85 ตอน ตอนที่ 85 ถึงเวลาที่ต้องเร่งมือ
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 85 ถึงเวลาที่ต้องเร่งมือ
เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณย่านการค้า ผู้คนต่างพากันแตกตื่นและกรีดร้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครอยู่บริเวณนั้นก็ต้องวิ่งหนีอย่างตื่นกลัว ผู้คนบางส่วนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายตึกชั้นสองของร้านบลูเมอร์เมดที่จูง ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นสนั่น เหล่าผู้คนต่างพากันพูดคุยกันว่าอาจจะเกิดระเบิดจนทำให้ตึกระเบิด แล้วกำลังจะถล่ม พวกลูกจ้างที่อยู่ชั้นหนึ่งต่างพากันรีบหนีออกจากหลังร้านกันอย่างโกลาหลกันยกใหญ่ แต่เหล่ามนุษย์ไม่รู้เลยว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นการโจมตีจากบุคคลที่เป็นเทพ
ชั้นสองที่มีสภาพเหมือนระเบิดโจมตี แต่เป็นการโจมตีจากข้างนอกทำให้หน้าต่าง กำแพง เพดานพุ่งเข้ามาข้างในตัวตึกชั้นสองจนมองไม่เห็นผู้คนที่อยู่ในตอนแรก กองซากสิ่งก่อสร้างที่พังทลายกำลังมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ก่อนจะมีคนหนึ่งดังสิ่งพวกนั้นออกจากตัวเขาในทันใด
“ย้าก!!”
เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับสร้างสิ่งก่อนสร้างตกลงสู่ที่พื้น ตามตัวของเพอร์ซีย์มีแต่ฝุ่นควันจากสร้างพวกนี้ แต่ที่หัวของเขาก็มีเลือดออกจากผลกระทบจากของที่พุ่งใส่ เขาหันไปหาแม่และน้องสาวที่เขาช่วยตอนเกิดการโจมตี
“แม่ เอสเทล ไม่เป็นอะไรนะ?”
“จ๊ะ ไม่เป็นอะไร...” แซลลี่ถึงกับมึนหัวเลยที่จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้
“ไม่ต้องห่วงเรา พี่เพอร์ซีย์ หลาน ๆ กับพี่แอนนาเบ็ธอยู่ไหน?”
เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองจุดห้องครัวที่อยู่ตอนแรก ตอนนี้มีแต่ซากปรักหักพังอย่างเดียว ใบหน้าเขาถึงกับซีดเผือดไปที่ไม่เห็นเด็ก ๆ หรือภรรยาโผล่ขึ้นมา ก่อนที่เขาจะพุ่งไปดูแล้วรื้อซากปรักหักพังพวกนั้น
“แอนนี่! เด็ก! เด็ก!”
เสียงของเพอร์ซีย์ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งห้องนั้นด้วยความหวาดกลัวและกระวนกระวายว่าครอบครัวเขาจะเป็นอะไรไป เสียงผู้เป็นพ่อดังเข้ามาใส่โซนประสาทของคนเป็นลูกที่กำลังอ้อมกอดหลานทั้งสองหลังจากที่รีบกระโดดเข้ามาปกป้องหลาน ๆ เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของน้องชายที่อยู่ตรงหน้า
“เอ...เดอร์...”
“อึ้ก...”
เบเดอร์มองน้องชายที่ยังดูเหมือนยังไม่ได้สติ แล้วก้มมองหลานทั้งสองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ตอนแรกที่ได้ยินเสียงพ่อตะโกนก็ทำให้พวกเขาตกใจจนทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยังหาที่หลบภัยจากการโจมตีนั้นได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสักเล็กน้อย แต่เขาก็ดีใจที่หลานเข้าไม่เป็นอะไรมาก แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้เกาะป้องกันจากกำไลที่กำลังส่องแสงอยู่ ทำเอาเขาโล่งใจจริง ๆ
“ถ้าไม่ใช่...เพราะกำไลของโพรทาเลีย...ป่านนี้คง...บาดเจ็บกว่านี้แล้วมั้ง...”
“ใช่...ตอนแรกนึกว่า...จะตายซะแล้ว...”
เสียงอันแผ่วเบาของน้องชายทำให้เบเดอร์หันไปมองก็เห็นน้องชายกำลังจับจ้องมองเขาอยู่ด้วยใบหน้าอันสับสนเล็กน้อย
“นายไม่เป็นอะไรนะ...?”
“อืม...เด็ก ๆ ล่ะ...” เอเดอร์ถามพี่ชายด้วยความเป็นห่วงหลานชายและหลานสาว
เบเดอร์ก้มมองเด็ก ๆ ที่สลบไปสักพักหลังจากการโจมตีนั้น “ปลอดภัยดี...”
“ดีจริง ๆ ...แล้วพี่ล่ะเป็นไงมั้ง...”
“ก็แค่...เอวเข็ดจากการกระแทกนะ...”
“เพราะเล่นพุ่งแบบนั้นใส่หลานนี่น่า”
“พอเลย...นายลุกได้ไหม ไอ้หงอก”
“เอ๋?”
เอเดอร์มองอย่างสงสัยว่าพี่ชายเรียกแบบนั้นกับเขาทำไม ก่อนที่เบเดอร์จะยิ้มกับคำพูดของเขาที่ตอนนี้นั้น น้องชายของเขามีผมเป็นสีเทาจากฝุ่นซากปรักหักพังพวกนี้ เอเดอร์จ้องมองอยู่สักพักก่อนจะเก๊กกับมุกตลกของพี่ชายที่พูดแบบนั้นใส่เขา
“แหมมมม ทำอย่างกับนายไม่เป็นล่ะนะ ตาแก่!”
“อ้าว ๆ นี่มาพูดแบบนี้ กลับบ้านเราต้องจัดกันสักยกไหม?”
“เอาสิ ฉันจะทำให้นายเป็นลมเลย เจ้าพี่บ้า!!”
“หึ ๆ ปากหมาได้แปลว่ายังดีสินะ”
“พี่ก็ด้วยนั้นล่ะ!”
“เด็ก ๆ แอนนี่ ใครอยู่ตรงไหนบอกพ่อด้วย!!” เพอร์ซีย์ยังตะโกนหาลูก ๆ เพราะซากของตึกมันยังทับลูกและภรรยาของเขาอยู่
“เสียงพ่อเรียกล่ะ...”
“นายตะโกนไปไหนละกัน”
“โอเค...” เอเดอร์ตอบพี่ชายก่อนจะหันหน้าไปข้างนอกเพื่อตะโกน ”พวกเราอยู่นี่ครับ!! พ่อ!“
เพอร์ซีย์หันไปทางแถว ๆ เคาน์เตอร์ครัว เขาก็รีบเดินเข้าไปทางนั้นด้วยความว่องไว เพราะความเป็นห่วงลูก ๆ
“เบเดอร์ เอเดอร์ ลูกสองไม่เป็นอะไรนะ?”
“ไม่ครับ พ่อ แต่อาจจะนานหน่อย เพราะพี่เบเดอร์เขาเอวเข็ดเป็นคนแก่เลยครับ”
“ไอ้น้องเวร! ไปบอกเพื่อ”
“เหอะ ๆ ยังขำกันได้อีกนะ” เพอร์ซีย์ได้ยินเสียงลูก ๆ ก็ดีใจที่พวกเขาปลอดภัยและยังร่าเริงเหมือนเดิม “แล้วนอกจากลูกยังมีใครอยู่ไหม?”
“มีหลานสองคนครับ” เบเดอร์กล่าวออกมา
“แล้วหลานเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ เดียวพวกผมออกไป ขอทำตัวตามสบายสักครู่”
“ไม่ใช่เรื่องตลกนะ เบเดอร์”
“ไม่ต้องห่วงครับ พวกผมได้รับการป้องกันจากกำไลของโพรทาเลีย เดียวอีกสักพักก็ออกไป”
“ถ้าพูดแบบนั้นก็รีบออกมามันยิ่งอันตรายต่อหลาน ๆ อีกนะ!” เพอร์ซีย์ตักเตือนลูก ๆ ก่อนจะตะโกนเรียกคนอื่น ๆ ต่อ “แอนนี่ เด็ก ๆ อยู่ไหนนะ?”
“พี่แอนนาเบ็ธอยู่ไหนคะ?” เอสเทลมาช่วยพี่ชายในการตามหาพี่สะใภ้กับหลาน ๆ
“แอนนี่!!” เพอร์ซีย์ใช้มือในการดันของต่าง ๆ ออกจากพื้นบริเวณต่าง ๆ
น้ำเสียงของคนเป็นสามีดังขึ้นจนแอนนาเบ็ธที่สลบไปหลังจากการโจมตีนั้นก็รู้สึกตัวหลังจากกอดลูกสาวแล้วล้มลงกับพื้น เธอค่อย ๆ ลืมตามองว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน แต่สภาพเธอตอนนี้มันคือการโดนซากกำแพงปกคลุมพวกเธอไปหมด เธอกำลังขยับร่างกาย แต่ก็ลำบากที่มันเจ็บแถว ๆ ขา เพราะข้อเท้าเหมือนบิดตอนดึกตัวลูกสาวเข้าหา
“อึ้ก...”
“แม่ค่ะ...” โพรทาเลียจ้องมองแม่อย่างเป็นห่วง
“!!” แอนนาเบ็ธก้มหน้ามองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของตนเอง ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาลูกสาว “โพรทาเลีย ลูกไม่เป็นไรนะ?”
“ค่ะ...แต่...มันมี...อะไรบางอย่างช่วยปกป้องเรานะคะ”
“หือ?” แอนนาเบ็ธเงยหน้ามองก็เห็นเกราะสีเขียวปกคลุมตัวพวกเธอ “มันมาอยู่นี่ได้ไง?”
“ก็เพราะพวกเราสองคนมาช่วยไงคะ” เสียงของสองแฝดเอ่ยพูดขึ้น
แอนนาเบ็ธหันทางไปต้นเสียงก็เห็นลูกทั้งสองคน “คารีเซล! เรน่า!”
ทั้งสองคนต่างฉีกยิ้มให้คนเป็นแม่ที่ทำหน้าอย่างตกใจที่เจอลูกสาวทั้งสองมาอยู่แถวนี้ด้วย แต่ใบหน้าของลูกสองคนกับมีเลือดไหลออกมาที่ข้างศีรษะเนื่องจากตอนที่วิ่งมาหาแม่และพี่สาวพวกเขาโดนเศษปูนกระเด็นใส่ใบหน้ากัน
“ลูก ๆ ไม่เป็นอะไรนะ?” แอนนาเบ็ธรีบพยุงตัวขึ้นมาดูคนเป็นลูกทั้งสองคน
ดีที่มีเกราะเลยทำให้แม่ขยับไปหาลูกทั้งสองได้อย่างสบาย โพรทาเลียก็เขยิบขึ้นมานั่งแล้วมองน้อง ๆ สองคน
“พวกเธอไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่เลย แค่นี้เอง เดียวรักษาก็หายแล้ว พี่”
“จริงด้วย ๆ”
“ไม่เจ็บเนี่ยนะ เด็ก ๆ ดูสิ ลูกกำลังเจ็บนะ!” แอนนาเบ็ธจ้องมองดูว่าวิตก ลูก ๆ ของเธอมาโดนโจมตีด้วยแบบนี้ ทำเอาเธอโกรธเจ้าผู้ชายที่บุกมาโจมตีสุด ๆ “แม่เจอหน้านะ จะซัดให้ลูกเลย!!”
“น่าว่า...แม่กำลังโกรธนะ”
“แน่ล่ะ...”
สองแฝดต่างซุบซิบกันอย่างสนุกที่คนเป็นแม่ห่วงพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองเลยโอบกอดแม่ในทันที คนเป็นแม่ก็กอดลูกสาวทั้งสองอย่างโล่งใจที่ทั้งสองไม่เป็นอะไรมาก โพรทาเลียจ้องมองทั้งสามคนอย่างเป็นห่วงก่อนจะตะโกนบางอย่างเพื่อส่งเสียง
“พ่อค่ะ! ช่วยด้วยค่ะ! คารีเซลกับเรน่าบาดเจ็บ!!”
เพอร์ซีย์หันไปมองทางต้นเสียงที่ตะโกนขึ้นมา หลังจากมาช่วยโอราอุส อลิซ่าเบ็ธกับโฟกัสที่อยู่ด้วยกันแถว ๆ โซนห้องครัวริมเตาแก๊ส เพอร์ซีย์หันไปมองทางที่มีรูกำแพงขนาดใหญ่ เขาก็เห็นกองหนึ่งที่ดูใหญ่กว่าปกติ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงว่าภรรยากับลูกเป็นอะไรมั้ง
“แอนนี่ เธอไม่เป็นอะไร!?” เพอร์ซีย์รีบมาช่วยยกของพวกซากกำแพงออก
“ไม่เป็นไร แต่คาเร็นน่ากับเรน่ามีบาดแผลที่หัวนะ”
“แล้วโพรทาเลียล่ะ?”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าไอ้เจ้านั้นล่ะ!?”
สิ้นคำถามของลูกสาวนั้นทำให้เขาพึ่งนึกมาได้ว่าตัวที่โจมตีใส่พวกเรายังอยู่หรือเปล่า พอเพอร์ซีย์หันไปทางที่พวกเขาเจอมันครั้งแรก แต่ทว่ากับไร้วี่แววของร่างชายสูง ทำให้เขาตาโตอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ไหน
“เจ้านั้นหายไปไหน?”
“หายไปไหนน๊า~” เสียงอันทุ้มต่ำเอ่ยพูดภายในบ้านของพวกเขา
ทุกคนได้ยินต่างกันไปทางเดียวกันก็เห็นชายผมดำกำลังนั่งอย่างชิว ๆ ทุกคนต่างตกตะลึงว่าอีกฝ่ายมาตั้งแต่ตอนไหน เพอร์ซีย์จ้องมองอย่างไม่พอใจ เขาจำได้ดีกว่าอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องบาดเจ็บและมันจ้องจะจับลูกเขาเป็นเมียมันตั้งหลายรอบ ยิ่งทำให้เขาโกรธเคืองมาก ๆ จนออกนอกหน้า วากาเน็ทเห็นก็รับรู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังแสดงท่าทางไม่ชอบใจอยู่
“ดูหน้าเข้าสิ บุตรโพไซดอน หลานข้า”
“ข้าไม่ใช่หลานแก! ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!! แกและพ่อแกกล้ามาขโมยลูกสาวคนอื่น!! แถมแก…!!” เพอร์ซีย์กำหมัดอย่างโกรธเคือง
“อะไร? ข้าอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับพวกแกแท้ ๆ แต่มาพร่ำเพ้อถึงอดีตอยู่นั้นล่ะ น่ารำคาญจริง ๆ”
“ว่าไงนะ!?”
“ถ้าไม่เป็นการพูดมาก ส่งตัวลูกสาวเจ้าคืนมา!! บุตรโพไซดอน!”
“มาของ่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ!!” เอเดอร์กล่าวขึ้นอย่างโกรธเคือง
“ใช่!! มันต้องโดนสักหมัด!! แล้วบอกเลยว่าไม่มีวันที่แกจะได้น้องเราไป!!” เบเดอร์พูดพร้อมกับชักดาบออกมา
“แหม ๆ ลูก ๆ เจ้านี่ช่างใจร้อนจังนะ บุตรโพไซดอน”
“ก็เพราะพวกเขารังเกียจเจ้าพอ ๆ กับข้าไงล่ะ วากาเน็ท!!”
“หือ?!” วากาเน็ทหันไปทางห้องครัวก็เห็นหญิงสาวที่มีผมสีฟ้าที่โดนฝุ่นปกคลุม ก่อนที่เธอจะปัดฝุ่นพวกนั้นออกจากตัว “โอ้ ไม่ได้เจอกันนานนะ อลิซ่าเบ็ธ”
“หึ! ข้าล่ะเกลียดขี้หน้าเจ้าเหลือเกิน”
“เกลียดข้าแต่มาเจอคิดถึงข้าหรือไง?”
โอราอุสเอาตัวมาบังให้อลิซ่าเบ็ธในทันที “อย่ามายุ่งแฟนคนอื่นดีกว่านะ”
“หือ? เดียวนะ นี่เจ้าตกหลุมรักมนุษย์กึ่งเทพ? โธ่ ๆ อลิซ่าเบ็ธเจ้าบ้าแล้วนะ”
“ข้าจะรักใครมันสิทธิ์ของข้า เจ้าไม่เกี่ยว วากาเน็ท แล้วก็...” อลิซ่าเบ็ธยกนิ้วชี้หน้าใส่อีกฝ่าย “เจ้าริอ่านจะมาลักพาตัวโพรทาเลียไปอีก เรากับเหล่าสายเลือดโพไซดอนและอาธีน่า จะไม่ยอมให้เจ้าทำได้เด็ดขาด!!”
สิ้นคำพูดของอลิซ่าเบ็ธทุกคนเหล่ามนุษย์กึ่งเทพก็ได้ทำการยกอาวุธของตนเองออกมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด โอราอุสให้โฟกัสพาหลาน ๆ ไปอยู่ด้านหลังเพื่อความปลอดภัย วากาเน็ทจ้องมองด้วยสายตาดูถูกแล้วหัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดว่าพวกเจ้าจะจัดการกับข้าได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ลองก็ไม่รู้!! พวกเราสายเลือดโพไซดอนและอาธีน่าจะไม่ยอมให้พวกแกมาลักพาตัวโพรทาเลียไปได้เด็ดขาด!!” เพอร์ซีย์กล่าวพร้อมกับสะบัดดาบของตนออกมา
“โอ้! จะเป็นศัตรูกับฉันสินะ พวกแก! ได้!!”
วากาเน็ทพูดจบก็ขยับมือของตนเองเกิดประกายสีดำออกมา ก็มีเคียวขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากประกายสีดำอย่างกับมายากล ใบหน้าอันฉีกยิ้มเหมือนฆาตกรโรคจิตเฉิดฉายอยู่บนใบหน้าของวากาเน็ท
“ฉันจะเล่นงานพวกแกให้ตายตกนรกทาร์ทารัส!!”
“อย่าหวังซะเลย!!”
สิ้นเสียงที่ตะโกนขึ้น ซากกำแพงก็ตกลงสู่พื้นอย่างจนฝุ่นตลบไปทั้งชั้นสองนั้น แอนนาเบ็ธลุกขึ้นมาจ้องมองเทพที่พูดแบบนั้นใส่ครอบครัวของเธอ
“คนที่จะต้องตกนรกทาร์ทารัส มันแกต่างหาก!!”
แอนนาเบ็ธยกดาบที่ถือตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ชี้ไปทางวากาเน็ทอย่างโกรธเกรี้ยวมาก ๆ ทำให้ลูกสามคนที่อยู่ตรงนั้นเกิดกลัวกับท่าทางอารมณ์ของผู้เป็นแม่ โพรทาเลียจ้องมองแม่สักพักก่อนจะหันไปมองวากาเน็ทที่ยังไม่เห็นตนเอง เธอจ้องมองอย่างไม่ชอบใจที่ต้องมาเจออีกฝ่ายในสภาพนี้ เธอกุมมือแล้วพูดบางอย่างภายในใจออกมา
‘ได้โปรดใครก็ได้ โปรดมาช่วยหนูและครอบครัวหนูที ใครก็ได้...ได้โปรด...’ โพรทาเลียคิด
เสียงของเด็กสาววัยสิบขวบกำลังดังก้องไปทั้งภายในร่างกายของเธอ แล้วเสียงนั้นกำลังถูกส่งไปหาร่างต้นที่กำลังรับการทดสอบอยู่นั้นเอง โพรทาเลียที่อยู่ในร่างวัยสิบขวบกำลังให้รัลตรวจสอบผลงานของเธอที่สร้างเม็ดจากการคิดวิเคราะห์ตามแบบฉบับของเธอด้วยการเขียนรายละเอียดใส่กระดาษนั้นเอง รัลจ้องมองพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาให้อีกฝ่าย
“เก่งมาก โพรทาเลียผ่านการทดสอบ!”
“เยยยยยยยยยยยยยยยย้!!”
โพรทาเลียกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขที่ประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งเหลืออีกแค่สองอย่างเธอจะได้กลับไปโลกปัจจุบันเสียที
‘ได้โปรด...’ เสียงหนึ่งดังขึ้น
“เอ๋?”
โพรทาเลียหยุดกระโดด แล้วหันไปทางด้านหลังอย่างสงสัยว่าเสียงนั้นมาจากไหน แต่ไม่รู้ทำไมพอได้ยินเสียงนั้นเธอกับรู้สึกโหวง ๆ ชอบกลเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แถมเสียงนั้นเธอรู้สึกคุ้นหูชอบกล ก่อนจะหันไปทางรัลเพื่อถามถึงเสียงนั้น
“รัล ได้ยินอะไรไหม?”
“หือ?” รัลหันมามองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายได้ยินอะไร แต่เขาไม่ได้ยิน ”ไม่เห็นได้ยินเลยนี้? ตั้งใจทดสอบจนได้ยินแว่วไปเปล่า?”
‘ได้โปรดใครก็ได้ โปรดช่วยด้วย!!’
ครั้งนี้เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง แล้วครั้งนี้รัลก็ได้ยินเสียงที่อีกฝ่ายถามขึ้นมา เสียงนั้นเป็นเสียงเล็กเหมือนเด็ก เป็นเสียงขอความช่วยเหลือ ทำให้รัลตาลุกวาวอย่างสงสัยว่าเสียงนี้จากไหนแล้วใครเป็นคนสงสัย แต่ทว่าพอฟัง ๆ เขากับรู้สึกว่าคุ้นเคยทำเสียงนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนจนกระทั่งเขาจำได้ว่าเสียงนี้เป็นของใคร
“เสียงนี่มัน...”
“เสียงนี่มันทำไมนะ? รัล” โพรทาเลียหันไปถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“คือว่า…” รัลอ้ำอึ้งว่าจะบอกอีกฝ่ายยังไงดีเกี่ยวกับเสียงนี้ดี
“พี่ค่ะ!!”
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาทำให้โพรทาเลียหันไปมองก็เห็นโฟกัสกับพวกอดีตชาติกำลังเดินทางมาทางนี้ แต่สายตาของโพรทาเลียกับคิดอะไรพิเรนทร์ตอนที่เห็นพวกอดีตชาติลอยตามโฟกัสมาเหมือนกับผีตามติด ทำเอาเธอเกือบขำออกมาแต่ต้องเก็บอาการแล้วเอ่ยถามน้องสาวที่เดินมาถึงเธอแล้ว
“โฟกัส!! เธอมาได้ไงนะ?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะถามนะคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ!!”
“เกิดเรื่อง? เรื่องอะไรนะ?”
“คือหนูจะอธิบายยังไงดีล่ะ? แบบว่า…” โฟกัสกำลังกังวลมาก ๆ เพราะอยากทำอะไรสักอย่างแต่ทำอะไรไม่ได้
“วากาเน็ทบุกโจมตีที่ร้านบลูเมอร์เมด!!” เซเรน่ากล่าวพูดขึ้น
โพรทาเลียหันไปมองก็เห็นพวกเซเรน่าเดินกันมาสี่คนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โพรทาเลียเห็นแบบนั้นแล้ววิเคราะห์ชื่อร้านที่เซเรน่าพูด ดวงตาของเธอก็เปิดกว้างอย่างตกตะลึง เพราะชื่อร้านนั้นคือร้านของย่าเธอที่ตอนนี้ทุกคนที่ที่ร้านของคุณย่า
“เดี๋ยว!! หมายความว่าไงนะ! ครอบครัวเราอยู่ที่ร้านของย่านะ แล้วเกิดอะไรขึ้นภายนอกกัน!?” โพรทาเลียตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“พี่ค่ะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ตอนนี้ยังไม่มีการโจมตีเกิดขึ้นนะ”
“ถึงไม่มีแล้วถ้ามีล่ะ!! พ่อแม่ไม่สามารถต่อกรกับวากาเน็ทได้แน่ ๆ !!” โพรทาเลียดูตื่นตระหนกกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“พี่ค่ะ...”
“โพรทาเลียข้าเข้าใจว่าเจ้าเคยเจออะไรมากับวากาเน็ท...” เฟอร์ร่าเข้ามาหาโพรทาเลียใกล้ ๆ
“แต่ว่า...”
“พวกเราจะเร่งรัดการทดสอบนี้!!”
“เฟอร์ร่า!!!” พวกสาว ๆ ต่างเรียกชื่ออีกฝ่ายเหมือนตักเตือนสิ่งที่จะทำ
“ไม่มีเวลาแล้ว พวกเจ้าอยากให้เด็กคนนี้ต้องตกไปอยู่ในมือของแซเทิร์นอีกหรือ?”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบกันไปในทันที ทุกคนก็ไม่อยากแล้วยิ่งวากาเน็ทรู้ว่าไม่ใช่มีแค่โพรทาเลียที่มีพลังของเทพ แล้วจับตัวโฟกัสไปด้วยทุกอย่างก็จบหมด โพรทาเลียนึกอย่างครุ่นคิดว่าเธอจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องพันนี้เด็ดขาด ก่อนจะหันไปทางพวกเฟอร์ร่า
“แล้วฉันต้องทำยังไง?”
“เดียวเราจะจัดการให้ ก่อนที่วากาเน็ทจะโจมตีครอบครัวเจ้า”
จบตอนที่ 85 โปรดติดตามตอนที่ 86 ต่อไป
ข้อความถึงนักอ่าน
สวัสดีนักอ่านที่น่ารักที่ให้รอ ตอนนี้ใกล้ถึงจุดจบในไม่ช้าแล้วล่ะนะ ไม่นาน ๆ จะจบแล้วล่ะสำหรับเรื่องแฟนฟิคที่เขียนมาจะ 7 หรือ 8 ปีแล้ว 5555 นักเขียนก็รอดูเหมือนกันว่าตัวเองจะเขียนจบยังไง งั้นโปรดรออ่านกันได้เลย แล้วก็นักเขียนมีติ๊กตอกที่จะพาตัวละครไปเล่นสนุกให้ทุกคนได้ดูกันด้วยนะ ใครสนใจก็ติดตามช่อง YukiCoCo ได้เลยนะ ไปกดถูกใจกับหนุ่มฟีนีอุสที่ลงไปคลิปหนึ่งแล้วนะ
Comments (0)