ตอนที่ 26 หยดเดียวช่วยชีวิต

เมื่อโพรทาเลียลงมาจากบันไดช้าๆ ทุกคนต่างเข้าหาเธอด้วยความเป็นห่วง สภาพร่างกายของเธอนั้นต่างจากตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด สภาพร่างกายเธอเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาอย่างยาวนาน ตัวเธอนั้นเอาแต่ทุกคนว่าไม่เป็นไร แต่แล้วตัวเธอกำลังจะสะลึมสะลือด้วยความที่ไม่ได้กลับมาเนิ่นนาน ตัวเธอค่อยๆ ล้มตัวลงไปข้างหน้า ทุกคนต่างมองกันอย่างตกใจ ขวดยากำลังหล่นจากมือของเธอชายสองคนรีบกันไปช่วยคนหนึ่งไปรับยาคนหนึ่งไปรับตัวโพรทาเลีย มาร์โคเข้าไปรับยาที่หลุดจากมือของโพรทาเลีย ส่วนโอราอุสรีบเอื้อมมือเข้าไปรับร่างอันไร้สติของผู้เป็นดั่งน้องสาวของตนโดยทันที

 

“โพร! โพร!” โอราอุสมองน้องสาวที่กำลังหลับตา เขาเอามือไปแตะลงที่หน้าผากอีกฝ่าย เขาถึงได้รู้ว่าเธอนั้นมีอาการตัวร้อน “โพรทาเลียเป็นไข้”

“เป็นไข้?ทุกคนพูดอย่างเป็นห่วง

“มาร์โค! แล้วขวดยาล่ะ?โอราอุสถามขึ้น

“ปลอดภัยครับ!” มาร์โคชูขวดยาขึ้นมา

 

โอราอุสถอนหายใจหนึ่งครั้งเขาโล่งใจที่น้องสาวปลอดภัยในอ้อมกอดเขา แล้วก็ขวดยาที่น้องสาวทำก็ปลอดภัย ทุกคนต่างหันมามองโพรทาเลียอย่างเป็นห่วง ณ ชั้นสอง เด็กน้อยที่ตามมาหลังผู้เป็นแม่ เนื่องจากเธอกำลังเก็บของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เธอนำออกมาเล่น พอมาถึงตีนบันได เด็กน้อยเห็นผู้คนกำลังมุงอะไรบางอย่าง พอเธอใช้สายตาอันเฉียบคมมองเธอถึงได้เห็นว่าผู้เป็นแม่สลบไปในอ้อมกอดชายคนหนึ่ง เธอรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองในทันใด

 

“แม่ค่ะ!!” คาเร็นน่าพอมาถึงชั้นล่างเธอรีบตรงดิ่งไปหาผู้เป็นแม่ “คุณแม่เป็นอะไรเหรอคะ? คุณแม่จะปลอดภัยไหม?

เมื่อเด็กน้อยถามด้วยความกังวลว่าผู้เป็นแม่ของตนจะเป็นอะไรไหม โอราอุสมองเด็กน้อยที่มีผมสีทองอ่อน ใบหน้าของเด็กน้อยถึงจะตกใจที่แม่ของตนล้ม แต่โอราอุสกับรู้สึกคุ้นเคยชอบกลแต่เขากับคิดบางอย่างขึ้นมาทันที

‘เด็กคนนี้น่ารักเกินไปแล้ว!!’

เมื่อเด็กน้อยรู้สึกสายตาบางอย่างมองมา เธอเงยหน้าขึ้นมามองชายตรงหน้า เธอจำได้ว่าเคยเจออีกฝ่ายตอนที่แม่ของเธอพาห้อยตัวไปมา ถ้าจำไม่ผิดชายตรงหน้าคือพี่ชายของคุณแม่ นั้นทำให้คาเร็นน่าเอ่ยเรียกชายตรงหน้าเธอ

“คุณ...ลุงโอราอุส...”

เมื่อเด็กน้อยเอยเรียกชายตรงหน้า ทำเอาโอราอุสถึงกับใจจะละลายเมื่อเด็กน้อยเรียกเขาแบบนั้น เขาได้สติเขาก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“คาเร็นน่าสินะ...”

“ค่ะ...คือว่าแม่เป็นอะไรคะ?

“แม่หลานเขาล้มลงไป คงเพราะพิษไข้นะ”

“พิษไข้เหรอคะ?คาเร็นน่าขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าที่ว่านั้นหมายถึงอะไร

“ใช่ แม่เขาไม่ได้นอนมากี่วันแล้วนะ?

“อาทิตย์หนึ่งนะคะ ตั้งแต่วันที่สร้างยาแก้นะคะ”

“ว่าไงนะ!!” ทุกคนต่างตะโกนกันอย่างตกใจ

“ทำไมโพรทาเลียต้องทำแบบนั้นกัน?

ลิซ่ากำลังนึกบางอย่างแล้วก็คิดออกว่าทำไม “จริงด้วยนะ ยาของโพรทาเลียจะใช้เวลาเป็นเดือน กว่าจะเสร็จนะ เมื่อก่อนทำให้แซเทิร์นไม่พอใจเหมือนกันที่เธอทำช้า เลยลงโทษเธอบ่อยๆ นะ”

“ช่างเป็นชายที่เลวทรามเหมือนเดิม” โครนอสเอ่ยพูดขึ้นทันใด เขาไม่ชอบน้องชายตนทำตัวเช่นนั้นจริงๆ

โอราอุสได้ยินแบบนั้น เขาขมวดคิ้วไม่ชอบใจกับสิ่งที่แซเทิร์นกระทำกับน้องของตน เขาประคองร่างอันไร้สติของน้องสาว

“งั้นผมขอพาน้องสาวกลับไปรักษาตัวที่ค่ายก่อนนะครับ”

“หือ...เดียวสิ โอราอุสให้นางอยู่ที่นี้เดียวข้าดูแลรักษานางไม่ดีกว่าหรือ?

โอราอุสได้ยินสิ่งที่ชายผมขาวพูดก็ทำให้เขาหันกลับมามองเขาอีกฝ่ายครั้ง แล้วยิ้มอย่างไม่เป็นมิตรให้อีกฝ่าย “ขออภัยขอรับ เด็กคนนี้น้องของข้า ข้าดูแลเด็กคนนี้เองได้ขอรับ ท่าน โคร นอส”

“หือ?

 

ชายทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ชอบใจความคิดของกันและกันที่ต่างฝ่ายอยากให้โพรทาเลียอยู่ในที่ที่ตนอยากให้อยู่ แต่คนเป็นพี่ไม่ยอมให้น้องอยู่ที่นี้นานไปกว่านี้แน่ๆ เขาเดินออกจากจุดนั้นไปทันที สามแฝดต่างมองพี่ชายที่พาโพรทาเลียออกไปแล้ว พวกเขาก็ตามกันไปทันที คาเร็นน่าก็ตามไปติดๆ ด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นแม่

 

โครนอสจับจ้องพวกเขาที่พาผู้เป็นอดีตลูกชายตนเองออกไป ไม่รู้ทำไมเขามองด้วยความเป็นห่วง เด็กน้อยคนเดียวกำลังจะช่วยคนทั้งค่ายที่สลบไปไม่รู้กี่คน โดยไม่คำนึงที่สภาพร่างกายของตนเองแต่อย่างใด นั้นทำให้ลึกๆ ของเขาภูมิใจกับเด็กคนนี้ แต่ตอนนี้สายตาของเขากับบ่งบอกถึงอารมณ์อีกอย่างของเขา หญิงที่อยู่ข้างๆ มองผู้เป็นบิดาอย่างห่วงๆ

 

“ท่านพ่อค่ะ” ลิซ่าเอ่ยเรียกผู้เป็นบิดาด้วยเสียงอันแจ่มใส

โครนอสได้ยินเสียงอันไพเราะของลูกสาว เขาค่อยๆ หันไปมอง “มีอะไรหรือ?

“ข้าว่าท่านไม่ต้องห่วงโพรทาเลียหรอกค่ะ เธอมีทุกคนคอยปกป้องอยู่นะเจ้าค่ะ เชิญคิดมากเถอะค่ะ”

ลิซ่าพูดจบ เธอค่อยๆ ยืนตัวเข้าใกล้ผู้เป็นบิดา เธอยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มเขา เมื่อมองใบหน้าของเธอ ตัวเธอกำลังยิ้มให้อย่างมีความสุข เธอก็เดินออกมาจากตรงนั้นแล้วตามพวกโอราอุสไปด้วยความเป็นห่วงโพรทาเลีย

 

เมื่อชายชราอย่างโครนอสได้ยินสิ่งที่ลูกพูดเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขาห่วงใยลูกหลานของตน ใบหน้าของเขาเศร้าใจหน่อยๆ อยากอยู่กันนานๆ เรอาได้ยินการสนทนานั้น เธอค่อยๆ เดินออกมาหาผู้เป็นสามี เธอควงแขนผู้เป็นสามีเพื่อปลอบใจ ผมสีฟ้าของเธอสัมผัสกับใบหน้าของเธอที่ซบไหล่ของสามี โครนอสมองภรรยาแล้วซบศีรษะของเธอ เขาค่อยรู้สึกหายเป็นห่วงลูกขึ้นนิดหน่อย

 

เหล่าพี่น้องแจ็กสันออกมาจากเขตของโครนอส โอราอุสก็พาน้องสาวของตนเองรีบตรงดิ่งเพื่อไปยังสถานพยาบาล สามแฝดก็รีบตามพี่ชายที่วิ่งนำพวกเขาไปแล้ว คาเร็นน่าที่ตามมา เธอรอเทพีที่ตามมาพอเทพีตามทัน ทั้งสองคนก็จับมือตามกันไปทันที เหล่าผู้คนที่อยู่ตามทางต่างสงสัยกันว่าบ้านแจ็กสันทำไมต้องวิ่งกันขนาดนั้น นั้นทำให้หลายคนสงสัย จนครูฝึกคนหนึ่งก็สงสัยแล้วรีบเดินตรงดิ่งไปบ้านใหญ่ ระหว่างทางโพรทาเลียเริ่มได้สติขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังสะลึมสะลืออยู่ เธอค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อโอราอุสวิ่งมาผ่านมาถึงแถวสถานที่ศิลปะและงานฝีมือ ก็มีเสียงแว่วผ่านเข้าหูของโพรทาเลีย ทำให้เธอได้ยินบางอย่าง

 

‘ข้า...’

‘เสียงใครกัน...’ โพรทาเลียคิดอย่างงุนงงว่านั้นเป็นเสียงของผู้ใด

‘ข้าเกลียดท่าน!!’

‘…’ เริ่มจับใจความได้ เธอยิ่งได้ยินมากขึ้นว่าเสียงนั้นจะพูดอะไร

‘ข้าเกลียดท่าน อะโฟร์ไดต์!!’

 

เสียงนั้นได้ขาดหายไป โพรทาเลียที่สะลึมสะลืออยู่นั้นกับมีความสงสัยของเสียงนั้นก่อนจะสลบไปอีกครั้ง โอราอุสมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงว่าเธอต้องหายป่วย พวกเขาพาโพรทาเลียตรงดิ่งมาถึงสถานพยาบาล โอราอุสกำลังเดินเข้าผ่านหน้าประตู เหล่าคนคุ้มหน้าทางเข้าก็ห้ามพวกมาร์โคเข้าไปข้างใน

 

“คนที่ไม่ใช่คนป่วยห้ามเข้านะ”

“อ้าว!!” พวกมาร์โคต่างงุนงงเลยว่า ทำไมพวกเขาเข้าไปไม่ได้

โอราอุสหันกลับไปหาทุกคน “พวกนายอยู่นี่ล่ะ เดียวพี่เข้าไปเองนะ”

 

ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขารออยู่ข้างนอก โอราอุสพาโพรทาเลียเข้าไปข้างในสถานพยาบาลโดยทันที พอเข้าไปทุกคนภายในสถานพยาบาลต่างหันมามองกัน ชายผมทองที่กำลังตรวจคนที่สลบอยู่นั้น เมื่อเห็นเพื่อนชายเข้ามาในสถานที่นี้ เขาเลยลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหา

 

“เกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมนายอุ้มคีย์มานะ?โอลิเวอร์ถามพวกเขาอย่างสงสัย

“เขาเป็นไข้ขึ้นสูงมากๆ ฉันเลยพาเขามาที่นี้ พวกนายคนไหนว่างมาตรวจเข้ามั้งไหมล่ะ? โอลิเวอร์”

“ไข้เหรอ อืมมมม คนเราอีกฝั่งก็กำลังดูทั้งคนที่เจ็บจากการฝึก คนส่วนมากนายก็น่าจะรู้ว่าพวกเขาดูอาการพวกสลบอยู่ตลอด นั้นฉันจะตรวจเขาให้ งั้นเดียวนายพาเขาไปยังโซนทั่วไป ตามมาเลย”

โอลิเวอร์นำทางให้โอราอุสไปยังโซนทั่วไป โซนทั่วไปคือโซนที่จะมีแต่คนบาดเจ็บจากการฝึก หรือคนที่ปวดกันตามปกติ เมื่อมาถึงโอลิเวอร์พามาถึงเตียงนอน โอราอุสวางคีย์ลงช้าๆ โอลิเวอร์เข้าไปตรวจเด็กหนุ่มที่นอนไม่ได้สติอยู่ เขาตรวจอย่างละเอียด

“อืม นี่คงเพราะไม่ได้พักผ่อนเลยสินะ ไข้ขึ้นสูงอีก คีย์ไปทำอะไรมานะ โอราอุส”

“คือ...” โอราอุสมีสีหน้าลำบากใจ เขาหันหน้าไปทางอื่นเขาเกาแก้มเบาๆ “คือฉันบอกนายแล้ว นายห้ามบอกใครเรื่องนี้นะ!!”

“หือ?โอลิเวอร์เอียงคออย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะบอกอะไร

 

โอราอุสได้บอกทุกอย่างให้แก่อีกฝ่ายได้รับรู้ ทางด้านนอกสถานพยาบาล พวกมาร์โคกำลังนั่งรอโอราอุสออกมาจากสถานพยาบาลกัน คาเร็นน่านั่งอยู่โซนข้างหลังพวกพี่ๆ กัน เธอสงสัยว่าแม่จะเป็นไงมั้ง ตอนไหนเธอจะได้เข้าไปหา เมื่อสายลมพัดเอื่อยๆ สองสาวนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้พอดี พวกเธอหันไปหาน้องชายของตนเอง พวกเธอก็เห็นน้องชายยังถือขวดยาอยู่เลย เลยเอ่ยถามผู้เป็นน้องทันที

 

“นายจะถือขวดยาอีกนานไหม? มาร์โค”

มาร์โคหันไปหาพี่สาวทั้งสอง เขาแสดงสีหน้าไร้ความคิดอยู่ว่าพวกพี่ๆ หมายถึงอะไร พวกเธอทำหน้าเซ็งที่น้องชายนั้นซื่อบื้อเป็นบางเรื่องสุดๆ พวกเธอยกนิ้วชี้ไปที่มือของน้องชาย

“เย้ย!! จริงด้วย งั้นเดียวผมเอาไปให้พี่นะ!”

 

มาร์โคลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาคนที่คุมประตูเกี่ยวกับเรื่องฉุกเฉินที่เขาอยากไปเพื่อคุยกับหัวหน้าสถานพยาบาลอย่างโอลิเวอร์ พอผู้คุมฟังที่มาร์โคพูดแล้วเขาก็ลังเลใจตอนแรก แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไป คาเร็นน่ามองคุณอาเข้าไปข้างในแล้ว พวกสาวๆ ก็เริ่มรู้สึกอยากไปเข้าห้องน้ำกัน

 

“เดียวขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ คาเร็นน่าอยู่นี่นะ” ลิซ่าบอกคาเร็นน่าแล้วเดินเพื่อไปเข้าห้องน้ำ

“พวกหนูไปด้วยสิ หนูคาเร็นน่าอยู่คนเดียวนะ เดียวพวกเรามานะจ๊ะ”

“ค่ะ รีบๆ กลับนะคะ” คาเร็นน่าโบกมือให้ทั้งสามคน

 

เธอนั่งอยู่อย่างเงียบๆ ผู้คนต่างเดินผ่านไปผ่านมากัน ที่หน้าสถานพยาบาล คาเร็นน่าจ้องมองพื้นดินอย่างครุ่นคิดว่าจะได้พบแม่ตอนไหน แต่แล้วก็มีเท้าคู่หนึ่งมายื่นตรงหน้าเธอ เธอมองอย่างสงสัยว่าใครมายื่น เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ทำเอาใบหน้าของเธอนั้นชาไปทั่วหน้า เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ

 

พอมาร์โคเข้ามาข้างในสถานพยาบาล เขามองหาโอลิเวอร์ เขาหาอีกฝ่ายไม่เจอเลยต้องถามเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พวกนั้นได้บอกว่าโอลิเวอร์อยู่จุดไหนของสถานพยาบาล มาร์โคก็เดินไปยังจุดที่พวกนั้นบอก เขาเดินผ่านโซนคนทั่วไป เขามองไปเรื่อยๆ จนมาเจออีกฝ่ายอยู่กับพี่ชายที่เตียงของพี่สาวของเขา

 

“พี่คีย์เป็นไงมั้งนะครับ?มาร์โคถามพวกเขา

“อ้าว...ไง มาร์โค” โอลิเวอร์เห็นมาร์โคเดินมาหาพวกเขา “ตอนนี้ก็มีไข้แล้วก็พักผ่อนไม่เต็มที่นะ เลยต้องให้พักสัก 2-3 วันก็น่าจะดีขึ้น ถ้าไข้ลดด้วยน่านะ”

“งั้นเหรอครับ ขอให้หายไวๆ นะ”

“แล้วนายมีอะไรนะ มาร์โค” โอราอุสถามน้องชายของเขา

“อ๋อ...ลืมไปเลย!” มาร์โคหยิบขวดยาที่เขาเก็บไป ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วถือขึ้นมาให้พวกพี่ๆ ดูกัน “ผมเอาขวดยาที่คีย์ทำขึ้นมาให้พี่โอลิเวอร์”

“หือ?โอลิเวอร์มองด้วยสายตาที่เบิกกว้าง เขาจ้องมองขวดยานั้นแล้วหันไปทางโอราอุส “เรื่องจริงเหรอเนี่ย?

“ฉันอธิบายให้นายไป มันคือความจริงหมด นายต้องช่วยปิดเรื่องตัวตนของคีย์ แล้วก็เรื่องยานี้ด้วยน่าจะดี”

“อืม...” โอลิเวอร์ครุ่นคิดเรื่องยาที่อีกฝ่ายขอให้เขาห้ามบอกใคร "เรื่องยาคงจะยากหน่อยนะ แต่ฉันจะพยายามไม่ให้เรื่องนี้ ถูกแพร่งพรายออกไปละกัน"

“ขอบคุณจริงๆ โอลิเวอร์ที่เข้าใจนะ รู้แค่ระหว่างเราสองคนนะ”

“ได้ๆ นายต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ”

“จัดไป!”

ทั้งสองคนยกมือขึ้นมาชนหมัดกัน มาร์โคมองสองคนที่ชนหมัดกัน พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน ทำเอามาร์โคเกาหัวอย่างงุนงง

“เอาล่ะ งั้นเดียวฉันขอยาขวดนั้น นำไปรักษาคนที่สลบอยู่” โอลิเวอร์เดินมาหามาร์โค

"นี่ครับ" มาร์โคส่งขวดยาให้อีกฝ่าย

โอลิเวอร์รับขวดยา เขากำลังจะเดินออกไป แต่เขาพึ่งนึกขึ้นมาได้บางอย่างก่อนจะหันมาถาม

"แล้ววิธีการใช้ยานี้ล่ะ? "

“เอ่อ...”

มาร์โคยืนนิ่งไปเลย เมื่ออีกฝ่ายถามเขา เขาไม่รู้ว่ายาตัวนี้ใช้ยังไง เพราะพี่สาวเขาสลบไปก่อนจะได้พูดอะไร

“ต้องหยดยาหนึ่งหยด ลงใส่แก้วน้ำ 1 แก้ว แล้วค่อยให้คนที่สลบดื่มเข้าไปนะคะ”

 

เสียงเล็กๆ ได้เอ่ยขึ้น เหล่าสามหนุ่มต่างหันไปมองต้นเสียงที่พูด พวกเขาได้เห็นเด็กน้อยผมสีน้ำตาลหมัดแกะสองข้างพูดขึ้น เด็กน้อยพูดรอยยิ้มที่ดูมีความสุขมาก แต่สองหนุ่มบ้านแจ็กสันต่างตาโตเมื่อเห็นเด็กน้อย พวกเขาจำได้เลยว่าเด็กคนนี้คือ คาเร็นน่า หลานสาวของพวกเขา แต่ทำไมหลานเขาถึงมีสีผมเปลี่ยนไปได้ล่ะ

 

โอลิเวอร์เดินไปหาเด็กน้อย เขาย่อตัวลงให้มองเด็กน้อยชัดขึ้น “หนูน้อยเป็นใครกันนะ? แล้วหนูรู้ได้ไงนะว่ายานั้นผสมยังไงนะ?

“พี่ชายบอกหนูเอาไว้ ก่อนที่พี่จะสลบไปนะคะ”

“พี่ชาย...เธอเป็นน้องสาวของคีย์เหรอ?

“ค่ะ หนูคาเร็นน่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

"เช่นกันจ้ะ ฉันโอลิเวอร์ เป็นหัวหน้าสถานพยาบาลแห่งนี้นะ เรียกพี่โอลิเวอร์ก็ได้นะ"

"ค่ะ พี่โอลิเวอร์" คาเร็นน่ายิ้มให้อีกฝ่าย

 

โอลิเวอร์เห็นรอยยิ้มนั้นทำเอาเขาหัวใจเขากระชุ่มกระชวยไปหมดเหมือนมันกำลังจะสลายไปเลย เขาค่อยๆ ลูบหัวคาเร็นน่าเบาๆ โอราอุสเห็นหลานสาวเขาโดนอีกฝ่ายลูบหัว เขาเดินไปอุ้มหลานสาวเขาขึ้นมาทันที แล้วอุ้มเอาไว้ โอลิเวอร์มองอย่างงงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอุ้มเด็กน้อยไป

 

“ฉันว่านายรีบไปช่วยคนดีกว่านะ”

คาเร็นน่ามองผู้เป็นลุงอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างงงๆ ว่า ทำไมลุงต้องอุ้มเธอออกมาจากอีกฝ่าย โอลิเวอร์จ้องฝ่ายตรงข้ามก่อนจะยิ้มมุมปาก

"ก็ได้ๆ นายขี้หวง ฉันไปล่ะ"

โอลิเวอร์เดินออกมาจากบริเวณตรงไปโซนอันตราย เพื่อไปทำยาแก้ให้แก่คนที่ยังนอนหลับไปได้สติ พออีกฝ่ายออกไปสองหนุ่มโล่งใจที่เรื่องจะจบสักที ก่อนที่โอราอุสจะมองหลานสาวที่เขาอุ้มอยู่

“คาเร็นน่า ทำไมหลานถึง...เปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ?โอราอุสสัมผัสปลายผมของหลานสาวจากผมทองกลายเป็นผมสีน้ำตาล

“อ๋อ พอดีหนูใช้กำไลนี้นะคะ หนูคิดว่าแปลงเป็นเด็กลักษณะคล้ายคุณแม่ทุกคนจะได้ไม่ผิดสังเกตจะดีกว่านะคะ” คาเร็นน่ายกกำไลขึ้นมา

“แบบนี้เอง...”

"แม่เราให้ไว้สินะ" มาร์โคถามออกไป ถึงจะรู้ก็เถอะว่าพี่สาวตนให้กำไลเด็กน้อยไว้

คาเร็นน่าพยักหน้าแรงๆ สองสามครั้ง "คุณแม่กลัวว่าหนูจะเป็นอันตรายเลยให้สวมตอนอยู่บ้านโครนอสนะคะ"

"อืมๆ " ทั้งสองคนเข้าใจทันที

โอราอุสหันไปมองโพรทาเลียที่หลับอยู่ "ตอนนี้คงหมดห่วงเรื่องคนในค่ายไปส่วนหนึ่ง แต่เราต้องระวังหลังจากนี้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกล่ะนะ..."

 

คาเร็นน่ามองผู้เป็นลุงทำสีหน้าเป็นกังวล เธออ้าแขนเข้าอีกฝ่ายพร้อมกับพร้อมแก้มผู้เป็นอ่านจนใบหน้าของเขาเป็นสีแดงอ่อนๆ มาร์โคเห็นแบบนั้น เขาทำสีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจที่หลานสาวเขาหอมแก้มผู้เป็นพี่ชายของเขา โอราอุสหันมามองเด็กน้อยที่หอมแก้มของเขา

 

คาเร็นน่ายิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณลุงโอราอุส ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนะคะ”

โอราอุสนิ่งไปในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อย เขาหลับตาลงแล้วนึกถึงตอนที่โพรทาเลียเด็กๆ พูดอะไรที่ดูเป็นผู้ใหญ่ตลอดจนเขาอึ้งไปเลย เขาค่อยๆ ลืมตามองเด็กน้อยแล้วยิ้มให้

“ขอบคุณนะ คาเร็นน่า”

 

โซนอันตราย ทุกคนกำลังเฝ้ามองคนที่สลบไปกันอย่างสงสัยว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะตื่นกัน ยิ่งทำให้เวลาการมีชีวิตของพวกเขากำลังจะแย่ลงเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเขารอแค่ความหวังที่กำลังเข้ามา จนโอลิเวอร์เดินเข้ามาในโซนอันตราย ทุกคนต่างมองกันเป็นสายตาเดียวกัน

 

“พวกเรา!! ฉันมียาแก้มารักษาแล้ว!!”

 

เมื่อพวกเขาได้ยินต่างตาโตกันเมื่อได้ยินแบบนั้น โอลิเวอร์ได้อธิบายว่าต้องทำอะไรมั้ง ทุกคนต่างไปเตรียมแก้วน้ำมาให้ครบสำหรับทุกคนที่นอนหลับอยู่ พอเติมน้ำลงไปในแก้วกันแล้ว โอลิเวอร์ก็เริ่มหยดยาลงไปในน้ำ ทุกคนก็นำแก้วแต่ละใบไปกรอกปากคนที่สลบอยู่ พอกรอกน้ำลงไป สักระยะหนึ่งปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ผู้คนที่สลบเริ่มได้สติทีละคน ทำให้คนที่อยู่ข้างๆ ที่เป็นคนดูแลต่างดีใจทันที

 

“ฟื้นแล้ว!! ทุกคนฟื้นแล้วล่ะ!!”

“ทางนี้ฟื้นแล้ว ผมขอน้ำและขนมเทพด้วยครับ!!”

“ทางนี้ด้วยนะ!!”

 

เมื่อมีเสียงทุกคนพูดกันว่าคนที่สลบฟื้นกัน ทำให้โอลิเวอร์ถึงกับโล่งใจกับเหตุการณ์นี้ ที่ทำให้ทุกคนฟื้นขึ้น ความลำบากที่ผ่านมานานได้หายไปอย่างกับเป็นเรื่องโกหก เหล่าเด็กฟื้นขึ้นก็มีชายหนุ่มคนคุมจากสถานพยาบาลวิ่งวุ่นตรงไปที่บ้านใหญ่ เมื่อเข้าข้างในก็เดินตรงตามห้องต่างๆ จนมาถึงห้องประชุม เขาไม่สนว่ามีการประชุมเขาเปิดประตูเข้าไปทันที

 

“คุณแจ็กสันครับ!!”

เหล่าผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องนั้นถึง 10 กว่าคนต่างหันมามองชายหนุ่มที่เข้ามาขัดจังหวะการประชุม เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นก็ไม่พอใจอยู่ แต่เขาก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้

“ฉันบอกแล้วนะว่า อย่าเข้ามาโดยพลการ ตอนที่กำลังประชุมอยู่นะ!!”

“ผมรู้ครับ แต่มีความดีครับคนที่สลบ ตอนนี้ได้ยาแก้แล้ว และพวกเขาก็ฟื้นกันหมดแล้วครับ!!”

เมื่อพวกผู้ใหญ่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตาโตกันทันที พวกเขาไม่นึกว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมาจริงๆ เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นทำเอาเขาอึ้งทันที

“ยกเลิกการประชุม!!”

เพอร์ซีย์พูดจบ เขาก็ออกจากบ้านใหญ่ตรงไปสถานพยาบาลที่อยู่ด้านหลังบ้านใหญ่ทันที พอมาถึงเขาได้เห็นเด็กๆ กำลังลุกขึ้นแล้วฟื้นตัวจากการหลับไปนาน พวกเขามองอย่างสงสัยว่านี้มันเรื่องจริงเหรอ จนโอลิเวอร์หัวหน้าสถานพยาบาลเดินเข้ามา

“คุณแจ็กสัน”

“ผลิตยาแก้ได้แล้วเหรอ? โอลิเวอร์”

“คะ...ครับ พวกเราสร้างได้แล้วครับ...แต่...คนที่สร้างไม่ใช่พวกเรา...”

“หือ? แล้วใครล่ะ ใครทำให้เกิดปาฏิหาริย์เกิดขึ้นล่ะ?

โอลิเวอร์มองผู้ดูแล เขาคิดขอโทษโอราอุสที่ต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ “คนที่สร้างคือ คีย์ วันเดอร์เลอร์ครับ” โอลิเวอร์เอ่ยถึงคีย์ทันที

“! ?

เพอร์ซีย์ถึงกับตาโตเลยที่ได้ยินว่าคนที่สร้างยานี้เป็นใคร นั้นทำให้เขามีข้อสงสัยมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 

"จบตอนที่ 26 โปรดติดตามตอนที่ 27 ต่อไป"