117 ตอน ตอนที่ 117 ก็ไม่อยากให้รู้
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 117 ก็ไม่อยากให้รู้
โฟกัสลืมตัวไปว่าการแสดงพลังของตนเองออกมาในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงตายที่สุด เพราะการมีพลังของหนึ่งในสามมหาเทพเป็นเรื่องต้องห้ามอยู่ โฟกัสอยากกรีดร้องออกมาดัง ๆ กับความสะเพร่าแบบนี้ ถ้าแม่เธอรู้มีหวังโดยบ่นแน่ ๆ เรเชลพาโฟกัสเดินทางไปยังบ้านใหญ่ แต่ได้มีแค่เธอกับพวกเรเชลที่มาด้วยแต่มีวัยรุ่นคนอื่น ๆ มาด้วย ดูหน้าตาแต่ละคนช่างเป็นบุคคลที่เธอคุ้นเคยในอนาคต ผู้อาวุโสและอาจารย์หลายท่านที่เธอรู้จัก แต่มีคนหนึ่งที่เธออยากออกห่างยิ่งกว่าอะไร เพราะความสงสัยของเขาที่กำลังจ้องมองเธออย่างไม่ห่างตัวจนเธอเริ่มรำคาญ
“นี่!! ช่วยเลิกมองฉันได้ไหม?” โฟกัสหันไปมองเพอร์ซีย์ที่กำลังจ้องเธออย่างสงสัย
“โทษที...ฉันแค่สงสัยว่าเธอเป็น...น้องสาวอีกคนของฉันหรือเปล่า? เพราะฉันก็มีน้องชายอีกคนที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้”
โฟกัสมองอีกฝ่ายที่พูดถึงอาไทสันก็ทำให้นึกถึงเรื่องที่พ่อเคยเล่าสมัยอีกฝ่ายเป็นเด็ก แต่เธอไม่ขอตอบอะไรดีกว่าว่าตัวเองเป็นอะไรกับอีกฝ่าย
“ไม่ขอตอบค่ะ!”
“ห๊า?” เพอร์ซีย์ได้ยินคำตอบอีกฝ่ายก็สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ตอบเขา “นี่เธอจะกวนฉันเหรอ?”
“เปล่า ฉันก็ตอบนายดี ๆ แล้ว นายมีปัญหากับฉันหรือไง?” โฟกัสหันไปมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสีเทา
เพอร์ซีย์มองดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกับแฟนสาวของเขาไม่มีผิด ทำให้ยิ่งสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครกันถึงได้มีรูปร่างหน้าต่างคล้ายแฟนสาวของเขาขนาดนี้ แต่สายตาของอีกฝ่ายช่างน่ากลัวเหมือนคนข้าง ๆ เขาไม่มีผิด
“แต่ฉันถามเธอดี ๆ แล้วนะ”
“ฉันก็ตอบดี ๆ แล้วไง ว่าไม่ขอตอบ!! สมองนายไม่เข้าใจหรือไง? หรือสมองนายมีแต่สาหร่ายกันแน่!?”
คำพูดของโฟกัสทำให้แอนนาเบ็ธที่ได้ยินรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเธอตอนที่จะชอบเรียกเพอร์ซีย์ว่านายสมองสาหร่ายทำเอาเธอขำเล็กน้อย ทุกคนต่างมองทั้งสองคนที่เถียงกันไม่หยุดจนมีคนคนหนึ่งถึงกับหัวเราะเยาะพฤติกรรมของทั้งสองคนอย่างชอบใจจนคนอื่น ๆ ต่างมองเจ้าของเสียงที่หัวเราะออกมาอย่างเรเชลที่ยืนอยู่ข้างไครอน การหัวเราะของเธอทำให้ทุกสายตาจับจ้องจนเธอต้องหยุดลงแล้วเช็ดน้ำตาของเธอ
“ฮ่า ๆ โทษที ๆ เห็นแล้วช่างแปลกตาจนอยากหัวเราะนะ ฮ่า ๆ”
“คุณเรเชล!!” โฟกัสเรียกอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะเอ็นอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นออกมา
“แปลกตาอะไรของเธอกัน!? เรเชล!”
“แปลกตาละกัน!!” เรเชลยกยิ้มให้เพอร์ซีย์ที่ไม่เข้าใจถึงการหัวเราะชอบใจของเธอ
โฟกัสมองก็รู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณเรเชลหัวเราะ คงเพราะสถานการณ์ตรงหน้าของเธอที่ยืนเถียงอยู่กับคนเป็นพ่อ ทำให้ใครที่รู้ว่าเธอกับอีกฝ่ายเป็นพ่อลูกกันก็คงมีความฮ่ากันมั้งที่เห็นอีกฝ่ายโดนลูกเถียงกลับ เพอร์ซีย์รู้สึกไม่ชอบใจที่เด็กสาวตรงหน้าเถียงเขา แต่ไม่รู้ทำไมเขากับไม่รู้สึกโกรธอีกฝ่ายที่ตอบเถียงเขาอยู่ตอนนี้ มันทำให้สับสนไปหมดว่าสถานการณ์ตรงหน้าของเขาคืออะไร ระหว่างที่ทั้งสองจ้องมองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์นั้น ไครอนที่กำลังมองสถานการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกเหนื่อยใจ
“เอาล่ะ พอกันแค่นี้ดีกว่านะ” ไครอนเอ่ยขึ้นจนทุกคนหันมามอง เขาหันไปมองเด็กสาวปริศนา “เธอคงรู้นะสาวน้อยที่ตัวเองมายืนตรงนี้ทำไม?”
“รู้ค่ะ พวกคุณต้องการคำตอบที่หนูพอจะรู้ แต่...หนูไม่สามารถตอบได้ค่ะ!”
“ห๊า!? ตอบไม่ได้เนี่ยนะ!?” แคลรีสเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า
“ใช่ค่ะ คุณลารู”
“!!” แคลรีสเบิกตากว้างอย่างตกใจที่อีกฝ่ายรู้นามสกุลเธอ “เธอรู้จักฉันเหรอ?”
“ก็นะคะ” โฟกัสยิ้มอ่อน ๆ ให้อีกฝ่าย
แคลรีสเห็นรอยยิ้มนั้นรู้สึกมันกวนใจเหมือนรอยยิ้มของแจ็กสันไม่มีผิดจนทำให้คิดว่าถ้าสองคนนี้เป็นพี่น้องมันยิ่งรู้สึกเคืองคูณสองสุด ๆ
“รอยยิ้มนั้นมันอะไรกัน!! น่าโมโหเป็นบ้า!!”
“ก็แค่ยิ้มเฉย ๆ นี่นา แต่ที่จริง ถ้าจะคุยกัน หนูอยากคุยกับแค่ผู้อาวุโสมากกว่า พวกพี่ ๆ แต่ละคนที่อยู่ที่นี่ ยังไม่สมควรที่จะมาคุยด้วยเท่าไหร่นะคะ”
“ว่าไงนะ!?”
“พวกเราเป็นที่ปรึกษาของบ้านแต่ละบ้านนะ?”
“จริงด้วยนะ! พวกเรารู้เรื่องต่าง ๆ มากมายกว่าใครอีกนะ”
“ใช่!! เธอจะหาว่าพวกเราไม่เหมาะสมที่จะฟังเหรอ!?”
“ถูกต้องค่ะ!!”
ทุกคนต่างมองเด็กสาวอย่างอ้ำอึ้งที่เด็กคนนั้นพูดแบบนั้นเหมือนดูถูกพวกเขานั้นไม่คู่ควรกับบทสนทนาที่จะพูดคุยจนแคลรีสที่ได้ยินก็โกรธเคืองทันใด
“เธอเป็นใครจากไหนถึงตัดสินว่าพวกเราไม่เหมาะที่จะฟังบทสนทนาเรื่องเธอกัน!? เธอมีความลับอะไรหรือไง?”
“ถ้ามีละค่ะ? พวกคุณก็แค่เด็กก็ยังไม่ควรรู้อะไรน่าจะยังดีกว่านะคะ”
“ว่าไงนะ!?”
“แคลรีสพอเถอะน๊า!!” เด็กหนุ่มบ้านเฮเฟตัสรีบเข้ามาห้ามอีกฝ่ายในทันใด
“ปล่อยฉันนะ!!”
โฟกัสมองอีกฝ่ายโกรธก็พอเข้าใจ แต่เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใครจริง ๆ แล้วยิ่งภารกิจที่เธอกำลังทำกับพี่สาวนั้นเกี่ยวข้องกับทุกคนที่จะมีผลกระทบ โฟกัสหันไปมองเรเชลเพื่อขอความช่วยเหลือเธอ เรเชลเห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้ก่อนจะเขยิบไปกระซิบบางอย่างกับไครอน
“งั้นเชิญทุกคนกลับไปก่อนละกัน”
“เอ๋? เอาจริงเหรอครับ!?”
“เรเชลเขาบอกว่าถ้าเด็กคนนั้นบอกว่าไม่เหมาะก็สมควรที่ทำตามที่สั่งมากกว่า”
“อะไรคือความไม่เหมาะสมกัน!? นี่ตอบมาเลยนะ!! ยัยผมบลอนด์!!” แคลรีสชี้มาทางโฟกัส
โฟกัสที่ก้มหน้าอยู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับปล่อยพลังบางอย่างออกมาจนทำเอามนุษย์กึ่งเทพทุกคนต่างทรุดลงกับพื้น เพอร์ซีย์พยายามพยุงตัวเองขึ้น บางคนทรุดลงกับพื้นไปอย่างไม่คาดคิดว่าตัวเองจะทรุดลงไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แรงกดดันอันมหาศาลนี้ทำให้พวกเขาสามารถหมดสติได้จริง ๆ ทุกคนต่างเงยหน้ามองเด็กสาวก่อนจะเห็นออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างกายเด็กสาวที่มันมีหลายสีจนพวกเขานั้นนับดูก็เห็นว่ามีทั้งหมดห้าสี พอโฟกัสเห็นว่าทุกคนทรุดลงไปกันจนเกือบหมดสติเธอก็หยุดมันแล้วยิ้มให้ทุกคน
“ก็พอจะรู้นะคะ ว่าพวกเราทั้งสองฝ่ายนั้นต่างกันยังไง? ถึงฉันเป็นมนุษย์กึ่งเทพเหมือนพวกคุณ แต่ก็มีความลับที่พวกคุณยังไม่สมควรที่จะรับรู้ตอนนี้เช่นเดียวกัน”
พวกเพอร์ซีย์ต่างมองว่าเด็กสาวตรงหน้าพวกเขาว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถ้ามนุษย์กึ่งเทพจริงก็ไม่น่าจะมีพลังแบบนั้นมันเกินกว่าเป็นมนุษย์กึ่งเทพเสียอีก แต่ไม่ใช่แค่พวกเพอร์ซีย์เท่านั้นที่รับแรงออร่านั้น ไครอนกับไดโอนีซุสก็ได้รับผลกระทบของออร่านั้นเช่นกันจนพวกเขานั้นรู้สึกหนักอึ้งจนเกือบจะล้ม แต่พวกเขาก็พยุงตัวให้ตัวเองไม่ล้ม เรเชลมองอย่างตกตะลึงที่อีกฝ่ายนั้นมีพลังเกินกว่าที่เธอรู้จริง ๆ
“เอาล่ะ ๆ ฉันว่าพวกนายทำตามก่อนที่จะโดนแบบเมื่อกี้อีกรอบดีกว่านะ ทำตามดีกว่าไม่ทำนะ”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พยายามที่จะลุกขึ้นบางคนทรุดจนไม่สามารถลุกขึ้นได้จนคนอื่นต้องมาช่วย แคลรีสก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ไม่ต้องมายุ่ง!!” แคลรีสหันขวับมาจ้องโฟกัสด้วยสายตาอาฆาต
โฟกัสมองอีกฝ่ายอย่างยิ้ม ๆ แต่เธอนั้นก็เหงื่อตกเลยที่โดนว่าที่แม่สามีจ้องมองเธอแบบนี้ เธอว่าที่คุณแคลรีสไม่ชอบขี้หน้าเธอในอนาคตคงเพราะตอนนี้แน่ ๆ
‘ขอโทษนะคะ คุณแคลรีส แต่เรื่องของหนู...พวกคุณอย่าพึ่งรู้ดีกว่า...’ โฟกัสคิด
โฟกัสถึงกับน้ำตาตกในจริง ๆ แต่เธอก็เศร้าใจที่บอกไม่ได้จริง ๆ สีหน้าของเธอเศร้าหมองจนเพอร์ซีย์เห็นก็นิ่งไปชั่วขณะที่เห็นสีหน้าของเด็กสาว เขาไม่รู้ทำไมถึงมองแล้วรู้สึกไม่ชอบให้อีกฝ่ายแสดงสีหน้าแบบนั้น แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ พอไร้ผู้คนเหลือแค่ผู้ใหญ่สามคนกับเด็กหนึ่งคน เรเชลก็เท้าเอาด้วยสีหน้าเหนื่อยใจหน่อย ๆ
“ไม่น่ารักเลยนะ โฟกัส ใช้พลังของอดีตชาติมาใช้นะ”
“อดีตชาติ?” ไครอนเอ่ยอย่างสงสัย
“ทำไงได้...หนูยังไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าหนูเป็นใคร...รู้แค่ผู้ใหญ่ที่พอจะคุยได้ดีกว่า แต่...ที่จริงก็ไม่อยากให้คุณดีอยู่”
“อ้าว เด็กน้อยทำไมถึงพูดแบบนั้นนะ?”
“คนโดนสาปอยู่ที่นี่แบบท่าน...จะช่วยได้หรือคะ?” โฟกัสหันไปมองด้วยสายตาอาฆาตใส่
ไดโอนีซุสเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นสายตาแบบนั้นที่ไหนมาก่อนจริง ๆ แล้วเขาก็นึกถึงคนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องโดนลงโทษจนมาอยู่ที่นี่ ทำให้ยิ่งสงสัยว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็นใครกันแน่ โฟกัสหันกลับมาทางคุณเรเชลก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ยังอยู่
“ยังมีคนอยู่ตรงนี้หนึ่งคนนะคะ”
“หือ?” เรเชลก้มหน้าใต้โต๊ะก่อนจะเห็นคนที่ย่อตัวยิ้มให้เธอ “ออกมาซะ วิล!”
“อ๊า...ไม่นึกว่าจะจับได้นะ”
“คุณนี้ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองถึงจะหลบยังไงออร่าของบ้านอะพอลโลก็ยังอยู่บนตัวนะ” โฟกัสเอ่ยออกมา
“อ๊ะ...แหม ๆ รู้สึกเธอจะรู้จักฉันสินะ สมแล้วที่เป็นหลานสาวโพไซดอนนะ”
“หือ!?” โฟกัสได้ยินก็ตาลุกวาวอย่างตกตะลึงว่าอีกฝ่ายรู้ได้ไง “คุณ...รู้ได้ไง?”
วิลยิ้มอย่างอ่อนหวานให้อีกฝ่ายพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมา “สิ่งนี้คือของเธอใช่ไหม?”
สิ่งที่วิลหยิบออกมานั้นคือกระเป๋าสะพายของโฟกัสที่ใส่มาก่อนหน้านั้น เธอจำได้ว่าตัวเองสะพายอยู่จนตอนนี้พึ่งรู้ว่ามันหลุดออกไป
“คุณเอาไปตอนไหนกัน!?”
“ตอนที่เธอสลบมันก็ขาดแล้วนะ แล้วก็กระเป๋าซิปแตก ฉันเลยซ่อมให้เมื่อคืนที่จริงฉันให้คนบ้านเฮเฟตัสซ่อมให้ละนะ แต่ไม่นึกว่ามันจะมีของที่บ่งบอกว่าเธอเป็นใครอย่างเช่นเธอเป็น...”
“หยุดเลยนะ!!” โฟกัสสั่งห้ามอีกฝ่ายพูดออกมาเด็ดขาด
“ไม่อยากให้ฉันพูดเหรอ!?” วิลเอียงคออย่างเจ้าเล่ห์
“คุณต้องการอะไร?”
“ให้ฉันอยู่ฟังด้วยละกันได้ไหม?”
“ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ!?”
วิลหันไปทางข้างหลังที่เป็นทางเดิน “เพอร์ซีย์!”
“หยุด ๆ !! ก็ได้ฉันยอมให้คุณอยู่ฟัง!!”
“โอเค” วิลรีบหันมายิ้มอย่างชอบใจ
โฟกัสคิดเลยว่าสมกับเป็นสามีของคุณนิโคเจ้าเล่ห์พอ ๆ กับภรรยาตัวเองสุด ๆ ยิ่งมาเจอตอนเป็นวัยรุ่นถึงจะดูเป็นคนนิสัยดี แต่ความเจ้าเล่ห์ก็มีให้เห็นเหมือนกัน เรเชลเห็นก็ส่ายหน้าเบา ๆ ที่เด็กสาวจะฝืนอะไรหนักหนาให้คนเป็นพ่อแม่รู้ก็จบ เพราะยังไงในอนาคตทุกคนก็จะลืมเรื่องนี้ไปหมด แต่ที่จริงเธอก็ไม่ได้บอกเด็กน้อยถึงเรื่องนี้นี่น่า ไครอนฟังเด็ก ๆ พูดก็ต้องตะลึงกับคำว่าหลานสาวของโพไซดอน
“เดียวนะ เธอเป็นหลานสาวโพไซดอนงั้นเหรอ?”
“อ๊ะ!” โฟกัสหันไปมองไครอนเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
จนเรเชลเอ่ยพูดแทน “ถูกต้อง ไครอน เด็กตรงหน้าคุณ เธอคือสายเลือดโพไซดอนแล้วเป็นหลานสาวด้วย”
“ว่าไงนะ? แล้วได้ไง? เด็กแบบเธอ...ไม่น่ามีชีวิต...จนถึงตอนนี้...”
“ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ...แต่ในอนาคตต่างหากค่ะ” เรเชลเอ่ยออกมาอย่างชอบใจ “เด็กคนนี้มาจากอนาคตอีกยาวไกล”
“อนาคต?”
“ถูกของคุณเรเชลค่ะ อาจารย์ไครอน” โฟกัสเอ่ยต่อให้เพราะดูเหมือนคุณเรเชลจะเสริมให้เธอเยอะไปแล้ว "หนูมาจากอนาคต...เพื่อทำภารกิจค่ะ"
“ภารกิจ? เราไม่เคยมีภารกิจที่ต้องยุ่งกับกาลเวลาเลยนะ!”
“หนูรู้ค่ะ...แต่โลกของพวกหนูกำลังจะพัง ถ้าเราไม่ทำภารกิจนี้”
“แล้วภารกิจของเธอคืออะไร?” วิลเดินมาอยู่ใกล้ ๆ เรเชล
“การช่วยชีวิตคุณเจสันค่ะ!!”
สิ่งที่โฟกัสกล่าวออกมาทำให้ทุกคนที่ไม่รู้เรื่องก็ตกตะลึงว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นดูไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะว่าเจสันนั้นตายไปตั้งเกือบปีแล้ว แต่จะช่วยชีวิตเขายังไง โฟกัสเห็นสีหน้าของพวกผู้ใหญ่ก็รู้เลยว่าต้องมีสิ่งที่เธอไม่รู้ทำให้เธอไม่อยากคาดคิดจริง ๆ ว่าเธอกับพี่สาวจะเจอกับอะไร
อีกด้านทะเลสาบลึกลับ
โพรทาเลียลืมตาออกมาจากห้วงแห่งจิตใจ ภาพตรงหน้ายังเหมือนเดิมจากทะเลสีดำเป็นสีเขียวเหมือนแสงอาทิตย์ออกมาเหนือท้องฟ้า แต่ตอนนี้เธอรู้สึกปั่นป่วนไปหมดตั้งแต่ต้องแยกทางกับน้องสาว อยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย เหล่าอดีตชาติหายไป แล้วก็การตามหาคุณเจสัน มีอะไรหลายอย่างที่เธอต้องทำมันช่างวุ่นวายยิ่งกว่าเวลาอยู่ในค่ายเสียอีก จนโพรทาเลียอยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ แต่เธอก็ควบคุมอารมณ์ของเธอได้อย่างรวดเร็ว
“ใจเย็น ๆ โพรทาเลีย...เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อย...ในอดีตเธอยังเคยผ่านมาแล้วนี่น่า...”
โพรทาเลียฮึดสู้อีกครั้งถึงจะทำแบบนี้มาหลายรอบ เพราะเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ พอทำใจได้สักพักก็เตรียมตัวที่จะวางแผนในหัวอีกครั้งว่าจะทำอะไร เธอยกมือขึ้นมาจับปลายคางของตนเองแล้วพึมพำออกมา
“เอาล่ะ...เริ่มแรกก็ต้องออกจากที่นี่ก่อน...แล้วออกไปตามหาโฟกัสแล้วค่อยออกตามหาคุณเจสันช่วยเขาให้ปลอดภัยแล้วพากลับค่ายฮาล์ฟบลัด แล้วก็ซ่อมกุญแจเพื่อพาพวกเรากลับโลกเดิม”
โพรทาเลียไล่ไทม์ไลน์ได้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะดีดเดียวอย่างพอใจกับไทม์ไลน์ที่จะทำ
“เยี่ยม!! แผนแค่นี้คงจะพอทำให้เราทำสำเร็จแล้ว!! เรานี่ก็เก่งจริง ๆ”
โพรทาเลียเยินยอตัวเองอย่างอารมณ์ดีก่อนจะนึกบางอย่างได้
“มีอย่างอื่นด้วยนี่น่า ต้องหาเหตุผลที่พวกเฟอร์ร่าหายไปด้วย แต่ว่า...เราต้องหาทางสร้างข้อความไอริสก่อนจะได้ติดต่อกับโฟกัสได้ อืม ๆ งั้นถึงเวลาออกจากที่นี่ดีกว่า!!”
ความคิดอันดับแรกคือการออกจากจุดนี้เพื่อเดินทางไปหาถนนใหญ่ ถ้าเธอเจอถนนใหญ่ก็จบก็ไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอลืมไปว่าสร้างข้อความไอริสที่ทะเลสาบก็ได้ แต่เธอเดินออกมาแล้วก็คงไม่อยากย้อนกลับไปจุดเดิมนั้นเด็ดขาด เวลาผ่านไปยี่สิบหน้าที่โพรทาเลียก็เดินผ่านต้นไม้มาตามเดิมที่ดูคุ้นตาจนเธอนั้นรู้สึกแปลก ๆ
“เดียวนะ...เหมือนกับ...เคยเดินผ่านนะ...?”
โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเธอคิดไปเองไหม แต่เธอก็ลองเดินไปตามทางเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าทิวทัศน์รอบ ๆ มันคุ้น ๆ จนเธอเดินมาถึงแสงสว่างก็เห็นกับทะเลสาบกว้างใหญ่เดินที่มีร่องรอยเหมือนอุกกาบาตตก โพรทาเลียเห็นก็หน้าซีดอย่างสงสัยว่าสถานการณ์ตรงหน้าคืออะไร
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
โพรทาเลียพึมพำด้วยใบหน้าอันขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจกับสถานการณ์ตรงหน้านั้นที่คล้ายกับที่เกาะไม่มีผิด
“ฉันคงไม่ได้ติดอยู่ที่ไหนใช่ไหมเนี่ย...”
‘หึ ๆ’
เสียงหัวเราะปริศนาดังขึ้นเหมือนแนบอยู่กับหูของโพรทาเลียจนเธอหันขวับไปมองก็ไม่เห็นใครอยู่รอบข้างเลยสักนิด
“ใครนะ!?”
ไร้เสียงตอบสนองตอบกลับ โพรทาเลียยิ่งสงสัยว่าใครกันที่มาหัวเราะข้างหูของเธอจนน่าขนลุก ระหว่างที่กำลังมองหาต้นเสียงนั้นสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปท้องฟ้าเริ่มมืดลง
“อะไรนะ? พายุเข้าเหรอ?”
โพรทาเลียจ้องมองอย่างวิตกกังวลถ้าฝนตกต้องหาที่หลบภัยเสียแล้ว เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าตกลงมาที่นี่หนึ่ง โพรทาเลียรีบปิดหูของเธออย่างรวดเร็ว แล้วมองไปต้นทางที่ฟ้าผ่าลงมา
“จะผ่ากันใกล้ ๆ เลยเหรอ!? เจ้าเทพบ้านั้น!!”
โพรทาเลียด่าทอเทพผู้สร้างสายฟ้าอย่างไม่เกรงกลัว เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยอารมณ์ไม่พอใจสุด ๆ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้าง เมื่อสายตาไปจับจ้องจุดจุดหนึ่งที่ฟ้าผ่าลงมายังโขดหินใหญ่ที่ก่อนตัวเป็นทาง แต่ยอดบนของโขดหินมีบางอย่างจนแสงฟ้าผ่าก็ลงมาก็เห็นเงาของสิ่งที่อยู่ยอดหิน ร่างของชายที่ติดอยู่บนนั้น
“ไม่จริง...ใช่ไหม...?”
จบตอนที่ 117 โปรดติดตามตอนที่ 118 ต่อไป
Comments (0)