104 ตอน ตอนที่ 104 ตัวช่วยที่จะพาเรากลับบ้าน
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 104 ตัวช่วยที่จะพาเรากลับบ้าน
บรรยากาศค่ำคืนอันมืดมนจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง โพรทาเลียยกมือของตนเองขึ้นมาแล้วเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นบนมือข้างซ้าย เธอปล่อยให้มันลอยไปตามอากาศ ทำเอาทุกคนต่างมองกันอย่างตกตะลึงกับความสามารถนี้ที่สายเลือดโพไซดอนไม่น่าจะทำได้ โพไซดอนจ้องมองลูกไฟที่ล่องลอยไปตามอากาศ เขายกมือขึ้นมาสัมผัสไอของพลังงานก็สัมผัสได้ว่าพลังนี้มันเป็นของเทพองค์ไหน
“นี่เจ้าเกิดจาก...สายเลือดเฮเฟตัสหรือ?”
“จะบ้าหรือไงคะ? ท่านโพไซดอน หนูนะแค่ฝึกเฉย ๆ ก็สามารถสร้างพลังแบบนี้ได้แล้วนะ เก่งไหมล่ะคะ?”
“สายเลือดโพไซดอนไม่น่าจะใช้พลังเทพอื่นได้ แต่เจ้ากับใช้ได้เนี่ยนะ?”
“เอ่อ...ก็...ข้าฝึกไง...”
นั้นเป็นคำพูดที่โพรทาเลียนึกไม่ออกนอกจากคำแก้ตัว แต่สายตาของโพไซดอนเหมือนจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย ก่อนที่สายตาของเขาจะจับผิดสังเกตตามร่างกายของหลานสาวได้นั้นก็คือร่างกายที่ต่างจากหลานสาว บาดแผลตามร่างกาย ทรงผมที่เปลี่ยนไปและพลังข้างในที่แตกต่างจากสายเลือดของเขา
“เจ้า...ไม่ใช่หลานข้า แต่ก็เป็นหลานข้าสินะ?”
“อ๊ะ...!!”
คำพูดนั้นทำเอาโพรทาเลียอ้ำอึ้งที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมา จนพวกพี่ ๆ คิดแล้วว่าต้องปิดบังคนเป็นไม่ได้แน่ ๆ
“ฉันนึกแล้วว่าปิดบังเทพไม่ได้หรอกนะ” เบเดอร์เข้ามากระซิบข้างหูของโพรทาเลีย
“จริงอย่างที่เบเดอร์กล่าวเลยล่ะ”
“บ้าชิบ!!”
โพรทาเลียสบถอย่างไม่พอใจออกมาที่จะโดนจับได้ แต่เธอก็หาวิธีไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอไม่ใช่หลานเขาในโลกนี้ เพราะไม่อยากมาตอบคำถามอะไรเยอะ
“ท่านโพไซดอนพูดอะไรนะคะ หนูเป็นหลานท่านนะคะ”
“อันดับแรก โพรเทียจะไม่เรียกข้าอย่างห่างเหิน สาวน้อย”
“อ๊ะ!!”
พวกหนุ่ม ๆ ต่างหัวเราะกันอย่างขบขันเบา ๆ จนสายตาของโพรทาเลียหันไปมองพวกนั้น ทำเอาทั้งสามคนต่างงรีบหันหน้าหนี โฟกัสเข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดกับพี่สาวอย่างกระซิบ
“พี่...เรียกผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะคะ...”
“บ้าจริง!!” โพรทาเลียสบถออกมาเบา ๆ
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เด็กน้อย?”
“เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ ท่านปู่ ฉันไม่ใช่หลานท่านในโลกนี้ แล้วอีกอย่างฉันจะไม่เรียกปู่ว่าโพไซดอนเฉย ๆ แน่ ถ้าไม่ใช่พวกนี้บอกว่ากลัวท่านนะ ฉันก็เรียกท่านปู่ปกติไปแล้ว”
“กลัวข้า?”
“เห้ย ๆ อย่าคิดเองเออเองสิ!!” เบเดอร์เอ่ยพูดออกไปอย่างเสียงดัง
โพไซดอนได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แล้วหันไปมองหลานชายที่เห็นเข้ามองก็หันหน้าหนีกันหมด
“ข้าว่าเจ้าคงโดนพวกพี่เจ้าหลอกแล้วล่ะ...ข้าไม่เคยทำให้พวกนั้นกลัวเลยนะ”
“เอ๋? แต่ว่าพวกนั้นบอกว่าไม่รับภารกิจของปู่ ปู่เลยโกรธพวกเขา?”
“ข้าเคยโกรธพวกเจ้าด้วยหรือ?”
โพไซดอนหันไปมองหลานชายอีกครั้ง พวกนั้นหันหน้ามองเพียงชั่วครู่ก็ทำตัวอ้ำอึ้งกันไปหมด จนกระทั่งโอราอุสต้องพูดขึ้นแทนน้อง ๆ
“อ๊ะ...พวกเรา...พวกเราคิดว่า...ปู่ไม่พอใจ...ที่เราไม่รับทำภารกิจ...ก็เท่านั้น…ก็เลย…”
“หึ! ข้าแค่อับอายที่หลานทั้ง 3 ไม่ยอมทำตามคำขอของชายชราจนไม่อยากพูดกับพวกเจ้าเท่านั้น แต่เรื่องก็ผ่านไปแล้วจะคิดอะไร”
“หึ พวกปอดแหกสินะ!” โพรทาเลียหันไปมองด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์กับพี่ทั้งสามของตนจริง ๆ
“อย่าว่ากันแบบนี้สิ โพรทาเลีย!!”
“โพรทาเลีย? ชื่อที่เพอร์ซีย์อย่างตั้งให้เจ้า ตอนที่เขายังมีชีวิต?”
“ค่ะ...พ่อหนูในโลกหนูเขาตั้งชื่อนี้ให้หนู...แต่เขายังมีชีวิตอยู่นะคะ...”
“เพอร์ซีย์ยังอยู่...ช่างน่าเศร้า...ที่โลกนี้เขาไม่อยู่แล้ว...ลูกชายคนเดียวของข้าในโลกนี้...”
“อย่าพึ่งท้อสิคะ ท่านปู่ ถึงท่านไม่มีพ่อของหลานแล้ว ท่านก็ยังมีลูกคนอื่น ๆ ที่จะเก่งกาจขึ้นถ้าพวกท่านช่วยกันสอนและปกป้องพวกเขา ไม่ใช่อยู่แต่บนเขาโอลิมปัสนะคะ”
“เจ้าคิดว่าเราทำได้หรือ? เด็กน้อย”
“ไม่ได้ก็ต้องทำ...ถ้าท่านไม่อยากเสียใครไปอีกนะเจ้าค่ะ”
“งั้นเหรอ…เจ้าช่างมองโลกในแง่ดีนะ…”
“ไม่เลยค่ะ…ฉันแค่อยากให้ท่านมองโลกในแง่ดี…ไม่ใช่คิดถึงคนที่ตายไปแล้ว…”
โพไซดอนขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ทำไมเจ้าคิดแบบนั้น…เจ้าไม่มองโลกในแง่ดีมั้งหรือ?”
“ตอนนี้หนูมองโลกในแง่ดี ท่านปู่…แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนหนูช่างเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ร้ายเสมอ…จะมีชีวิตรอดไหม? จะกลับไปหาครอบครัวได้ไหม? จะตายที่นี่หรือเปล่า? ทุกคนจะรู้ไหมว่าเราอยู่ตรงนี้? นั้นเป็นคำถามของเด็กตัวเองที่กำลังหมดความหวังในวัย 8 ขวบ…”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้โพไซดอนอ้ำอึ้งด้วยใบหน้าอันขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด ยิ่งทำให้เขาสงสัยเขาไปอีกว่าทำไมเด็กน้อยตัวเท่านี้ถึงมีความคิดที่เหมือนบุคคลที่กำลังหาทางเอาตัวรอดแบบนั้น
“ทำไมเจ้าถึง…มีความคิดแบบนั้น…”
“ก็…โลกของฉัน…ไม่สิ…ชีวิตของฉันนั้น…ต้องเจอกับเหตุการณ์อันเลวร้าย…เกินกว่าที่เด็กน้อยจะรับได้ค่ะ”
“หมายความว่าไง…”
“เรื่องนี้…เทพไม่ต้องสนใจก็ได้ค่ะ…รู้แค่ว่ามันเป็นเพียงชีวิตเล็ก ๆ ที่ต้องดิ้นรนเหมือนที่ท่านมองจากเขาโอลิมปัสก็พอค่ะ”
“อ๊ะ…”
โพไซดอนอึ้งไปกับคำพูดนั้นของเด็ก เขาไม่คิดว่าผู้เป็นหลานจะพูดแบบนั้นออกมา เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรรับรู้ต่อสิ่งที่เด็กน้อยสื่อออกมา
“เจ้าดูโตเกินวัยจริง ๆ แต่ว่า…พวกเจ้ามาทำอะไรกันยามดึก มนุษย์กึ่งเทพไม่ควรออกมายามวิกาลพวกเจ้าลืมไปแล้วหรือไง?”
“พวกเราไม่ลืมนะ…แต่ว่าโพรทาเลียอยากมาเอง!!” เบเดอร์ฟ้องคนเป็นปู่ทันที
“หือ?”
“หนูแค่…อยากมา…เคารพหลุมศพของพ่อในโลกนี้เท่านั้นล่ะ…”
โพรทาเลียหันไปมองป้ายหลุมศพที่อยู่ข้างหลังของปู่ แต่สายตาของเธอนั้นหันไปเห็นป้ายข้าง ๆ ก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะ เพราะข้าง ๆ คือหลุมศพของเจสัน เกรซ
“นั้นมัน…หลุมศพของคุณเจสัน…”
“ใช่…ตอนมาฝั่งก็พึ่งเห็นกันล่ะนะ…” โอราอุสกล่าวออกไปพร้อมกับเดินตรงไปหาน้องสาว
“อืม…ทำไมรู้สึกแปลก ๆ”
การที่หลุมศพของพ่อนั้นอยู่ข้างกับของคุณเจสันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญที่หลุมศพของทั้งสองมาอยู่ตรงนี้ได้ เธอจ้องมองป้ายหลุมศพของพ่อกับคุณเจสันก็เห็นตราสัญลักษณ์ของทั้งสองที่เป็นสายเลือดเทพนั้นก็ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าทันที ระหว่างที่เธอนั้นนั่งรถของเทพธิดาพยากรณ์มา ตามทางเธอเห็นสิ่งผิดปกตินั้นก็คือสัญลักษณ์ตรีศูลกับสายฟ้า สัญลักษณ์สายเลือดของทั้งสองคนยิ่งทำให้สงสัยกว่าเดิมจนกระทั่งเธอนึกถึงบางอย่างที่มีสัญลักษณ์นี้เช่นกัน
เธอก้มลงมองไปที่กระเป๋าคาดเอวของเธอแล้วดึงของทุกอย่างออกมาเพื่อรื้อหาของบางอย่างจนของตกลงพื้นเต็มไปหมด ทุกคนต่างมองว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังทำอะไร ยิ่งโฟกัสจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัยว่ากำลังรื้อหาอะไร ไม่นานนักโพรทาเลียก็ดึงสมุดบันทึกของพ่อออกมา เธอก็เปิดหน้าที่ต้องการที่มีตราตรีศูลกับสายฟ้าอยู่ ขอบหน้ากระดาษ
‘เจอแล้ว!!’ โพรทาเลียคิด
ตัวหนังสือบรรจงถึงเหตุการณ์หลังจากที่คุณเจสันตายว่าหลังจากอีกฝ่ายเสียไปหนึ่งปี เจสันก็ปรากฏตัวในป่าของฮาล์ฟบลัดอย่างกับปาฏิหาริย์อย่างน่าประหลาดใจ แต่มีสิ่งหนึ่งเพอร์ซีย์ยังคาใจ เขาเหมือนจำได้ว่ามีคนพาเจสันมาส่งแต่เขานึกหน้าคนคนนั้นไม่ออกจนสงสัยว่าทำไมเขาถึงลืมใบหน้าของอีกฝ่ายมันทำให้เขาสงสัยจนถึงทุกวันนี้ แต่พอเจสันกลับมาทุกอย่างก็ดูเหมือนมีแต่เรื่องดี ๆ มาตลอดหลายปี โพรทาเลียอ่านทุกบรรทัดก็เข้าใจทันทีว่าทุกอย่างนั้นต้องขึ้นอยู่กับอะไร
“รู้แล้ว…ว่าจะกลับโลกยังไง!!”
“พี่รู้แล้วเหรอ?” โฟกัสรีบเข้ามาหาพี่สาวทันที
“ต้นตอของเรื่องทุกอย่างขึ้นกับคนคนเดียวนั้นก็คือคุณเจสัน!!”
“คุณเจสัน…?”
“ใช่…”
“เดียว ๆ พวกเธอหมายความว่าอะไรนะ?” เบเดอร์เอ่ยขึ้น
พวกพี่ ๆ ถามพวกโพรทาเลียว่าคุยอะไรกันที่มันน่าสงสัย โพไซดอนที่ได้ยินก็สงสัยเช่นกัน
“วิธีที่จะพาเรากลับโลกของเราไงนะ”
“กลับโลกของพวกเจ้านั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ท่านปู่ พวกหนูต้องย้อนไปอดีต เพื่อที่จะช่วยคุณเจสันให้รอดพ้นจากความตายไงคะ!”
“จะบ้าหรือไง? ถ้าเจ้าทำแบบนั้นเท่ากับผิดหลักความเป็นความตายเลยนะ”
“งั้นเฮอร์คิวลีสก็ผิดสินะ เขาช่วยคนรักตัวเองจากความตายนะ!!” โพรทาเลียกล่าว
“ใช่ค่ะ ท่านปู่” โฟกัสพูดเสริมให้พี่สาว “จะบอกว่าพวกหนูไม่มีสิทธิ์ช่วยเหรอ?”
“ใช่! ไม่งั้นสิ่งสำคัญที่คุณเจสันกำเนิดขึ้นมันก็จะหายไปหมด!! แล้วก็…สิ่งที่หนูรัก…”
โพรทาเลียเอ่ยพูดถึงสิ่งที่เธอนึกคิดลูกน้อยของเธอที่เธอรักและหวงแหนมากแค่ไหน
‘ถ้าไม่มีคุณเจสัน...ก็ไม่มีฟีนีอุส...ไม่มีฟีนีอุส...เราก็ไม่สามารถ...มีเด็ก ๆ พวกนั้นเกิดมาได้...เรา...เราจะไม่ยอมให้ความสุขพวกนั้น...หายไปเด็ดขาด!!’
โพรทาเลียคิดแบบนั้นจนอยากจะร้องไห้ออกมา ความรู้สึกที่เธอนั้นมันช่างเอ่อล้นออกมา แต่ไม่ใช่แค่ลูกของเธอที่อยากทำให้เธอกลับไป เธอยังมีพ่อแม่และพี่น้องที่เธอนั้นอยากเจอมากกว่าอะไร มันทำให้เธอนั้นไม่อยากยอมแพ้ต่อสิ่งตรงหน้า เธอเงยหน้ามองปู่ของเธอที่กำลังจ้องมองเธอที่มีสายตาที่มุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ต่อสิ่งตรงหน้าของเธอ แสงสว่างจากเปลวเพลิงสาดส่องกระทบดวงตาของโพรทาเลียยิ่งทำเอาโพไซดอนเห็นก็รู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย ก่อนที่เขานั้นจะถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับยอมแพ้ที่จะห้ามเด็กทั้งสองคน
“ข้ายอมแพ้...จะทำอะไรก็ทำเถอะ…”
“เย้!!” เด็กทั้งสองต่างร้องอย่างดีใจที่อีกฝ่ายยอมพวกเธอ
โพไซดอนมองเด็กทั้งสองอย่างพอใจ แต่เขาก็มีคำถามที่จะทำให้เด็ก ๆ นิ่งไปชั่วขณะ “แล้วพวกเจ้าจะย้อนเวลากลับไปยังไง?”
“อ๊ะ!!”
ทั้งสองคนต่างตัวแข็งทื่อไปทันทีที่กับคำถามนั้น โพรทาเลียขยับตัวทำเป็นครุ่นคิดว่าเธอจะใช้วิธีไหนในการยอมกลับไปเวลาที่คุณเจสันยังไม่ตาย แต่ว่าจะขอให้ใครช่วยล่ะ อะพอลโล ซุส ใครกันที่จะช่วยเธอได้จนโพรทาเลียนึกถึงชายคนหนึ่งทุกคนไม่คาดคิดแน่ ๆ แต่เธอไม่รู้ว่าเขาโผล่มาตอนไหน เพราะพ่อของเธอนั้นไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายโผล่มาได้ไง จนเธอหันไปหาน้องสาวทันที
“โฟกัส!”
“ค่ะ!!”
“โครนอสโผล่มาที่ค่ายได้ไงนะ?”
“ท่านพ่อโครนอสนะเหรอ? ...”
โฟกัสเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเหมือนเป็นพ่อคนหนึ่ง เพราะว่าเขาเป็นเสมือนพ่ออีกคนของเธอเช่นกัน เธอนึกย้อนไปก็จำได้แค่ว่าเขาโผล่มาที่ค่ายเท่านั้น
“เขาแค่โผล่มาตอนที่ฉันอายุ 12 นะ...แต่ว่า...ไม่รู้ว่าเขามาได้ไงนะ...”
“แย่จริง ๆ”
ชายทั้งสี่คนมองเด็กทั้งสองพูดถึงบุคคลที่เขาไม่คิดคาดคิดว่าจะพูดขึ้นมา จนพวกเขานั้นต้องตะโกนหยุดความคิดของเด็กทั้งสอง
“หยุดเลยทั้งสองคน!!!”
“เอ๊ะ!?”
“พวกเธอพูดถึงเทพที่เลวร้ายที่สุดทำไมกัน!?”
“จริงด้วยพวกเธอน่าจะรู้นะว่าเขาเป็นเทพที่เคยกินปู่ของเราตอนเป็นทารกนะ!!”
“นั้นเป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนต่างหาก!!” โพรทาเลียตะโกนออกไป
“เธอหมายความว่าไง?”
“สิ่งที่พวกพี่รู้ในอดีตนะ มันโดนบิดเบือนเพราะเทพองค์หนึ่งที่ต้องการให้โครนอสเป็นเทพชั่วร้าย แล้วให้ท่านเทพที่เป็นบุตรธิดาของโครนอสคิดว่าตนกินลูกเข้าไป แต่ว่าคนที่กินพวกเทพเป็นน้องของโครนอสต่างหาก!!”
“น้อง?”
“ใช่...บุคคลที่ทุกคนคิดว่าเป็นร่างแยกโรมันของโครนอส...เทพแซเทิร์น...หรืออีกนามของเขา ฝาแฝดของโครนอส!!”
“ว่าไงนะ!!”
“แต่...จะทำยังไงดี...เราไม่รู้ว่าหลังจากเหตุการณ์การกินลูกของโครนอส...แซเทิร์นส่งโครนอสไปไว้ไหน?” โพรทาเลียนึกคิดก่อนจะนึกถึงคนหนึ่งขึ้นมา “จริงด้วย...ท่านปู่ ท่านย่าทวด เรอา ได้อยู่บนเขาโอลิมปัสไหมคะ?”
“อ๊ะ...ท่านเรอาเหรอ?” โพไซดอนคิดสักพัก แล้วเงยหน้าขึ้นมา “ไม่รู้สินะ...ท่านชอบเดินทางไปรอบโลกด้วยสิ”
“อ๊ากกกกก ท่านแม่ไม่อยู่ก็ตายกันพอดีสิ...ใครที่ช่วยได้กัน!!”
โพรทาเลียเกาหัวอย่างรู้สึกว้าวุ่นใจจนกระทั่งภาพเส้นผมสีน้ำเงินกำลังลอยไปตามลมโผล่ขึ้นมาในหัวของเธอ
“อ๊ะ...นึกออกแล้ว!!”
“นึกออกแล้วเหรอคะ? พี่”
“ใช่ นึกออกแล้วว่าใครจะช่วยได้!!” โพรทาเลียหันไปตอบน้องสาวก่อนจะหันไปมองปู่ของเธอ ”ท่านปู่โพไซดอน!”
“หือ? อะไรเหรอ?”
“หนูอยากได้เรือลำใหญ่บรรทุกคนได้สัก 20 คนค่ะ!!”
“เดียวเธอจะไปที่ไหนนะ โพรทาเลีย ถึงต้องการคนเยอะแบบนั้นนะ”
“ไปยังที่ที่หนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ชีวิตหนูต้องเปลี่ยนไป!!”
“ว่าไงนะ!!”
โฟกัสได้ยินก็รู้เลยว่าพี่สาวพูดหมายถึงที่ไหน “พี่! ถ้าพี่เข้าไปที่นั่น พี่อาจจะไม่สามารถออกมาได้นะ!!”
“ไม่มีทาง ครั้งนี้พี่รู้วิธีออกมาแล้ว ไม่ต้องห่วง”
โพรทาเลียหันไปมองน้องสาวที่ทำสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยว่าถ้าพี่สาวไปที่นั่นจะไม่ได้กลับมา เธอเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นมาแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ
“ถ้าเป็นห่วงมากก็ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“เอ๊ะ…” โฟกัสได้ยินคำชวนของพี่สาวก็ทำให้เธอตัดสินใจทันที “ไปค่ะ!!”
“นี่พวกเจ้า…จะไปไหนกันแน่?”
“ไปช่วยเทพีที่ถูกขังไงล่ะ!!”
“...” โพไซดอนส่ายหน้าเบา ๆ เหมือนเขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า “อะไรนะ?”
“หนูจะไปช่วยเทพีที่เป็นคนดูแลหนูตอนอยู่ที่แห่งนั้นค่ะ!!”
น้ำเสียงของโพรทาเลียพูดอย่างมั่นใจกำลังถูกส่งไปหาคนคนหนึ่งที่อยู่ภายในเกาะอย่างสิ้นหวังว่าตนเองจะอยู่อีกนานเพียงใด แต่อีกฝ่ายกับรู้สึกถึงพลังที่ทำให้ตนเองอบอุ่นขึ้นมา นั้นเหมือนสิ่งบางอย่างกำลังปลดปล่อยตัวเธอไปจากที่แห่งนั้น แต่ทว่าพี่ชายคนรองกับมองน้องสาวอย่างสับสนว่ามันเรื่องอะไร แต่เขาตอนนี้ต้องการให้อีกฝ่ายทำบางอย่างเสียงก่อน
“เฮ้อ...พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจสักอย่าง...” เบเดอร์กล่าวออกมาพร้อมกับนวดขมับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปที่พื้นด้านล่างของน้องสาว ”เอาเถอะ...ถ้างั้น…กลับบ้านก่อน แต่ก่อนหน้านั้น…โพรทาเลีย…เก็บของที่เธอรื้อออกมาที่สนามหญ้าหน้าหลุมศพพ่อก่อนเถอะ”
“เอ๋?” โพรทาเลียก้มมองก็เห็นว่าของเธอกระจัดกระจายเต็มไปหมด “ตายแล้วของสำคัญของฉัน”
โพรทาเลียรีบเก็บสิ่งของตัวเองทุกอย่างตั้งแต่หนังสือ ถุงผ้า วัตถุดิบต่าง ๆ จนไปถึงขวดยา โพรทาเลียเก็บอะไรแต่ละอย่างจนไปเห็นขวดยาสองตัวที่จุกขวดมันเปิดออกจนหกเต็มพื้นไปหมด เธอถึงกับสะดุ้งตกใจทันทีที่เห็นสิ่งของพวกนี้หกอยู่ที่พื้น
‘ซวยล่ะ...ขวดนี้มัน...ต้องรีบเก็บล่ะ...หกไป...คงไม่ส่งผลอะไรใช่ไหมนะ...’ โพรทาเลียคิดอย่างสงสัย
ขวดยาที่โพรทาเลียรีบเก็บเข้ากระเป๋านั้นเป็นขวดยาที่สร้างตอนที่อยู่บนเกาะมันเป็นส่วนผสมที่เธออยากสร้างให้แก่เพื่อนที่ตายไป แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่างจนเธอเก็บมันไว้ลึกสุดไม่อยากเอามันออกมา แต่ตอนนี้มันออกมาได้สักไงก็ไม่รู้ จนทำเอาเธอคิดเลยว่ามันหกลงพื้นที่แถวหลุมศพของพ่อจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม
‘คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...เพราะมันไม่ได้ผลอ่ะ...’ โพรทาเลียคิด
แต่ทว่าโพรทาเลียไม่รู้ว่าตัวยาอีกตัวที่หกพร้อมกับตัวยานั้น มันจะส่งผลอะไรหรือเปล่า แต่ยาพวกนั้นกำลังซึมลงไปในดินอย่างช้า ๆ จนลงไปสู่โลงศพที่อยู่ข้างล่าง
จบตอนที่ 104 โปรดติดตามตอนที่ 105 ต่อไป
Comments (0)