี่ชายคนนั้นเหรอ?

“ค่ะ...ถึงจะอายุต่างกันก็ตามที แต่นี่คืออนาคตป่านนี้พี่ชายคงอายุสัก...อืม...20ปีแล้วมั้ง เพราะเป็นเพื่อนพี่ชาย...แต่เริ่มจำใบหน้าเขาไม่ค่อยได้แล้วสิ”

“เริ่มจำไม่ได้เหรอ?

“ค่ะ...แซเทิร์นเริ่มฝังหลายอย่างๆ เข้ามาข้างในหัว แถมเริ่มลบความทรงจำหลายๆ อย่างของหนู แต่หนูก็ฝืนที่จะจำมัน หนูชอบวาดรูปหนูก็วาดครอบครัวและคนรู้จักไว้ตลอด แล้วก็เขียนจดหมายว่าจำพวกเขาให้ได้ พวกเขาคือใคร แล้วก็มีความทรงจำอะไรดีๆ มั้ง สักพักหนูก็จำได้แล้วล่ะ”

“งั้นเหรอ...แต่จำพี่ชายคนนั้นไม่ค่อยได้สินะ”

“ค่ะ...แต่หนูจำได้แค่แก้มแดงๆ ของเขากับน้ำเสียงที่ดูไม่เหมือนเด็กเท่าไร คงเพราะพี่เขาน่าจะอายุสัก 10 ขวบ ตอนนั้นเขาเหมือนเด็กแก่แดดเลยนะ”

“ฮ่าๆ” ฟีนีอุสแอบรู้สึกอึ้งที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่าเด็กแก่แดด

“แต่...หนูจำได้แค่...พี่เขานั้นให้เส้นผมที่ถูกผูกเป็นตุ๊กตาคน ทุกคนครั้งที่คิดถึงครอบครัวหรือพี่ชายคนนั้นหนูจะยกสิ่งนั้นขึ้นมาดมกลิ่นที่หอมมากๆ นะคะ”

“กลิ่น?

“ค่ะ กลิ่นของมินต์หรืออะไรสักอย่างที่หอมจนทำให้หนูสงบใจได้ถึงจะเศร้าใจก็ยังมีของที่เป็นกำลังใจให้หนูมีชีวิตต่อ ถึงจะตายแล้วตายเล่าก็ตามที”

 

ฟีนีอุสได้ยินแบบนั้นจากเด็กตัวน้อยแค่ 6 ขวบ ทำให้เขารู้สึกหนักใจจริงๆ ที่คนที่เขาชอบตั้งแต่ 10 ขวบ มีชะตากรรมแย่ๆ แบบนี้ เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ โพรทาเลียน้อยมองอีกฝ่ายที่ลูบหัวเธอเบาๆ ใบหน้าของเขาดูเศร้ามากๆ จนโพรทาเลียน้อยมองอย่างสงสัยว่าเขาทำสีหน้านั้นเพราะเธอเหรอ

 

“พี่ชาย...”

“เธอบอกว่าจำเขาไม่ค่อยได้ แล้วทำไมถึงยังพูดถึงเขากัน?

“เอ่อ...” แก้มทั้งสองข้างของโพรทาเลียเริ่มแดงขึ้นในทันที “ก็...เคยสัญญาไว้นี่น่า...”

“สัญญา?

“อืม ว่าถ้าโตขึ้นหนูไม่ได้สนใจพี่ชายสามารถนำตุ๊กตาผมไปคืนพี่เขา แต่ถ้ายังสนใจพี่ชายก็เก็บเอาไว้” โพรทาเลียน้อยนึกถึงคำพูดของพี่ชายที่ยังพอจำได้ "แล้วก็...หนู...คงเผลอแอบชอบพี่เขาตั้งแต่ที่พี่เขาช่วยหนู หนูเลย...ยังอยากจำเขาให้ได้นะคะ..."

ใบหน้าอันเขินอายของโพรทาเลียน้อย ทำให้เอาฟีนีอุสใจอยู่ไม่สุขสุดๆ เขาโดนเด็กน้อยที่เคยชอบบอกรักซะงั้น จนเขาอยากบอกว่าเขานั้นเป็นใครกันแน่ขึ้น

“โพรทาเลีย...พี่...”

“หือ?โพรทาเลียมองอีกฝ่าย

แต่แล้วพวกพี่น้องของโพรทาเลียก็มาถึงคอกม้าเพกาซัส พวกเขาได้ยินเสียงฟีนีอุสจึงเข้ามาดูข้างในคอกม้าเพกาซัสก็เห็นน้องสาวพวกเขาอยู่กับอีกฝ่ายที่กำลังแตะเนื้อต้องตัวน้องสาวพวกเขาอยู่

“เห้ย! ฟีนีอุส!! แกกล้าแตะน้องเราเหรอ!?

“แกมาอยู่นี้กับน้องเราได้ไง!!”

พวกพี่ชายของโพรทาเลียน้อยตะโกนใส่ฟีนีอุสจนเขาต้องลุกขึ้นออกห่างทันที

“น่ารำคาญเป็นบ้า!!”

โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นหนีพี่ๆ ของเธอ แต่เธอก็ได้รู้ชื่ออีกฝ่ายที่พวกพี่ๆ เรียก แต่ชื่อนี้ช่างคุ้นหูมากๆ จนน่าสงสัย เอเดอร์รีบเดินตรงมาหาน้องสาวพร้อมกับกอดเธอทันที

“โพรทาเลีย”

“พี่ค่ะ!” โพรทาเลียมองพี่ชายที่เข้ามากอดเธอ

"พี่ขอโทษกับเรื่องเมื่อกี้นะ พี่ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจน้องเลยนะ พี่ขอโทษนะ"

โพรทาเลียได้ยินคำขอโทษของพี่ชายก็รีบส่ายหน้าทันที “พี่ไม่ได้ตั้งใจนี่น่า โพรทาเลียต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ยังยึดติดที่กับเรื่องที่ในยุคนี้มันก็ผ่านมานานแล้ว แต่สำหรับมันพึ่งผ่านมา 5 เดือน”

“ไม่ๆ โพรทาเลียไม่ต้องขอโทษพี่หรอกนะ” เอเดอร์เริ่มน้ำตาคลอเป้าไปหมด “ถ้าตั้งแต่ต้นพวกพี่รู้ว่าคนที่อยู่ไม่ใช่เธอ พวกพี่ๆ จะรีบตามหาเธอ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้พวกเรากับไม่เอะใจอะไรเลย”

โพรทาเลียน้อยเห็นใบหน้าพี่ชาย เธอยกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาของพี่เบาๆ “พี่จ้า ไม่ร้องนะ เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ ตัวหนูก็ไม่เคยโทษใครนี่น่า หนูดีใจซะอีกที่ตัวหนูทำสำเร็จที่ได้กลับมาอยู่กับพี่ๆ อีกครั้งนะ”

“โพร...” เอเดอร์มองน้องสาวที่ปลอบเขา

 

โพรทาเลียโผเข้ากอดพี่ชายทันที เอเดอร์กอดน้องสาวตอบ เขารู้สึกเสียใจที่ตัวเองพูดแบบนั้นออกไป โดยไม่คิดอะไรเลย คำสัญญานั้นมันเป็นหนามทิ่มใจน้องสาวเขา มันก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดเช่นกัน พวกพี่น้องแจ็กสันรีบเข้ามากอดกัน ทำให้ดูอบอุ่นมากๆ พวกเพื่อนๆ เห็นก็ต่างพากันก็อมยิ้มกัน ฟีนีอุสเห็นพี่น้องกลับมารักกันก็ดีแล้ว เขาเดินออกมาเจอลูกๆ ทั้งสองนั่งรอพ่ออยู่ตั้งนาน

 

“ถ้าแม่รู้ว่าพ่อคือเด็กชายคนนั้น แม่คงเขินตายเลยนะครับ” เดวิคกล่าวขึ้น

“ไม่มีทางหรอก...เธอยังจำพ่อไม่เลยนะ”

“เหรอ?เด็กทั้งสองต่างพูดพร้อมกัน

“พอเลยๆ พ่อว่าวันนี้ปล่อยแม่เขาอยู่กับครอบครัวละกัน” ฟีนีอุสยื่นมือไปหาลูกๆ

“ครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสองจับมือคนเป็นพ่อก่อนจะเดินออกไป

โพรทาเลียมองหาพี่ชายที่ช่วยปลอบใจเธอให้ยอมคืนดีกับพี่ได้ แต่เมื่อกี้ที่พี่ชายชื่อพี่ชายคนนั้น ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เมื่อเคยได้ยินที่ไหนจนเหมือนภาพในหัวมันผุดขึ้นไปมา ภาพของพี่ชายผมทองที่เคยช่วยเธอ

 

‘ฉันชื่อ...’

 

‘ฉันชื่อ...’ โพรทาเลียคิด

 

‘ฉันชื่อ ฟีนีอุส...’

 

‘ฟีนีอุส!’ โพรทาเลียคิด

 

‘ฉันชื่อ ฟีนีอุส เกรซ’

 

“!!”

โพรทาเลียน้อยสะดุ้งลุกขึ้นยืนจนพวกพี่น้องต่างมองเธออย่างสงสัย เธอหันไปหาพี่ชายคนโตทันที

“พี่ค่ะ!!”

“อะไรเหรอ? โพรทาเลีย” โอราอุสตกใจทันทีที่น้องตะโกนเสียงดังออกมา

“พี่ชายคนเมื่อกี้ที่ชื่อฟีนีอุส เขานามสกุลอะไรคะ?

“หมอนั้นนะเหรอ?โอราอุสมองหาฟีนีอุสแต่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนซะแล้ว “อยากรู้ไปทำไมนะ?

“บอกมาเถอะน๊า!!”

“อ๊ะ! ก็...นามสกุลหมอนั้นคือ เกรซ นะ”

ใบหน้าของโพรทาเลียนิ่งไปชั่วขณะ สมองเธอเหมือนไม่ทำงาน แต่มันกำลังคิดบางอย่างอยู่

 

‘พี่ชายคนนั้น พี่ชายคนนั้น พี่ชายคนนั้น คือพี่ชายที่เคยช่วยเราตอนเด็กๆ แถมเมื่อกี้ฉัน!! เผลอสารภาพรักออกไปซะงั้น!!’

 

สมองของโพรทาเลียถึงกับมีเรื่องระเบิดดังออกมาจนเธอสลบไปในทันที จนพวกพี่น้องต่างตกใจไปในทันที

 

“ตายแล้ว! พี่คะ!!”

“โพรทาเลีย เป็นอะไรไปนะ!!”

“น้องพี่!!”

 

ระหว่างโกลาหลที่จู่ๆ โพรทาเลียก็สลบไปนั้น ทางด้านในป่าภายในห้วงแห่งจิตใจ เวลาผ่านไปเกือบ 2 วันอย่างเร็ว โพรทาเลียได้กลับมาพักผ่อนภายในสถานที่สำหรับการพักผ่อน ตอนแรกเธอคิดว่ามันอยู่ที่ไหนในป่า แต่มันอยู่ในถ้ำแถมข้างในนั้นเป็นภาพที่คุ้นตาตอนที่เธอสลับร่างกับลักซ์ ตอนนั้นเธอหันไปเล่นงานแดเรียลสักรอบสองรอบที่ทำให้เธอไม่ได้นอนแล้วไม่ได้มาพักที่นี่ ตามอดีตชาติทุกคนมองอย่างสงสัยว่าพวกร่างจุติไม่มาพักกันที่นี้ ทำให้เธอโกรธเคืองแดเรียลทั้งวัน จนวันนี้เธอตื่นมาตอนเช้าก็มีคนหนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ก็คือ ลักซ์ที่กำลังทำอาหารอย่างสนุก โดยมีรัลจ้องมองอยู่

 

“เจ้าอย่ามองข้าตอนทำอาหารได้ไหมเนี่ย? รัล” ลักซ์พูดระหว่างโรยบางอย่าง

“ทำไมกันข้ากลัวเจ้าทำห้องครัวไหมนี่น่า”

“ใครมันจะทำกัน!!”

“ฮิๆ” เสียงของโพรทาเลียขำออกมาอย่างสนุก

จนคนในครัวได้ยินเสียงเธอหัวเราะก็เงยหน้าออกไปมองในทันใด จนเห็นว่าใครกันที่กำลังหัวเราะ

“อ๋อ! ร่างจุติตื่นแล้วแฮะ”

“ไง หนูน้อย! ตื่นแล้วเหรอ?

พอโดนทักว่าหนูน้อยทำให้สายตาของโพรทาเลียจ้องมองลักซ์อย่างไม่ชอบใจ จนทำเอาอีกฝ่ายนั้นหน้าซีดไปเลย

“ไง ร่างจุติ...” ลักซ์รีบแก้คำพูดตัวเองทันที

“หึ! ถ้าเห็นฉันเป็นเด็กอีกนะ ลักซ์นายตายแน่ๆ”

“ขอรับ!!”

โพรทาเลียเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่สูงกว่าเธอเล็กน้อย แต่ก็ปีนขึ้นได้ “แล้วเช้านี้ทำอะไรทานล่ะนั้น”

“พิซซ่า!!”

ลักซ์กับรัลพูดพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ่งอย่างชอบใจ โพรทาเลียมองทั้งสองคน ยิ่งใบหน้าก็เหมือนกันอยู่แล้วยังจะพูดพร้อมกันอีก ส่วนอาหารที่ได้ยินอะไรเธอก็ทานล่ะ เพราะหิวมากๆ เลยล่ะ จนกระทั่งเสียงของไดแอนตะโกนออกมา

“ห๊า! พิซซ่าอีกแล้ว! พวกเจ้าทานอาหารอย่างอื่นมั้งไหมได้หรือไง?

“ไง ไดแอน!” โพรทาเลียทักทายอีกฝ่าย

“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าร่างจุติ”

“ถ้าเจ้าไม่อยากกินก็ได้นะ ไดแอน!!”

” จริงด้วยๆ”

ทั้งสองหนุ่มต่างเข้าข้างกัน เพราะอาหารอันนี้พวกเขาดูผ่านความทรงจำของโพรทาเลียในวัยเด็กที่เห็นอาหารที่หลากหลายแบบที่ครอบครัวชอบทานกัน แล้วพวกเขาชอบอาหารอย่างพิซซ่าที่มีชีสยืดๆ ทาน

“ห๊ะ! ข้าไม่ใช่คนเรื่องมากในการทานอาหารนะ!!”

“งั้นก็อย่าบ่นสิ!!”

“ไม่ให้บ่นได้ไง เจ้าเห็นพิซซ่ามากี่ครั้งแล้ว!!”

“พวกเจ้า!!”

เสียงของเซเรน่าดังขึ้นจากชั้นสองทุกคนต่างหันไปมองต้นเสียงที่ดุดันมากๆ จนพวกเขาได้เห็นใบหน้าที่ไม่คาดคิดของหญิงสาวสายเลือดเฮเฟตัสแล้วก็สองสาวที่ตื่นมาพร้อมกันเพราะเสียงของทั้งสามคนที่ตะโกนเสียงดังเข้าไปห้องพวกเธอ

“เซเรน่า เฟอร์ร่า เฮเลน” โพรทาเลียเอ่ยเรียกทั้งสามคน

“เคยเกรงใจคนเขาต้องนอนตื่นสายๆ ไหม!!”

“พวกนั้นเขาโกรธอะไรกันนะ ร่างจุติ” ไดแอนเข้ามาเกาะแขนโพรทาเลียเบาๆ

“ฉันว่าพวกเธอต้องนอนเพื่อความงามนะ ไม่งั้นคงไม่โกรธแบบนั้นนะ”

“ความงาม...”

ไดแอนทำหน้าไม่เข้าใจ เพราะเธอนั้นเป็นหญิงที่อยู่กับมารดาในป่าเลยไม่ต้องเสริมสวยเหมือนสาวในเมือง เธอจึงไม่เข้าใจว่าความงามนั้นคืออะไรกันแน่ เฮเลนเดินนำลงมาก่อนคนอื่นๆ เธอเดินมานั่งกับโพรทาเลียน้อย

“ตื่นไวจังนะ ท่านพี่”

“ทำไงได้ล่ะ นอนจนอิ่มแล้วนะ”

“แหมๆ นอนจนอิ่มรอที่จะฝึกอันต่อไปไหมคะ?

“จริงสิ แล้วโฟกัสล่ะ?

“ดาเฟ่บอกว่าโฟกัสยังควบคุมพลังอยู่นะ ยังแสดงออกมาไม่ดีนะ”

“จริงเหรอ...” โพรทาเลียเริ่มห่วงโฟกัสล่ะ

“ไม่ต้องห่วงร่างจุติของพวกเราไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรแน่ๆ”

“ใช่เจ้าค่ะ!!”

“ก็จริงนะ น้องสาวฉันต้องทำได้แน่ๆ” โพรทาเลียดีใจที่ทุกคนนั้นเชื่อมั่นในน้องสาวของเธอ

ลักซ์นำพิซซ่าถาดใหญ่ออกมาเตาอบ แล้ววางลงใจกลางโต๊ะทุกคนต่างพากันหยิบจานหยิบไปคนละชิ้น โพรทาเลียก็เช่นกัน

“แล้วหลังจากนี้ เจ้าจะทำอะไรต่อนะ? โพรทาเลีย” ลักซ์ถามระหว่างกัดพิซซ่า

“อ๋อ...ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ฉันอยากฟังเรื่องอดีตชาติคนหนึ่งที่มีนามว่าฮาลอน!!”

ทุกคนต่างหยุดขยับในสิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมด เมื่อได้ยินชื่อที่พวกเขานั้นรู้สึกขวัญผวากันได้เลย จนโพรทาเลียสังเกตเลยว่าทุกคนนั้นดูกลัวคนนี้จริงๆ

“ทำไมทุกคนดู...กลัวคนคนนี้จัง”

“ตอนเจอเขาครั้งแรก...ยิ่งกว่าคำว่าน่ากลัวอีก” เฟอร์ร่ารู้สึกขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงอีกฝ่าย ยิ่งเธอเจอเขาก่อนคนแรกมันยิ่งอึดอัดมากๆ

“ยิ่งกว่าสายเลือดฮาเดสหรือแอรีสอีก เขามัน...” อาเดียนกล่าวออกมาโดยที่อีกฝ่ายโผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้

“เจ้ามาตอนไหนกัน?เซเรน่าถามอีกฝ่ายที่ลงมาตอนไหนกัน

“มาพร้อมพวกท่านนั้นล่ะนะ ท่านพี่หญิง”

อาเดียนยิ้มอย่างชอบใจที่อีกฝ่ายหันมาคุยกับเขา เธอเห็นรอยยิ้มนั้นจึงรีบหันหน้าหนีอีกฝ่ายด้วยความเขิน

“เขาเหมือนปีศาจที่จะพร้อมปะทะด้วยตลอดเวลา” ไดแอนนึกภาพชายหนุ่มที่เคยเจอได้

“น่ากลัวขนาดนั้นเชียว?

“ใช่! ถ้าใครไปกระตุ้นเขานะ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้...”

“ใช่...”

โพรทาเลียฟังทุกอย่างจากทุกคนมันก็แค่ข้อมูลส่วนหนึ่ง มันยิ่งทำให้เธอสนใจมากกว่าเดิมอีก เธอหันไปหาเฮเลน

“เฮเลน...” โพรทาเลียหันไปหาหญิงสาวที่เป็นน้องสาวฮาลอน “เล่าเรื่องฮาลอนให้หน่อย”

“ข้าจะเริ่มไงดี...” เฮเลนว่างพิซซ่าลง เธอกำลังนึกว่าจะเริ่มยังไงจนขอเล่าตั้งแต่เริ่มต้นละกัน “งั้นข้าจะเล่าตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงวันที่เราสองคนได้ตายในวันเดียว”

 

จบตอนที่ 74 โปรดติดตามตอนที่ 75 ต่อไป