103 ตอน ตอนที่ 103 เวลาที่อยากเจอ
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 103 เวลาที่อยากเจอ
วิดีโอของพ่อนั้นทิ้งข้อความที่ทำให้โพรทาเลียต้องลำบากใจไว้ด้านหลังเหมือนกรรมตามทันที่อยากแกล้งน้องสาว แต่ตัวเธอนั้นต้องมาลำบากกับความลับของโลกของพวกเธอ พวกพี่ชายทั้งสามกับแม่ต้องการฟังเรื่องชีวิตของพวกเธอในโลกของพวกเธอ นั้นทำให้ต้องเราเรื่องของโฟกัสก่อนที่โพรทาเลียจะเล่าเรื่องของเธอต่อจนมาถึงตอนปัจจุบัน พวกเขาฟังก็ไม่อยากคาดคิดว่าเกิดเหตุแบบนั้นกับครอบครัว แต่ก็มีคนหนึ่งที่ฟังก็มีความสงสัยในคำพูดของเพอร์ซีย์ที่พูดถึงคนบ้านเกรซจนเธอขอมาฟังด้วยเช่นกัน
โฟกัสเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกระซิบ “แล้วทีนี้จะไม่บอกไปล่ะว่าแฟนตัวเองเป็นใครนะ!!”
“ไม่ต้องมาแซะพี่เลยนะ โฟกัส!”
โพรทาเลียหยีตามองน้องสาวที่ยิ้มเยาะใส่เธอยิ่งทำให้เธออยากแกล้งอีกฝ่ายคืนกว่าเดิม โอราอุสมองทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“แล้วเจ้าเกรซนั้นชื่ออะไร แล้วมันเป็นใคร!?”
โอราอุสเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งจนทำเอาโพรทาเลียสะดุ้งกับน้ำเสียงนั้น เธอได้แต่ยิ้มฝืนพร้อมกับมองน้องสาวที่หันหน้าหนีอย่างบอกว่าไม่ขอยุ่งด้วย
“เอ่อ...” โพรทาเลียอ้ำอึ้งอยู่สักพัก สายตาของเธอมองทุกคนที่กำลังมองเธออยู่ “เขาชื่อ ฟีนีอุส เกรซ...เป็นลูกชายของเจสันนะ”
“ว่าไงนะ!!”
“ลูกชายคุณเจสันเนี่ยนะ!!”
“อืม...นึกแล้วว่าพวกพี่ ๆ ต้องตกใจเหมือนกัน...เพราะตอนที่ครอบครัวรู้ ๆ พี่กับพ่อก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่ฉันก็บอกเหตุผลว่าเด็ก ๆ เกิดจากอะไร นั้นก็ทำให้พวกเขาน่าจะพอไปคุย ๆ กันได้ล่ะมั้ง จนพวกเขาตกลงกันว่าต้องรอฉันอายุ 18 ปีก่อนถึงจะให้แต่งงานนะ”
“แปลว่า...ในวิดีโอนั้นเป็นข้อความหลังจากคุยกันแล้วนะเหรอ?”
“ใช่...ตอนนั้นเราสองคนหนีออกจากค่ายไป...”
“ทำภารกิจตามหาอดีตชาตินะ”
“อดีตชาติ...ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริง ๆ”
เอเดอร์เอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกแปลกใจกับชีวิตของทั้งสองที่ต้องเจออะไรมั้ง โพรทาเลียเห็นท่าทางของแต่ละคนที่สงสัยถึงคำว่าอดีตชาติว่าคืออะไร เธอยกมือขึ้นมาแสดงพลังของตนออกมาพลังของเทพทั้งห้าออกมาให้พวกเขาได้เห็น ทุกคนต่างตะลึงกับพลังที่ถูกเสกออกมา แต่ยิ่งตะลึงเพราะมันไม่ใช่พลังเดียวเท่านั้นแต่มีถึงห้าพลังที่มนุษย์กึ่งเทพไม่ควร
“นี่เธอ...เป็นตัวอะไรกัน?”
“ฮ่า ๆ ฉันก็คิดเหมือนกันว่าตัวเองเป็นตัวอะไร...แต่ฉันก็แค่มนุษย์กึ่งเทพธรรมดาที่มีอดีตชาติเป็นเทพมาก่อนล่ะนะ”
“หมายความว่าเธอจำอดีตในชาติก่อนได้เหรอ?”
“ไม่ได้หรอก นอกจากพวกอดีตชาติจะให้เห็นอดีตของพวกเขาเองนะ”
“ซะงั้น...”
“แต่...แปลว่าเธอมีอดีตชาติทั้งหมด 5 คนเหรอในร่างกายเหรอ?”
“ที่จริงมีทั้งหมด 7 คนร่วมร่างต้นก่อนแยกร่างอีก 1 คน รวมเป็น 8 แต่ตอนนี้ยังขาดอีก 2 คนที่กำลังตามหาอยู่”
“โพรทาเลียมีงั้น...” โอราอุสหันไปมองน้องสาวอีกคน
“หนูก็มีค่ะ แต่มีอยู่แค่ 4 คนยังขาดอีก 2 คน”
“สองแฝดบ้านแจ็กสันเป็นตัวประหลาดสินะ!!”
“นี่พี่!!” สาว ๆ ลุกขึ้นมาใช้มือทุบลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจกับคนพูดของพี่ชายคนรอง
“ฮ่า ๆ โทษที ๆ”
เอเดอร์จ้องมองพี่ชายกับน้องสาวกำลังทะเลาะกันอยู่นั้นเขาก็มีข้อสงสัยบางอย่างก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
“แต่เดียวนะ...ก่อนหน้าเรื่องอดีตชาตินั้น เธอบอกว่าคนที่เป็นพ่อเด็กคือคนที่ชื่อฟีนีอุส...แล้วเขาเป็นลูกคุณเจสันเนี่ย...คุณเจสันแต่งงานกับใครกัน?”
“อ้าว!? พี่ถามแปลก ๆ นะ คุณเจสันก็ต้องคู่กับคนที่เขารักสิ!! จริงไหมคะ? คุณไพเพอร์!” โฟกัสหันไปฉีกยิ้มให้คนที่เธอเอ่ยชื่อขึ้น
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวกันอย่างตะลึงจนกระทั่งไพเพอร์ที่ถูกเรียกชื่อนั้นยังงุนงงอย่างตกใจ
“ฉัน...ฉันแต่งงานกับเจสัน...?”
โพรทาเลียได้ยินคำพูดอีกฝ่ายแล้วก็สีหน้าของทุกคน ทำให้สงสัยว่าทุกคนนั้นเป็นอะไรกันจนเธอนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“นี่...อย่าบอกนะคะว่า...”
“เอ๊ะ!?” โฟกัสมองพี่สาวด้วยสีหน้าสงสัยว่าพี่อยากจะพูดอะไรออกมา
แอนนาเบ็ธหลับตาลงด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยก่อนจะเอ่ยพูดบางอย่างออกมา “ถ้าอย่างที่ลูกคิด โพรทาเลีย เจสันเขาเสียไปตั้งแต่เมื่อ 21 ปีก่อนแล้วนะ”
“เสียไปแล้ว!!” ทั้งสองคนต่างตาลุกวาวอย่างตกใจที่คนที่พวกเธอกำลังพูดคุยนั้นตายไปแล้ว
“ใช่จ้ะ...”
ไพเพอร์เอ่ยตอบออกไป ดวงตาของเธอทอดตกลง เธอนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอรักมาตลอดหลายปี ใบหน้าอันแจ่ม ริมฝีปากอัน ผมสีทองสั้น ดวงตาสีฟ้าจับจ้องมองเธอ มันยิ่งทำให้เธอนั้นคิดถึงเขาจากที่เธอไม่ได้คิดถึงมานาน
“เขาเสียไป...ตอนทำภารกิจกับ...อะพอลโล...จน...ฮืออออ...”
พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นร่างของเจสันตกลงสู่พื้น เธอไม่สามารถช่วยอีกฝ่ายได้ นั้นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดใจยิ่งกว่าอะไร ไพเพอร์ยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของเธอที่กำลังน้ำตาอาบไหลลงสู่ข้างแก้ม พวกเด็ก ๆ เห็นก็ทำตัวไม่ถูกเสียงตอนนั้นเงียบไปหมดเหลือเพียงเสียงร้องไห้ของผู้ใหญ่ แอนนาเบ็ธเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายเบา ๆ พร้อมกับลูบหลัง เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บแค่ไหน เพราะเธอก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะพาอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้ออกจากห้องไป
“สงสารแม่กับคุณไพเพอร์...เสียคนที่รักที่สุดไป...”
“อืม...นึกออกเลยว่าเสียคนสำคัญแล้วมันเป็นยังไง...”
โพรทาเลียนั่งก้มมองมือของเธอที่วางอยู่ที่ข้าง เธอนึกย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองนึกว่าเสียลูกสาวไปแล้ว มันเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร
“พี่...” โฟกัสจับมือพี่สาวอย่างอ่อนโยน
พวกพี่ชายมองน้องสาวที่เขาไม่รู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของทั้งสอง พวกเขารู้สึกว่าโลกช่างหมุนไปในทางที่แปลกกว่าอะไรจริง ๆ ที่พวกเขามาเจอกับน้องสาวที่อยู่อีกโลกหนึ่ง แล้วทั้งสองคนนั้นมีชะตาชีวิตที่ต่างกันยิ่งกว่าละคร ทำเอาคิดเลยว่าชีวิตพวกเขานั้นมันต่างจากตัวเองมากแค่ไหน จนเอเดอร์เอ่ยพูดบางอย่างออกมาเพื่อแก้สถานการณ์อันตึงเครียดนี้
“โลกของพวกเธอนั้นช่าง...ต่างจากที่นี่จริง ๆ นะ”
“ก็คงงั้นล่ะ...พวกเรามีกันแค่ 5 คน...แต่โลกของพวกเธอ...พวกเรามีกันตั้ง 8 คน...” เบเดอร์เอ่ยเสริมต่อ
“8 คน...ตอนโพรทาเลียอธิบายว่าเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ ทำเอาตกใจเลยนะ...แล้วน้องอีก 3 คนชื่ออะไรนะ?” โอราอุสได้ยินแบบนั้นก็คิดเหมือนกันจนต้องถามขึ้น
“ก็...คารีเซล เรน่า และก็มาร์โค”
“แต่มาร์โคต่างจากแฝดพี่สองคนตรงนี้ เขานั้นตัวสูงเกือบเท่าพี่โอราอุสแล้วล่ะนะ”
“เอ๋? แฝดพี่?”
“3 คนสุดท้ายเป็นแฝดสามนะคะ”
“แฝดสาม!!”
“อืม แต่แฝดสาวสองคนตัวเองเท่าหน้าอกของเราสองคน แต่มาร์โคนั้นสูงเกือบเท่ากับพี่คนโตแล้วล่ะนะ”
“อ๊า...อยากเห็นหน้าทั้ง 3 คนเลยนะ”
“อืม ๆ” สองแฝดหนุ่มต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดพี่ชาย
“ไม่ให้ดูหรอกนะ!” โพรทาเลียกล่าวขึ้นมาทำเอาน้องสาวมองพี่สาวอย่างสงสัย
“อ้าว!!”
“ต้องมีการแลกเปลี่ยนนะคะ”
“การแลกเปลี่ยน...?”
“พาไปยัง...หลุมศพของพ่อได้ไหม?”
คำขอเพียงเล็กน้อย ทำให้ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบไป พวกเขาไม่นึกว่าน้องสาวจะขอแบบนั้น พวกพี่ชายต่างมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
“ได้...แต่ว่า...ต้องไปพรุ่งนี้นะ…” โอราอุสเสนอแต่เขาไม่อยากให้ไปตอนนี้
“ฮะ!” โพรทาเลียอุทานอย่างสงสัยกับคำพูดของพี่ชาย “ไปตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้!! ไปตอนนี้เดียวเจอพวกปีศาจกันพอดีสิ”
“มันก็เรื่องปกตินี่น่า!” โพรทาเลียพูดอย่างเป็นเรื่องปกติที่ปีศาจจะบุกมาตอนเย็น
พวกพี่ชายต่างมองหน้าน้องสาวคนแรกที่ทำหน้าอย่างเซ็ง นั้นทำให้พวกเขาถอยหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะยอมตกลงพาไปยังสถานที่ที่ฝังพ่อของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาเดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้นเอเดอร์กำลังจะเรียนแท็กซี่ แต่ว่าพวกเขามีกันห้าคนเลยจะขึ้นยังไงเพราะว่ามีที่นั่งแค่สี่ที่เท่านั้น โพรทาเลียนึกถึงสภาพรถแท็กซี่เหมือนตอนอยู่บนรถก่อนหน้าที่นั่งก็มีแค่ข้างคนขับกับที่ข้างหลังจะนั่งได้แค่สามคน นั้นทำให้คิดบางอย่างได้ทันที
“โฟกัสเข้าไปข้างในกัน”
“เอ๋?” โฟกัสมองพี่สาวที่พูดแบบนั้นออกมา
“นี่ พวกเธอจะไปไหนนะ?”
“ไปทำอะไรเล็กน้อยนะ จะได้ขึ้นแท็กซี่กันได้นะ!” โพรทาเลียกล่าวพร้อมจูงมือน้องสาวเข้าไปในโรงเรียน
ทั้งสามคนมองหน้ากันและกันอย่างสงสัยว่าน้อง ๆ จะไปไหนกัน เวลาผ่านไปสักระยะพวกเขารอน้องสาวจนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วจนสงสัยว่าน้องสองคนนั้นไปทำอะไรนานแบบนี้ แต่แล้วประตูทางเข้าโรงพยาบาลเปิดออกก็ทำให้ทุกสายตาหันมามองกันเป็นตาเดียวกันด้วยความเอ็นดูของร่างเล็กที่กำลังเดินมาตามทาง ทั้งสองคนรู้สึกเลยว่าพวกผู้ใหญ่ต่างมองมาทางพวกเธอทำไมจนพวกเธอเดินตรงมาหาพี่ชายที่อยู่ริมถนน ห่างตาของพวกเขาก็เห็นผู้คนมองมาทางนี้ก่อนที่จะเห็นว่ามองอะไรจนพวกเขาก้มมองต่ำก็เห็นร่างเล็กจูงมือเดินมากัน
“มาแล้วค่ะ พี่คะ”
“พวก...พวกเธอ!!!”
ทั้งสามมองร่างเด็กน้อยที่คุ้นเคย ทำเอาพวกเขานั้นรู้สึกถึงความรู้สึกที่พวกผู้ใหญ่เห็นเด็กน้อยน่ารักตรงหน้าในทันใด
‘น้อง...น้องเล็กทั้งสองน่ารักมากกกกกกก!!’ ทั้งสามคนคิด
โพรทาเลียเห็นสายตาที่ไม่พึ่งประสงค์ของพี่ทั้งสามทำเอารู้สึกเลยว่าไม่ควรอยู่ร่างเด็กจริง ๆ เพราะตอนเธออยู่ในร่างเด็กตอนฝึก พวกพี่ ๆ ก็เล่นเธอแต่งชุดหลายแบบพอตัว นั้นทำให้กระเป๋าคาดเอวของเธอนั้นมีเสื้อผ้าเด็กเต็มไปหมด
“นี้ ๆ อย่ามองพวกหนูด้วยสายตาโรคจิตแบบนั้น พี่ชาย!”
“อืม ๆ” โฟกัสพยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วย
“อ๊ะ!!”
ทั้งสามได้ยินคำเตือนนั้นก็ตั้งสติของตนเอง แล้วก็ทำหน้าเขินอายกันเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าน้อง ๆ จะเปลี่ยนร่างเป็นเด็กแล้วยิ่งเป็นตอนเด็กพวกเขานั้นหลงน้อง ๆ ยิ่งกว่าอะไร ทำเอาทั้งสามคนต่างพากันซุบซิบกันทันที
‘นี่...พี่...พวกเราไม่ได้เห็นสองคนนี้เป็นเด็กมาตั้งนาน...แต่ทำไม...พอมาเจอจริง ๆ กับรู้สึกว่าน่ารักกว่าเดิมอีก!’
‘นายคิดคนเดียวหรือไง!? อยากเก็บภาพน่ารักไว้สุด ๆ’ โอราอุสพูด
พวกโพรทาเลียเห็นท่าทางพี่ชายที่กำลังซุบซิบด้วยสีหน้าที่ทำเอาเธอไม่ไว้ใจกว่าเดิมเลยนี้สิ ทำให้พวกเธอจ้องพวกเขาเขม็งจนกระทั่งทั้งสามต้องเข้ามาพูดแก้ตัวกัน แล้วพาทั้งสองคนไปยังสถานที่ที่อยากไป ตามเส้นทางนั้นพวกเขามองลอดออกไปทางหน้าต่างก็ได้เห็นป้ายหลุมศพมากมายที่ตั้งเรียงกันเป็นแถว ๆ โพรทาเลียเห็นแล้วรู้สึกใจนั้นมันเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกวูบวาบข้างในนั้นมันทำให้เหมือนหัวใจจะหลุดออกมา รถแท็กซี่จอด ณ จุดหนึ่งของถนน พวกพี่จ่ายเงินค่าแท็กซี่เสร็จก็พากันลงจากรถที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองทางตรงหน้า พวกพี่ ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาอีกหลังจากเมื่อห้าปีก่อนที่เคยมา
“ไม่นึกว่าจะได้กลับมาอีก...” โอราอุสเอ่ยพูดขึ้น
“จริง...”
สองแฝดเอ่ยตอบด้วยสีแผ่วเบาบรรยากาศตอนนี้เหมาะกับการที่ผีจะออกมาได้ตลอดเวลา ทำเอาทั้งสองคนขนลุกจนขนแขนตั้งไปหมด โพรทาเลียได้ยินคำพูดของพี่ ๆ ก็ขมวดคิ้วอย่างตกใจกับคำพูดนั้นของคนเป็นลูก
“นี่ พวกพี่ไม่ค่อยมาหาพ่อเลยเหรอ?”
โพรทาเลียเงยมองพวกพี่ด้วยสายตาอันไม่ชอบใจกับคำพูดนั้น เธอขยับมือไปแตะกำไลพร้อมกับกดปุ่มตรงกลางลูกแก้วสีเขียว ร่างกายของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลับสู่ร่างกายวัยรุ่น เธอกอดอกมองพี่ชายทั้งสามทำให้อีกสองคนที่เงียบหันไปทางอื่นก่อนที่เอเดอร์จะตอบให้
“ไม่นะ...พวกเราไม่อยากอมทุกข์ตลอดไปนี่น่า...เลยไม่ได้มาหานะ...” เอเดอร์เอ่ยตอบแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกขนลุกกับสายตาของน้องสาว ก่อนจะหันไปเปลี่ยนเรื่องบทสนทนาทันที “อ้าว...กลับร่างเดิมแล้วเหรอ?”
“ทำไม? ฉันไม่อยากอยู่ร่างเด็กไปตลอดหรอกนะ! เปลี่ยนเรื่องเร็วจริง ๆ” โพรทาเลียชักสีหน้าใส่พี่ชายก่อนจะหันตัวไปข้างหน้าแล้วเดินนำไปในทันที
“ซวยล่ะ พี่ทั้งสามคน ทำพี่โพรทาเลียโกรธได้นี่เก่งนะ!” โฟกัสพูดเยาะเย้ยพี่ ๆ แล้วเดินตามพี่สาวทันที
“อึ้ก!!”
ทั้งสามคนได้ยินถึงกับช็อกไปชั่วขณะ ก่อนที่โอราอุสจะคืนสติหันไปมองน้องสาวทั้งสองที่เดิมนำตัวเขาก็รีบเดินตามทันที
“เห้ย! เดียวสิ! พวกเธอรู้ทางหรอกนั้น!!”
คำพูดของพี่ชายเธอไม่สนใจว่าทางที่จะไปหลุมศพพ่อไปทางไหน แต่มีบางอย่างกำลังดลจิตดลใจให้เธอตามไปเส้นทางข้างหน้า กลิ่นอายอันแสนคุ้นเคยกลิ่นอายของท้องทะเล กลิ่นลม กลิ่นทราย กลิ่นน้ำ กลิ่นธรรมชาติที่พัดผ่านมาตามเส้นทาง เธอเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดจุดหนึ่งก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่แถวหลุมศพหนึ่ง โพรทาเลียกำลังจะเดินตรงไปทางที่เงาคนยืนอยู่ พวกโอราอุสเห็นก็รีบจับแขนน้องสาวทั้งสองไว้ทันทีจนทำให้โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าให้หยุดทำไม
“หยุดทำไมนะ?”
“ก็...คนคนนั้น...”
“ไม่นึกว่าเขาจะมานะ...”
“ใครนะคะ?” โฟกัสมองพี่ ๆ อย่างสงสัย
“ก็…” พวกพี่ชายต่างพากันหลบหน้าด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ท่าทางของพวกเขาทำให้โพรทาเลียสงสัยจนต้องหันกลับไปมอง เธอใช้สายตานั้นจับจ้องไปทางเงาคนกำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพ เธอพินิจสักครู่ก็เห็นออร่าอันคุ้นเคยออร่าสีทองผสมกับออร่าสีเขียวน้ำเงินก็ทำให้เธอรู้ว่าบุคคลนั้นคือใครจนเธอหันกลับมามองพี่ทั้งสามคน แล้วเอ่ยด้วยคำถามอันโง่เง่าที่เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นกัน
“นี่ พวกพี่กลัวปู่เหรอ?”
“!?” พวกพี่ชายสะดุ้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“ปู่?” โฟกัสได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของพี่สาว “หมายความว่าไงนะ?”
“ก็...ก็แบบว่า...”
“แปลว่าก่อนหน้าต้องมีเรื่องอะไรใช่ไหม? พวกพี่ถึงกลัวปู่นะ...”
“ใช่...”
“เราเคยปฏิเสธ...การทำภารกิจเข้านะ...เลยทำเอาเขาโกรธเหมือนกัน...แต่ทำไงได้ล่ะ...มีคนตายมากขึ้น...จนพวกเรานั้น...”
“ไม่อยากตายเหมือนกันนะ...”
“จะบ้าหรือไง!? เราเป็นลูกเทพนะ!! ความตายมันมาได้ตลอดนะ!!”
โพรทาเลียตะโกนใส่พี่ชายทั้งสาม ไม่นึกว่าพี่ชายในโลกนี้จะขี้กลัวว่าพวกพี่บนโลกของเธอ แต่เธอก็ต้องทำใจสักครู่เพราะโลกนี้กับโลกเธอต่างกันมันก็ต้องมีความรู้สึกและความนึกคิดต่างกันออกไป เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ
“ฮู่ว!...เอาล่ะ หนูเข้าใจว่าต้องมีการกลัวตายมั้งล่ะ...แต่เราจะไปหลุมศพพ่อ! เลิกปอดแหกซะที!!” โพรทาเลียพูดพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้าทันที
“ไม่ได้ปอดแหกนะ!!” พวกพี่ชายต่างพูดแล้วเดินตามอีกฝ่าย
โฟกัสที่มองอยู่ข้างหลังก็ส่ายหัวเบา ๆ กับพี่ของเธอที่ทำตัวเป็นเด็กกันเหลือเกิน เธอเดินตามพวกพี่ที่เดินนำ โพรทาเลียเดินไปตามทางที่เริ่มมืดแบบสุด ๆ จนเธอใกล้เข้ามาถึงตัวผู้เป็นปู่ที่มีสีผมอันดั่งชายหนุ่มวัยสามสิบกว่า ๆ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นต่างจากปู่ของเธอที่ดูไม่แก่ เธอก้มโค้งเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“ยินดีที่ได้พบกันเจ้าค่ะ ท่านเทพแห่งท้องทะเล ท่านโพไซดอน!”
“หือ...?”
คำทักทายของอันเสียงแหลมทำให้โพไซดอนคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำทักทายแบบนั้นจากบุคคลที่เป็นถึงหลานสาวของเขา ก่อนที่เขาจะหันไปมองก็ได้เห็นหลาน ๆ ทั้งห้าคนของเขา
“ไม่นึกว่าพวกเจ้าจะมาที่แห่งนี้กัน...ในเวลายามเย็นเช่นนี้ สายเลือดของข้า!”
จบตอนที่ 103 โปรดติดตามตอนที่ 104 ต่อไป
Comments (0)