96 ตอน ตอนที่ 96 หาหนทางสู่โลกเดิม
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 96 หาหนทางสู่โลกเดิม
ข้อเสนอของโพรทาเลียทำให้หนุ่มสาวต่างเถียงกันเล็กน้อยระหว่างไม่มีเต็นท์กับมีเต็นท์จะแบบไหนกัน ทำเอาเธอเครียดเลยที่มีแต่คนเรื่องมากกันเต็มไปหมด จนไครอนให้เธอพาบางคนที่อยากช่วยไปหาเต็นท์นอนที่คลังแสง โพรทาเลียเข้าใจที่อีกฝ่ายสั่งก็พาคนอื่นไปยังคลังแสงที่เธอไม่ค่อยได้มาบ่อยนัก เพราะส่วนใหญ่อาวุธก็อยู่ติดตัวเธอตลอดเลยไม่ต้องมาเอาถึงคลังเก็บของเท่าไหร่ พอมาถึงทุกคนก็ต่างพากันหาเต็นท์ที่น่าจะมีอยู่ในนี้มั้ง ระหว่างที่หานั้นพวกเฟอร์ร่าก็ลอยตัวมาช่วยหา แต่การลอยตัวของทั้งห้าคนนั้นเป็นที่เด่นสะดุดตา ทว่าคนอื่นไม่เห็นพวกเขาเท่านั้น แต่ก็มีโดนชนจนคนอื่นกรี๊ดกร๊าดกันอย่างเดียวทำเอาเหนื่อยใจไปเลย เวลาผ่านไปไม่นานนักลักซ์ค้นหาอยู่กับรัลพวกเขาสองคนก็ไปเจอสิ่งบางอย่างทันที
“เจอเต็นท์แล้ว!!” ลักซ์รีบลอยเข้าไปดู
“เจอแล้วเหรอ?” โพรทาเลียเอ่ยพูดขึ้นก็รีบวิ่งไปหาพวกลักซ์ทันที
โฟกัสหันไปตามทางที่พี่สาวเดิน เธอก็รีบตามพี่สาวไปด้วย “ดีจริง ๆ เจอเร็วดีนะ”
ทุกคนฟังคำพูดของทั้งสองคนก็สงสัยว่าพวกนั้นคุยกับใครทำเอาบางคนเกิดกลัวว่าทั้งสองคนคุยกับผีหรือเปล่า โพรทาเลียเดินมาตามทางจนมาถึงจุดที่พวกลักซ์กำลังจับกลุ่มกันพวกนั้นอยู่รอบ ๆ ถุงทรงยาว โพรทาเลียมองอย่างสงสัยว่าสิ่งนี้คืออะไรก่อนจะดึงออกมารอบ ๆ มันเป็นผ้าทรงยาวที่ปลายปากเป็นเชือกมัด ยิ่งสงสัยว่ามันใช้เต็นท์แน่เหรอ
“นี่คือเต็นท์เหรอ?”
“ใช่ เต็นท์เก่า ๆ สไตล์ยุคโบราณตั้งแต่ร้อย...200 ปีก่อนนะ” ลักซ์กล่าวพร้อมกลับมาอยู่ใกล้ ๆ เต็นท์ที่อีกฝ่ายหยิบขึ้นมา “แล้วอีกอย่างสิ่งนี้ต้องเอาออกมาประกอบนะ โพรทาเลียไม่เคยสินะ”
“ไม่เคยนะ...” โพรทาเลียเอ่ยตอบ แล้วกอดอกมองอีกฝ่าย ”มันไม่ผุแล้วเหรอนั้น?”
“ไม่ เต็นท์นี้มีเวทมนตร์ปกคลุมอยู่”
“เวทมนตร์? อย่าบอกนะ...พลังของเฮคาทีเหรอ?”
“ไม่เชิง มันเป็นเวทมนตร์ในแขนงของท่านแม่...คือเป็นสิ่งที่แม่สรรค์สร้างแล้วให้สิ่งที่แม่สรรค์สร้างขึ้นนั้นพัฒนาตัวเองไปจนเกิดความมหัศจรรย์”
“อย่างเช่น?”
“รู้ไหมนอกจากโลกของเทพ ยังมีโลกอีกอย่างถูกซ่อนเร้นอยู่ในเงาของโลกนะ”
“หมายถึงอะไรนะ?”
“พวกเธอเคยเห็นอะไรแปลก ๆ ที่คนไม่เห็นไหมล่ะ?”
“อะไรแปลก ๆ เหรอ?”
ทั้งสองคนต่างครุ่นคิดกันอยู่สักระยะ ก่อนที่โฟกัสจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“อ๋อ! เคยสิ เห็นคนหนึ่งเหมือนถือไม้บางอย่างแล้วสะบัดไปมาแล้วบางอย่างก็เข้ามาหาเขา ตอนนั้นฉันนึกว่าเขาเล่นมายากลเลยล่ะนะ แต่...ก็เห็นบ่อย ๆ เป็นบางครั้ง...ฉันเลยคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่มายากลนะ”
“ทางฉันก็เคยนะ...ตอนเดินทางไปอังกฤษแล้วเดินทางไปแถว ๆ ป่าหนึ่ง ระหว่างทางฉันเห็นรถไฟแปลก ๆ ที่มันไม่มีอยู่ในรายชื่อรถไฟด้วย ทำให้สงสัยว่ามันคืออะไร แต่คนอื่น ๆ ไม่เห็นมันนะ”
“นั้นคือความวิเศษของอีกโลกที่แม่ลงเมล็ด แล้วให้มันเจริญเติบโต สักวันพวกเธอก็อาจจะได้เจอโลกนั้นก็ได้”
ทั้งสองคนมองหน้ากันพร้อมกับหันมามองลักซ์อีกครั้ง แล้วพูดพร้อมกัน “แล้วโลกอะไร?”
“โลกเวทมนตร์ โลกที่มีพ่อมดแม่มด โรงเรียนเวทมนตร์ อะไรอีกมากที่ฉันยังไม่เคยรู้ หลังจากที่ตายน่านะ ฉันดูโลกยังไม่หมด ดีที่ว่าจะถูกรวมร่างกับพวกเธอเคยมีอิสระในการเที่ยวไปเรื่อย ๆ ช่วงหนึ่ง”
“ตายแล้วมีเที่ยวได้ด้วยเหรอ?”
“อืม ๆ” โฟกัสก็พยักหน้าอย่างงง
“มีสิ ตอนก่อนพวกเธอจะเกิดสัก 10 ปี ช่วงนั้นเราได้เที่ยวแต่ต้องระวังพวกที่จะเก็บวิญญาณไม่งั้นโดนพาไปยังดินแดนคนตายแน่ ๆ”
“อืม ๆ” พวกอดีตชาติต่างพยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย
“ลำบากกันแย่เลย...แต่ว่าเต็นท์มีอันเดียวเองนะ”
“จุ ๆ อย่าดูถูกเพราะมันมีแค่อันเดียวนะ”
“หือ?” โพรทาเลียมองอย่างสงสัย
ประโยคของอีกฝ่ายวนอยู่ในหัวของโพรทาเลียตลอดว่าอย่าดูถูกเพราะมันมีแค่อันเดียว เธอคิดว่ามันมีอันเดียวมันจะบรรจุคนได้กี่คนเชียว พอออกมาจากคลังแสงอาจารย์ไครอนก็รออยู่ เขาบอกจะพาไปยังบ้านใหญ่ เพราะว่าบริเวณบ้านพักคงต้องสั่งห้ามใครผ่านจนกว่าจะหาวิธีซ่อมบาเรียที่เป็นรูอยู่ในตอนนี้ พอมาถึงข้าง ๆ บ้านใหญ่ก็มีพื้นที่ว่างอยู่แถว ๆ สวนสตรอเบอรี่ โพรทาเลียหยิบอุปกรณ์กางเต็นท์ออกมา ทำให้หลายคนที่เห็นต่างคิดว่ามีเต็นท์เดียวได้มีคนนอกข้างนอกแน่ ๆ ก็เริ่มมีคนเถียงกันว่าใครจะนอนในเต็นท์ เธอไม่สนใจว่าพวกนั้นจะเถียงอะไร จนกระทั่งเธอตั้งเต็นท์จนเสร็จ
“เสร็จสักที...”
“เสร็จแล้วใช่ไหม?” ลักซ์โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าโพรทาเลีย
โพรทาเลียเห็นก็ยิ้มให้อีกฝ่าย “อืม เสร็จแล้ว”
“งั้นขอเสียมารยาทสักครั้ง” ลักซ์ลอยไปทางเต็นท์ทันที
“หือ?”
โพรทาเลียมองลักซ์กำลังลอยไปที่เต็นท์ อีกฝ่ายใช้มือยื่นไปสัมผัสเต็นท์อยู่ไม่นานนัก ลักซ์ก็หันมายิ้มให้เธออย่างเจ้าเล่ห์ เธอเห็นก็รู้สึกแปลก ๆ
“นายทำอะไรนะ?”
“อะไรนิดหน่อยนะ งั้นลองเข้าไปดูสิ”
“เข้าไปเหรอ? มันก็แค่เต็นท์ จะไปมีอะไรนะ?”
“ลองเข้าไปเถอะน่า” ลักซ์กล่าวพร้อมยิ้มอย่างชอบใจ
สีหน้าอีกฝ่ายทำให้โพรทาเลียรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจอีกฝ่ายยิ่งกว่าอะไร เธอมองทางเข้าอย่างสงสัยว่าข้างในเต็นท์มันมีอะไรหรือเปล่า จนกระทั่งเธอยอมที่จะเข้าไปข้างในเต็นท์ พอเธอเดินเข้าไปสายตาของเธอที่มองภาพตรงหน้าต้องหยุดชะงักแล้วค่อย ๆ เดินถอยหลังอย่างอ้ำอึ้งว่าสิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้มันใช่อย่างที่เธอเห็นใช่ไหม
“นั้นมัน...อะไรกัน?”
โพรทาเลียหันหน้าไปมองลักซ์ที่ยังยิ้มอย่างชอบใจกับสีหน้าของอีกฝ่าย โฟกัสที่เดินมาหาพี่สาวก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรเหรอ? พี่”
“ก็เจ้าบ้าลักซ์...มันทำบางอย่างกับเต็นท์นะสิ”
“เอ๊ะ? หมายความว่าไง?”
“ไม่ต้องเอ๊ะแล้ว! เข้าไปดูเองเลย!!” โพรทาเลียดันน้องสาวเข้าไปในเต็นท์
“เอ๋!?”
โฟกัสตกใจที่พี่สาวดันเธอเข้ามาแต่ภาพตรงหน้าก็ทำเอาเธอตกใจเช่นกัน บางคนที่อยู่แถวนั้นต่างมองกันอย่างสงสัยว่าทั้งสองคนนั้นทำอะไรกัน จนกระทั่งโฟกัสถอยหลังออกมาจากเต็นท์ด้วยสีหน้าตกตะลึงเช่นเดียวกัน เธอหมุนตัวหันมาหาพี่สาวทันที
“เดียว...ใช่ อย่างที่หนูเห็นใช่ไหม?”
โพรทาเลียพยักหน้าให้น้องสาวอย่างอึ้ง ๆ ทั้งสองคนต่างไม่คิดว่าจะได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด กระทั่งการกระทำของทั้งสองเตะตาของไครอน จนเขาเดินไปหาเด็กทั้งสองคน
“พวกเธอเป็นอะไรกัน โพรเทีย เมก้า”
“อ๊ะ...เอ่อ...อาจารย์ไครอนเชิญเข้าไปดูก่อนได้เลยค่ะ...”
“จะบ้าหรือ? อาจารย์ตัวใหญ่นะ เข้าไม่ได้หรอก”
“แต่ว่าพวกหนูคิดว่าได้นะ...” ทั้งสองคนต่างพูดพร้อมกัน
“หือ?”
ไครอนยกคิ้วมองอย่างสงสัยว่าภายในนั้นมันมีอะไร เขาลองเปิดผ้าเต็นท์เข้าไปข้างใน ภาพที่ทุกคนเห็นทำให้ทุกคนตกใจที่อาจารย์ไครอนเข้าไปทั้งตัวได้ยังไง โดยที่เต็นท์ไม่มีการขยับแต่อย่างใด แต่แล้วอาจารย์ก็โผล่หน้าออกมา
“เหล่าฮาล์ฟบลัดเข้ามากันได้!”
“เอ๋?”
ทุกคนต่างมองว่าอย่างงุนงงว่าอีกฝ่ายโผล่ออกมาแล้วบอกให้พวกเขาเข้าไปกัน แต่บางคนก็ไม่กล้าเข้าไปกันเท่าไหร่ แต่บางคนก็กล้าที่จะเข้าไปอย่างเช่นพวกบ้านแอรีสที่ขี้เกียจที่จะอยู่ข้างนอกแล้ว พวกเขาเดินเข้าไปในเต็นท์หลายสิบคนก็ทำให้บางคนต่างยังตะลึงว่าพวกนั้นหายไปไหนกัน บางคนก็เริ่มตามกันเข้าไปจนกระทั่งพวกเขาเห็นบางคนที่เข้ามาก่อนหน้า กำลังตรวจสถานที่ตรงหน้ากันอย่างสนุก
มันเป็นพื้นที่ภายในที่กว้างมาก ๆ แล้วตรงหน้าเป็นห้องโถงที่มีที่นั่งพักอย่างสบายและประตูหลายบาน แล้วแต่ละบานนั้นมีสัญลักษณ์ของเทพแตะละองค์ โพรทาเลียกับโฟกัสได้เห็นก็พอใจที่ทุกคนได้อยู่ในที่ดี ๆ ก่อนที่พวกเธอทั้งสองคนจะเดินออกมาข้างนอกกัน โฟกัสจับมือพี่สาวพร้อมกับเอ่ยพูดบางอย่าง
“แบบนี้เราจะเอายังไงต่อ...พี่...” โฟกัสเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย
โพรทาเลียมองน้องสาวพร้อมกับเอามือจับปลายคางของเธอ “ฉันว่าเราต้องหาจุดเชื่อมก่อนล่ะ...ว่าทำไมทุกอย่างถึงบิดเบี้ยวไปหมด...”
“จริง เรามาจากอีกโลกที่มาจากอีกเวลาหนึ่ง”
“ฉันว่าเราควรใช้คำพูดให้พูดล่ะงงมาก ๆ เลยว่า เราอยู่โลกเดียวกันหรือคนละเวลา คนละสถานที่ แต่ว่าเราอยู่ในเวลาเดิมของตนเอง แต่ว่ากาลเวลาและสถานการณ์เปลี่ยนไปหมด”
“ก็เหมือนกับเรามาจากอีกโลกนั้นล่ะ แค่ที่นี่อยู่แยกจากเวลาเดิมของเรา”
“อีกโลกงั้นหรือ?”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทั้งสองคนที่ได้ยินถึงกับค่อย ๆ หันหน้าไปมองข้างหลังนั้นก็คืออาจารย์ไครอนที่ตอนแรกยังอยู่ข้างในเต็นท์ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังออกมาแล้วได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ทำให้ทั้งสองคนทำเป็นว่าไม่ได้พูดอะไร
“อะไรเหรอคะ? ไครอน”
“อีกโลกกำลังพูดถึงดวงดาวเหรอคะ?”
ไครอนมองเด็กทั้งสองคนอย่างพินิจว่าทั้งสองนั้นกำลังเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่น โดยที่เขายังไม่ได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ จนเขามองเด็กทั้งสองอย่างพินิจวิเคราะห์จนเขารู้สึกประหลาดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วจริง ๆ
“พวกเธอไม่ใช่โพรเทียกับเมก้าสินะ”
“อ๊ะ!”
ทั้งสองต่างตกใจกับคำพูดอีกฝ่าย จนมองหน้ากันว่าจะทำยังไงดี ก่อนที่โพรทาเลียจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
“คือว่า...”
“อย่าบอกว่าคืนเดียวคนเราเปลี่ยนได้นะ”
ไครอนกอดอกมองเด็กสาวผมดำที่หน้าตาคล้ายโพรเทีย แต่ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายถ้ามองดี ๆ มีแต่รอยแผลเป็น ต่างกับคนข้าง ๆ ที่ดูยังไงก็เป็นเมก้า แต่ความรู้สึกของเขากับบอกว่าไม่ใช่น้อง
“ฉันสอนมนุษย์กึ่งเทพมานับพันกว่าคนมีหรือว่าฉันจะจำเด็กของฉันไม่ได้”
ทั้งสองต่างทำหน้าหงอยทันทีที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น พวกเธอประมาทไปหมดว่าอีกฝ่ายดูจับทางพวกเธอได้จริง ๆ
“คือว่าพวกเรา...”
“ช่างเถอะ...เราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีกว่านะ”
อีกฝ่ายไม่ฟังคำแก้ตัวของพวกเธอ แต่เรียกพวกเธอไปหาที่สงบ ๆ คุยกัน ทั้งสองมองหน้ากันว่าจะตามไปดีไหม แต่อีกฝ่ายเป็นถึงคนที่พวกเธอไว้ใจกัน ก็ต้องตามกันไปจนถึงจุดที่ไม่ห่างใกล้มากนัก จากบ้านใหญ่นั้นก็คือบ้านอีกฝ่าย โพรทาเลียมองรอบ ๆ แต่รู้สึกว่าไม่มีบางอย่างที่เธอเดินผ่านก็จะเจอตลอด จนเธอหันไปถามอีกฝ่าย
“คาเอลไม่อยู่เหรอคะ? ไครอน”
“คาเอล? ใครงั้นเหรอ?”
“เอ๋?”
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันอย่างตกใจที่อีกฝ่ายถามว่าคาเอลเป็นใคร ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักคาเอล
“คาเอล...ลูกสาวของคุณนะคะ...”
“!!” ไครอนตกใจที่ตัวเองนั้นมีลูกด้วยงั้นเหรอ
“ในโลกพวกเธอ...ฉันมีลูกด้วยงั้นเหรอ?”
“ค่ะ เธอชื่อ คาเอล...เป็นเพื่อนที่ดี...และพี่ที่ดีที่สุดตั้งแต่หนูมาอยู่ค่ายนี้เลยล่ะ” โฟกัสนึกถึงคาเอลที่เคยช่วยเหลือมาตลอด
“ฉันไม่รู้ว่าคาเอลเป็นคนยังไง แต่ว่าเธอเป็นเด็กสาวที่เหมือนคุณมากค่ะ ไครอน...น่าเสียดายที่คุณไม่ได้มีเธอนะคะ...”
“งั้นเหรอ...” ไครอนหันหน้าทางข้างหน้า มันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ บางอย่างจริง “เอาล่ะ งั้นเล่าเรื่องของพวกเธอว่ามาอยู่นี้ได้ไง?”
“ค่ะ!!”
พวกเขานั่งลงคุณกันข้างในบ้าน ไครอนอยู่ในร่างที่นั่งบนรถเข็นธรรมดา เหมือนคนพิการที่อยู่ในรถเข็น โพรทาเลียส่ายหน้าเลิกสนใจรถเข็นปลอมของอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มอธิบายตั้งแต่ต้นว่าโลกของเธอนั้นมีอะไรจนกระทั่งช่วงเวลาปัจจุบันที่สงบสุขหลังจากที่พวกเธอรวบรวมพลังเทพจนครบ แต่ว่าชื่อหนึ่งที่เธอเอ่ยตอนเล่าเรื่องนั้นทำให้อาจารย์ไครอนไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินชื่อนั้นอีกครั้งจริง ๆ
“เมื่อกี้...เธอเอ่ยชื่อนั้น...จริงงั้นเหรอ?” ไครอนถามขึ้น
“ค่ะ?”
“ชื่อนั้น...ชื่อที่ข้าไม่ได้ยินมานาน...” ไครอนทำหน้าอย่างสร้อยเศร้า แต่ก็ดีใจที่ได้ยินชื่อนั้นอีกครั้ง
“อ๋อ...ชื่ออาจารย์ของหนูสินะคะ...ใช่ค่ะ ไครอน...” โพรทาเลียนึกถึงภาพของอาจารย์กับไครอน “อาจารย์ของฉัน...โอเซซัส น้องชายของท่าน”
“เขา...ยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?”
“ค่ะ...หนูว่าเขาคงอยู่ที่เกาะที่แซเทิร์นสร้างขึ้นนะคะ...กับ...เทพีที่หนูรู้จัก...”
โพรทาเลียนึกถึงเทพีอลิซ่าเบ็ธที่เธอรักมาก ๆ แต่ว่าโลกนี่เธอกับอีกฝ่ายไม่ได้รู้จักกันซะงั้น
“โลกของเธอ...เธอช่วยพวกเขาออกมาสินะ”
“ค่ะ...เพราะหนูโดนจับตัวไปตั้งแต่เล็ก...แล้วก็ได้ทั้งสองคนนั้นช่วยเอาไว้...พอมาย้อนนึกว่าโลกนี้หนูไม่รู้จักพวกเขา...มันช่างรู้สึกแย่ยิ่งกว่าอะไร...”
“ชะตาของใครของมันล่ะนะ โพรเทีย...อ๊ะ...โทษที ๆ เธอชื่อโพรทาเลียสินะ”
“ค่ะ เป็นชื่อที่พ่อตั้งให้นะคะ”
“เพอร์ซีย์...ถ้าเขายังอยู่ก็คงได้เห็นพวกเธอเติบโต...แต่โลกนี้ไม่มีเขาอยู่...”
“นั้นล่ะค่ะ โลกของหนูนั้นทุกอยู่กันอย่างมีความสุข ถึงเราจะเสียเด็กฮาล์ฟบลัดไปมั้งก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอยู่เยอะกว่าที่นี่อีกนะคะ”
“อืม แล้วพวกเธอต้องการอะไรงั้นเหรอ?”
“กลับโลกเดิมของตัวเองค่ะ เรายังมีเหตุการณ์ที่ต้องต่อสู้กับแซเทิร์นอีก!”
“งั้นเหรอ? แล้วพวกเธอได้อะไรแล้วมั้งล่ะ?”
“รู้แค่ว่าโลกนี้ไม่มีพ่อแล้ว ไม่มีประตูผ่านไปทางค่ายจูปิเตอร์…”
“มีประตูไปค่ายจูปิเตอร์ด้วยงั้นเหรอ?”
“ค่ะ ได้ไปกินของอร่อยที่ค่ายจูปิเตอร์เวลาว่าง ๆ ด้วย”
“มีของอร่อยด้วยเหรอ? พี่ยังไม่เคยไปเลยนะ” โพรทาเลียได้ยินก็สนใจทันที
“ไว้ครั้งหน้าฉันจะพาไปนะ”
“เอาล่ะ ๆ เลิกนอกเรื่องดีกว่านะ” ไครอนเตือนสติของเด็กทั้งสองทันที
“ขอโทษค่ะ!”
ทั้งสองคนหันกลับมามองอีกฝ่ายเหมือนเดิม ไครอนกำลังครุ่นคิดให้เด็ก ๆ ก่อนที่จะนึกบางอย่างว่าถ้าอยากรู้เรื่องก่อนหน้าก็ต้องถามคนที่มีอายุมากกว่าเด็กทั้งสองคน ทำให้เขานึกถึงคนกลุ่มหนึ่งที่อีกไม่นานจะรวมตัวกันเพื่อพูดคุยกันหรือง่าย ๆ ประชุมหารือกันข้างนอกนั้น
“ถ้าอยากหาเบาะแสจุดเริ่มความบิดเบี้ยวที่พวกเธอพูดนั้น ฉันแนะนำให้ไปหาคนที่มีอายุมากกว่าพวกเธอน่าจะดีกว่านะ”
“คนที่มีอายุมากกว่าเหรอ?” สีหน้าโพรทาเลียดูเจื่อน ๆ เหมือนรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกให้ไปหาคนใหญ่คนโต “พวกหนูไม่ขอไปหาพวกเทพได้ไหมล่ะนั้น”
“เอ๋? ฮ่า ๆ” ไครอนหัวเราะออกมาพร้อมกับมองเด็กน้อย ”ฉันไม่ได้จะส่งเธอไปเทพนะ คนอายุมากนั้นพวกเธอน่าจะรู้จักกันดีเลยล่ะนะ”
“เอ๋?”
ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นหมายถึงอะไร จนเขานั้นยิ้มเยาะก่อนจะพูดขึ้น
“ผู้ใหญ่ที่พอจะช่วยพวกเธอบอกได้ว่าโลกนี้มีอะไรเปลี่ยนไปในช่วงเวลาของเขายังไงล่ะ”
จบตอนที่ 96 โปรดติดตามตอนที่ 97 ต่อไป
Comments (0)