ตอนที่ 29 ความโกรธไม่ใช่ทุกสิ่งที่จัดการได้

 

ท้องฟ้ากำลังปั่นป่วนเหมือนกำลังจะเกิดพายุทั้งใหญ่ ลมพัดอย่างรุนแรงจนต้นไม้เอนไปเอนมาไปด้านข้างอย่างมาก แต่ใจกลางวงการโจมตีนั้น ชายหนุ่มที่ยืนประจันหน้ากับอสุรกายหญิง ตัวเขานั้นมีเปลวเพลิงลุกโชนโดยที่เจ้าตัวเหมือนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขานั้นมีเปลวเพลิงลุกโชนตามตัวอยู่ ชายหนุ่มหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังของเขา เขามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกฝ่าย บาดแผล เลือด เต็มตัวอีกฝ่ายที่เป็นถึงน้องสาวของเขา นั้นทำให้ความโกรธที่มีอยู่ได้ยิ่งเพิ่มคูณสองขึ้นไปอีก เขาค่อยๆ หันกลับมามองอสุรกายหญิงตรงหน้าของตนเอง

 

“แก!! นูอัส!!” โพรทาเลียกำหมัดแน่น ก่อนที่ตัวของเธอจะพุ่งไปหาอีกฝ่ายทันที เธอยื่นมือไปจับคออีกฝ่าย แล้วยกตัวอีกฝ่ายขึ้น

“อ๊าก!!”

นูอัสถึงกับเจ็บปวดที่คอทันที ชายตรงหน้าของเธอกำลังบีบคอเธออย่างรุนแรง เธอไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายมีพละกำลังมากขนาดนี้

“แก!! กล้ามาทำร้ายน้องสาวฉัน นูอัส!!”

“ดะ...ได้...โปรด...วะ...ไว้...ชีวิต...ฉัน...” นูอัสร้องขอให้ไว้ชีวิตจากอีกฝ่าย

 

โพรทาเลียไม่ฟังคำพูดอีกฝ่ายแต่อย่างใด คำพูดของอีกฝ่ายนั้นทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก อีกฝ่ายมาร้องขอไว้ชีวิต แล้วตัวเธอล่ะ ตัวเธอที่เคยร้องขอล่ะ ไม่เคยมีคนฟัง ความโกรธของเธอทำให้ไฟที่อยู่รอบตัวเธอลามไปที่ตัวของอีกฝ่าย นั้นทำให้นูอัสที่รู้สึกถึงความร้อน เริ่มตื่นกลัวขึ้นทันที ตัวเธอเริ่มดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากอีกฝ่าย แต่พอดิ้นไม่หลุด เธอเลยยกขาขึ้นมาถีบตัวอีกฝ่ายทันที พอโดนอีกฝ่ายถีบ มือของโพรทาเลียที่จับคออีกฝ่ายก็หลุดออก ตัวเธอที่โดนถีบก็ทรงตัวไม่ให้ตัวเธอล้มทันที

 

พอหลุดออกมาแล้ว นูอัสจับคอของเธอ พอเธอพ้นจากอีกฝ่าย เธอก็ใช้สายตาอาฆาตให้อีกฝ่ายทันที

“แก!! วันเดอร์เลอร์ กล้าดียังไง!! แกจะฆ่าฉันหรือไง!!”

"พึ่งรู้เหรอ! ? ใช่ ข้าจะฆ่าแกที่มาแตะน้องสาวของข้า!! นูอัส!! " โพรทาเลียพูดไปก็เดินไปหาอีกฝ่ายเรื่อยๆ

นูอัสได้ยินอีกฝ่ายพูดชื่อของเธอ เธอก็งงว่าอีกฝ่ายรู้ได้ไงว่าเธอชื่ออะไร โดยที่ตัวเธอนั้นอยู่ในร่างของโพรทาเลียนะ

“ทำไม? ...แกถึงรู้ชื่อนั้นกัน! ?นูอัสขมวดคิ้วอย่างสงสัย

โพรทาเลียเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่ายทันที “อยากรู้สินะ ว่าทำไมข้าถึงรู้ชื่อของแกได้นะ!!”

โพรทาเลียพุ่งตัวไปหาอีกฝ่ายทันที นูอัสเห็นอีกฝ่ายพุ่งมาตัวเธอยกมีดสั้นขึ้นมาเพื่อป้องกันทันที โพรทาเลียเหวี่ยงดาบปะทะกับมีดสั้นจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกทันที โพรทาเลียยกขาขึ้นมาก่อนจะเตะไปที่สีข้างของอีกฝ่ายจนนูอัสกระเด็นไปด้านข้างทันที

“อ๊ากกกกกก!!” นูอัสรู้สึกเหมือนข้างในของเธอนั้นกำลังแตกร้าวอย่างเจ็บปวด เธอจับด้านข้างของเธอก็จะมองอีกฝ่ายทันที

“ชื่อของแก!! ข้าจำมาตลอด!! ชื่ออันน่าสะอิดสะเอียน!! ชื่อที่ข้าเกลียดมาตลอด!! ชื่อของคนที่ทำให้ชีวิตของข้าต้องพังทลายไป พอๆ ที่แซเทิร์นทำกับข้ามานาน!!”

พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมานั้นทำให้นูอัสรู้สึกอ้ำอึ้งและรู้สึกจุกที่อกของตนเอง นางเริ่มสะกิดใจแล้วว่าคนตรงหน้าของนางคือใครกันแน่

“นี่หรือว่าเจ้าคือ!?นูอัสยกมือที่ถือมือสั่นอยู่ ด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา “โพรทาเลีย แจ็กสัน!!”

 

ไม่มีคำตอบอะไรจากอีกฝ่าย มีแต่ใบหน้าที่นิ่งอยู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่น่าหวาดกลัว นั้นทำให้นูอัสรู้แล้วว่าเธอคิดถูกว่าคนตรงหน้าคือใครกัน แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้านั้นของอีกฝ่ายทำให้มือของนางนั้นสั่นไปหมด เหมือนกับอีกฝ่ายทำตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ส่งแรงกดดันมาให้ตัวนาง เพียงแค่แวบเดียวคนตรงหน้านูอัสก็หายไปทำเอานูอัสตกใจไปเลย เธอมองซ้ายมองขวาเลยว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาจากทางไหน

 

“มองไปไหนกันนะ” เสียงอันแผ่วเบาโผล่มาจากข้างหลังนูอัส

นั้นทำให้นูอัสตกใจแล้วตวัดดาบเหวี่ยงไปข้างหลังของตนเองเพื่อให้โดนอีกฝ่าย แต่โพรทาเลียนั้นจับไปที่มือของอีกฝ่ายแล้วจับกดอีกฝ่ายไปลงกับพื้น

“รู้ไหม? ข้านะอยากจัดการแกมานานแค่ไหนแล้ว ข้ายอมอยู่เฉยๆ ตอนนี้ล่ะข้าจะจัดการกับแกยังไงดีล่ะ ฟันทั้งตัวจนเลือดไหล หรือว่า ฟันท้องจนเป็นรูแล้วค่อยเอาเครื่องในออกมาดีล่ะ มันคงสนุกน่าดูเลยนะ!!”

 

คำพูดของคนที่นางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นกับตัวนางได้ นั้นทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวเพิ่มขึ้นมา นายท่านของนางทำอะไรกับเจ้าเด็กที่กำลังจับกดเธอลงกับพื้นนี้กัน เหมือนกับอีกฝ่ายเจ้าเด็กนี้ได้กลายเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ไปแล้ว นูอัสรีบดิ้นสุดชีวิต ก่อนจะหมุนตัวออกมาจากอีกฝ่าย

 

“โอ้...ยังมีแรงอีกเหรอนั้น!?

“ใช่!! ข้าไม่ยอมให้แกทำให้ข้าหวาดกลัวแน่ๆ แจ็กสัน!!”

“งั้น!!” โพรทาเลียยกดาบทั้งสองเล่มขึ้นมาทันที ดาบในมือของเธอคือดาบไซกาเรนที่เธอไปเอามาจากจุดที่ปักไว้ก่อนจะตรงมาช่วยโฟกัส “มาสู้กัน!!”

 

ทั้งสองพุ่งตรงเข้าหากัน การโจมตีกันและกันก็เริ่มขึ้นเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าที่ใครๆ จะเคยเห็น สายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องทั้งสองคนที่ต่อสู้อย่างดุเดือด โฟกัสที่กำลังพิงต้นไม้อยู่นั้น อยากเข้าไปช่วยชายหนุ่มที่มาช่วยเธอ แต่ตัวเธอนั้นบาดเจ็บจนลุกขึ้นไม่ได้เลย แต่เธอไม่คิดเลยว่าเมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองจะตาย เพราะอสุรกายหญิงตนนั้น แต่ชายหนุ่มที่เธอยังรู้สึกแปลกๆ กับอีกฝ่ายเสมอเมื่อเจอกัน กลับมาช่วยเธอ ระหว่างที่เธอกำลังมองการต่อสู้นั้น ตัวจิ๋วทั้ง 3 ตนก็ออกมาโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย

 

“ดูเจ้าหนูนั้นสิ!! โคตรเก่งเลยล่ะ!!” คนตัวจิ๋วคนแรกเป็นชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทอง เขาดูเป็นชายที่งดงามน่าหลงใหล ตัวเขานั้นกำลังจ้องมองการต่อสู้นั้นอย่างชอบใจ

“ใช่เลยล่ะ แต่คนนั้นไม่ใช่เหรอที่เจ้าบอกว่าเห็นสิ่งที่คล้ายๆ โฟกัส อาเดียน”

คนตัวจิ๋วคนที่สองเอ่ยขึ้น รูปลักษณ์ของเธอเป็นหญิงสาวที่ดูน่ารักและงดงามมากๆ เธอ เธอมีผมสั้นสีน้ำตาลทอง

“จริงด้วยนะ เจ้าคงไม่บอกว่าจำไม่ได้นะ” คนตัวจิ๋วคนสุดท้ายพูดขึ้น เธอเป็นหญิงสาวที่ดูสวยและฉลาด เธอมีทรงผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่ดูเหมาะกับตัวเธอมากๆ

“ข้าจำได้นะ!! เฮเลน! ดาเฟ่! ข้าถึงสนใจเขาไงล่ะ ไม่นึกว่าเขาจะเก่งแบบนั้น แต่เปลวไฟที่ลุกไปทั้งร่างกายของเขาคืออะไรกัน”

“นั้น...คือ...สิ่งที่กำลังควบคุมเขาอยู่ไงล่ะ...” โฟกัสเอ่ยพูดขึ้น

“เอ๋...หมายถึงอะไรโฟกัส?” เฮเลนเข้าไปหาโฟกัสทันที

“เปลวไฟนั้นน่าจะเป็น...สิ่งที่ทำให้คนคนนั้นโกรธมากๆ จน...ควบคุมตัวเขาได้...ตอนนี้เขาไม่มีสติอยู่เลย...แต่ตอบได้ทุกอย่างตามที่คนถาม แต่ถ้านูอัสจับทางได้ละก็-”

ภาพตรงหน้าของโฟกัสเบลอไปหมด ตัวเธอกำลังล้มลงไปกับพื้น ทั้งสามจิ๋วตกใจทันที

“โฟกัส!!”

แต่แล้วก็มีบางอย่างมารองรับศีรษะของเธอทันที ทั้งสามจิ๋วต่างมองมือที่มาประคองศีรษะของโฟกัส

“นี่...ท่าน!!”

พอพวกนั้นเงยหน้ามาเจอกับหญิงงามที่มีผิวขาวอมชมพู ผมสีฟ้ายาวเป็นลอน ดวงตาสีฟ้า เธอสวมเสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด ทำให้สามจิ๋วงงว่าทั้งคนคนนี้เป็นใครกันแน่ แต่อีกฝ่ายช่างงดงามมากๆ เธอหันมาเจอสามจิ๋ว เธอยกนิ้วขึ้นมาแต่ริมฝีปากของตนเอง

“ชู่วววว ข้าว่าพวกเจ้าควรเงียบเพื่อให้ร่างต้นของพวกเจ้าได้พักดีกว่านะ”

“ขอรับ! / เจ้าค่ะ!” ทั้งสามจิ๋วต่างมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจว่าอีกฝ่ายเห็นพวกตนได้ไงกัน

หญิงสาวผมสีฟ้ามองโฟกัส เธอประคองอีกฝ่ายนอนบนตักเธอ มือข้างหนึ่งของนางวางลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ โฟกัสยังคงเหลือสติสักเล็กน้อย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เธอเห็นภาพร่างๆ ว่ามีใครสักคนเหมือนมาช่วยเธอ

หญิงสาวผมสีฟ้าเห็นอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองเธอ เธอก็ยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วพูดบางอย่างออกมา “พักซะเถอะนะ โฟกัส เจ้าเก่งมาก ที่ทนจนมาถึงเวลานี้ได้ ข้าจะรักษาเจ้าเองละกัน”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นทำให้โฟกัสหลับตาแล้วหลับไปทันที พอเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้ว หญิงสาวผมสีฟ้าก็หลับตาลงแล้วแสดงพลังของตนเอง แสงเรือนรองกำลังเปล่งประกายออกมา แสงนั้นปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของโฟกัสเหมือนกำลังซึมซับเข้าร่างกายจนแผลตามตัวของเธอนั้นหายไปจนหมดสิ้น สีหน้าของโฟกัสดีขึ้นมากๆ จนไม่ต้องห่วงว่าเธอจะเป็นอะไร หญิงสาวผมสีฟ้ายิ้มออกมาเหมือนเห็นว่าเด็กสาวบนตักเธอหายดีแล้ว หญิงสาวก็หันไปมองสองคนที่กำลังต่อสู้แบบดุเดือดมากๆ แต่หญิงสาวกำลังคิดว่าเด็กน้องเหมือนกำลังโดนบางอย่างควบคุมจิตใจทำให้โกรธจนมีเปลวเพลิงออกมา เธอเลยคิดว่าเปลวเพลิงนั่นมันคืออะไรกัน

 

“โพร...สู้เข้านะ...อย่าให้สิ่งที่ควบคุมเจ้า บังคับเจ้าได้นะ”

 

โพรทาเลียที่กำลังฟาดฟันแบบไม่งั้นมือเลยสักครั้ง จนนูอัสเริ่มเดือดมากขึ้นไปอีกที่อีกฝ่ายไม่ให้เธอหายใจสักครั้ง แต่นูอัสเห็นท่าทางอีกฝ่ายนั้นแปลกๆ เหมือนอีกฝ่ายไม่มีสตินั้นทำให้นูอัสมีความคิกหนึ่งเกิดขึ้น ก่อนที่นางจะเริ่มแผลใหม่ขึ้น เธอหลบการโจมตีของอีกฝ่าย ก่อนจะตวัดมีดสั้นในมือเข้าโจมตีใส่อีกฝ่าย โพรทาเลียนั้นมองการโจมตีของอีกฝ่าย ชั่วพริบตานั้นเองก็เกิดแสงแวบขึ้นมา

 

 

ภายในจิตใจอันเบื้องลึกของโพรทาเลีย โพรทาเลียกำลังยืนอยู่ในสถานที่ว่างเปล่าเหมือนทุกที แต่ครั้งนี้ทำไมตัวเธอมาอยู่ในจิตใจกัน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพในมุมมองของเธอ เธอเห็นแต่ภาพสีขาวว่างเปล่าอีกตามเคย แต่ข้างในนี้กับรู้สึกร้อนกว่าทุกที

“เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?โพรทาเลียมองรอบๆ เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แต่เธอรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล “ทำไมที่นี้มันร้อนจัง”

พอเธอหันไปเจอกับสิ่งแปลกประหลาดขึ้น นั้นก็คือ เปลวไฟลูกใหญ่ลูกหญิงที่อยู่กลางสถานที่นี้

“นั้นมันอะไรกัน?

โพรทาเลียจ้องมองอย่างสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ลองเดินเข้าไปหาเปลวเพลิงนั้น พอเดินเข้าไปใกล้ถึงเปลวเพลิงนั้นก็ได้เห็นรูปร่างคล้ายมนุษย์อยู่ในข้างในนั้น ทำเอาโพรทาเลียอึ้งเลยว่ามีหญิงสาวอยู่ข้างในนั้นด้วยเหรอ เธอรวบรวมความกล้า เพื่อจะพูดออกไป

“เจ้าเป็นใครกัน! ?

 

ร่างที่อยู่ในเปลวเพลิงได้ยินเสียงของโพรทาเลียถามว่าตนคือใคร ทำให้ตัวเธอหันมาแล้วเปลวเพลิงนั้นหายไป จนทำให้โพรทาเลียเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงที่สวยงามมากๆ เธอมีรูปร่างที่งดงาม ผิวน้ำผึ้งคล้ายๆ คนกรีกสมัยก่อน ผมสีน้ำตาลดำสลวยงดงาม สวมชุดผ้าสีขาวแนวสไตล์กรีก

 

“เจ้าเองเหรอ? ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะได้สติเร็วแบบนี้”

“ได้สติ! ? เดียวนะ หรือว่าที่ข้าไม่มีสติตั้งแต่ที่สถานพยาบาลจนมาถึงตรงนี้ เพราะเจ้าเหรอ?โพรทาเลียเดินมาอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย

หญิงสาวน้ำผึ้งมองโพรทาเลียด้วยสายตาเย็นชา “ใช่แล้วทำไม?

“ทำแบบนั้นทำไม?โพรทาเลียขมวดคิ้วสงสัยทันที

“เจ้ากำลังโกรธนี่? ข้าแค่ส่งเสริมเจ้าเท่านั้น”

“ส่งเสริม? เจ้าคืออดีตชาติของข้าสินะ”

หญิงสาวน้ำผึ้งนิ่งเงียบไป โพรทาเลียก็พอรู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตชาติของเธอจริงๆ การที่เธอโดนอีกฝ่ายควบคุมจิตใจ ก็ต้องคิดแล้วว่าเพราะอะไร

“ถึงข้าเป็นอดีตชาติของเจ้าแล้วไงล่ะ? ข้ากำลังทำให้เจ้าได้ฆ่าคนที่ทำร้ายคนที่เจ้ารัก”

“ฆ่าเหรอ!! เจ้าคิดอะไรกัน แบบนี้มัน-”

โพรทาเลียกำลังพูดกับอีกฝ่ายยังพูดไม่จบ อีกฝ่ายก็เข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอและเขย่าตัวโพรทาเลีย

“มันอะไร!! รู้ไหมเจ้ามีโอกาสที่จะได้ฆ่าคนที่ทำให้ครอบครัวเจ้าต้องเสี่ยงอันตราย!! เจ้ามีโอกาสมากกว่าข้าสมัยก่อนซะอีก!!”

“มีโอกาส...มากกว่าเจ้า?โพรทาเลียงงว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรกัน

“ใช่โอกาสเลยล่ะนะ เจ้าจะได้ไม่เหมือนข้า ข้านะเสียทุกอย่าง!! ชีวิตการอยู่กับพ่อ!! ครอบครัวที่ข้ารัก!! ชีวิตอันมีค่าของข้า ทุกอย่างที่ข้ารัก!!”

 

อีกฝ่ายตะโกนในโพรทาเลีย ทำเอาโพรทาเลียงงเลยว่าทำไมอีกฝ่ายดูโกรธแบบนี้กัน แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้เธอเหมือนจำได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน เธอค่อยๆ คิดก่อนจะคิดออกว่าตอนที่สติที่เลือนรางตอนไปสถานพยาบาลวันแรกตอนที่ป่วย เธอจำเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นมาว่า ข้าเกลียดอะโฟร์ไดต์ ทำให้เธอคิดเลยว่ามีเรื่องกับอะโฟร์ไดต์แน่ๆ

 

“เจ้า...สูญเสียทุกอย่าง...เพราะเทพีอะโฟร์ไดต์หรือ?

เมื่อหญิงสาวน้ำผึ้งได้ยินชื่อของคนที่ตนไม่อยากได้ยินเธอหันไปหาโพรทาเลียแล้วยกมือขึ้นมาเปลวเพลิงก็ลุกขึ้นมาทันที ทำเอาโพรทาเลียตกใจทันที

“อ๊าก!! เดียวสิ ข้าขอโทษทีพูดชื่อเทพีองค์นั้น แต่อย่าเผาข้าเลยนะ!!”

"ข้าจะไม่เผาเจ้า นอกจากเจ้าจะพูดชื่อนางอีก อย่ามาพูดชื่อนางต่อหน้าข้าอีก!! ข้าเกลียดนาง!! ถึงนางเป็นมารดาข้าก็ตาม!! ข้าเกลียดนาง!! "

หญิงสาวน้ำผึ้งถลึงตาใส่โพรทาเลียจนโพรทาเลียกลัวหน่อยๆ อีกฝ่ายดูน่ากลัวจริงๆ แต่ไม่นึกว่าเทพีองค์นั้นจะเป็นมารดาของอีกฝ่ายได้

"เดียวนะ!! มารดา...เจ้าเป็นธิดาของอะโฟร์ไดต์เหรอ? แต่เจ้า..."

ทำให้โพรทาเลียงุนงงว่าอีกฝ่ายมีสายเลือดอะโฟร์ไดต์ แล้วทำไมอีกฝ่ายสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ นั้นทำให้โพรทาเลียคิดเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็น

“นี่คือว่าเจ้ามีอีกสายเลือดคือ...?

“ถูกต้อง สายเลือดที่ข้าใช้ประจำ ข้าควบคุมไฟได้นั้นได้มาจาก บิดาของ เทพเจ้าแห่งไฟ เฮเฟตัส!!”

“!!!”

พอได้ยินแบบนั้นทำเอาโพรทาเลียตกใจเป็นละรอบที่สอง เธอไม่เคยได้ยินเลยว่าเทพสององค์นี้เคยนอนด้วยกันมาก่อน นี่ยิ่งทำเอางงไปเลยว่านี้มันเรื่องอะไรกัน

“โอเคๆ งั้นข้าเข้าใจล่ะว่าทำไมเจ้าถึงโกรธมารดาที่เจ้ารัก-”

"ข้าไม่ได้รักนาง!! " หญิงสาวน้ำผึ้งตะโกนออกมา

โพรทาเลียถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงของนางที่ดูดุดันมากๆ

"นางไม่เคยเลี้ยงข้าเลยสักครั้ง คนที่เลี้ยงข้าคือบิดาข้า เฮเฟตัสเท่านั้น" เธอนั่งลงไปที่พื้นทันที มือทั้งสองข้างปิดใบหน้าของตนเอง "ข้ารักบิดาคนเดียวเท่านั้น นั้นทำให้ข้าโกรธแค้นนางนั้น จนอยากฆ่านางมากๆ แต่เจ้าอุตส่าห์มีโอกาสได้ฆ่าคนที่ทำให้ชีวิตเจ้าแย่แท้ๆ!!"

คำพูดของหญิงสาวตรงหน้าโพรทาเลียพูดจนทำเอาโพรทาเลียรู้สึกเคืองมากๆ จนเธอกำหมัดแน่นมากๆ ก่อนจะตะโกนเสียงดังออกไป

“เลิกพูดว่ามีโอกาสซะที!!”

หญิงสาวน้ำผึ้งมองสีหน้าอันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เธอสงสัยเลยว่าทำไมกัน ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย

“ทำไมล่ะ...ข้า...อุตส่าห์...”

“แล้วมันทำให้รู้สึกดีเหรอ!!” โพรทาเลียพูดก่อนจะกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมา “เจ้านะคิดว่าข้าฆ่าคนแล้วมันจะมีความสุขจริงๆ เหรอ!! ถ้าข้าฆ่ายัยปีศาจนั้น แล้วครอบครัวข้าจะไม่โดนลูกหลงเหรอ! ?

พอโพรทาเลียพูดแบบนั้นออกไป หญิงสาวน้ำผึ้งถึงกับจุกกับคำถามของอีกฝ่าย เธอไม่ได้นึกถึงจุดนั้นเลยจริงๆ

“ข้า...”

“เจ้าจะบอกว่าไม่ได้คิดสินะ!! ข้ารู้อยู่แล้ว!! เจ้าเอาแต่ความโกรธครอบงำจิตใจของตนเอง!! ทำให้เจ้าไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เจ้าอยู่จุดไหนกัน เจ้าคิดเหรอว่าตัวเจ้านั้นตายมานานแสนนาน แล้วบิดาของเจ้ามีความสุขเหรอที่เสียเจ้าไปนะ!! ลองคิดสิ!!”

 

ไม่รู้ทำไมคำพูดของโพรทาเลียนั้นเหมือนส่งไปถึงจิตใจของหญิงสาวตรงหน้าทำให้หญิงสาวนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองได้มีชีวิต จนถึงวันสุดท้ายที่เธอตายลง บิดาของตนนั่งร้องไห้ที่เธอกำลังจะตาย นั้นทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากตลอดที่ทำให้บิดาต้องหลั่งน้ำตาออกมา

 

“เจ้าคิดออกแล้วใช่ไหม!? นั่นล่ะที่ข้าจะไม่มีความสุขที่จะเสียคนรักไป แต่ข้าต้องทำด้วยตนเองไม่ใช่ให้ความโกรธครอบงำทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายมากกว่าที่ข้าจะทำได้!!”

 

โพรทาเลียงุนงงเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไปมั้ง แต่เธออยากระบาดความรู้สึกของตนเอง มันเหมือนอัดแน่นอยู่ภายในมานาน ระหว่างที่เธอกำลังพูดนั้น มันมีบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัวของเธอ ทำให้เธอเห็นภาพหลายอย่างจนเธอนิ่งไป แล้วค่อยๆ เอ่ยปากพูดออกมาต่อ

 

“เจ้านะยังดีที่เคยมีชีวิตที่ดี...และครอบครัวที่รักเจ้า...”

หญิงสาวน้ำผึ้งยิ่งจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่กำลังรู้สึกถึงความอ่อนแอของตนเองและความเศร้าของตนเอง

“แต่...ทำไมเจ้าถึงให้ความโกรธครอบงำเจ้าได้ล่ะ เซเรน่า” น้ำเสียงโพรทาเลียนั้นอ่อนลงเหมือนกำลังพูดด้วยน้ำเสียงอันโศกเศร้า

 

หญิงสาวน้ำผึ้ง พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพูดชื่อเธอออกมาและถามด้วยน้ำเสียงอันโศกเศร้า ทำให้เธอนึกถึงคำถามของผู้เป็นบิดา ย้อนกลับไปเหมือนหลายร้อยปีก่อน ตอนที่เธอยังเป็นเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ เธอมีบาดแผลเต็มตัว บิดาของเธอเลยต้องทำแผลให้เธอ

 

‘ทำไมต้องทำให้ความโกรธครอบงำเจ้ากัน เซเรน่า’ ผู้เป็นบิดา เฮเฟตัสได้ถามผู้เป็นลูกสาว

‘ทำไงได้ล่ะท่านพ่อ เจ้าพวกนั้นบังอาจมาว่าท่านต่อหน้าข้า!!’ เซเรน่าที่เยาว์วัยได้ตามผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

‘แต่กุลสตรีไม่ควรทำแบบนั้น เจ้าก็น่าจะรู้นะ’

‘ข้ารู้!! แต่ว่า...’

‘ไม่มีแต่...เจ้านะควรลดความโกรธนั้น มันจะทำให้เจ้าพังพินาศรู้ไหม เซเรน่า ลูกพ่อ’

 

 

พอนึกถึงช่วงเวลานั้นทำให้เซเรน่ารู้สึกจุกไปทั้งหน้าอกของเธอ เธอล้มลงไปกับพื้นทันที เธอรู้สึกเสียใจที่ตนเองไม่สามารถทำตามสิ่งที่บิดาสั่งสอนมาได้เลยจริงๆ โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่มีน้ำตาไหลออกมา เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองตอนนี้ทำอะไรอยู่ เธอค่อยๆ ย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ อีกฝ่าย แล้วส่งผ้าเช็ดน้ำให้อีกฝ่าย

 

“เจ้าคงเข้าใจหมดแล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น เซเรน่า นั้น...” สีหน้าของเธอนั้นจริงจังมากๆ จน เซเรน่าหันมามองทันที “ช่วยคืนร่างที่เจ้ากำลังควบคุมด้วยได้ไหม! ?

เซเรน่าเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอพยักหน้าเบาๆ “ข้าจะคืนให้ แต่ข้ายังไม่ได้ยอมรับเจ้าหรอกนะ…”

“เอ๋?โพรทาเลียงงว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ภาพรอบๆ เริ่มสว่างขึ้นเหมือนทุกครั้ง

“เจ้าต้องหาสิ่งล้ำค่าที่เป็นจุดเชื่อมโยงต่อข้าและเจ้า ข้างถึงจะยอมรับเจ้าได้...ไว้เจอกัน...โพรทาเลีย”

 

ภาพทั้งหมดก็หายไปหมด สติเธอกลับมาอีกครั้งแล้ว เธอเห็นนูอัสกำลังถือมีดสั้นเหวี่ยงมาทางเธอ เธอยกมือตัวเองขึ้นป้องกันทันที มีดสั้นนั้นแทงมาโดนกำไลข้อมือของโพรทาเลียอย่างจัดจนทำให้กำไลนั้นแตกขึ้นมาทันที อันที่โพรทาเลียใช้นั้น มันเก่ากว่าอันอื่นๆ เลยแตกได้ง่ายๆ

 

“แย่ล่ะ!” มนต์บังตาที่ทำจากกำไลนั้นเริ่มสลายหายไปทำให้ร่างเดิมของโพรทาเลียกลับมา

นูอัสเห็นอีกฝ่ายกลับร่างเดิมของตนทำเอาเธอโกรธเข้าไปอีกที่ว่าทำไมอีกฝ่ายมาอยู่นี้กัน ทำไมแซเทิร์นถึงไม่บอกอะไรเธอสักอย่าง

“ข้าจะ…ฆ่าแกให้ท่านแซเทิร์นภูมิใจในตัวข้า ตายซะ! แจ็กสัน!!”

 

โพรทาเลียเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังพุ่งเข้าจะมาโจมตีเธอ พอเห็นแบบนั้นเธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นชามากๆ จนเธอยังยืนเฉยๆ ได้รออีกฝ่ายวิ่งมาได้เลย เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเข้ามาใกล้ๆ โพรทาเลียหมุนตัวหลบการโจมตีของอีกฝ่าย เธอยกขาขึ้นถึงระดับเอวของเธอก่อนจะตวัดเตะไปข้างหลัง เตะเข้าที่หลังของอีกฝ่ายโดยทันที

 

“อ๊ากกกกกกกกก!!” นูอัสถึงกับล้มลงไปทันที “แก! แจ็กสัน!!”

“โทษทีนะ ข้าเริ่มรำคาญแล้วสิ ที่ต้องมาเล่นแบบนี้กับแก!” โพรทาเลียจับคอเสื้ออีกฝ่ายกระชากขึ้นมาทันที “พวกแกในค่ายมีกี่ตนกันแน่!! ถ้าไม่บอกข้าจะจัดการกับแกเหมือนที่แซเทิร์นทำกับข้าเลยล่ะคอยดู”

“นึกเหรอว่าข้าจะกลัวแก! แจ็กสัน”

“อ๋อ เหรองั้นก็...” สิ้นคำพูดของโพรทาเลียก็ยกมือขึ้นมา แล้วยกไปที่หน้าของอีกฝ่ายไปหลายครั้ง จนนูอัสเริ่มร้องขอชีวิตอีก

“อ๊าก!! ได้โปรด! ไม่นะ! หน้าข้า!! อ๊าก!”

ไม่นานนักเสียงการชกได้หยุดไป เมื่อหลับมามองใบหน้าของนูอัสนั้น ถึงกับเลอะไปมาก แต่ก็ยังเห็นเขาเดิมอยู่ โพรทาเลียนั้นจ้องมองอย่างเลือดเย็นมากๆ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงไป

“เอาล่ะ นูอัส บอกมาเดี๋ยวนี้ พวกของแกอยู่ไหน!!”

“แก! ...” เสียงกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวทำไมตัวเธอนั้นถึงต้องมาแพ้ให้กับคนที่เธออุตส่าห์จัดไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อนกัน

“ถ้าไม่พูด...งั้นก็…” โพรทาเลียดึงมีดสั้นออกมาจากมืออีกฝ่าย พร้อมกับยกขึ้นเหนือหัวทันที "ต้องทรมาน...ให้ถึงที่สุดสินะ!!"

“ไม่นะ!!”

“นูอัส!!”

 

เสียงคนที่เรียกชื่อนูอัสดังขึ้น ทำให้โพรทาเลียตกใจเลยว่าใครเรียกอีกฝ่าย ทำให้เธอเงยหน้ามองทันทีว่าเสียงนั้นมาจากไหน ก่อนจะมีบางอย่างถูกขวางมาใส่เธอ เกิดแสงสว่างเกิดขึ้นมาทันที โพรทาเลียถึงกับรีบหลับตาทันที แต่พอหลับตาเธอก็รู้สึกว่ามือที่จับคอเสื้อนูอัสนั้นเบามือไปทันที พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นนูอัสแล้ว

 

“อ้าว เฮ้ย!! ไปไหนแล้วเนี่ย พวกอสุรกายจอมขี้ขลาดเอย!!”

 

เสียงของโพรทาเลียตะโกนอย่างโกรธมากๆ ที่พวกนั้นหนีไปได้ ห่างออกไปหลายเมตร นูอัสได้อสุรกายตนหนึ่งช่วยตนเองไว้ แต่ภายในจิตใจกับรู้สึกเคืองโพรทาเลียเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายทำให้เธอเหมือนคนอ่อนแอจนต่อกรกับเธอไม่ได้ มันทำให้เธอเจ็บใจมากๆ แต่ตอนนี้เธอต้องหายไปรักษาตัว แต่จะทำไงกับแผลบนใบหน้าของเธอ ชายที่มาช่วยมองนูอัสอย่างห่วงๆ

 

“ข้าว่าเจ้าออกจากตำแหน่งนี้ดีกว่าไหม?ชายที่มาช่วยถามเธออย่างเป็นห่วงทันที แต่เขามองใบหน้าของเธอที่เละจากการโดนชกไปหลายครั้ง

นูอัสกำหมัดแน่น แล้วตะโกนออกมาทัน “ไม่มีทาง!! ข้ายังมีแผนอีกเยอะ!! ข้าไม่อยากให้นางมาทำให้ข้าแพ้เด็ดขาด!!”

“แล้วจะทำไง?ชายคนนั้นถามอย่างสงสัย

นูอัสยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา เหมือนนางมีความคิดบางอย่างทันที “เดียวสิ! ...พวกเรายังมีตัวประกันตัวใหญ่ที่ยังไม่รู้ว่านางเป็นใครอยู่ไม่ใช่หรือไง?

“โอ้ จริงด้วย ถ้าเราเอาพวกนั้นมาเป็นตัวประกันแล้วก็...” ชายหนุ่มยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจกับแผนนี้

“ใช่แล้ว! ข้าจะทำให้นางได้ทนทุกข์เหมือนที่มันทำกับข้า คอยดูเถอะนะ แจ็กสัน!!”

 

จบตอนที่ 29 โปรดติดตามอ่านตอนที่ 30 ต่อไป