111 ตอน ตอนที่ 111 ปาฏิหาริย์มาอยู่ตรงหน้า
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 111 ปาฏิหาริย์มาอยู่ตรงหน้า
เมื่ออีกฝ่ายออกคำสั่งผู้เฝ้ายามสองคนก็วิ่งออกจากตรงนั้นเข้าไปภายในค่ายอย่างเร่งรีบ แล้วสถานที่ที่พวกเขากำลังวิ่งไปนั้นคือสถานพยาบาลภายในค่าย โอราอุสเห็นสองคนนั้นวิ่งไปแล้วก็ตาเขาที่จะวิ่งกลับไปหาน้อง ๆ เพื่อนำขนแกะทองคำไปรักษาพ่อกับคุณเจสัน เขารีบวิ่งมาถึงรถก็ใช้มือข้างหนึ่งจับขอบรถแล้วดีดตัวเองขึ้นเพื่อข้ามขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โพรทาเลียมองพี่ชายที่ไม่ขึ้นดี ๆ ทำอะไรให้หวาดเสียวจริง ๆ ก่อนที่เธอจะรับขนแกะมาแล้ววางลงบนตัวสองคนที่นอนใกล้กัน เธอไม่รู้ว่าใช้พร้อมกันแล้วมันจะช่วยพร้อมกันไหม แต่เธอหวังว่าขอให้มันช่วยพ่อกับคุณเจสันได้ก็พอ
‘ได้โปรด...ได้โปรดเทพเจ้า...ช่วยพ่อกับลุงด้วยนะคะ!!’ โพรทาเลียภาวนา
หลังคำภาวนาแสงสว่างจากขนแกะก็บังเกิดขึ้น ทุกคนต่างมองแสงสว่างจากขนแกะที่กำลังแสดงปรากฏการณ์ที่พวกเขาต้องการร่างกายของทั้งสองคนเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้น โพรทาเลียฉีกยิ้มอย่างดีใจที่ทั้งสองคนกลับมาเป็นปกติ เธอตรวจชีพจรพวกเขาก็กลับมาเต้นปกติแล้วยิ่งโล่งใจมากขึ้น แต่ว่าพวกพี่สองแฝดค่อย ๆ เดินมาที่รถ
“พ่อกับคุณเจสันเป็นไงมั้ง?”
“ปลอดภัยแล้ว...”
“เจ๋ง!!” โอราอุสยกแขนอย่างดีใจที่พวกเขาปลอดภัย
“ดีจริง ๆ” โฟกัสลงมาจากรถก็โล่งใจที่พ่อกับคุณเจสันปลอดภัย
“ดีแล้วล่ะเนอะ A1” เอเดอร์หันไปคุยกับพี่ชายที่นั่งอยู่ที่คนขับ
“ใช่...A2…” เบเดอร์ตอบน้องสาวก่อนจะคิดบางอย่างแล้วหันไปถามโพรทาเลีย “ฉันมีคำถาม...ทำไมเธอรู้ได้ว่าพวกเขาคือพ่อกับคุณเจสัน...ไม่คิดเลยเหรอว่าเป็นปีศาจหรือเปล่านะ?”
ทุกคนต่างหันไปมองเบเดอร์กันเป็นตาเดียวกัน มีแต่โพรทาเลียได้ยินคำถามนั้นแล้วยิ้มออกมา
“ต้องรู้สิ...ร่างกายของทุกคนมีสิ่งที่บ่งบอกเสมอว่าคนคนนั้นคือสายเลือดของใคร...?”
“เธอพูดจริงเหรอ? ฉันเชื่อไม่ลง...” เบเดอร์กล่าวอย่างไม่เชื่อใจ
โอราอุสได้ยินแบบนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาใครบางคนแล้ววางสายลง “เอาล่ะ เดียวเรามารู้กันว่าจริงไหม? แต่ถ้าคิดว่าไม่ใช่พ่อกับคุณเจสัน เราจะพาเข้าค่ายได้เหรอ?”
เบเดอร์รู้อย่างงั้นก็คิดเลยว่าจริงของพี่ชายถ้าเป็นปีศาจคงเข้าไม่ได้แน่ ๆ เดียวรอทีมช่วยเหลือก่อน พอทุกคนโล่งใจกับสิ่งที่พวกเขาตั้งคำถาม แต่มีหรือว่าโพรทาเลียจะไม่ตั้งคำถามด้วยเหมือนกัน แต่คำถามของเธอคือทำไมพ่อกับคุณเจสันที่ตายไปแล้วอย่างที่ผู้ใหญ่บอก แล้วทำไมทั้งสองคนยังอยู่ตรงหน้าของเธอและยังมีลมหายใจอยู่ คำถามนี้มันช่างหาคำตอบได้ยากยิ่ง
‘นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’ โพรทาเลียคิด
ห่างออกไปจากที่พวกโพรทาเลียอยู่ ภายในค่ายฮาล์ฟบลัดที่ยังมีคนเดินไปเดินมาตามทาง แต่ยังมีสถานที่หนึ่งที่ยังมีคนคอยดูแลคนป่วยตลอดเวลาอย่างสถานพยาบาลทุกคนกำลังวุ่น ๆ กับการดูแลคนป่วยชุดสุดท้าย พวกเขาก็เตรียมตัวที่จะพักกันแล้ว เพราะช่วงดึกคงไม่มีใครบาดเจ็บมาแน่ ๆ แต่แล้วก็มีเรื่องให้พวกเขาเมื่อคนเฝ้ายามสองคนวิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วพร้อมกับตะโกนเรียกพวกเขา
“เมรี่!! โอลิเวอรรรรรรรรรรรรรรรร์”
ชื่อสองชื่อที่ถูกเรียกต่างเดินออกมา พวกเขานั้นมองสองคนจากบ้านเฮเฟตัสที่ไปเป็นคนเฝ้ายามกำลังวิ่งมาด้วยความร้อนรน ชายหนุ่มร่างสูง ผมดำ ผิวสีแทน ออกมายืนหน้าสถานพยาบาลแล้วมองสองคนที่วิ่งมาอย่างสงสัยว่าวิ่งกันมาทำอะไร
“เฮ้ย!! อย่าตะโกนสิเว้ย คนเขาหลับกันไปหมดแล้ว”
“แฮ่ก ๆ อย่าพึ่งบ่นเรา โอลิเวอร์ พวกเรา...ขอเปลสองเปล พวกแจ็กสันกลับมาพร้อมคนป่วยนะ!!”
“ว่าไงนะ!? แล้วใครกันที่ป่วย!?” หญิงสาวผมสีทองเดินเข้ามาถามอย่างสงสัยว่าใครกันที่บ้านแจ็กสันบอกว่าป่วย
“เอ่อ...โอราอุสไม่ได้บอกอ่ะ!!”
“อ้าว!!”
“ไม่ถามก่อนมาว่ะ จะได้เตรียมเปลถูกว่าเอาอันเล็กหรือใหญ่”
“ใช่ พวกนายไม่คิดอะไรก่อนเลยว่ะ!”
หญิงสาวผมสีทองยกมือขึ้นตบหัวสองคนที่พูดออกมาอย่างไม่คิดอะไรเลย "เวลาแบบนี้จะถาม ทำซากอะไร ห๊า!!"
“โธ่...เมรี่! ตบทำไมเนี่ย!?”
“เลิกพูดมาก!! ไปเร็ว!!”
เมรี่ออกกำลังสั่งกับทุกคนให้ไปกับเธอห้าถึงหกคนเพื่อไปตรวจสอบคนป่วยด้วย โอลิเวอร์เตรียมออกคำสั่งให้เตรียมเตียงไว้ที่สถานพยาบาลสองเตียง เพราะการขอเปลสองอันแปลว่าต้องมีคนป่วยสองคน ทีมช่วยเหลือรีบวิ่งออกไปเพื่อช่วยเหลือคนป่วยอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องวิ่งผ่านบ้านใหญ่พอดีเลยกับที่พวกผู้ใหญ่กำลังเดินออกมาจากบ้านใหญ่ ห่างตาของพวกเขาก็เห็นเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งผ่านบ้านใหญ่ไปก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามองทิศที่เด็ก ๆ วิ่งไปมันเป็นทางเข้าค่ายฮาล์ฟบลัด
“เกิดอะไรขึ้นนะ?” แอนนาเบ็ธเอ่ยถามขึ้นมา
“คงมีคนเจ็บมั้ง ปล่อยไปเถอะ เด็กพวกนั้นก็เก่งกันหมดแล้ว คงไม่มีอะไรมาหรอกมั้ง” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“อืม...ก็ขอให้เป็นแบบนั้นละกันนะ” ไพเพอร์กอดอกมอง
“ถ้าสงสัยรอตรงนี้กันไหมนะ?” แอนนาเบ็ธรู้สึกสงสัยว่าใครบาดเจ็บ ทำให้เธออยากรอตรงนี้
“ถ้าใครรอฉันก็รอ อยากเห็นนะว่าเด็ก ๆ จะพาใครมานะ”
“ก็เอาสิ”
พวกผู้ใหญ่ต่างพากันยืนรออยู่แถวนั้นว่าเด็ก ๆ จะพาใครเข้ามารักษากันโดยหารู้ไหมว่าบุคคลที่เด็ก ๆ จะพาเข้ามานั้นเป็นบุคคลที่พวกเขาจะตกตะลึงอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ ทีมช่วยเหลือวิ่งกันจนมาถึงประตูค่ายพวกเขามองซ้ายมองขวาจนเห็นรถยนต์ที่พวกโอราอุสอยู่ พวกบ้านแจ็กสันกำลังโบกมือให้ พวกเขาต่างวิ่งกันไปหาอย่างรวดเร็ว แต่เมรี่มองพวกเขาอย่างสงสัยว่ามีกันห้าคนอยู่แล้ว แล้วใครกันที่เป็นคนป่วย แต่เธอก็แอบถามถึงรถที่พวกนี้ขับขึ้นมาเสียหน่อย
“นี่พวกนายเล่นขับขึ้นมาเลยเหรอ!? โอราอุส”
“เหอะ...ก็...”
“นี้ ๆ คนเขาเร่งรีบเพื่อมาเอาขนแกะทองคำรักษาคนเลยนะเว้ย!!” เบเดอร์ลงจากฝั่งคนขับเดินตรงมาหาหญิงสาว
“ฉันไม่ได้ถามนาย เบเดอร์!!”
“ว่าไงนะ!!”
“พอเลย!! เบเดอร์!!” โอราอุสหันไปดุน้องชายทันที
“ชิ!!”
“แต่ถ้าคุณดีรู้ก็คงตกใจที่เราเล่นเอารถขึ้นมาแบบนี้” เอเดอร์เดินไปนั่งฝั่งคนขับแทนพี่ชายของเขา
“มันก็จริง แต่ว่า...” เมรี่มองแต่ละคนที่ดูไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด “พวกนายคงไม่ได้เรียกเรามาให้เวลาใช่ไหม? ไหนล่ะคนป่วย!?”
“เอ่อ...คนป่วย...อยู่ตรงนี้...” โอราอุสใช้หัวของเขาเอียงหัวไปที่หลังรถที่เขายืนอยู่
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่านอกจากบ้านแจ็กสันยังมีคนอื่นอีกหรือพวกเขาต่างเดินไปพร้อมกันจนมาถึงข้างรถพวกเขาก็ชะโงกหน้ามองหลังรถก็เห็นบุคคลที่พวกเขานั้นไม่คาดคิด เพราะพวกเขาเคยเห็นแค่ภาพถ่ายแต่ไม่คิดว่าตัวจริงจะอยู่ตรงนี้ ก่อนที่เมรี่จะเงยหน้ามองโอราอุสอย่างตกตะลึง
“นี่นายล้อเล่นใช่ไหม!? ไหนบอกว่าออกไปหาเบาะแสพาพวกโพรทาเลียกลับ!?”
“ใช่ หาเบาะแสกัน...แต่ระหว่างกลับ...กลับได้ของแถมกลับมาด้วย...”
“บ้าจริง ๆ พวกเขาไม่เป็นอะไรมากนะ?”
“ฉันใช้ขนแกะทองคำช่วยพวกเขาแล้วนะ”
เมรี่รีบปีนขึ้นมาตรวจร่างกายทั้งสองถึงร่างกายจะดีขึ้นแล้ว เธอเปิดเสื้อของทั้งสองคนก็เห็นร่างกายผอมพอควร ทำให้ต้องหันไปขอให้ทีมตัวเองเอาเปลขึ้นมาช่วยกันหามคนป่วยขึ้นเปลกันอย่างรวดเร็ว
“ต้องพาทั้งสองไปให้ยาและเครื่องดื่มเทพก่อนล่ะ พวกเขาไม่ได้รับอาหารมานานต้องมีอ่อนเพลียใกล้ตายกันมั้งล่ะ เร็วทุกคนพาคุณแจ็กสันกับคุณเกรซเข้าค่ายกัน!!”
“โอ้!!”
“ฉันขอช่วยได้ไหม?” โพรทาเลียขอช่วยอีกแรงจะได้กลับไปเร็ว ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราบ้านอะพอลโลจะรีบตรงดิ่งไปสถานพยาบาลเลยล่ะ!!”
“อ๊ะ...อืม...” พออีกฝ่ายบอกแบบนั้นก็ทำให้โพรทาเลียเบาใจได้บางเล็กน้อย
“งั้นพวกโพรทาเลียตามพวกอะพอลโลไป พี่จะเอารถไปเก็บนะ”
“โอเคค่ะ!”
ทีมช่วยเหลือจัดร่างกายของผู้ใหญ่ให้อยู่กับเปลอย่างเรียบร้อย พวกเขาก็เตรียมตัวที่จะพาทั้งสองคนวิ่งผ่านประตูไป สองแฝดชายเห็นแบบนั้นก็โล่งใจที่สองคนไม่ใช่ปีศาจก่อนที่พวกเขาจะวิ่งตามไป โพรทาเลียกับโฟกัสมองหน้ากันก่อนจะเตรียมตัวที่จะวิ่งตามไปเช่นกัน โอราอุสเอารถไปเก็บไม่ห่างมานักเพื่อไม่ให้ใครเห็นรถของเขาก็ต้องเอาอะไรคลุมไม่ให้เห็นเช่นกัน
ทางบ้านใหญ่พวกผู้ใหญ่ต่างรอกันอย่างเบื่อหน่ายที่ไม่เห็นเด็ก ๆ กลับมากันเสียที ทำให้บางคนมีความกังวลหน่อย ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า พวกเขานั่งรออยู่ที่รั่วบ้านใหญ่กันจนเกือบจะหลับกัน แต่แล้วก็เห็นเงาบางอย่างกำลังวิ่งกันมาก็มีคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็ตะโกนออกมาทันที
“นั้นมากันแล้ว!”
ทุกคนต่างได้ยินก็หันหน้าไปดูก็เห็นเด็กกำลังหามใครมาสองเปล
“มีคนป่วยสองคนแฮะ”
“เกิดอะไรขึ้นอีกนะ? หรือว่ามีเรื่องเกิดขึ้นที่หน้าประตูค่าย?”
“เรารอเด็ก ๆ มาดีกว่าไหม?”
“เดียวนะ? นั้นลูก ๆ เธอนี่ แอนนาเบ็ธ”
“หือ?”
แอนนาเบ็ธมองไปด้านหลังของทีมช่วยเหลือก็เห็นลูก ๆ ทั้งสี่ของเธอที่กำลังวิ่งตามพวกทีมช่วยเหลือมา เธอเห็นพวกเขาก็โล่งใจ แต่ว่าเธอไม่เห็นลูกอีกคนของเธอ
“โอราอุสไปไหน? หรือว่า...”
หัวใจแอนนาเบ็ธรู้สึกเหมือนจะวูบทันทีไม่เห็นลูกอีกคน แต่ไพเพอร์จับตัวเธอแล้วชี้ไปเนิน
“แอน ลูกคนโตเธอกำลังตามมา”
“เอ๊ะ!?”
ทิศที่ไพเพอร์ชี้ทำให้แอนนาเบ็ธเห็นลูกชายคนโตก็โล่งใจที่ลูก ๆ เธอไม่เป็นอะไร แต่ว่าถ้าลูก ๆ ไม่เป็นอะไรแล้วคนที่พวกทีมช่วยเหลือนั้นเป็นใครกัน พวกเด็ก ๆ เห็นกลุ่มผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไรจนวิ่งมาถึงจุดที่ผู้ใหญ่อยู่ เสี้ยววินาทีนั้นความรู้สึกบางอย่างทำให้นิ้วมือของแต่ละคนช้าไปหมดเมื่อเห็นเปลแรกที่กำลังผ่านไป ไพเพอร์เห็นเปลแรกก็ตาลุกวาวอย่างตกใจ เพราะเปลแรกนั้นหามเจสันที่กำลังนอนอยู่ เธอรีบหันไปมองเปลแรกที่วิ่งผ่านไปแล้ว
“เมื่อกี้มัน...เจสัน!!”
ไพเพอร์รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วจนเธอวิ่งมาชิดกับเปลแรก เธอก็รู้เลยว่านี้คือคนรักของเธอจริง ๆ เสียงของไพเพอร์ทำให้แอนนาเบ็ธนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะหันไปมองเปลที่สองที่กำลังวิ่งผ่านเธอดวงตาของเธอก็เปิดกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นเปลที่สองที่กำลังหามสามีของเธอไป เธอรู้สึกชาไปหมดทั้งร่างกายว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ภาพที่เธอเห็นนั้นใช่ความจริงงั้นเหรอ แอนนาเบ็ธกำลังจะทรงตัวไม่อยู่จนโพรทาเลียเข้ามาพยุงตัวแม่ในทันที
“แม่ไม่เป็นไรนะคะ!!” โพรทาเลียถามขึ้น
แอนนาเบ็ธหันไปมองลูกสาว พอมีสองคนนี้โผล่มาเธอรู้สึกอะไรที่เหนือธรรมชาติชอบโผล่ออกมาตลอด แล้วยิ่งตอนนี้สามีของเธอ ชายที่เธอรักที่สุดโผล่มา
“เมื่อกี้...เมื่อกี้ไม่จริงใช่ไหม...โพรเทีย...ไม่สิ โพรทาเลีย...เมื่อกี้ พ่อลูก...”
โพรทาเลียฟังน้ำเสียงของแม่ที่สั่นเครือ ก่อนที่เธอจะจับมือของแม่เบา ๆ “มันจริงแล้วค่ะ...พ่อยังมีชีวิตอยู่ค่ะ”
“ได้ยังไง?”
“พวกหนูก็ไม่รู้...แต่พ่ออยู่กับเราอีกครั้งแล้วนะคะ...”
คำพูดของโพรทาเลียทำให้คนเป็นแม่รู้สึกเหมือนข้างในสั่นคลอน เธอคิดมาตลอดว่าสามีจะไม่กลับแล้วจนเธอจะคิดมีใหม่แต่ถึงมีใหม่ก็ไม่สามารถมีคนเข้ากับเธอได้สักคน แต่ตอนนี้สามีที่เธอรักมาตลอดคืนชีพกลับมาอย่างปาฏิหาริย์ เธอพยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามทีมช่วยเหลือที่วิ่งไปยังสถานพยาบาล พี่น้องบ้านแจ็กสันเห็นคนเป็นแม่วิ่งไปก็ดีใจที่คนที่จะช่วยแม่ให้กลับมาร่าเริงกลับมา พวกผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นก็ตกใจกับสถานการณ์ที่เห็น ลีโอร่างอ้วนใหญ่ก็หันไปมองเด็กบ้านแจ็กสัน
“เด็ก ๆ อธิบายหน่อยสิว่านี้มันเรื่องอะไรกัน?”
เด็กบ้านแจ็กสันมองหน้ากันและกันอย่างกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไง โอราอุสขอเป็นตัวแทนอธิบายเรื่องนี้เอง เขาเลยขอตัวไปอธิบายกับผู้ใหญ่ ส่วนพวกโพรทาเลียก็เดินทางไปสถานพยาบาลเพื่อไปดูพ่อกับคุณเจสัน พวกเขามาถึงก็เห็นแม่กับคุณไพเพอร์นั่งอยู่คนละเตียงแล้วดูแลคนรักกันอย่างห่วงใย พวกเขาทั้งสี่คนเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้น แต่ว่าโพรทาเลียกับโฟกัสก็โล่งใจไปอีกเรื่อง แต่ก็ทำให้นึกเลยว่าโชคดีสำหรับบ้านแจ็กสัน แต่สำหรับบางคนไม่ได้โชคดีมากนักแบบพวกเขา
หลังจากนั้นผ่านไปวันหนึ่งช่วงกลางวันทุกคนต่างพากันเล่นกันอยู่ที่สนามกลางบ้านพักที่พังกำลังซ่อมแซมอยู่ โพรทาเลียที่นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดของบ้านโพไซดอนที่ยังเป็นซากปรักหักพัง เธอกำลังครุ่นคิดหาทางที่จะกลับบ้านกลับโลก เบาะแสแรกของเธอก็หายไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะหาเบาะแสหรือคนช่วยจากไหนยิ่งเจอสถานการณ์แบบนี้ความรู้สึกมันก็ยิ่งหดหู่มากกว่าเดิมจนอยากร้องไห้ โพรทาเลียยกมือขึ้นมากุมบนหน้าผากของตัวเอง ตามทางเดินนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมาเธอเห็นลูกสาวกำลังนั่งอยู่แถวขั้นบันไดของบ้านโพไซดอน แต่สีหน้าของลูกดูตึงเครียดจนสีหน้าของเธอก็เศร้าหมองเช่นกัน
“สีหน้าแบบนั้นแปลว่าหาเบาะแสไม่เจอเหรอจ๊ะ? โพรทาเลีย”
โพรทาเลียได้ยินเสียงของคนเป็นแม่ก็เงยหน้าขึ้นมา เธอกำลังจะลุกแต่อีกฝ่ายกลับห้ามไม่ให้ลุกขึ้น แอนนาเบ็ธนั่งลงข้าง ๆ ลูกสาว
“แม่...”
“แล้วจะทำไงต่อดีล่ะ?”
“หนูไม่รู้...แต่ว่าหนู...อยากรีบหาทางกลับไป เพราะถ้าตามความคิดของหนู แซเทิร์นจะต้องบุกมาเพื่อมาเอาตัวหนูไปหรือไม่ก็...จัดการพวกเรา...”
“ทำไมเขาถึงอยากทำแบบนั้นกัน?”
“คงเพราะ...อดีตชาติของหนู...เป็นบุคคลที่เขาเกรงกลัว...ยิ่งถ้าหนูเก็บพลังได้ครบ...ก็อาจจะเป็นตัวอันตรายสำหรับเขา...”
“ขนาดนั้นเชียว...แล้วเขาในโลกนี้?”
“มีค่ะ...แต่เขาต่างจากในโลกหนู...คงเพราะหนูสร้างยาให้เขาดื่มทำให้เขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่เขาทรมานมาตลอด...แต่โลกนี้...เขาไม่รู้ถึงการมีตัวตนของหนู...นั้นทำให้เขาไม่ได้ลักพาตัวหนูไป”
แอนนาเบ็ธได้ยินแบบนั้นก็จับมือลูกสาวเบา ๆ “แม่ดีใจที่ลูกของแม่...อีกคน..ไม่ได้โดนจับ...แล้วก็แม่เสียใจที่ลูกโดนจับไป...”
“ไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ...”
“ไม่...ถึงโลกไหนแม่ก็เสียใจ...เพราะหนูเป็นลูกแม่ เป็นลูกที่แม่กับพ่อรักมาก ๆ การที่ลูกบาดเจ็บหรือเศร้าใจ พ่อกับแม่ก็รู้สึกแบบเดียวกับลูกเช่นกัน” แอนนาเบ็ธพูดแล้วเอาหน้าผากชนกับหน้าผากของลูก
คำพูดของแม่ทำให้โพรทาเลียเขยิบเข้าไปกอดแม่อย่างขอบคุณกับคำพูดนั้น ถึงแม่ของเธอจะเคยพูดแบบนั้นเช่นกัน แต่เธอไม่นึกว่าถึงเป็นอีกโลกแม่ก็ยังรักเธอแบบนี้ ยิ่งทำให้เธออยากกลับบ้านไปหาแม่ที่เธอรักมากกว่าเดิม ระหว่างที่กำลังกอดแม่ของเธออยู่นั้น เมรี่จากบ้านอะพอลโลเดินมาทางพวกเธอ
“คุณนายแจ็กสัน”
“หือ?” แอนนาเบ็ธหันไปมองอีกฝ่ายที่เรียกเธอ “มีอะไร? เมรี่”
“คุณแจ็กสันฟื้นแล้วค่ะ”
จบตอนที่ 111 โปรดติดตามตอนที่ 112 ต่อไป
Comments (0)