62 ตอน ตอนที่ 62 ถ้ำปริศนา
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 62 ถ้ำปริศนา
ภายในค่ายกลับมาสงบอีกครั้งนอกเว้นแต่สถานที่หลายจุดโดนทำร้าย คงต้องซ่อมแซมอีกเยอะ แต่พวกเขาก็ยังมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับอีกค่ายอย่างค่ายจูปิเตอร์ก็คงกำลังโดนโจมตีเหมือนทางนี้ แต่สำหรับทางนั้นคงดูแลตัวเองกันได้นั้นล่ะ ถ้าไม่เหลือจำนวนคนในค่ายน้อยเท่าทางนี้ ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองกัน ส่วนสองแฝดกำลังเดินไปยังประตูมิติเพื่อไปช่วยเดวิคที่อยู่ฝั่งค่ายจูปิเตอร์ แต่มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับประตู ทุกครั้งประตูนั้นจะมีเงาสะท้อนไหลเวียนไปมารอบๆ ประตู แต่ครั้งนี้มันกับนิ่งจนน่าประหลาดใจ ทั้งสองเดินไปหาผู้เป็นพ่อทันที
“พ่อค่ะ!”
เพอร์ซีย์หันไปมองลูกสาวทั้งสองกำลังวิ่งมาหาเขา “โพรทาเลีย! โฟกัส!”
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ?”
“ประตูถูกทำร้ายจากฝั่งนี้นะ พวกบ้านเฮเฟตัสกำลังหาทางแก้ไขอยู่นะ!”
“ห๊า!!” ทั้งสองอุทานอย่างตกใจ
“ยัยปีศาจนั้น!!” โพรทาเลียกำหมัดชกมือตัวเองทันที
ความโกรธของโพรทาเลียพุ่งขึ้นออกมาจนน้องสาวต้องทำให้ใจเย็นๆ ยิ่งโพรทาเลียห่วงลูกชายมากกว่าเดิม สัมผัสของเดวิคอยู่อีกฝั่งหนึ่งของค่ายจูปิเตอร์ แต่เธอพึ่งเกตว่าคนคนหนึ่งไม่ได้อยู่ในค่ายตอนนี้
“จริงสิ! แล้วฟีนีอุสไม่ได้อยู่ที่นี้เหรอ?”
“ฉันว่าเขาคงไปลูกทางฝั่งนั้นก่อนที่ประตูจะถูกทำร้ายนะ!” เบ็นเอ่ยพูดขึ้น
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินไปหาเบ็นที่กำลังซ่อมแซมประตูอยู่ “แปลว่าฟีนีอุสอยู่ฝั่งนั้นแล้วจริงๆ”
“น่าจะใช่!”
“จะโล่งอกดีไหมเนี่ย?” โพรทาเลียชักห่วงทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งนั้นสุดๆ
เบ็นลุกขึ้นพร้อมกับน้ำมันหล่อลื่นสีดำที่เลอะมือเต็มไปหมด “แต่ฉันต้องรีบซ่อมประตูก่อนที่ทางฝั่งนั้นจะคิดว่าเราปิดประตู เพื่อให้พวกเขาตายที่นั่น!!”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ๆ” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เธอจ้องมองกลไกที่เบ็นซ่อม ก็เห็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดเธอรู้สึกว่าคุ้นเคยกับกลไกนี้ “กลไกนี้...หรือว่า…!!”
“ใช่!” เซเรน่าโผล่ออกมาลอยมาที่กลไก เธอจ้องมองกลไกนี้อย่างคิดถึง “วิธีการสร้างของข้า!! ไม่นึกว่าพ่อยังเอามาใช้!”
“ทำไมเขาถึงเอามาใช้กับประตูมิติกัน?”
“มันเป็นกลไกที่การป้องกันที่สูงมากๆ นะ ถ้าไม่ใช่เฮเฟตัสหรือข้า จะไม่มีใครสามารถซ่อมมันได้หรือทำร้ายมันได้ นี่แปลว่าท่านพ่อคิดว่าจะไม่มีคนมาทำร้ายมันได้ แต่ก็มีจนได้!!”
“แล้วเราจะซ่อมยังไง?”
โพรทาเลียพูดคุยกับเซเรน่าอย่างตั้งใจ โดยได้สนใจคนรอบข้างที่กำลังมองว่าโพรทาเลียคุยกับใคร นอกเว้นแต่คนที่เคยเจอจิตวิญญาณก็พอเห็นตัวมั้งว่าโพรทาเลียคุยกับใครอยู่
“ซ่อมได้ง่ายๆ ถ้าข้าออกมาซ่อมเอง!”
“งั้นเหรอ...”
โพรทาเลียจ้องมองเซเรน่าตาไม่กะพริบ จนเซเรน่ากังวลใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ โพรทาเลียถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหาน้องสาว
“โฟกัส!!”
“ค่ะ!! พี่!!” โฟกัสมองพี่สาวที่กำลังเดินมาหาเธอ
“ไปรวมตัวคนที่พร้อมจะต่อสู้ เราจะไปช่วยคนในค่ายจูปิเตอร์กัน!!”
“แล้วพี่ล่ะ!!” โฟกัสสงสัยว่าพี่จะทำอะไร
“ฉัน!” โพรทาเลียหันหลังกลับ เพื่อเดินไปที่ประตูมิติ "จะให้เซเรน่าซ่อมประตู!! เซเรน่า!!"
เมื่อเอ่ยนามอดีตชาติร่างกายของโพรทาเลียเริ่มเปลี่ยนรูปร่างที่สูงขึ้น ผิวกายขาวผ่องแปลงเปลี่ยนเป็นสีน้ำผึ้งสดงดงาม ผมอันเรียบฟูกับกลายเป็นผมมัดก้าวหยิกหยักศกสีน้ำตาลดำ ดวงตาสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดง เสื้อผ้าที่ใส่เริ่มเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าประจำกายของเซเรน่า เสื้อเชิ้ตเปิดอกเล็กน้อยกับกางเกงเอี๊ยมหนังตัวโปรดของเธอ เซเรน่าเดินมาอยู่ตรงหน้าเหล่าเด็กๆ บ้านเฮเฟตัสพร้อมกับยื่นมือไปหาพวกเขา
“เอาล่ะ หนุ่มๆ ข้าขอยืมอุปกรณ์หน่อยละกันนะ!” น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มชวนหลงใหล ทำให้หนุ่มๆ บ้านเฮเฟตัสถึงกับหลุมหลงในความงามของเธอ
“คะ...ครับ...” เบ็นยืนกล่องอุปกรณ์ของเขาให้หญิงสาวตรงหน้า
“ขอบคุณนะ” เซเรน่ากล่าวขอบคุณเหล่าสายเลือดเดียวกับตน
เธอก็เตรียมตัวซ่อมเครื่องตรงหน้าของเธอในทันที ทำเอาหนุ่มๆ บ้านเฮเฟตัสต่างหลงความงามของหญิงสาว เพอร์ซีย์ที่เห็นอย่างอ้ำอึ้งก็สงสัยว่าจู่ๆ ลูกสาวเขากลายร่างเป็นคนอื่นๆ โฟกัสกำลังจะวิ่งไปเรียกคนอื่นๆ เพอร์ซีย์รีบจับแขนลูกสาวในทันที
“เดียวๆ โฟกัส พี่สาวลูกทำไมกลายเป็นคนอื่นได้ หรือว่าใช้พลังของกำไล?”
“เปล่าค่ะ นั้นอดีตชาติของพี่นะคะ เธอชื่อเซเรน่า พ่อน่าจะจำได้นะ”
เพอร์ซีย์นึกวิเคราะห์แล้วจำได้ถึงพวกจิตวิญญาณตัวจิ๋วที่ลูกของว่าเป็นอดีตชาติ
“พวกจิตวิญญาณตัวจิ๋วนั้นนะเหรอ?”
“ค่ะ งั้นหนูขอตัวนะ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่ยังต่อสู้ได้ก่อนนะคะ!”
ไม่กี่นาทีประตูก็กลับมาทำงานอีกครั้ง เซเรน่าลุกขึ้นมองกลไกชิ้นงามของเธอกำลังทำงานให้แก่ประตู เธอลุกขึ้นยืนอย่างสบายใจการไม่ได้แตะงานอะไรแบบนี้มานาน ช่างทำให้เธอรู้สึกหลงใหลอีกครั้งจริงๆ
“สุดยอดเลย!!”
“เอ๋!?”
เซเรน่าตกใจกับเสียงตะโกนเมื่อกี้ พอเธอหันไปก็เห็นเหล่าสายเลือดเฮเฟตัสโผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอเต็มไปหมด
“ตายล่ะ!?”
“คุณเป็นใครกัน!?”
“คุณสามารถซ่อมประตูนั้นได้ไม่กี่นาทีเอง สุดยอดสุดๆ!”
“จริงด้วย พวกเราไม่เข้าใจกลไกของพ่อเลยสักนิด แต่คุณกับเข้าใจมัน ช่วยสอนพวกเราด้วยนะ!!”
“ใช่ๆ ช่วยสอนพวกเราด้วยสิ!”
เซเรน่ายิ้มออกมา เธอได้เห็นพี่น้องร่วมสายเลือดของเธอกำลังสนใจในกลไกของเธอแบบนี้
“ข้าไม่รู้จะสอนพวกเราได้ไหมนะ แต่กลไกที่ท่านพ่อเอามาใช้นั้น เป็นกลไกที่ข้าเป็นคนสร้างขึ้นเองนะ”
“ห๊า!!” ทุกคนต่างอุทานออกมาทันที
โฟกัสพาชาวค่ายมารวมด้วยได้ไม่ถึง 40 คน เพราะบางคนก็บาดเจ็บจากการโดนจับหรือทำร้าย โฟกัสมาถึงก็เห็นภาพแปลกๆ ที่เหล่าสายเลือดเฮเฟตัสรอบเซเรน่า
“เซเรน่า...เกิดอะไรขึ้นนะ?” โฟกัสถามอย่างสงสัย
“เจ้ามาซะที สายเลือดโพไซดอน งั้นข้าขอคืนร่างของโพรทาเลียล่ะ ลาก่อนนะ น้องๆ ทั้งหลาย!”
“เดียวสิครับ!”
เซเรน่าคืนร่างแก่โพรทาเลีย ร่างกายเปลี่ยนกลับเป็นโพรทาเลีย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองสายเลือดเฮเฟตัสตรงหน้าที่กำลังจับจ้องเธออย่างสนใจ ก่อนที่เธอจะส่ายหน้า
“ขอล่ะนะ! ถ้าสนใจหญิงคนนั้น ค่อยกลับมาสนใจดีกว่านะ เราต้องไปช่วยค่ายจูปิเตอร์กันนะ!”
สายเลือดเฮเฟตัสได้ยินแบบนั้น พวกเขาต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างดีใจ แล้วหันมาขานตอบทันที
“รับทราบ!!”
“เหอะๆ พี่ตกบ้านเฮเฟตัสซะอยู่หมัดเลยนะ...” โฟกัสจ้องมองพี่สาวอย่างแซวๆ
“พอเลยโฟกัส!”
พอประตูกลับมาทำงาน โพรทาเลียก็หันไปมองทุกคนที่มารวมตัวกัน มีตั้งแต่ผู้ใหญ่จนไปถึงวัยรุ่น เธอเห็นแม่และพี่น้อง รอไปร่วมการต่อสู้ด้วย เธอยิ้มอย่างภูมิใจในครอบครัว แต่สีหน้าของบางคนก็ยังดูหม่นหมองกับเหตุการณ์ที่ตัวเองเจอถึงแม้จะมีแต่วัยรุ่นที่มีสีหน้าแบบนั้น พอเห็นแบบนั้น เธอไปหาที่เหยียบให้ทุกคนได้เห็นเธอ แล้วเรียกดาบไซกาเรนออกมาแล้วตวัดตรงหน้าของเธอ
“เหล่าฮาล์ฟบลัดทั้งหลายเอย! ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องแสดงให้เหล่าปีศาจได้รับรู้ถึงที่พวกมันกล้ามาดูถูกเหยียบหยามพวกเราถึงที่ค่ายแห่งนี้!!”
ทุกคนต่างตกใจที่ได้ยินเสียงที่โพรทาเลียกำลังกล่าวออกมา เพอร์ซีย์ตะลึงที่ลูกสาวนั้นโตกว่าที่เขาคิด
"พวกเราจงตั้งสติ!! ถึงเวลาแสดงพลังของสายเลือดของพวกเจ้า!! จงร่วมต่อสู้ไปกับเรา!”" โพรทาเลียกล่าวคำพูดออกมาพร้อมชูดาบขึ้นสูง “จงสู้ในฐานะมนุษย์กึ่งเทพ จงสู้ในฐานะตัวของพวกเรา!!”
“โอ๊สสสสสสสสสสส!!”
ทุกคนต่างโหร้องออกมาอย่างสุดกำลังและฮึกเหิมอีกครั้ง แอนนาเบ็ธเดินมาอยู่ข้างๆ สามี เธอไม่นึกว่าลูกสาวของเธอจะโตขึ้นมาเป็นเหมือนผู้นำที่พร้อมจะพาทุกคนไปสู้กับการต่อสู้อันตรายแบบนี้ได้ โพรทาเลียกระโดดลงข้างที่เหยียบ เธอมายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับวางแผนให้ทุกคนทำตามที่เธอพูด โฟกัสได้ยื่นเขาสัตว์ให้พี่สาวตามที่เธอขอไว้ ทุกคนต่างเตรียมตัวอาวุธครบมือ โพรทาเลียเห็นเธอพร้อมตะลุยเข้าไปในค่ายจูปิเตอร์ เธอหันหลังวิ่งเข้าไปข้างในเมื่อผ่านประตูมิติเข้ามาสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ก็โผล่มาจริงๆ ยักษ์ไซคลอปส์ 5 ถึง 6 ตนเตรียมยกอาวุธฟาดใส่เธอ แต่เธอก็หลบการโจมตีถึงเหนือหัวพวกมันพร้อมกับตวัดดาบใส่พวกมันกลางตัวจนมันแย่งออกเป็นสองท่อนแล้วสลายหายไป
“อย่ามาดูถูกกันนะเฟ้ย!!” โพรทาเลียตกลงสู่พื้น
การเล่นทีเผลอของพวกมันช่างเป็นกลยุทธ์ที่ล้าสมัยสุดๆ เธอมายืนอยู่ใจกลางระหว่างกรุงโรมใหม่และตัวค่าย เธอเห็นพวกปีศาจกำลังไล่ล่ามนุษย์กึ่งเทพคนอื่นๆ และ บางคนกำลังโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัสจนทำให้เลือดขึ้นหน้าของโพรทาเลียสุดๆ เธอยกเขาสัตว์ขึ้นมาเป่าสุดเสียงดังไปทั่วทั้งค่ายจูปิเตอร์ ผู้คนภายในค่ายจูปิเตอร์อย่างได้ยินเสียงที่ว่านั้น เหล่าปีศาจก็มองหน้าว่าเสียงเขาสัตว์นั้นมาจากไหน
“ชาวค่ายจูปิเตอร์!! ถึงเวลาโต้กลับแล้ว!!”
โพรทาเลียตะโกนสุดเสียงพร้อมกับชาวค่ายฮาล์ฟบลัดกำลังวิ่งออกมาจากประตูมิติกันหลายคน
“ถล่มพวกมันกันเลย!!” เพอร์ซีย์ตะโกนสุดเสียงดัง
พวกผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างบนหลังคามองเหล่าชายค่ายฮาล์ฟบลัดมาช่วย ทำให้พวกเขามีกำลังใจขึ้นมาทันที พวกปีศาจเห็นว่าพวกมนุษย์กึ่งเทพอีกกลุ่มกำลังมาพวกเขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่ตัวเองกำลังเล่นด้วย ชาวค่ายจูปิเตอร์เห็นว่าพวกมันเผลอก็โจมตีกลับทันที การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กึ่งเทพและพวกปีศาจก็เริ่มกำลังยกสองในค่ายจูปิเตอร์ โพรทาเลียก็โจมตีพวกปีศาจที่วุ่นวายกับมนุษย์กึ่งเทพตามทางที่เธอวิ่งไป เธอกำลังตรวจหาสัญญาของลูกชายอย่างเร่งรีบ
‘ขอให้ลูกไม่เป็นอะไรนะ เดวิค!!’
ทางด้านลิซ่ากับโอราอุสทั้งสองกำลังตามยักษ์สองตนที่หนีออกมา โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าทุกคนออกไปช่วยเหลือค่ายจูปิเตอร์กัน พวกเขาสะกดรอยตามพวกปีศาจจนมาถึงถ้ำหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากค่ายฮาล์ฟบลัดมากๆ พวกเขากำลังจ้องมองพวกปีศาจกำลังเข้าไปในถ้ำที่มีพวกยักษ์ไซคลอปส์สองตนกำลังยืนเฝ้าอยู่ ทั้งสองหันกลับมานั่งอย่างครุ่นคิดหลังหินก้อนใหญ่
“เอาไงต่อดี ลิซ่าพวกมัน 2 ตนหน้าถ้ำนั้น ถึงเราจัดการก็ไม่รู้ว่าพวกมันมีอีกกี่ตนข้างในนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะจัดการกับพวกมันไม่ให้รู้ตัวเลยล่ะ”
“ขอล่ะนะ ฉันไม่อยากเห็นเธอบาดเจ็บนะ!”
“น่าๆ ข้าไม่บาดเจ็บหรอกนะ อย่าลืมสิว่าข้าเป็นใคร”
“เทพี...แต่เธอเป็นหญิงนะ...ฉันควรปกป้องเธอ”
ลิซ่าจ้องมองคนรักที่ห่วงเธอเกินไป เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบหนึ่งครั้ง “ก็ได้ ไปคนละฝั่งแล้วจัดการพร้อมกัน โอเคไหม?”
“โอ...โอเค!”
ทั้งสองคนพากันเดินมาด้านข้างปากถ้ำอย่างเงียบไม่ให้พวกปีศาจรับรู้อะไร เมื่อเข้าไปใกล้ตัวทั้งสองออกมาฟันปีศาจทั้งสองจนสลายหายไป ทั้งสองยืนกันอยู่ข้างหน้าปากถ้ำกัน ทั้งสองมองหน้ากัน
“จัดการพวกมันจบแล้ว...แล้วเรามาทำไมกัน?”
“ข้าแค่สงสัยว่าพวกมันจะมีมาอีกไหม? ถ้ามีเราจะจัดการพวกมันและ...เพื่อเราเจอเด็กบางคนที่โดนเปลี่ยนตัวมั้ง...ถ้าไม่พวกเราก็จัดการพวกปีศาจพอ”
“งั้นเหรอ...โอเคงั้นไปกัน!”
"อืม!"
ลิซ่าพยักหน้าให้อีกฝ่าย ทั้งสองคนต่างพากันเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง ภายในถ้ำนั้นทำอับชื้นและมืดมากๆ ทั้งสองเดินไปอย่างช้าๆ ตามทางก็มีพวกปีศาจเดินผ่านไป พวกเขาก็หลบทางเพื่อไม่ให้พวกมันเจอตัว พอหลบไปก็เดินกันไปเรื่อยๆ จนมาได้ยินเสียงคุยกัน
“อูโร! แกว่าตอนนี้พวกนูอัสจะจัดการพวกมนุษย์กึ่งเทพหมดไหม?”
“ไม่รู้สินะ เฟล ข้าว่านางทำพลาดอีกละก็แซเทิร์นคงลงโทษนางอย่างหนักแน่ๆ”
“ก็ดี ข้าจะได้เป็นใหญ่ต่อจากนาง!!”
ทั้งสองมองลงไปข้างล่างก็เจอปีศาจกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นเกมไพ่กัน พวกเธอกลัวว่าจะไม่ได้มีเท่านี้ แต่สายตาของพวกเขาหันไปเห็นสิ่งที่ไม่อยากคิดจริงๆ โอราอุสเห็นถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
“นี่มัน...เรื่องเลวร้ายสุดๆ เลยนะ”
“จริงของนาย!”
ภาพตรงหน้าทำให้ทั้งสองคนต่างพากันตกตะลึง สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นมากๆ ไม่ใช่อะไรอื่น ภายในถ้ำนี้ไม่ใช่ถ้ำทั่วไป แต่เป็นถ้ำที่มีกรงขังมากมายขังเหล่ามนุษย์กึ่งเทพหลายร้อยคน พวกเขาจ้องมองเหล่ามนุษย์กึ่งเทพก็เห็นว่าไม่ใช่แค่ค่ายฮาล์ฟบลัดเท่านั้น แต่มีคนของค่ายจูปิเตอร์ด้วย ทั้งสองจ้องหน้ากันก่อนจะหลบไปอยู่หลังกำแพงหิน พวกเขาไม่อยากคิดว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับค่ายจูปิเตอร์
“ฉันไม่นึกว่าค่ายจูปิเตอร์จะโดนด้วยจริงๆ”
“แต่นี่เยอะเกินไป ค่ายจูปิเตอร์คงพังแน่ๆ พอกับค่ายฮาล์ฟบลัด”
“จริงของเธอ...” โอราอุสจ้องมองข้างในทุกคนต่างเหมือนกำลังอ่อนแอมากๆ “พวกเขาเหมือนไม่ได้ทานอะไรมานานจริงๆ”
“พวกมันคงรอให้พวกนั้นหมดแรงถึงจะกิน...”
“แย่ที่สุด!!” โอราอุสสบถออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“ชู่ววว โอราอุสเบาๆ หน่อย”
“โทษที...แล้วเราควรทำยังไงต่อดี?”
“ข้าไม่รู้...แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยากติดต่อกับโพรทาเลียแต่...” ลิซ่ายกมือขึ้นพยายามแสดงพลังของเธอ
“เธอกำลังจะแสดงพลังเหรอ?” โอราอุสมองอย่างสงสัย
“ใช่! แต่ที่นี้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังป้องกันการใช้พลัง นั้นทำให้เราไม่เจอมนุษย์กึ่งเทพเลย”
“แบบนี้ก็แย่นะสิ!!” โอราอุสได้ยินก็รู้สึกกังวลทันที เพราะพวกเขาใช้พลังไม่ได้แน่ๆ
“ถ้างั้นให้พวกเราเป็นกำลังช่วยอีกแรงไหมล่ะ?!” เสียงปริศนาพูดขึ้น
ทั้งสองต่างหันไปมองต้นเสียงปริศนา พอหันไปมองพวกเขาเห็นกลุ่มที่หนึ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี้ โอราอุสประหลาดใจที่เจอพวกเขาในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนลิซ่าเห็นก็ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอพวกเขาทั้งหมดหลังจากหนีออกจากเกาะครั้งนั้น
กรุงโรมใหม่ดูเป็นจุดที่พวกปีศาจอยู่เยอะรอบตัวฟีนีอุส เขาอยากช่วยคนอื่นๆ แต่ว่าตัวเขาแงก็ยังโดนพวกปีศาจรุมใส่เขา ทำให้เขาต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องจนเริ่มเหนื่อย ถึงอย่างงั้นเขาก็จะไม่ลดระความพยายามที่จะช่วยลูกชาย เดวิคหันจ้องมองพ่อที่กำลังต่อสู้พร้อมกับหันไปมองชายที่จับตัวเขาไว้
“นี่พี่กำลังทำอะไรกัน!? พี่ดีแลน”
“ทำอะไร!? นายน่าจะรู้นะ ทำให้พวกมนุษย์กึ่งเทพตกเป็นทาสของท่านผู้นั้น และครองโลกนี่ต่อจากพวกเทพเฮงซวยพวกนั้น ฉันก็จะ...ฉันก็จะได้ครอบครองแม่ของนาย!!”
“ห๊า!! นี่พี่...นี่พี่ถึงกับขายวิญญาณให้เทพองค์นั้น พี่มันบ้าไปแล้ว!!”
“หือ?” ดีแลนจ้องมองเด็กน้อยด้วยสายตาไม่ชอบใจ
“อึ้ก!!” เดวิคสะดุ้งกับสายตาอีกฝ่าย แต่เขาก็ฮึดสู้และพูดโต้ตอบกลับไป
“นายกล้าจ้องฉันแบบนั้น! มันหมายความว่าไง!!”
“หมายความว่าผมจะไม่ยอมให้พี่ทำแบบนั้น!! พี่กับแม่เป็นแค่เพื่อนคงไม่ลืมนะ!! แล้วก็แม่ก็บอกอยู่ว่าท่านมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว!!”
“ฉันจะสนอะไรล่ะ!”
เดวิคได้ยินแบบนั้น ความโกรธก็เพิ่มพูนขึ้น มือของเขาก็แอบล้วงบางอย่างออกมาใส่ปากตัวเอง ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับจับแขนอีกฝ่ายทุ่มไปข้างหน้าของเขาโดยทันที
“อ๊ะ!!” ดีแลนไม่ได้ตั้งตัวจนโดยอีกฝ่ายทุ่มไปด้านหน้าจนตัวเขาลอยไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง “อ๊า!!”
“เอาล่ะ!! พี่ดีแลน” เสียงเล็กๆ ของเด็กกลายเป็นเสียงที่ทุ้มและสุขุมของวัยรุ่นชาย ร่างกายของเดวิคกลายเป็นหนุ่มวัยรุ่นตัวสูงสง่า "ผมว่าพี่กำลังละเมิดอิสรภาพของแม่ผมมากๆ เลยล่ะ!!"
“แก!!” ดีแลนเช็ดปากตนเองที่มีเลือดไหลออกมา เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกลายร่างเป็นผู้ใหญ่ได้
“โกรธไปก็เท่านั้น!!” เดวิคเขย่ากำไลของตนเองจนเปลี่ยนเป็นดาบคู่แล้วตั้งท่ารอการโจมตี “ผมจะไม่ยอมให้พี่มาพรากอิสรภาพของแม่ผมเหมือนกับที่แซเทิร์นทำกับแม่เด็ดขาด!!”
จบตอนที่ 62 โปรดติดตามตอนที่ 63 ต่อไป
Comments (0)