89 ตอน ตอนที่ 89 มาคุยกันหน่อยสิ พี่ฟีนีอุส
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 89 มาคุยกันหน่อยสิ พี่ฟีนีอุส
สถานการณ์จบลงอย่างดี ก็ทำให้หลายคนสบายใจไปอย่างหนึ่ง แต่ว่าทุกคนก็พักผ่อนก่อนกลับอีกหนึ่งวันคนเป็นพ่อมองก็คิดว่าทำตามลูก ๆ สักวันก็ดี เพราะยังไงเขาก็โดนภรรยาและแม่ตัวเองรั้งให้พักผ่อนสักหน่อย เนื่องจากภรรยาเขาเล่าสถานการณ์ทุกอย่างให้แม่เขาฟัง ทำเอาสายตาน่ากลัวของสองสาวก็พุ่งตรงใส่เขาในทันใด วันนั้นเขายอมให้พักผ่อนหนึ่งวันก่อนจะกลับค่ายกัน แต่ก็มีเรื่องทำให้โพรทาเลียสงสัยคือฟีนีอุสมาที่นี่ได้ไง
“แล้วนี่พี่มีทำธุระอะไรนะ?”
“อ๋อ...ก็มาทำธุระให้พ่อนะ เขาอยากให้ได้ของบางอย่าง แล้วพี่ก็ทำอะไรเสร็จกำลังกลับ แต่ว่าได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเลยลองมาดู”
“ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ” โพรทาเลียขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเธอ
“ไม่เป็นไร แค่เธอไม่บาดเจ็บก็ดีแล้วล่ะนะ”
“อะแฮ่ม!!!” เพอร์ซีย์กระแอมขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจที่มาเจอไอ้เด็กที่ผู้ชาย
ทั้งสองคนต่างออกห่างกันในทันใด แต่สายตาของพวกเขาก็แอบมองกันและกัน ความรู้สึกบางอย่างเหมือนอยากอยู่ข้าง ๆ กันโดยไม่ต้องการอะไร จนเวลาผ่านไปตอนเช้าวันถัดมา พวกเพอร์ซีย์ได้เดินทางออกจากร้านบลูเมอร์เมดในตอนบ่ายเนื่องจากตอนเช้าขี้เกียจกันมาก ๆ เลยออกตอนบ่ายกัน ตอนนี้พวกเขาเดินทางกันอย่างเงียบ ๆ คนขับก็คือ พี่โอราอุสที่สลับกับพ่อ ส่วนพ่อมานั่งกับพวกโพรทาเลียที่อยู่ด้านหลังกระบะ ส่วนภายในรถก็มีแม่นั่งอยู่ข้างคนขับ แล้วก็ด้านหลังก็มีคาเร็นน่า เดวิคกับฟีนีอุสนั่งอยู่ด้วยกันพ่อลูก เนื่องจากโดนบังคับให้มานั่งกับลูก
สมาชิกแจ็กสันนั่งกันอยู่หลังรถกันอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรนอกจากนั่งกันแบ่งน้ำดื่มกันอย่างกระหายสักเล็กน้อย แต่ว่าภายในหัวของพวกเขาก็มีความคิดบางอย่างที่อยากจะถามคนคนหนึ่งตรงนี้สุด ๆ โพรทาเลียที่กำลังดื่มน้ำอย่างสบายใจก็รู้สึกถึงสายตาของครอบครัวที่จ้องเธออย่างกับมีคำถามที่อยากถามเธอเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะถือแก้วน้ำดี
“จ้องแบบนี้มีอะไรอยากพูดกับหนูไหมคะ?”
คำถามนั้นทำเอาบางคนที่สงสัยถึงกับสะดุ้งกันไปเลย แต่ว่าคนที่สะดุ้งก็มีพ่อ เบเดอร์ เอเดอร์ และก็สามแฝดเท่านั้น พวกเขามองหน้ากันก่อนจะเอ่ยพูดกัน
“ใช่ มีเรื่องอยากจะพูดกับเธอมากเลยล่ะ โพรทาเลีย” เบเดอร์จ้องมองน้องสาวอย่างสงสัยสุด ๆ
“อยากถามอะไรล่ะ?”
“ทำไมพี่ไปเอาเงินเยอะมาจากไหนนะ?” มาร์โคเอ่ยถามอย่างสงสัย
โพรทาเลียได้ยินก็นิ่งไปชั่วขณะ แล้วมองหน้าของทุกคนที่กำลังมองเธออย่างสงสัย
“ขโมยมานะสิ”
“ห๊า! ขโมย!!”
“นี่ลูกขโมยของเหรอ?”
“อะไรกันจะตกใจทำไม? ขโมยก็ขโมยจากไอ้คนที่พังชีวิตหนูไปเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตหนูเชียวนะ!!”
“หือ? พี่จะบอกว่าพี่ขโมยของพวกนั้นมาจากแซเทิร์นเหรอ?” เรน่าเอ่ยถามสิ่งที่พี่พูดออกมา
“ถูกต้องจ้า น้องนี่เข้าใจง่ายจริง ๆ”
“นี่ลูกเอาเงินของเทพนั้นมาใช้กับพ่องั้นเหรอ?”
“ก็แม้ ก็แค่...5 เปอร์เซ็นต์”
“5 เปอร์เซ็นต์!!!”
แฝดคนพี่ตะโกนกันอย่างตกใจ ทำเอาคนที่อยู่ภายในรถต่างหันมามองว่าข้างนอกคุยอะไรกัน จนแอนนาเบ็ธสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามฟีนีอุส
“ฟีนีอุส เธอได้ยินไหมว่าข้างนอกเขาคุยอะไรกันนะ?”
“ไม่รู้สิครับ ได้ยินแค่ 5 อะไรสักอย่างนะครับ”
“เสียงดังจนทำเอานึกว่าเกิดเรื่องจริง ๆ” แอนนาเบ็ธส่ายหน้าอย่างสงสัยว่าครอบครัวเธอนั้นเป็นอะไรกันถึงตะโกนแบบนั้น
เพอร์ซีย์จ้องมองลูกสาวอย่างสงสัยว่าของมีค่าที่ลูกเอามาจากแซเทิร์นมีเยอะ แค่ไหนก่อนจะใช้สายตาจ้องเขม็งใส่ลูกพร้อมกับพูดเตือนเอาไว้
“โพร...พ่อว่าลูกต้องให้พ่อดูแล้วล่ะว่าลูกมีอะไรติดตัวมามั้งที่มาจากเกาะนั้น!”
โพรทาเลียเห็นสีหน้าคนเป็นพ่อก็ขนลุกสุด ๆ ทำเอาสองคนที่นั่งข้าง ๆ ต่างพากันซุบซิบกับเธอ
“หนูว่าพี่ซวยแล้วล่ะนะ”
“โพร...พี่ว่าน้องได้เจอหายนะแน่ ๆ”
“จริงที่สุด...” โพรทาเลียถึงกับน้ำตาตกเลยที่ตัวเองนั้นกำลังจะดวงซวย เพราะการเอาเงินออกมานี่ล่ะ
โพรทาเลียคิดเลยว่าเธอต้องโดนพ่อดุแน่ ๆ ที่มีของมีค่าติดตัวเยอะขนาดไหนในกระเป๋าคาดเอว ตลอดทางก็มีแต่บรรยากาศตึงเครียดสำหรับโพรทาเลียจนสองถึงสามชั่วโมงก็บ่ายสามหรือสี่โมงเย็นเสียแล้ว พอรถจอดแอนนาเบ็ธก็ลงมาจากรถก็เห็นสภาพลูกสาวคนโตทำหน้าเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่างจนเธอสงสัย
“ตายจริง โพรทาเลีย ลูกเป็นอะไรนะ?”
“พ่อกับพี่เล่นจ้องจนหนูเครียดลงท้องแล้วอ่ะ...”
“เพอร์ซีย์! เด็ก ๆ อย่างแกล้งโพรทาเลียสิ!!” แอนนาเบ็ธพูดระหว่างช่วยลูกสาวลงจากหลังกระบะอย่างช้า ๆ
“ไม่ได้แกล้งเสียหน่อย!!”
“โพร แม่ว่าลูกไปพักผ่อนหน่อยดีกว่านะ”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ...” โพรทาเลียตอบออกไปอย่างหน้าซีด ๆ
สองแม่ลูกเดินกันไปยังสถานพยาบาล คนอื่น ๆ เห็นคุณแอนนาเบ็ธต่างก็ตกใจว่าพวกเขากลับมาแล้วงั้นเหรอ โอลิเวอร์ได้ยินเสียงคนอื่น ๆ โหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างนอกก็ออกมาดู ก็เห็นเพื่อน ๆ ในบ้านกำลังปฐมพยาบาลให้โพรทาเลีย ทำเอาเขาสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ก่อนจะเดินออกไปมาจากโซนของเขาแล้วเดินไปหาพวกเขา
“มาครั้งนี้เป็นอะไรนะ?”
“หือ?” โพรทาเลียเงยหน้าก่อนจะกินยาแก้เครียดแล้วหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย “ไง โอลิเวอร์ ดูเหมือนพี่จะสบายดีนะ”
“ฉันสบายมาตลอดนั้นล่ะ แต่เธอเถอะมีแต่เรื่องเข้าตัว ครั้งนี้เป็นอะไรนะ?”
“แค่เครียดที่พ่อกับพี่จ้องมองฉันอยากจะเอาเรื่องนะ”
“เธอเครียดเป็นด้วยเหรอเนี่ย?”
“ฉันเครียดได้ตลอดนั้นล่ะ ขอนอนพักสักคืนก็น่าจะดีนั้นล่ะ”
“แม่...”
น้ำเสียงของลูกทั้งสองทำให้ผู้เป็นแม่หันไปมองก็เห็นใบหน้าอันเศร้าหมองด้วยความเป็นห่วงว่าแม่ของตนเป็นอย่างไร
“วันนี้ลูกคงต้องไปอยู่กับพ่อก่อนนะ”
“แล้วแม่ล่ะครับ!”
“จริงด้วย!”
“แม่ขอนอนพักก่อนนะ แล้วเดียว...”
โพรทาเลียเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้าตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่รอยยิ้มของโพรทาเลียก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขนลุกหน่อย ๆ
“ฉันไปคุยอะไรด้วยหน่อยนะ!! พี่ฟีนีอุส”
“อ๊ะ...ฮะ ฮะ...ได้สิ...”
ฟีนีอุสตอบอย่างเหงื่อตกไปทั้งใบหน้า ทำให้ว่าพรุ่งนี้คงเรื่องวุ่นวายแน่ ๆ ก่อนที่เขาจะพาลูก ๆ กลับบ้านของเขา เหลือก็แค่ผู้เป็นแม่และลูกสาวสองคนเท่านั้น แอนนาเบ็ธให้ลูกสาวนอนพักที่สถานพยาบาลเสียหน่อย เพื่อความปลอดภัยถึงแม้ของแค่นี้ทำอันตรายโพรทาเลียไม่ได้ก็ตามที แต่แม่ก็อยากให้ลูกนอนพักนั้นล่ะ โพรทาเลียยอมทำตามที่แม่สั่งเพราะแม่สั่งทำให้เธอสบายใจมากกว่า โพรทาเลียนอนหลับอย่างสบายใจไปได้สักระยะ แต่แล้วก็มีสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในความฝันของเธอ
เปลือกตาค่อย ๆ เปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเขียวที่กำลังมองรอบ ๆ ภาพตรงหน้าของเธอนั้นเห็นแต่ผู้คนที่ใส่ชุดสีดำมากมายเต็มไปหมด ทำให้เธอสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน จนเธอเดินไปตามทางระหว่างคนพวกนั้น แต่บางคนที่เดินมาทางเธอก็ทะลุร่างกายของเธอไป ทำเอาตกใจไปหมดนึกว่าจะโดนชน ก่อนที่เธอจะเดินไปตรงโลงศพที่มีผู้คนกำลังร้องไห้กัน เธอเดินไปก็เห็นหญิงสาวผมทองกำลังร้องไห้พร้อมกับลูก ๆ ของตนเองที่กำลังจับมือร้องไห้
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน...’
โพรทาเลียกำลังคิดอย่างสงสัยว่าที่นี่มันที่ไหนแล้วเธอมางานนี้ได้ไง แต่สภาพแวดล้อมมันคล้ายกับยุคสงครามสมัยก่อนตามหนังสือไม่มีผิด แต่ก็สงสัยว่านี่งานศพใครนั้นล่ะ
’ ฉันมาอยู่ในงานศพของใครกัน?’
ระหว่างที่เธอคิดก็มีความสุขบางอย่าง เกิดขึ้นนั้นก็คือมีใครบางคนอยู่ข้างหลังของเธอ นั้นทำให้เธอหันควบไปอย่างรวดเร็วจนได้เห็นใบหน้าอันไม่คุ้นเคย แต่พลังภายในนั้นกับคุ้นเคยยังบอกไม่ถูก
‘ชายคนนี้...หรือว่า...เขาคือ...อะพอลโล!!’
โพรทาเลียตกใจที่อีกฝ่ายมายังโลกมนุษย์แบบนี้ แล้วมายังงานศพของใครก็ไม่รู้ เธอสงสัยว่าอีกฝ่ายมาทำอะไร ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเดินทะลุตัวเธอไปยังโลงศพที่ถูกปิดฝาโลงเอาไว้ โดยที่ปกติต้องเปิดเอาไว้ เขาเดินไปพร้อมกับสัมผัสโลงศพ
“เจ้าเป็นเพียงตนหนึ่ง...แต่ทำไมเจ้า...ถึงสลายหายไป...ทำไมกัน...ธีเอมัส!” น้ำเสียงของอะพอลโลสั่นเครือยิ่งกว่าอะไร
‘ชื่อใครกัน?’ โพรทาเลียคิด
โพรทาเลียได้ยินชื่อนั้นก็สงสัยว่าชื่อนั้นเป็นชื่อของใครที่เทพเรียก แต่แล้วรอบ ๆ กับกลายเป็นภาพคด ๆ เคี้ยว ๆ บิดเบี้ยวไปหมด ทำเอาโพรทาเลียรู้สึกมึนหัวขึ้นมา แต่แล้วภาพนั้นก็ทำให้โพรทาเลียต้องสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝันนั้น เนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ ภาพเดิมตรงหน้าของเธอก็คือเพดาน เธอถอนหายใจอย่างโล่งใจที่มาอยู่ที่เดิม แต่แล้วพอขยับตัวเธอก็เห็นภาพที่ไม่คิดว่าตื่นมาจะเจองั้นก็คือพวกเฟอร์ร่าไซซ์มินิที่มายืนอยู่บนหน้าอกของเธอกัน
“ดูสิ ว่าเธอฝันอะไรนะ?”
“ฝันถึงอดีตของอดีตชาติใช่ไหม?”
“คนไหน? บุตรแห่งอะพอลโลหรือบุตรแห่งซุส”
“นี้ ๆ อย่าพึ่งรบเร้าคนที่พึ่งตื่นสิ”
“จริงด้วย ให้โพรทาเลียตั้งสติก่อน!”
โพรทาเลียเอามือกุมหน้าอย่างเพลีย ๆ ตื่นมาก็เจอเสียงบันเทิงใจตั้งแต่ตื่นนอนจริง ๆ “พวกเธอโผล่ออกมาทำอะไรกัน?”
“ก็รู้สึกบางอย่างในตัวเจ้าเปลี่ยนไป เราเลยออกมาดูก็รู้ว่าเจ้ากำลังฝันถึงอดีตชาติเราเลยมาดูว่าเธอฝันถึงใคร”
โพรทาเลียฟังที่ทุกคนพูดก็คิดสงสัยว่าพวกนี้ไม่รู้เหรอว่าเธอจะฝันถึงอะไร
“แล้วพวกเธอไปดูไม่ได้เหรอ?”
“ไม่!”
ทุกคนต่างตอบพร้อมกันจนทำให้โพรทาเลียเอาหมอนมาพิงหลังแทน
“ฉันฝันเห็นอะพอลโล…”
“ว่าไงนะ!”
“หายนะชัด ๆ”
“ทำไมไม่เป็นฮาลอนนะ...”
โพรทาเลียมองทุกคนที่โวยวายกันอย่างกับจะเจอกับอะไรที่แย่ ๆ ทำเอาเธอสงสัยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“คนนี้แย่เหรอ?”
“ไม่ใช่!” แดเรียลกล่าวออกมา “คนที่แย่คือฮาลอน หมอนั้นไม่ควรได้คนสุดท้าย หมอนั้นมีพลังแค้นยิ่งกว่า...หมอนั้นแค้นพ่อตัวเองสุดหาใครมาหยุดยั้ง เราทั้งหมดยังไม่มีใครต้านทานเขาได้ น้องสาวเขาก็เช่นกัน”
“แล้วใครจัดการได้?”
“เราไม่รู้ แล้วตอนนั้นเจ้าจะรู้เองว่าใครหรืออะไรจะช่วยเจ้า”
“งั้นเหรอ...”
สิ้นสุดท้ายที่พวกนั้นพูด ทำเอาโพรทาเลียครุ่นคิดเลยว่าถ้าเป็นฮาลอนมันจะวุ่นมากน้อยเพียงใด แต่เป็นคนในไม่สำคัญตอนนี้ เราต้องจัดการให้ได้ว่าการที่เธอเป็นภาพนิมิตนี้มันจะบ่งบอกถึงสถานการณ์อันใดต่อไป ช่วงเช้ากำลังดำเนินไปอย่างช้า ๆ โพรทาเลียมองแสงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสูงฟากฟ้า จนมีคนหนึ่งเดินมาดูเธอเพื่อตรวจอาการของเธอ
“น่าจะหายดีแล้วนะ”
โพรทาเลียหันไปมองหญิงสาวผมสีน้ำตาลกล่าวพูดกับเธอ “อืม รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ”
“ดีแล้วล่ะ...เอ่อ...”
โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่ทำท่าทางเหมือนจะพูด “หือ? อะไรเหรอ?”
“ขอบคุณนะสำหรับเรื่องที่ช่วยคนในค่ายจากการโดนสลับตัวนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก...ฉันก็อาจจะเป็นต้นตอด้วยที่ทำให้พวกนั้นสลับตัวกันได้นะ”
“แต่ฉันก็ดีใจที่โพรทาเลียสามารถทำให้ทุกคนกลับมาได้ ถึงจะไม่ครบทุกคน...แต่...ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรนี่เนอะ”
“ไม่หรอก...แต่...เสียใจนะ ถ้าเธอ...เสียใครไป”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะแสดงสีหน้าที่มีรอยยิ้มแต่แฝงความเศร้าเอาไว้ ก่อนจะตอบด้วยคำสั้น ๆ
“อืม...”
พอหญิงสาวผมสีน้ำตาลดูเธอสักพักก่อนจะออกไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ พอฟังคำพูดอีกฝ่ายที่ขอบคุณเธอนั้นมันทำให้เธอเศร้ามากกว่าว่าถ้าเธอไม่โดนลักพาตัวไป บางนี้คงไม่มีใครต้องมาตายเพราะนูอัสเด็ดขาด ความรู้สึกผิดเต็มในใจของเธอ แต่ถ้าพ่อแม่มาได้ยินคงจะบอกว่าเธอไม่ผิด ผิดก็ผิดที่คนที่ลักพาตัวเธอไป นั้นทำให้เธอคิดได้ว่าต้องกำจัดแซเทิร์นให้สิ้นซากเสียทีถึงแม้จะกำจัดได้ แต่สักวันอีกฝ่ายก็จะฟื้นมาอีก เธอต้องทำให้อีกฝ่ายหายจากชีวิตเธอไปยาว ๆ อีกหลายพันปีให้ได้
พอฟ้าสว่างสดใสผู้คนจากบ้านต่าง ๆ ก็ออกมาทำกิจกรรมตอนเช้าอย่างเคย ก่อนเวลาอาหารว่างประจำวัน หลายคนออกมาวิ่ง หลายคนออกมาเล่นกัน โพรทาเลียมองคนอื่น ๆ ผ่านสถานพยาบาลอยู่นานก่อนที่จะมีเสียงเป่าแตรที่บ่งบอกว่าถึงเวลาทานอาหารหลายคนต่างพากันเดินไปยังโรงอาหารยกเว้น โพรทาเลียที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างครุ่นคิดกับบางอย่างอยู่สักระยะ อย่างไม่สนใจรอบข้าง แต่แล้วก็มีหนึ่งเข้ามาแตะไหล่ของเธอเบา ๆ ทำเอาเธอสะดุ้งจนหันไปมองก็เห็นชายผมสีทองที่เธอต้องการพบพอดี
“ยังไม่หายดีเหรอ? โพรทาเลีย”
“พี่...ฟีนีอุส...”
“บอกแล้วนี่น่าว่าเรียกฟีนีอุสนะ?”
“เรียกแบบนี้ดีกว่านี่น่า...เรียกห้วน ๆ มันแปลกนี้...”
“ซะงั้น...” ฟีนีอุสทำหน้าเจื่อน ๆ
ลูกทั้งสองของโพรทาเลียก็โผเข้ากอดแม่ของตนในทันใด โพรทาเลียก็ลูบหัวลูกอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“งั้น...เราไปหาที่คุยกันเลยดีกว่านะ”
“อ๊ะ!!”
ฟีนีอุสถึงกับหน้าเหวอเลยที่อีกฝ่ายชวนไปหาที่คุย ทำเอาเขาระแวงแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นจะทำอะไรกับเขา เขาพาอีกฝ่ายไปยังบ้านของเขา พอถึงบ้านก็ให้เด็กขึ้นไปข้างบนห้องนอนของเดวิค ตอนนี้ก็เหลือแค่ชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้ากันและกัน ฟีนีอุสจ้องมองอีกฝ่ายว่าจะพูดอะไรกับเขา เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันช่างตึงเครียดยิ่งกว่าอะไร โพรทาเลียจ้องมองสักพักก่อนจะเอ่ยพูดออกมา
“ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมกับพี่! แต่พี่รู้ตั้งแต่ตอนไหนว่าฉันคือโพรทาเลีย”
“เอ่อ...ตั้งแต่เธอเข้ามานะ...”
“เพราะเดวิคสินะ!”
“ใช่...เด็กคนนั้นเขา...สัมผัสได้ว่าเป็นเธอ...เขาก็เลย...บอกว่านั้นคือเธอ...”
“แล้วพี่จะไม่พาลูกมาหาฉันมั้งเลยหรือไง?”
“ก็...แบบ...เดวิคเขา...สั่งห้ามฉันบอกว่าเขาอยู่ที่นี่...”
สีหน้าของเธอดูไม่พอใจอย่างมาก ทำเอาฟีนีอุสไปไม่เป็นสุด ๆ เพราะถ้าพูดอะไรอีกฝ่ายคงโกรธแน่ ๆ แล้วภายในใจของโพรทาเลียก็โกรธมาก ๆ แต่ที่โกรธนั้นไม่ได้โกรธลูก แต่โกรธสิ่งที่เธอเผชิญอยู่ต่างห่าง
“รู้ไหมว่าฉันรู้สึกโง่แค่ไหนที่อยู่กับผู้ชายที่เป็นชายที่ฉันไม่คิดว่าจะต้องมาเป็นพ่อของลูกฉัน แล้วแสดงท่าทางโง่เง่าว่าฉันคือคีย์ วันเดอร์เลอร์ตลอด24ชั่วโมง แล้วพี่ก็มองฉันด้วยสายตาหัวเราะเยาะฉันตลอดเวลาด้วย!!”
“เดียว ๆ ๆ ฉันไม่เคยมองเธอแบบนั้นนะ”
“โกหก!! ตลอดเวลาที่ฉันเจอพี่ พี่ก็เอาแต่ยิ้มให้ตลอดจนเหมือนคนกำลังกลั้นขำเนี่ยนะ!!!”
โพรทาเลียใช้มือตบโต๊ะอย่างแรงจนมันหันต่อหน้า ทำเอาฟีนีอุสสะดุ้งโหยงที่คนเป็นว่าที่ภรรยาแรงเยอะแบบนี้ แต่เสียงข้างล่างดังจนมาถึงข้างบนทำเอาเด็ก ๆ สงสัยเลยว่าพ่อทำอะไรให้แม่โกรธ โพรทาเลียจ้องมองอย่างขุ่นเคือง ฟีนีอุสเห็นก็ถอนหายใจก่อนจะอธิบายต่อ
“พี่ไม่ได้หัวเราะเธอนะ” ฟีนีอุสเริ่มอธิบายให้ฟัง “ไม่ได้หัวเราะหรือยิ้มเยาะ เพราะขำเธอนะ”
“แล้วยิ้มอะไรนักหนา ห๊า!!”
“ก็...เธอน่ารักนี่น่า....”
“เอ๊ะ?!”
แค่คำว่าน่ารักก็ทำเอาโพรทาเลียไปไม่เป็นสุด ๆ เธอไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาพูดแบบนี้ในเวลาที่เธอโกรธแบบนี้ ก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีเพื่อหลบซ่อนใบหน้าที่มีสีแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศ เธอนั่งลงแล้วกอดอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาปากหวานกับฉันเลยค่ะ! ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ!!”
“แหม ๆ โพรทาเลีย” ฟีนีอุสเห็นอีกฝ่ายเขินอายจนทำตัวไม่ถูก เขาทำให้เขารู้สึกชอบใจจริง ๆ “แต่เธอโกรธที่พี่ไม่บอกเธอสินะว่ารู้เรื่องเธอนะ”
“ใช่สิ! แบบนี้ก็ไม่เหมือนว่าฉันอุตส่าห์แอบทำตั้งนาน ถ้าฉันรู้ว่าพี่รู้ ฉันก็ขอความช่วยเหลือไปแล้วสิ!”
“โทษที ๆ พวกเราอยากดูนะว่าเธอจะทำยังไง?”
“พวกเรา?” โพรทาเลียดึงสติกลับมาแล้ว ค่อย ๆ หันไปหาอีกฝ่ายด้วยสายตาที่จ้องอย่างอาฆาตในทันใด “นอกจากพี่กับลูก...มีคนอื่นที่รู้ด้วยเหรอ?”
“มีสิ น้องสาวฉันกับที่ปรึกษาเฮอร์มีสไงล่ะ”
“ที่ปรึกษา?” โพรทาเลียได้ยินก็นึกถึงคนคนหนึ่ง “หรือว่า!!”
“เอ่อ...ใช่...โทมัสไงล่ะ”
“เจ้าพี่นั้น!!!” โพรทาเลียจ้องด้วยสายตาโกรธเคืองเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายมาทำตัวสนิทกับเธอ เพราะแบบนี้เองสินะ “ขอตัวไปจัดการหมอนั้นได้ไหมคะ!?”
โพรทาเลียกำลังจะลุกขึ้นเพื่อออกไปจัดการโทมัส แต่ว่าฟีนีอุสก็รีบวิ่งไปห้ามอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ไปฆ่าเพื่อนเขาเสียก่อนที่จะได้เห็นที่ปรึกษาบ้านเฮอร์มีสโดนสายเลือดโพไซดอนเล่นงาน
“หยุด ๆ อย่าทำอะไรบ้า ๆ สิ” ฟีนีอุสมาดักหน้าของโพรทาเลียในทันใด
“หลบไป!! ฟีนีอุส”
“ไม่! เธอต้องใจเย็นแล้วอย่าทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังหน่อยเลย”
“หึ!”
โพรทาเลียพองแก้มอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมากจนหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ฟีนีอุสเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้เลย ก่อนจะกอดอีกฝ่ายจากข้างหลังแล้วซุกหน้ากับไหล่ของอีกฝ่าย ทำเอาโพรทาเลียสะดุ้งที่อีกฝ่ายเข้ามากอดแบบนี้
“พี่!!”
“ฉันรู้ว่าเธอโกรธที่โดนหลอกนะ แต่ถึงทุกคนจะรู้ว่าเธอเป็นใคร พวกเขาก็ช่วยเธอเป็นอย่างมากเลยนะ”
“พี่พูดหมายความว่าไง?”
ฟีนีอุสหมุนตัวอีกฝ่ายหันมาทางเขาแล้วกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ ทำเอาโพรทาเลียเกร็ง ๆ เลย
“หมายถึงที่ผ่าน ๆ มาเธอได้รับความช่วยเหลือจากพวกเรามาตลอดไงล่ะ”
“เอ๋?” โพรทาเลียงุนงงว่าอีกฝ่ายหมายความว่าไง แต่ที่ผ่าน ๆ มาเธอทำอะไรก็ไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิดทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายช่วยอย่างงั้นเหรอ “นี่...พี่กับทุกคน...ช่วยฉันมาตลอด...งั้นเหรอ?”
“มีหรือว่าพวกเราจะไม่ปกป้องเธอนะ แล้วอีกอย่างฉันรักเธอคนเดียวฉันก็ต้องปกป้องเธอสุดชีวิตของฉันนั้นล่ะ”
“พี่...”
ใบหน้าของโพรทาเลียตอนนี้มันช่างแดงยิ่งกว่าอะไรจนเธอไม่กล้ามองอีกฝ่ายเลย แต่ว่าฟีนีอุสเห็นอีกฝ่ายเขินอายจนเขาอยากแกล้งเธอมาก ๆ ด้วยการประคองใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาหาเขาแล้วเขาค่อย ๆ ยื่นใบหน้าเข้าหาเธอ โพรทาเลียรู้สึกใจเต้นเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายกำลังจะยื่นหน้าเขามาหาเธอ เธอหลับตาลงอย่างคล้อยตามบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ แต่ภาพของทั้งสองคนที่กำลังจะจูบหันก็ทำให้คนที่ยืนอยู่แถว ๆ หน้าประตูบ้านก็มองอย่างไม่พอใจสุด ๆ
“ถ้าแกยังเข้าใกล้ลูกฉันอีกนิดเดียว แกตายแน่ ๆ ฟีนีอุส!!!”
“!!!”
จบตอนที่ 89 โปรดติดตามตอนที่ 90 ต่อไป
Comments (0)