108 ตอน ตอนที่ 108 ชีวิตที่ไม่อาจจะช่วยเหลือได้
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 108 ชีวิตที่ไม่อาจจะช่วยเหลือได้
ห้องใต้ดินที่ทั้งสองคนกำลังลงไปนั้นมีกลิ่นอันอบอวลไปด้วยกลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนและเหม็นเน่ายิ่งกว้างอะไร ตอนนี้ยังลงไม่ถึงชั้นล่างเลยด้วยซ้ำ โฟกัสก็เริ่มมีอาการอยากอาเจียนอย่างแรง เธอไม่คาดคิดว่าทางลงไปชั้นใต้ดินจะมีกลิ่นแบบนี้นอกจากกลิ่นเหม็นอับของชั้นใต้ดิน โพรทาเลียรู้สึกบางอย่างที่ผิดปกติจนเธอหยุดเดินแล้วหมุนตัวหันกลับมามองก็เห็นอาการน้องสาวแปลกไป เธอจึงรีบเดินขึ้นมาดูน้องสาวที่ดูหน้าซีดกว่าตอนแรกจนเธอเกือบลืมไปว่าน้องไม่เหมือนเธอที่จะอดทนกับกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์แบบนี้ได้
“ไหวไหม? ถ้าไม่เธอขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่านะ โฟกัส”
“ไม่ค่ะ…หนู…หนู…”
โฟกัสตอบปฏิเสธโดยไม่ดูอาการของตนเองเลยสักนิดว่ามีสีหน้าที่ย่ำแย่เพียงใด โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็ทนดูไม่ได้จนต้องอุ้มน้องสาวขึ้นบ่า
“อ๊ะ พี่!!” โฟกัสตกใจที่พี่สาวอุ้มเธอขึ้นบ่า
“ไม่ต้องบ่น เธออาการไม่ดียังจะพูดว่าไม่เป็นอะไรอีก!!”
“แต่ว่า...”
โฟกัสจะปฏิเสธสิ่งที่พี่สาวพูดแต่เธอก็ต้องจำยอมต่อสิ่งที่เป็นตอนนี้ เพราะข้างล่างนั้นช่างมีกลิ่นที่ย่ำแย่มากเกินจะทนไหว โพรทาเลียอุ้มน้องสาวขึ้นข้างบนจนมาถึงชั้นบนสุด อาจารย์โอเซซัสที่รออยู่ข้างบนก็มองทั้งสองคนด้วยสายตาสงสัยว่าขึ้นมาไวจริง ๆ
“เกิดอะไรขึ้นนะ?”
“น้องสาวหนูอาการไม่ดีนะคะ เลยพาขึ้นมาข้างบนก่อน”
“เจ้าไม่เป็นอะไรมากนะ สาวน้อย”
“คะ...ค่ะ...” โฟกัสเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างหน้าซีดเผือด
“หายใจเข้าออกช้า ๆ นะ”
“ค่ะ...” โฟกัสตอบพี่สาวเธอก่อนจะหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ
“พี่ลืมไปว่าเธอไม่เหมือนพี่นะ”
โฟกัสส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ใช่ความผิดพี่...แต่ข้างล่างนั้น...มันอะไรกัน? ทำไมมันถึงมีกลิ่น...”
“มีกลิ่นแบบนั้นสินะ? ก็กลิ่นเหมือนอะไรตายล่ะนะ...”
“ตาย…”
โฟกัสได้ยินก็หน้าซีดหน่อย ๆ ว่าสิ่งที่อยู่ข้างล่างตายนั้นขอแค่ไม่ใช่มนุษย์มาตายข้างล่างก็พอ โพรทาเลียมองสีหน้าน้องสาวที่ดูจะนึกถึงข้างล่างว่ามีอะไรตายแน่ ๆ เธอลูบหัวน้องสาวเบา ๆ ก่อนจะเตรียมตัวลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ! เธออยู่นี่น่า” โพรทาเลียกล่าวกับน้อง
“เอ๋...แต่...?”
โพรทาเลียไม่สนใจคำพูดน้องสาวก็หันไปทางอาจารย์ทันที “ฉันฝากน้องสาวด้วยนะคะ โอเซซัส”
“หือ?” โอเซซัสได้ยินก็ได้แต่ยิ้มฝืน ๆ “ได้เลย”
“เดี๋ยวสิ! พี่ ฟังหนูก่อน! หนูจะลงไปด้วยนะ”
“รอที่นี่!!” โพรทาเลียตะโกนใส่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่!”
“แต่ว่า...”
โพรทาเลียชี้ไปที่น้องสาวพร้อมกับยกนิ้วส่ายเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สนใจอะไร โฟกัสมองพี่สาวที่เดินไปอย่างไม่สนใจเธอ ทำเอาเธอรู้สึกว่าเธอนั้นมันช่างไร้ค่ายิ่งกว่าอะไรที่ลงไปช่วยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ โอเซซัสมองเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“พี่สาวเจ้า นางก็แค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้นล่ะ”
“ฉันรู้ค่ะ...แต่ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วง...ของพี่สาวค่ะ....”
“เจ้าไม่ใช่ตัวถ่วง เด็กน้อย บางครั้งคนเรานั้นต้องเผชิญกับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้มั้งนั้นล่ะนะ”
“สิ่งที่ทำไม่ได้...”
โฟกัสคิดแล้วมองไปข้างหน้าเส้นทางที่เธอกำลังมองนั้นจะเป็นเส้นทางที่ยากยิ่งกว่าอะไร แต่เธอจะสามารถต่อสู้กับมันได้อีกไหม
เส้นทางด้านล่างที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงสายลมที่พัดปะทะใบหน้าของเธอจากด้านล่าง ทำให้สงสัยว่าข้างล่างนั้นมันจะมีสายลมได้ไง เพราะมันเหมือนสถานที่ปิดตายไม่น่ามีสายลมพัดเข้ามาได้ โพรทาเลียชักดาบออกมาจากฝักเพื่อความปลอดภัยของเธอ เพราะไม่รู้ว่าข้างล่างนั้นมันมีอะไรอยู่ เท้าที่ก้าวไปข้างหน้าจนถึงชั้นล่างสุด กลิ่นอายที่ได้กลิ่นตั้งแต่แรกที่ลงมามันปะทะจมูกด้วยความรุนแรงของกลิ่น ทำเอาเธอคลื่นไส้ขึ้นมา กลิ่นข้างล่างนี้มันรุนแรงกว่าตอนอยู่ที่โลกของเธอจริง ๆ
‘ขอล่ะ...เจอซากยักษ์ตายก็ยังดี...’ โพรทาเลียคิด
ข้างหน้าของเธอมีแต่กรงขังขนาบข้างเต็มไปหมด เธอมองซ้ายมองขวากรงด้านข้างเธอไม่มีอะไรอยู่นั้นทำให้เธอโล่งใจ แต่มันทำให้เธอนึกย้อนกลับไปช่วยที่เธอนั้นเคยโดนขังได้ห้องแต่ละห้องนั้นจะมีมนุษย์กึ่งเทพอยู่เต็มไปหมด โพรทาเลียก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ข้างหน้ายังไม่มีอะไรนอกจากกรงขัง แต่แล้วเดินจนมาถึงจุดหนึ่งก็เริ่มมีทางแยกยิ่งไม่น่าไว้ใจ เพราะโลกของเธอนั้นมีแค่ทางตรงยาวไม่มีทางแยกแต่อย่างใด
“เป็นเรื่องล่ะ...พวกแกทำอะไรกัน?” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
โพรทาเลียมองทางแยกด้านขวามือของเธอสักระยะ ก่อนที่จะลองเดินไปทางแยกดูว่าจะเจอใครที่อยู่ที่นี่ไหม เธอเดินเลี้ยวขวาไปตามทางอย่างรวดเร็วตามทางไม่มีอะไรอยู่ข้างในกรงสักอย่าง ทำให้เธอสงสัยว่าที่นี่มันมีอะไรกันแน่จนกระทั่งทางข้างหน้ามีสิ่งที่เธอคาดคิดไว้อยู่แล้วพวกยักษ์ไซคลอปส์
“โผล่มาจนได้สินะ!”
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”
ยักษ์ไซคลอปส์คำรามดังก้องไปทั้งบริเวณนั้นแต่ก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวสักนิด ปีศาจวิ่งตรงมาเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แต่ว่าการทำแบบนั้นช่างไร้ประโยชน์สุด ๆ ก่อนที่เธอจะตวัดดาบโจมตีใส่ปีศาจจะมันสลายหายไป
“หึ นึกว่าจะยากซะอีก”
เธอกล่าวแบบนั้นก่อนจะเดินต่อไปตามทางแต่แล้วก็รู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ เพราะว่าเธอเลี้ยวขวามาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เจออะไร
“หรือว่า...เขาวงกต?”
นี่คืออีกเรื่องที่เธอเกลียดที่สุดเส้นทางตรงหน้ามีตั้งแต่ตรงที่เป็นเส้นตัน ทางด้านขวาที่เดินมาแล้วและก็ทางด้านหลังที่เดินมาก่อนหน้า เธอกำลังวาดแผนที่ในหัวของตนเองว่าห้องนี้เป็นแบบไหนปะทะกับสถานที่เดิมที่เธอเคยอยู่ว่ามันตรงอย่างเดียว โพรทาเลียคิดก็นิ่งไปสักพัก เธอเงยหน้าขึ้นมองตรงหน้าของเธอเส้นทางตันที่ไม่น่ามีทางอื่นแต่อย่างใด เธอก้าวเท้าเดินไปตรงหน้าอย่างไม่หวั่นใจ จนใกล้ถึงกำแพงเธอไม่หลับตาแต่อย่างใดจนกระทั่งร่างกายเธอเดินทะลุผ่านกำแพงไปอย่างง่ายดาย
“ฮ่า! บ้าบอสิ้นดี!! ใครไม่มองทางตันนี้มีหวังตายในนี้แน่ ๆ”
โพรทาเลียสบถออกมาอย่างไม่ชอบใจ เธอไม่นึกว่าแซเทิร์นจะเล่นไม้นี้กับสถานที่แห่งนี้ มันมีอะไรให้สร้างเขาวงกตโดนที่มียักษ์
“น่าสงสัย...”
สายตาจับจ้องไปทางที่ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิต เธอรู้สึกว่าสถานที่นี้มันช่างอับชื้นไร้อากาศถ่ายเท เธอลองก้าวเดินตรงข้างหน้าไม่ช้ากลิ่นบางอย่างก็เตะจมูกโพรทาเลียอย่างรุนแรง
“อึ้ก!! กลิ่นนี้มัน...!!”
กลิ่นอันรุนแรงแสบจมูกยิ่งกว่ากองถังขยะส่งกลิ่นออกมาตามทางเดิน เธอมองไปข้างหน้าสายตาของเธอก็หันไปมองด้านข้างสายตาที่จับจ้องไปที่กรงนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกจุกที่หน้าอกปะทะขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกร้อนที่ดวงตา เธอก้าวไปที่กรงขังอย่างช้า ๆ สีหน้าซีดเผือดกำลังจับจ้องไปที่ร่างผอมแห้งที่นั่งติดกำแพง
“เอ็ดมัน...!”
เสียงแหบแห้งของโพรทาเลียเอ่ยเรียกบุคคลที่อยู่ในกรงขัง แต่ไร้การตอบสนองยิ่งทำให้ข้างในของเธอรู้สึกอึดอัดไปหมด ก่อนจะหาทางเข้าไปข้างในดีที่ประตูมันเปิดเข้าไปได้ทันที เธอรีบตรงดิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับตรวจร่างกายอีกฝ่ายที่พอจับมันทั้งแห้งและแข็ง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าร่างกายตรงหน้าของเธอนั้นไร้ชีวิตมานานเพียงใด
“ไม่นะ...เอ็ด...”
น้ำเสียงอันสั่นเครืออย่างสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยวาดฝันอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ดวงตาจับจ้องมองเด็กชายตรงหน้าที่ไร้การหายใจ เธอจับใบหน้าอีกฝ่ายมันช่างเย็นและแห้ง
“เอ็ด...”
ดวงตาเธอสั่นเครือด้วยความรู้สึกอึ้งที่เห็นอีกร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างกรงที่เธออยู่ตอนนี้ ร่างผอมบางที่นอนสิ้นลมหายใจอยู่ ณ ตรงนี้
“เบ็ต...เบ็ตตี้...”
ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจมันเหมือนกำลังจะปะทุออกมา การหายใจเข้าออกยิ่งรวดเร็วและติดขัด โพรทาเลียไม่คาดคิดว่านอกจากเอ็ดมันที่อยู่ ณ ตรงนี้ ยังมีคนอื่น ๆ ที่เธอรู้จักอยู่ข้างใน ดวงตารู้สึกร้อนรุ่มกำลังเอ้อล้นไปด้วยน้ำตา สายตาของเธอไล่มองไปยังห้องต่าง ๆ ก็เห็นบุคคลที่ถูกขังตามห้องต่าง ๆ เธอเดินออกจากห้องขังที่เอ็ดมันอยู่ก็ได้เห็นห้องต่าง ๆ มีแต่คนที่เธอรู้จักเต็มไปหมด จนเธอหันไปเจอเพื่อนสนิทสองคนที่เธอรักที่สุด
“แม็กกี้!! ดีแลน!!”
สองร่างเพื่อนสนิทถูกผูกติดกับกำแพงห้องขังด้วยมุดตัวใหญ่ ร่างกายที่มีเลือดไหลลงสู่พื้นจนแห้งกรัง โพรทาเลียเห็นก็ตะลึงไปชั่วขณะ หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“ไม่นะ...ทุกคน…”
ความรู้สึกดำมืดภายในใจเหมือนกำลังดูดกลืนให้จบสู่ความเจ็บปวดและความโศกเศร้าจนเธอล้มลงกับพื้น แล้วพึมพำด้วยความรู้สึกมืดมนกับสถานการณ์ของตนเอง
"ไม่...ทุกคนตายหมด...แล้วฉันจะช่วยใคร...ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้...”
‘จงตั้งสติ!!’
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับเสียงกึกเหมือนอะไรแตก โพรทาเลียเงยหน้าขึ้นก็เห็นบรรยากาศรอบข้างกำลังมีรอยร้าวบางอย่าง เธอกำลังมองอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่รอยร้าวจะเพิ่มขึ้นแล้วก็แตกกระจัดกระจายไป เธอหลบการแตกกระจายนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาใหม่ สภาพแวดล้อมตอนแรกที่มีผู้คนตายตามกรงต่าง ๆ ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้โพรทาเลียงุนงงกับสถานการณ์ตอนนี้ว่ามันคืออะไร
“เมื่อกี้มัน...อะไรกัน?”
“รู้สึกว่า...เจ้าจะโดนภาพลวงตา...ของแซเทิร์นเล่นงาน...เข้านะ” เสียงที่เตือนสติเธอดังขึ้น
โพรทาเลียสะบัดหน้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็วก็ได้เห็นคนที่คุ้นเคยที่สุดอยู่ด้านหลังภายใต้กรงขัง
“ท่าน...ท่านอลิซ่าเบ็ธ...”
หญิงสาวได้ยินนามของตนเอง เธอก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอิดโรย “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ฉัน...ฉันคือ...”
อลิซ่าเบ็ธเพ่งพินิจจ้องอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยพูดออกมา “เจ้า...หญิงสาวในความฝัน...”
“หือ? ท่าน...หมายความว่าไงนะ?”
“หลายคืนก่อน...ข้าเหมือนฝัน...ถึงใครบางคน เป็นเด็กตัวน้อยผมดำ ดวงตาสีเขียว รอยยิ้มเด็กคนนั้นช่างเจิดจ้าจนทำให้ฉันยิ้มอย่างมีความสุข...แล้วคนคนนั้นคือเจ้า...เด็กน้อย...”
“ท่านพี่...”
การที่โดนเอ่ยเรียกท่านพี่ทำให้อลิซ่าเบ็ธรู้สึกสบายใจ โพรทาเลียมองสายตาอีกฝ่ายที่กำลังมองจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาอ่อนโยนทำให้เธอรู้สึกสบายใจ แต่การที่อีกฝ่ายฝันถึงเธอเหมือนอาจารย์โอเซซัส มันต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่ แต่สภาพอีกฝ่ายตอนนี้ช่างไม่สู้ดีระหว่างที่จ้องมองอีกฝ่ายเธอก็ตั้งสติแล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายใกล้ ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะพาพี่ออกจากที่นี่!”
“ออกไป...จะออกไปยังไง...หลายพันปีที่ข้าอยู่ที่นี่...ข้าไม่สามารถออกไปไหนได้เลยด้วยซ้ำ...เป็นถึงเทพแต่ช่างไร้ค่า...”
“ไม่ใช่นะ!!” โพรทาเลียตะโกนใส่อีกฝ่ายทันที
“อ๊ะ!?” อลิซ่าเบ็ธตกใจกับเสียงตะโกนของอีกฝ่าย
“พี่ไม่ใช่คนไร้ค่า พี่เป็นคนที่สุดยอดที่สุดที่ฉันเคยเจอ พี่ปกป้องฉันจากแซเทิร์น ดูแลฉันจนโตมาขนาดนี้ พี่เป็นคนที่ฉันรักที่สุดมากกว่าครอบครัว การมีพี่สาวอยู่ข้าง ๆ ถือว่าโชคดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมา...”
“คนที่เจ้า...พูดนั้น...ไม่ใช่ข้า...”
“มันก็จริง...นั้นคือท่านในโลกของข้า แต่ท่านก็ไม่ใช่คนไร้ค่านะคะ”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้ผู้เป็นถึงเทพีต้องสะอึก จริงของเธอที่ตัวเธอนั้นไม่ใช่คนไร้ค่า แต่ว่าเธอตอนนี้ไม่มีสภาพที่จะทำอะไรได้แล้วจริง ๆ
“ขอบคุณสำหรับคำพูดดี ๆ เด็กน้อย...แต่ว่า...เวลาของข้ากำลังจะหมดลงแล้ว...”
“ท่านหมายความว่าไง?” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายพูดแบบนั้นทำไม
อลิซ่าเบ็ธขยับมือของเธอที่จับหน้าท้องก็มีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าของตนเอง โพรทาเลียเห็นก็ตะลึงกับสิ่งที่เห็นคราบสีดำนั้นคือเลือดที่แห้งกรังไปแล้วถึงกระนั้นก็แปลว่าอีกฝ่ายเลือดออกมานาน แต่เลือดที่ออกมาไม่ใช่สีทองแต่เป็นสีแดงที่กลายเป็นสีดำ
“ท่านพี่...ท่าน...”
“ใช่...ข้ากำลังจะตาย...”
“ไม่!! พี่เป็นเทพนะ ไม่มีทางตาย!!”
“ไม่...เด็กน้อย…ข้าโดนแซเทิร์นสาปให้เป็นมนุษย์อยู่ชั่วหนึ่ง…จนกระทั่งวันที่ลูกของแซเทิร์นอยากเล่นกับข้า แต่ข้าขัดขืนจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้…ข้าเหลือเพียงลมหายใจเล็กน้อย…”
”ไม่ ๆ ฉันจะช่วยท่าน!!”
โพรทาเลียพยายามเข้ามาดูบาดแผลอีกฝ่ายที่มันแห้งไปแล้วแถมรอบแผลยังเหมือนติดเชื้อยิ่งน่ากังวลเข้าไปอีกว่าจะรักษายังไง แต่ต้องหาวิธีรักษาอีกฝ่ายให้จนได้
“ฉันจะรักษาพี่จนหายเองงนะคะ เราจะช่วยกันตามหาพ่อของท่านกันนะ!”
“ท่าน...พ่อ?” อลิซ่าเบ็ธได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดว่าเธอไม่เคยเจอชายที่อีกฝ่ายพูดถึงเลยตั้งแต่เกิดมา “คนคนนั้น...ข้าไม่เคยเจอท่านสักครั้งตั้งแต่เกิดมา...”
“งั้นท่านต้องสู้สิ!! จะได้ไปเจอเขานะ!!”
“ขอโทษที...ข้าไม่ไหวแล้ว...”
คำพูดอันแผ่วเบานั้นเหมือนทิ่มแทงอยู่ข้างในอกของโพรทาเลีย เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมา แล้วยิ่งอีกฝ่ายกำลังจะตายต่อหน้าต่อหน้าของเธอ โลกนี้เธอมีแต่ต้องเสียคนที่รัก เสียพ่อ เสียเพื่อน เสียคนรู้จักและโลกที่ไม่มีคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกำลังสิ้นหวังกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจนเธอนึกบางอย่างได้ว่าในกระเป๋ามีสิ่งนั้นอยู่ เธอค้นหาในกระเป๋าของตนเองอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไร้สิ่งที่เธอตามหา ทำให้เธอหน้าตื่นว่าสิ่งนั้นหายไปไหน
‘หายไปไหนกัน? ฉันจำได้ว่ามีมันอยู่นี่น่า...’ โพรทาเลียคิด ‘หรือว่า...’
ความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาตอนที่เธอไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อ เธอทำขวดยานั้นหกลงบนพื้นหญ้า ตอนนั้นเธอไม่คิดว่าจะต้องใช้เลยไม่สนใจ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจที่ตอนนั้นตัวเองทำขวดยาที่จะสามารถช่วยอีกฝ่ายหกอย่างไร้ความหมาย อลิซ่าเบ็ธเห็นสีหน้าของเด็กน้อยดูสิ้นหวัง เธอคิดในใจว่าเด็กน้อยจะมาสนใจอะไรอย่างเทพีที่กำลังจะตาย แต่อีกฝ่ายบอกอยู่ว่าเธอนั้นสำคัญกับอีกฝ่ายแค่ไหน เธอยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าที่กำลังอาบไปด้วยน้ำตาไหลริน
“?” โพรทาเลียเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเธอ
อลิซ่าเบ็ธฉีกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอีกฝ่ายที่โพรทาเลียรู้จัก แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นก็เปล่งเสียงออกมา คำพูดที่เปล่งออกมาทำให้โพรทาเลียตาค้างไปชั่วขณะ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องมองเธออยู่สักระยะก่อนที่จะหลับตาลงอย่างช้า ๆ มืออันผอมบางร่วงหล่นลงสู่ข้างตัวไปอย่างเงียบสงัด สายตาจับจ้องมองร่างอันไร้วิญญาณ เธอเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายที่ยังอุ่นอยู่ น้ำตาของโพรทาเลียกำลังไหลรินอาบแก้มทั้งสอง เธอมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสิ้นหวังแต่แล้วใบหน้าของอีกฝ่ายก็กำลังกลายเป็นหินอย่างช้า ๆ สีหน้าของโพรทาเลียตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่ร่างตรงหน้าจะสลายหายไป ภาพตรงหน้าของเธอมันช่างย่ำแย่ยิ่งกว่าอะไรคนที่เธอรักที่สุดได้ตายจากไปต่อหน้าต่อตาเธอ แล้วสลายหายไปไหนเธอก็ยังไม่รู้
“ท่าน...พี่...”
น้ำตาไหลรินอยู่แล้วก็ยิ่งไหลรินอย่างหนักพร้อมกับเสียงร่ำไห้ของโพรทาเลียที่ต้องเสียงคนที่เธอรักไปโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ก่อนอีกฝ่ายจะตายจากไปได้ทิ้งคำพูดอันแสนเจ็บปวดให้เธอที่ต้องรู้สึกโทษตัวเองไปอีกยาวนาน
‘อย่าโทษตนเองที่ช่วยข้า...ไม่ได้...เด็กน้อย...มันเป็นลิขิต...ที่ไม่มีใครกำหนดได้...อนาคตข้างหน้า...ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้ง...ข้าอยากเจอเจ้าอีกครั้ง’
จบตอนที่ 108 โปรดติดตามตอนที่ 109 ต่อไป
Comments (0)