115 ตอน ตอนที่ 115 หายไปไหนกันหมด?
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 115 หายไปไหนกันหมด?
ความรู้สึกแรกที่รู้สึกเป็นความตกใจที่จู่ ๆ กุญแจนำทางเกิดแตกออกจากกัน ทำให้เธอกับน้องสาวแยกทางจากกัน ร่างกายที่โดนส่งไปยังฝั่งตรงข้าม ยิ่งทำให้ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลยจนเธอต้องยอมที่ให้มันพาเธอไปยังจุดหมายที่ไม่รู้คือที่แห่งใด เธอหมุนตัวให้คว่ำหน้ามองเส้นทางข้างหน้าที่กำลังพุ่งตรงไป เธอมองทางข้างหน้าที่มืดไปหมด แต่ก็มีแสงสว่างเล็กน้อยจากดวงจันทร์กับดวงดาว
‘เราจะพุ่งไปไหนกัน?’
โพรทาเลียคิดอย่างสงสัย เพราะเส้นทางที่กำลังไปนั้นมันทั้งรวดเร็วและเสี่ยงที่จะพุ่งชนพื้นดินเป็นแน่ แต่ไม่ทันขาดคำร่างกายของเธอกำลังโน้นตัวตกลงด้านล่าง
“ซวยแล้ว!!”
โพรทาเลียตะโกนขึ้นร่างกายเธอกำลังดิ่งไปอย่างรวดเร็วจนเธอพยายามสร้างพลังปกป้องเธอ แต่ทว่าอยู่ ๆ เธอไม่สามารถใช้พลังได้ทำให้เธอตาลุกวาวอย่างตกใจจนเธอต้องร่างกายปกป้องตนเองก่อนที่ร่างกายของเธอจะพุ่งชนกับพื้นดินที่มองไม่เห็นพื้นทันที
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม!!
เสียงพุ่งชนดังก้องไปทั้งบริเวณนั้นสิ่งมีชีวิตที่ได้ยินการพุ่งชนนั้นก็ต่างหนีกันด้วยความหวาดกลัว การพุ่งชนลากยาวไปไกลถึงริมทะเลสาบใหญ่ร่างกายผอมบางนานแช่น้ำอย่างไม่รู้สึกตัว แต่ก่อนสลบไปนั้นเธอภาวนาอยู่ในใจขอให้น้องสาวปลอดภัย เธอเป็นอะไรไม่สนใจอยู่แล้วแต่ขอให้โฟกัสปลอดภัยตอนตกก็ยังดี
คำภาวนาของพี่สาวเหมือนดังคำปรารถนาที่เป็นจริง ทางด้านโฟกัสที่ตกลงยังอาณาเขตค่ายฮาล์ฟบลัดก็ตกลงมาอย่างปลอดภัยไม่มีบาดแผลแต่อย่างใดนอกจากแผลถลอกเท่านั้น เหล่ามนุษย์กึ่งเทพที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ช่วยเหลืออีกฝ่ายกลับไปยังสถานพยาบาล ภายในสถานพยาบาลก็มีเหล่าผู้รับหน้าที่ดูแลคนป่วยอย่างสายเลือดอะพอลโลรับผิดชอบ แล้วพวกเขากำลังตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวปริศนาที่โผล่มาจากท้องฟ้า ร่างกายของหญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บหนักนอกจากรอยถลอกทำให้พวกเขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดมาก ๆ จนพวกเป็นหัวหน้าเอ่ยพูดขึ้น
“แปลกประหลาดมาก...”
ชายหนุ่มผมทองเอ่ย เขาไม่นึกว่าหญิงสาวตรงหน้าที่สลบอยู่นั้นจะไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใดอย่างกับเธอแค่อาการแผลถลอกก็เท่านั้น
“เธอไม่มีบาดแผลเลยนะ วิล” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ย เธอมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจเช่นเดียวกัน
“จริงที่สุด เธอไม่มีบาดแผลเจ็บหนักแต่อย่างใด มีก็แค่...แผลถลอกเล็ก ๆ น้อย ๆ”
“เธอมีดวงตาสีเทา...น่าจะเป็นสายเลือดของอาธีน่าไหม?”
“จริง เพราะส่วนใหญ่สายเลือดที่จะมีตาสีเทาคือบ้านอาธีน่า...แต่...การที่อีกฝ่ายไม่มีอาการบาดเจ็บจากการตกลงมา...ช่างเหนือกว่าที่มนุษย์กึ่งเทพจะทำได้เลยนะ...”
“หรือว่า...เธอเป็นเทพ?”
“เทพ? จะบ้าเหรอ? ถ้าเป็นจริงคงแบบฮ่าเลยนะว่ามีเทพตกสวรรค์อีกแล้วเหรอ? ครั้งก่อนพ่อพวกเราก็ทีหนึ่งแล้วนะ”
“ใช่...หรือว่าอาธีน่าจะตกสวรรค์...?”
“อย่าเดามั่วเด็ก ๆ” เสียงอาจารย์ไครอนเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองเขาที่กำลังเดินมา “เด็กคนนี้ไม่มีทางเป็นทวยเทพ...เพราะตอนนี้ทวยเทพอยู่ครบยกเว้นอะพอลโลที่ยังทำภารกิจอยู่”
“พ่อเราก็ใช้เวลาเยอะเกิน...ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะ...”
“อย่าว่าเขาสิ เขาเป็นพ่อเราและอีกอย่างอยู่ในร่างมนุษย์ที่ไร้พลังก็ยิ่งลำบากสำหรับเขาที่พึ่งพลังมาตลอดนะ”
“จริงที่สุด...เอาล่ะ งั้นเราปล่อยให้คนคนนี้นอนพักไปก่อนละกัน”
“อืม พวกเราขอตัวนะครับ อาจารย์ไครอน”
“อืม ขอบใจนะเด็ก ๆ”
พอเด็ก ๆ ต่างพากันออกจากจุดนั้นไปไครอนก็หันกลับมามองเด็กสาวตรงหน้าที่ทำให้เขาสงสัยว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เขากับรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าของเด็กสาวว่าคล้ายใครสักคน แต่ทำไมสิ่งที่ตรงคำพยากรณ์ถึงเรียกว่าดวงดารายิ่งทำให้เขาสับสนหน่อย ๆ ก่อนที่จะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กที่ไม่ปล่อยออกเลย เขาลองขยับมือของเด็กก่อนจะเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่เป็นรูปดวงดาวที่ด้ามจับทำให้เขารู้สึกประหลาดใจทันใด
“ดวงดารา...ดาวหางที่ตรงลงมา...สองดวงดารา...หรือว่า...ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว?”
ไครอนพึมพำออกมาคนเดียวก่อนที่เขาจะคิดอะไรได้ก่อนที่เขาจะเดินออกจากตรงนั้นไปยังข้างนอกสถานพยาบาล พอพ้นสถานพยาบาลเขาก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังฟังในสิ่งที่วิลกำลังพูดถึงหญิงสาวที่ตกลง ไครอนเห็นแบบนั้นก็เดินตรงไปหาเด็ก ๆ
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”
“อาจารย์ไครอน!” เพอร์ซีย์เอ่ยเรียกอีกฝ่ายจนทุกคนหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามา “พวกเรากำลังถามวิลว่าเด็กคนนั้นเป็นไงมั้งนะครับ?”
“งั้นฤๅ ไม่นานเด็กก็ฟื้นแล้วล่ะ ถ้าไม่บาดเจ็บอะไรขนาดนั้นนะ”
“แต่ว่า...แปลกนะคะ...จู่ ๆ ก็โผล่มาจากท้องฟ้าอย่างกับอุกกาบาตแบบนั้น แล้วยังทะลุค่ายมาได้อีก...เธอเป็นมนุษย์กึ่งเทพจากไหนกัน?”
“ใช่...การตกของเด็กคนนั้นทำให้บางคนถึงกับร้องขอชีวิตเลยล่ะ!” เพอร์ซีย์เหน็บแนบบางคน
“แกว่าไงนะ แจ็กสัน!!!”
“ไม่มีอะไร~” เพอร์ซีย์หันหน้าหนี
แครีสพยายามที่จะเข้าไปทำร้ายอีกฝ่าย แต่ก็มีเพื่อนห้ามหญิงสาวที่จะก่อเรื่องทะเลาะได้ตลอดจนอาจารย์ไครอนที่อยู่ตรงนั้นก็เหนื่อยใจก่อนจะห้ามทั้งสองคน
“พอ ๆ เด็ก ๆ อย่าทะเลาะกัน!”
ทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นแครีสก็ใจเย็นลงแต่เธอก็หมายหัวอีกฝ่ายเอาไว้ เพอร์ซีย์ไม่สนใจว่าเธอจะหมายหัวเขาไว้ไหม แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าเธอเหมือนเดิมนั้นล่ะ ไครอนได้แต่ส่ายหัวก่อนจะขอตัวออกจากตรงนั้น เหล่าเด็ก ๆ มองอีกฝ่ายที่กำลังจะไปไหน ก่อนที่แอนนาเบ็ธจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“อาจารย์จะไปไหนเหรอคะ?”
ไครอนมองเด็กน้อยทั้งหลายที่มองเขาอย่างสงสัยแต่ก็ทำให้เขาต้องบอกว่าจะทำอะไร “ข้ากำลังจะไปหาคนมาทำภารกิจให้นะ!”
“ภารกิจ?” ทุกคนต่างเอ่ยพูดพร้อมกัน
“ภารกิจแบบไหนครับ?” วิลเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ตามหาดวงดาราอีกชิ้น!”
“ดวงดารา?”
ทุกคนต่างเอ่ยออกมาพร้อมกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นทุกคนต่างคิดว่ามันคือดวงดาวอะไร เนื่องจากดวงดาราก็แค่ดาวธรรมดานี่น่า
“อะไรคือดวงดาราครับ?” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“มันหมายถึงดวงดาวเหรอคะ?”
“มันเป็นคำเปรียบเทียบของคำพยากรณ์ของเรเชล”
“มีคำพยากรณ์ใหม่ออกมาด้วยเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว แล้วสิ่งนั้นคือสิ่งที่ตกลงมา...” ไครอนหันไปทางที่หญิงสาวอยู่ ทุกคนเห็นก็ตาโตขึ้นมาทันที
“หรือว่าหญิงสาวเมื่อกี้คือดวงดาราเหรอครับ?”
“ใช่...คำพยากรณ์บอกว่ามีดวงดาราสองดวง ทำให้คิดว่าน่าจะยังมีอีกคนที่น่าจะตกไปอีกที”
“แปลว่ามีเด็กอีกคน...เหรอคะ?”
“ใช่ ข้าเลยจะให้คนออกตามหาเด็กคนนั้น...เธออาจจะกำลังต้องการความช่วยเหลือก็เป็นได้”
“แล้วถ้าเราส่งคนไปแล้วเกิดคาดกันล่ะครับ” เพอร์ซีย์เอ่ยถามการส่งคนไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายอย่างเป็นอะไรที่เสี่ยงยิ่งกว่าเสี่ยงเสียอีก “อาจารย์ไครอนไม่ใช่คนที่จะส่งเด็กไปสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ!!”
“ก็จริงของเธอแต่...ฉันกลัวว่าอีกคนจะ...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ~” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง
ทุกคนได้ยินน้ำเสียงอันสดใสนั้นก็หันไปมองเจ้าของตนเสียงที่ใส่ชุดพิธีรีตองของนักพยากรณ์อย่างงดงามขาวสะอาด
“เรเชล!?” เพอร์ซีย์เอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมา
“ไง ทุกคนไม่ได้เจอกันเสียนาน จริงสิ ก่อนหน้ามีเสียงโซนิคบูมดังสินะ รู้ไหมว่าฉันนั่งรถยนต์มา ถ้าฉันรีบมาแล้วนั่งเฮลิคอปเตอร์มาเหมือนทุกทีนะ ระบบของเครื่องคงล้มแน่ ๆ”
ทุกคนต่างมองเรเชลที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เธอเผชิญมา แต่ก็ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ ก่อนที่เพอร์ซีย์จะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“แล้วเธอมาที่นี่ เรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วเหรอ?”
“ใช่ แต่ตอนนี้ฉันกำลังมาเป็นตัวแทนของดวงดารา...”
“ตัวแทน?”
เรเชลหันไปทางไครอนในทันใด “หนูว่าเราปล่อยเด็กอีกคนทำตามเส้นทางที่กำหนดดีกว่านะคะ”
“แล้วไม่กลัวว่าเด็กอีกคนจะอันตรายเหรอ? เรเชล”
“หึ ๆ คุณยังไม่รู้จักเด็กคนนั้น แต่ฉันว่า...เราไม่ต้องห่วงคนอันตรายอย่างเด็กคนนั้นหรอกนะคะ”
“อันตราย?”
“ไม่รู้สินะ...สำหรับพวกปีศาจเด็กคนนั้นอันตราย...แต่สำหรับพวกเรา เธอคือว่าเป็นคนที่สุดยอดเกินมนุษย์กึ่งเทพทั่วไป”
คำพูดของเรเชลทำให้ทุกคนสงสัยว่าดวงดาราที่พูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วบุคคลนั้นอันตรายต่อพวกเขาหรือเปล่า เรเชลมองทุกคนที่กำลังครุ่นคิดกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกัน เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนจากสีดำมืดเป็นสีม่วงอย่างช้า ๆ อีกไม่ช้าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นสู่ฟ้า เธอก็จะเตรียมตัวเข้าไปยังสถานพยาบาลเพื่อดูหญิงสาวอีกคน ตอนนี้เธอขอภาวนาให้เด็กอีกคนสามารถทำภารกิจของตนให้สำเร็จอย่างที่พยากรณ์กำหนดไว้
‘ขอให้เธอทำสำเร็จก่อนเริ่มต้นเดือนใหม่เด็กน้อย...เพื่อที่พวกเธอจะได้กลับช่วงเวลาเดิม...’ เรเชลคิด
ห่างไกลออกไปจากค่ายฮาล์ฟบลัดสายน้ำนิ่งแสนอันตราย แต่เมื่อลมพัดสายน้ำก็สะบัดไปตามแรงลมกระทบกับร่างกายอันผอมบางที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่ริมทะเลสาบใหญ่ สายน้ำกำลังแทรกซึมตามผิวหนังของโพรทาเลีย ทำการรักษาร่างกายของเธอทุกจุดจนกระทั่งแสงสว่างอันเจิดจ้าของแสงอาทิตย์กำลังกระทบร่างกายของเธอโดยตรงจนรู้สึกแสบร้อนตามร่างกายในทันใด เปลือกตาค่อย ๆ ยกตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะกระทบกับแสงแดดจนหญิงสาวหลับตาลงแล้วหันหน้าหนีแสงแดด เธอพยายามพยุงตัวเองขึ้นก็รู้สึกเจ็บที่หัวไหล่
“อ๊า! หรือว่า...หัวไหล่หลุด?”
โพรทาเลียเอ่ยถามตนเองก่อนจะดึงเสื้อลงก็เห็นรอยช้ำสีม่วง นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นมา แต่ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใดก่อนที่จะจับหัวไหล่แล้วดันกลับเข้าทีเดิมอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!”
เธอส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะคลานตรงไปที่ทะเลสาบแล้วใช้น้ำรักษาตัวเอง
“อึ้ก!! ถ้าไม่มีน้ำฉันคงเจ็บเหมือนเมื่อก่อนแน่ ๆ”
เธอก้มมองสายน้ำที่สะท้อนใบหน้าตนเอง ก่อนที่จะเงยหน้ามองสภาพแวดล้อมตรงหน้าของเธอเพื่อดูว่าตนเองอยู่ที่ใด แต่พอมองดูสภาพแวดล้อมช่างดำมืดเหมือนโดนแผดเผาจนดำเป็นตอตะโก สภาพแวดล้อมตรงหน้าทำให้เธอนึกถึงสถานที่หนึ่งจนรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกายอย่างไม่ชอบใจเสียยิ่งกว่าอะไร
“ที่นี่...ที่ไหนกัน...ทำไม...ความรู้สึกเหมือนกับ...ป่าที่เกาะนั้นกัน...?”
โพรทาเลียเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล แต่จากที่เธอครุ่นคิดสถานที่นี้อาจจะไม่ใช่ที่นั่นก็เป็นได้เช่นกัน
“คงจะไม่ใช่นั้นล่ะ...เพราะไม่มีการข้ามน้ำข้ามทะเลเลยนี่น่า...”
ภาพตรงหน้าทำให้เธอโล่งใจไปเล่นน้อย เพราะบนเกาะไม่มีทะเลสาบแบบนี้ แต่รู้สึกทะเลสาบนี้มาทางเชื่อมออกไปข้างนอกที่เป็นทะเลด้วย ยิ่งรับรู้ว่าที่นี่นั้นน่าจะเป็นที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ แต่ก็น่าสงสัยว่าที่นี่มันที่ไหน เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นยื่นมองภาพตรงหน้าก่อนจะมองรอบ ๆ ตัวจนก้มมองพื้นตรงหน้าเธอก็สะดุดตากับกุญแจน้ำทางที่พาพวกเธอมายังที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้มันหักจนเหลือชิ้นเดียว เธอย่อตัวลงแล้วมองมันสักครู่ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
“แกทำให้ฉันต้องแยกกับน้องสาวจนได้...”
เธอเอ่ยกับกุญแจที่แตกหักตรงหน้า แต่ว่าทำไมมันถึงหักออกจากกันแล้วเกิดแรงอนุภาคที่ทำให้เธอกับน้องสาวแยกออกจากกัน เธอนำมันเก็บเข้ากระเป๋าคาดเอวประจำตัว พอเธอเก็บทุกอย่างแล้วเธอก็มองสถานการณ์ตอนนี้ที่อยู่ในที่ที่ไม่ควรเป็นป่านอกจากป่าที่โดนเผาไหม้ แล้วยิ่งที่นี่คือที่ไหนก็ไม่รู้ยิ่งลำบากสำหรับเธอเข้าไปอีกและก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปหาคุณเจสันที่ไหนอีก มีแต่ปัญหาให้เธอค้นหาหรือแก้ไขด้วยตัวเองจริง ๆ ตอนนี้เธอต้องมาคิดว่าจะทำยังไงหรือจะขอความช่วยเหลือจากทวยเทพดี แต่ถ้าไปขอความช่วยเหลือจะโดนมองสงสัยไหมว่าเป็นใคร แต่คงไม่มีคนรู้ว่าเธอเป็นหลานโพไซดอน
‘ถ้ารู้ก็ฉลาดเกิน...แต่...โกหกทวยเทพก็ไม่ได้...เพราะพวกเขารู้หมดนี่น่า...’ โพรทาเลียคิด
เวลายิ่งผ่านไปโพรทาเลียก็นั่งอยู่ที่โขดหินกำลังครุ่นคิดหาทางว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เธอเป็นห่วงน้องว่าจะปลอดภัยไหม แต่เธอก็อยากรีบตามหาคุณเจสันให้เจอก่อนที่อีกฝ่ายตาย ช่างมีเส้นทางให้เลือกจนน่ารำคาญใจสุด ๆ จนเธอขยี้ผมจนยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!! ฉันจะทำไงดี ใครก็ได้ช่วยนำทางพาฉันไปหาคนที่จะช่วยฉันได้ทีเถอะ!!”
เสียงตะโกนอันจนปัญญาของโพรทาเลียดังสะท้อนไปทั่วบริเวณนั้นจนเสียงเงียบไป เธอก้มหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับสถานการณ์อันไร้จุดหมายปลายทางที่สุด ช่วงนี้ยิ่งมีแต่เรื่องเครียดยิ่งทำให้สมองของเธอตันไปหมดจนเธอบ่นพึมพำกับตัวเองต่อ
“อยากทำอะไรให้มันจบเร็ว ๆ จัง อยากกลับบ้านไปหาทุกคน...”
พอโพรทาเลียเอ่ยพูดแบบนั้นก็นึกถึงทุกคนจนนึกถึงภาพลูกน้องทั้งสองคนที่เธอคิดถึงยิ่งกว่าใคร ๆ ร่วมถึงชายอีกคนที่เข้ามาในชีวิตเธอเพียงเสี้ยววินาที
”พี่ฟีนีอุส...เดวิค....คาเร็นน่า...คิดถึงเหลือเกิน...”
ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งรู้สึกแย่ที่ถ้าเธอทำภารกิจไม่สำเร็จเธออาจจะไม่สามารถเจอลูก ๆ ได้อีก เธออยากทำภารกิจให้จบแล้วกลับไปช่วงเวลาของเธอถึงต้องทนทุกข์กับเรื่องโชคชะตาที่เล่นกับเธอตอนนี้ เธอจับสร้อยตรีศูลของเธออย่างเคยชินเหมือนทุกข์ใจ มันจะทำให้เธอรู้สึกดีเพียงแป๊บเดียวนั้นก็ทำให้เธอหลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเริ่มมีความมุ่งมั่นกลับอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะมาท้อกับเรื่องเล็กน้อย โดยที่ตลอดมาฉันสู้มาตลอดเนี่ยนะ!”
โพรทาเลียลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องมองทะเลสาบตรงหน้า แล้วนึกถึงเรื่องสิ่งที่จะทำกัน
“เอาล่ะ มาทบทวนกันดีกว่า พวกเรา!!”
โพรทาเลียเอ่ยเรียกพวกเฟอร์ร่าออกมา เธอเกือบลืมว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่พอเรียกพวกเขาทุกคนออกมาก็ไร้การตอบสนอง
“ทุกคน!”
โพรทาเลียตะโกนเรียกทุกคนอีกครั้ง
“เฟอร์ร่า! เซเรน่า! รัล!! ลักซ์!! แดเรียล!! พวกเรา!!”
ไม่มีคนตอบรับคำเรียกของโพรทาเลีย ทำให้เธอหลับตาลงแล้วเข้าไปสู่ห้วงแห่งจิตใจจนเธอเข้าไปได้ก็มาอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ที่เหมือนห้องนั่งเล่นทั่วไป แต่ไร้วี่แววของทุกคน เธอมองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้เลยสักครั้ง ก่อนที่เธอนั้นจะวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองไปยังห้องต่าง ๆ ที่ทุกคนจะอยู่เป็นห้องของตนเอง เมื่อเธอเปิดห้องแรกที่เป็นห้องของเฟอร์ร่าที่มีแต่น้ำเต็มไปหมด เธอเข้าไปข้างในแล้วมองหาก็ไร้วี่แววก็อีกฝ่าย เธอก็วิ่งตรงไปยังอีกห้องแล้วก็อีกห้องก็ไร้วี่แววของทุกคน
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเรา...”
สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งทำให้โพรทาเลียสับสนไปหมดทุกคนหายไปไหน ตอนนี้เธอเหมือนเหลือตัวคนเดียวเหมือนตอนอยู่บนเกาะไม่มีผิด แต่หลังจากนี้เธอจะทำไงต่อกับสถานการณ์ที่เข้ามาไม่หยุดแบบนี้กัน
จบตอนที่ 115 โปรดติดตามตอนที่ 116 ต่อไป