ตอนที่ 60 รถกระบะจะพุ่งชนยักษ์ไซคลอปส์

ภายในค่ายฮาล์ฟบลัดเกิดความโกลาหลเกิดขึ้นมากมาย จู่ๆ มนุษย์กึ่งเทพหลายร้อยคนรวมไปถึงเหล่าแซเทอร์และนางไม้บางตนกำลังกลายร่างเป็นปีศาจ เหล่าผู้ใหญ่หลายคนต้องต่อสู้กันอย่างยากลำบากกันและบางคนต้องพาเด็กๆ ที่ต่อสู้ไม่ได้หนีจากตรงนั้นกัน แต่ทางด้านค่ายจูปิเตอร์นั้น ยังไม่รู้ตัวว่าทางด้านค่ายฮาล์ฟบลัดกำลังเกิดเหตุขึ้น ฟีนีอุสกำลังวิ่งจากหน้าโรงเรียนไปยังทางเดินที่ผู้คนกำลังเดินกันอยู่ สีหน้าของเขานั้นตื่นตระหนกว่ามีคนพาลูกเขาออกมาจากโรงเรียน เขาเดินไปตามทางหาลูกชายตลอดจนกระทั่งเห็นร่างเล็กกับร่างสูงกำลังเดินจูงมือกัน โอราอุสเห็นร่างสูงมองจากด้านหลังก็เห็นว่าเป็นโพรทาเลีย แต่เขารับรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่เขารู้จักจริงๆ

 

“แก!! ปล่อยลูกชายฉัน เดียวนี่น่า!!” ฟีนีอุสตะโกนดังก้องทั้งกรุงโรมใหม่ จนทุกคนต่างมองกันว่าเกิดอะไรขึ้น

บุคคลที่จูงมือเดวินนั้นหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่ตะโกนออกมา เดวินได้ยินเสียงพ่อก็สงสัยว่าพ่อตะโกนแบบนั้นออกมา

“พ่อ?

เมื่อเดวินหันมามองคนเป็นพ่อ บุคคลต้องสงสัยก็ค่อยๆ หันมาก็ทำให้ฟีนีอุสเห็นใบหน้านั้นคล้ายโพรทาเลียจริงๆ ทำเอาเข้าเคืองขึ้นมาที่อีกฝ่ายใช้ร่างของคนที่เขาแอบชอบ แต่ก็ทำให้รับรู้ว่าลูกชายหลงกลไปโดยง่าย

“เดวินออกห่างจากคนคนนั้นทันที”

“ทำไมนะฮะ? พ่อ นี่ก็แม่ไงฮะ?เดวินเอียงคออย่างสงสัย

“รู้ตัวสักที! แม่เขายังไม่กลับมาจากข้างนอกเลยนะ!!”

“เอ๋!?ใบหน้าของเดวินซีดเผือดในทันใด

 

คำพูดของพ่อนั้นทำให้เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนข้างๆ อย่างหวาดกลัว ตัวสั่นเทาไปหมด เมื่อเห็นใบหน้าอันคล้ายคลึงแม่ของเขากำลังจ้องพ่อเขาด้วยสีหน้าอันเรียบเฉยจนน่ากลัวไปหมด แต่ความรู้สึกก่อนหน้าที่เขาสัมผัสได้ถึงความไว้ใจ เขาก็นึกว่าคนข้างคือแม่จริงๆ แต่พอรับรู้สึกความรู้สึกนี้คุ้นเคยมากๆ แต่มันมีความเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อน

 

“คุณ...ไม่ใช่...แม่...คุณคือ...”

“แกนี่มันน่ารำคาญจริงๆ”

 

น้ำเสียงบุคคลข้างๆ เดวินนั้นเริ่มแปลงเปลี่ยนจากน้ำเสียงอันอ่อนหวานเป็นน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกจนน่าหวั่นเกรง ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนจากหญิงสาวกลายเป็นชายหนุ่มผมลอนดำ ดวงตาก็เป็นสีแดง เดวินเห็นครั้งแรกก็จำไม่ค่อยได้ แต่น้ำเสียงอีกฝ่ายเขาก็จำได้ว่าเป็นใครทันที

 

ฟีนีอุสเห็นอีกฝ่ายแล้วนั้น เขาก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงงว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร ก่อนจะชักดาบออกมา “แกเป็นใครกัน!!”

“เป็นใครนะ? พี่เป็นใครเอ่ย? เดวิน” ชายหนุ่มค่อยๆ หันหน้ามาหาเดวินด้วยรอยยิ้มที่ฉีกยิ้มจนเดวินตัวสั้นไปหมด

“พี่...พี่...ดีแลน!”

“ดีแลน?ฟีนีอุสยกคิ้วอย่างสงสัยชื่ออีกฝ่ายนั้นฟังแล้วคุ้นหู ก็นึกถึงชื่อของคนที่เขารู้จักขึ้นมา “นาย!! น้องชาย โทมัสเหรอ?

“โทมัส? อ๋อ...พี่อีธานสินะ นายคงรู้จักฉันจากพี่สินะ”

“ก็นิดหน่อย ที่จริงฉันฟังจากลูกชายฉันเล่าเรื่องบนเกาะนั้นมากกว่า ฉันก็พอรับรู้ล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายมั้ง! แต่ฉันไม่นึกว่านายจะมาทำอะไรแบบนี้!!”

“งั้นเหรอ?ดีแลนขยี้ตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ

ดวงตาของเดวินถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจที่เจออีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า เพราะเขาได้ยินจากคนรู้จักว่าอีกฝ่ายนั้นตายไปแล้ว แต่ทำไมอีกฝ่ายยังอยู่ตรงหน้าเขา

“ไม่จริง...พี่...พี่ตายแล้วนะ...”

ดีแลนหันกลับมามองเดวิน แล้วกระชากตัวเด็กน้อยอุ้มขึ้นมาแล้วมืออีกข้างมีมีดสั้นดึงมืออีกฝ่ายที่เขาจับไว้อยู่ขึ้นมาอุ้มเดวินไว้พร้อมกับดาบจ่ออยู่ที่คอเด็ก

“อ๊ะ!!”

“แก!! ปล่อยลูกชายฉัน เดียวนี่นะ!!” ฟีนีอุสตะโกนออกไป

ผู้คนรอบๆ ต่างมองกันทันที บางคนก็ตื่นตกใจที่มีเรื่องเกิดขึ้นภายในกรุงโรมได้แบบนี้

“ปล่อยเหรอ? ดีแลนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะ “ห่วงลูกโดยไม่ห่วงคนรอบข้างเลยเหรอ?

“แก...หมายความว่าไง?

"ก็หมายถึงก่อนจะห่วงลูก ห่วงว่าแกจะต่อกรกับพวกเราทั้งหมดได้หรือเปล่าจะดีกว่านะ!!"

“ว่าไงนะ?ดวงตาเบิกกว้างอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ก่อนที่จะมีเสียงที่ทำให้ฟีนีอุสสนใจ

เสียงกรีดร้องของคนรอบข้างดังขึ้นพร้อมกับเหล่าผู้คนบางพวกกำลังหลายร่างเป็นปีศาจมากมาย ทำให้ฟีนีอุสตาโตอย่างตกใจ แล้วหันไปหาอีกฝ่ายทันที

“นี่พวกแก! แอบแฝงเข้ามาที่นี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ถามได้ตรงประเด็น พวกเราเหล่าทาสรับใช้ของแซเทิร์นก็อยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้วเหมือนกัน!”

“บุกโจมตีพวกมันซะ!! เราสหายของข้า!!”

 

ภายในค่ายนั้นเริ่มโจมตีภายในค่ายจูปิเตอร์ทันที ผู้คนรอบๆ ต่างหนีกันไปอย่างโกลาหล เพราะคนในกลุ่มโรมใหม่นั้นไม่มีอาวุธติดตัวเลยสักคน เพราะไม่คิดว่าจะมีปีศาจบุกกันแบบซึ่งๆ หน้า ฟีนีอุสถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจสุดๆ ที่พวกมันเล่นตลบหลังแบบนี้

 

ความโกลาหลเกิดขึ้นภายในค่ายฮาล์ฟบลัดยิ่งรุนแรงมากขึ้น เด็กจากเกือบห้าร้อยกว่าคนเหลือแค่ไม่ถึงสามร้อยคนกำลังต่อสู้กับพวกปีศาจมากมาย ตั้งแต่ยักษ์ไซคลอปส์ มิโนทอร์ และปีศาจตนอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังไล่จับเด็กมนุษย์กึ่งเทพตนอื่นๆ มนุษย์กึ่งเทพบางคนก็หนีตายกันสุดๆ และบางคนก็ต่อสู้กับพวกปีศาจที่มาล้อมพวกเขาเอาไว้ โอราอุสกับลิซ่าก็ต่อกรกับพวกปีศาจหลายกำลังล้อมพวกเขาไม่ให้หนีไปไหนได้ แต่พวกเขาก็สามารถจัดการกับพวกมันไปหลายตนเช่นกัน

 

“ย้าก!!” โอราอุสตวัดดาบแทงเข้าที่อกของยักษ์ไซคลอปส์ตรงหน้า ก่อนจะกระโดดโจมตีตัวอื่นๆ ที่วิ่งเข้าหาเขา

ลิซ่าตวัดดาบใส่พวกปีศาจตรงหน้าอย่างว่องไวและไม่ให้เหลือปีศาจตรงหน้า แต่การที่เธอทำแบบนี้นานๆ เธอก็เริ่มเหนื่อยมากขึ้น เพราะไม่เคยออกต่อสู้แบบนี้เลยสักนิด

“ชักอยากให้โพรทาเลียกลับมาเร็วๆ แล้วสิ!” ลิซ่าเอ่ยพูดระหว่างฟาดฟันพวกปีศาจตรงหน้า

“ทำไมล่ะ? พวกเราต่อสู้แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง!?

“ฉันรู้ แต่...แค่โพรทาเลียคนเดียวก็จัดการพวกมันอยู่หมัดแล้ว!”

ทั้งสองยืนประชิดหลังกัน จ้องมองพวกปีศาจที่น้อยลงแต่ก็ยังสู้ลำบากมากขึ้น

“ที่บอกว่าโพรทาเลียจัดการได้มันหมายความว่าไง?

“ก็โพรทาเลียเป็นมือปรามเจ้าพวกปีศาจพวกนี้นะสิ ถ้าเรียกชื่อเธอพวกนี้บางตัวก็หัวหดหมดแล้วล่ะ!”

“ชักอยากเห็นแล้วสิ!”

“ก่อนอยากเห็นเราต้องจัดการพวกมันให้หมดก่อนดีไหม?

ทั้งสองจ้องมองพวกปีศาจอย่างครุ่นคิดว่าจะทำไงต่อ ก่อนที่จะมีเสียงบางอย่างคล้ายๆ ม้าดังขึ้น

“ฮี่!!!”

ทั้งสองหันไปมองต้นเสียงนั้น ก่อนที่จะเห็นพวกปีศาจบางตนสลายไปต่อหน้าแล้วมีม้าศึกเข้ามาพร้อมกับมาร์โคที่เป็นคนบังคับม้าศึกนั้นเข้ามา

“พี่ๆ ขึ้นมา!!”

“สุดยอดเลย มาร์โค! ลิซ่าขึ้นเร็ว!!”

 

ลิซ่ารีบขึ้นรถม้าศึก ปีศาจตนหนึ่งจะเข้ามาขัดขวางก็โดนโอราอุสเล่นงาน เขาก็รีบขึ้นม้าศึก พอทุกคนขึ้นครบแล้ว มาร์โคก็สะบัดเชือกให้ม้าเพกาซัสนำทางพวกเขาออกจากตรงนั้น ถึงจะมียักษ์ไซคลอปส์กักทางพวกเขา มาร์โคก็จัดการพวกมันด้วยอาวุธที่ติดกับรถศึก เป็นปืนหน้าไม้ด้านข้างรถม้าศึกกดปุ่มยิงใส่พวกมันจนสลายกลายเป็นฝุ่นผง แล้วออกไปอย่างง่ายดายจนพวกปีศาจจะไล่ตาม แต่ก็โดนตาข่ายที่มาร์โคยิงก่อนออกไป ติดตัวจนขยับไม่ได้ ถึงจะออกมาตลอดทางเดินก็ยังมีปีศาจมากมาย โอราอุสกับลิซ่าก็ช่วยกันต่อสู้จนทางด้านหลังก็มีปีศาจมาอีกเยอะแยะ

 

“พวกนั้นไม่เลิกราจริงๆ” ลิซ่าหันไปเจอพวกปีศาจครึ่งคนครึ่งงูกำลังไล่ตามพวกเธอมา “ใครมีธนูไหม ฉันอยากยิงพวกมันโดนไม่แตะต้องจริงๆ”

“ไม่มีธนูนี่สิ!”

โอราอุสมองข้างหลังพวกปีศาจครึ่งงูกำลังไล่ตามมา แต่จู่ๆ ปีศาจพวกนั้นก็โดนสิ่งบางอย่างยิงใส่แล้วสลายกลายเป็นผงสีทองไปทันที

“เอ๋!”

 

พวกเขามองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆ พวกปีศาจก็หายไป ลิซ่ามองรอบๆ ของเธอจนเห็นมีมนุษย์กึ่งเทพกลุ่มหนึ่งอยู่บนต้นไม้กันกำลังถือธนูโจมตีพวกปีศาจมากมายรอบๆ ข้าง ถึงบางธนูจะไม่สามารถจัดการพวกปีศาจได้แต่พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจให้มนุษย์กึ่งเทพบางคนหนีไปได้

 

“พวกสายเลือดอะพอลโล!”

“เจ๋งมาก ทุกคน!! เราจะไปไหนนะ มาร์โค!!”

“บ้านใหญ่ ทุกคนลงไปแอบห้องใต้ของบ้านใหญ่กันนะ!!”

“ดีที่พ่อของให้คุณดีสร้างห้องใต้ดิน”

“จริงของพี่!!”

มาร์โคสะบัดเชือกอีกครั้งเพื่อให้ม้าเพกาซัสพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่พวกเขาต้องการจะไปทันที

 

เหล่ามนุษย์กึ่งเทพบางคนถูกพามาซ่อนตัวกันในห้องใต้ดินของบ้านใหญ่กันด้วยความกลัว เพราะเป็นครั้งแรกที่ปีศาจเยอะขนาดนี้และเด็กบางคนยังตกใจที่เพื่อนของพวกเขากลายเป็นปีศาจได้ พวกผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งต้องอยู่ปกป้องเด็กๆ อีกจำนวนต้องออกตามหาเด็กคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถมายังบ้านใหญ่ด้วยตนเองได้ แอนนาเบ็ธก็ออกตามหาลูกของตนเอง เนื่องจากตอนกลับบ้านใหญ่ไม่เจอลูกๆ คนไหนนอกจากแฝดชายสองคนอย่างเบเดอร์กับเอเดอร์กำลังช่วยกันเตรียมแผนการรบอยู่ เธอหาอยู่หลายจุดเพื่อไม่ให้พวกปีศาจเจอตัวจนเธอมาอยู่แถวบ้านพักก็เห็นกรงขนาดใหญ่ใส่มนุษย์กึ่งเทพอยู่ข้างใน รวมถึงอุปกรณ์บางอย่างที่ตั้งอยู่ตรงประตูผ่านไปยังบ้านของโครนอส

 

“พวกมันคิดจะทำอะไรกัน? ค่ายเราเจอภัยพิบัติแน่ๆ ครั้งนี้” แอนนาเบ็ธมองอย่างหวาดกลัว

 

แล้วออกตามหาลูกๆ เธอหาลูกๆ จากบ้านหมายเลข 3 ก็คือบ้านโพไซดอนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ก่อนจะวิ่งไปอย่างเร็วไปยังบ้านอาธีน่า เธอแอบอยู่สักพักใหญ่ให้พวกปีศาจเดินผ่านเธอไป แล้วย่องเข้าไปข้างในบ้าน เธอก็เจอลูกสาวทั้งสองแอบอยู่ใต้เตียง

 

“คารีเซล! เรน่า!”

“แม่!”

เด็กทั้งสองคนเห็นผู้เป็นแม่ พวกเธอก็คลานออกมาจากใต้เตียงแล้วกอดผู้เป็นแม่โดยทันที

“โล่งอกที่ลูกอยู่ที่นี่ ไปเร็ว ไปรวมตัวกันที่บ้านใหญ่กัน!”

“แล้วคาเร็นน่าล่ะนะ?

“หลานโดนนูอัสจับตัวไปนะคะ”

“ว่าไงนะ!” แอนนาเบ็ธได้ยินสิ่งที่ลูกๆ บอกก็ทำให้ตกใจและอ้ำอึ้งไม่รู้จะทำไง

“นูอัสข้างนอกไหมคะตอนที่แม่ผ่านมานะ”

“แม่ไม่เห็นนะ นอกจากกรงที่ใส่พวกมนุษย์กึ่งเทพกับอุปกรณ์แปลกๆ แถวๆ ประตูของโครอสนะ ช่างเถอะ ตอนนี้เราต้องเอาตัวรอดก่อนแล้ว เดียวแม่กับคนอื่นๆ จะช่วยเด็กคนอื่นๆ ที่หลังนะ!”

“ค่ะ!”

ทั้งสามเตรียมหนีออกจากบ้านพักหลังนั้นพอพวกเธอเดินก้าวออกมาก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดคือมียักษ์ไซคลอปส์กลุ่มหนึ่งล้อมตรงหน้าบ้านอาธีน่าเอาไว้ เด็กทั้งสองต่างพากันหลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นแม่อย่างแนบแน่นด้วยความหวาดกลัว

“แม่ค่ะ!”

“ถอยไปนะ!!”

 

แอนนาเบ็ธยกดาบขึ้นมาเตรียมจะต่อสู้กับพวกมัน ถึงแม้เธอจะสั่นกลัวไปหมด แต่นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เธอต้องมาอยู่ท่ามกลางพวกปีศาจพวกนี้ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เธอหวาดกลัวจริงๆ เพราะเธอต้องปกป้องลูกๆ แล้วเกิดเธอเป็นอะไรจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกๆ ล่ะ

 

‘เพอร์ซีย์...ถ้าฉันเป็นอะไรไป...ฝากดูแลลูกด้วยนะ!’

 

บนท้องถนนที่มีรถมากมายกำลังขับกัน รถกระบะที่พวกโพรทาเลียกำลังนั่งอยู่นั้นกำลังเร่งขับอย่างด้วยความเร็วเกินกว่าที่ควรจะขับบนท้องถนน จนไม่สนใจว่าจะโดนค่าปรับเรื่องความเร็วอีกไหม สำหรับเพอร์ซีย์เรื่องนี้โคตรชินสำหรับเขา โพรทาเลียก้มทำบางอย่างจนเธอตรวจสอบมันได้แล้วว่ามันจะนำพาเธอไปยังสถานที่เธอต้องการ สิ่งของที่เธอสร้างมันคล้ายๆ ลูกแก้วกลมๆ สีเขียวผสมกับสีฟ้า เธอกดปุ่มบนลูกแก้วพร้อมกับใส่ข้อมูลมากมายข้างในลูกแก้ว เมื่อจัดการหมดทุกอย่างโพรทาเลียก็สร้างผลงานสำเร็จ

 

“เสร็จ!!” โพรทาเลียจ้องมองสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสำเร็จอย่างภูมิใจ เธอก็ตะโกนบอกพ่อทันที “พ่อขับรถช้าๆ เลยค่ะ!”

“ว่าไงนะ! เดียวพวกเราจะไปไม่ทันช่วยทุกคนนะ โพรทาเลีย”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ! แค่ไม่กี่วิก็ถึงแล้วค่ะ!!”

“เอ๋?ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงุนงงว่าสิ่งที่โพรทาเลียพูดออกมานั้นหมายความว่าไง

โพรทาเลียเปิดกระจกด้านข้างที่อยู่ริมขวามือของตน แล้วผาดโผนออกไปข้างนอกแล้วตีลังกาขึ้นข้างบนหลังคา เพอร์ซีย์มองผ่านกระจกมองหลังก็ตะลึงกับสิ่งที่ลูกสาวกระทำ

“โพร! ลูกทำอะไรนะ!”

“กำลังช่วยพากลับค่ายไงคะ!!”

โพรทาเลียตะโกนบอกจากหลังคา เธอนั่งอ้าขานั่งอยู่บนหลังคาพร้อมกับหยิบลูกแก้วออกจากกระเป๋าเสื้อของตนเอง เธอจ้องมองลูกแก้วแล้วเตรียมขวางลูกแก้วไปทางด้านหน้าของรถกระบะที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่

“เตรียมขับช้าๆ แล้วขับเร็วตอนประตูมันเปิดนะคะพ่อ!!”

“โพรทาเลียหมายความว่าไง?เพอร์ซีย์หันไปถามลูกสาวอีกคนที่ยังนั่งแบบงงๆ เหมือนกัน เธอก็ได้สติเข้าใจในสิ่งที่พี่สาวสื่อออกมา

“พ่อ ขับรถช้าๆ เลยค่ะ! พี่เขาคงมีแผนนั้นล่ะ!”

 

เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้น เขาก็ค่อยๆ ขับรถช้าลง พอเห็นว่ารถวิ่งช้าลงแล้ว โพรทาเลียก็ยกมือไปข้างหลังพร้อมกับเหวี่ยงปาลูกแก้วไปข้างหน้าสุดแรง ลูกแก้วถูกเหวี่ยงขึ้นสูงฟ้าแล้วกำลังตกลงสู่พื้นกระทบกับพื้นจนแตกดังเพล้ง จู่ๆ ก็มีหมอกควันขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น

 

“ขับเข้าไปเลย!!”

“พ่อเร่งเครื่องเลย!!” โฟกัสออกคำสั่งตามที่พี่สาวต้องการ

เมื่อรับคำสั่งเพอร์ซีย์ก็เร่งเครื่องเข้าไปข้างในทันที “ย้ากกกกกก!!”

 

แอนนาเบ็ธยืนบังลูกๆ ทั้งสองของเธอ ภายในความคิดกำลังคิดว่าถ้าต่อสู้ตนจะรอดจากพวกปีศาจไหม เพราะพวกมันมีเยอะเกินไป ก็ปีศาจตนหนึ่งกำลังจะง้างดาบใส่พวกเธอ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีหมอกควันสีดำก่อตัวขึ้นเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ ทำให้พวกปีศาจทุกตัวหันไปมอง แล้วก็มีรถกระบะคันใหญ่พุ่งตรงออกมาจนพวกปีศาจกายแตกตื่น ทางข้างหน้าของเพอร์ซีย์เห็นพวกยักษ์ไซคลอปส์เต็มไปหมด ก่อนที่สายตาของเขาจะเห็นผู้เป็นภรรยาอยู่ตรงหน้าพวกมัน

 

“แอนนี่!!” เพอร์ซีย์คิดว่าจะต้องช่วยภรรยาของเขา

แต่คนหนึ่งที่อยู่บนหลังคาไม่รีรอก็กระโดดจากหลังคาพุ่งตรงมาทางพวกยักษ์ไซคลอปส์

“อย่ามายุ่งกับแม่ของฉันนะ!!” โพรทาเลียเรียกดาบออกมา ฟาดฟันพวกปีศาจภายในครั้งเดียวก็สลายไปหมดทุกตัวตรงนั้น

 

เพอร์ซีย์เบรกรถได้ทันท่วงที จนเขาเผลอโล่งใจว่าตนเองไม่ต้องเสียงเงินซ่อมรถอีกแล้ว แอนนาเบ็ธเห็นภาพตรงหน้าไม่อยากเชื่อสายตาตนเองที่ลูกสาวตรงหน้านั้นสามารถโจมตีพวกปีศาจได้ในครั้งเดียวแบบนี้ โพรทาเลียค่อยๆ หันไปหาแม่พร้อมกับเดินตรงไปหา

 

“แม่ไม่เป็นไรนะ แล้วน้องล่ะ!!”

“พี่จ้า!!” สองสาวรีบวิ่งเข้ามากอดพี่สาวทันที

“พวกหนูกลัวสุดๆ เลย”

“ไม่นึกว่าพวกปีศาจจะบุกเข้ามาแบบนี้ได้นะคะ”

“โอ้ๆ น่าทั้งสองคน” โพรทาเลียลูบหัวน้องทั้งสองอย่างเอ็นดู “แม่ไม่เป็นไรแน่นะคะ”

“อ๊ะ...จ๊ะ...แม่ไม่เป็นไร ขอบใจนะจ๊ะที่มาช่วย”

เพอร์ซีย์รีบลงจากรถพร้อมกับวิ่งตรงมาหาภรรยา “แอนนี่ไม่เป็นอะไรนะ!”

“เพอร์ซีย์! ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ” แอนนาเบ็ธมองสามีกำลังตรวจร่างกายของเธอว่าไม่มีบาดแผลอะไรใช่ไหม “โล่งอกไปที่”

“แม่ค่ะ!!” โฟกัสวิ่งตามลงมาจากรถ แล้ววิ่งไถลมาหาแม่ “แม่ไม่เป็นไรนะ ไม่บาดเจ็บนะคะ!?

“จ้า แม่ไม่เป็นไรจ้ะ”

“เดียวสิไม่มีใครห่วงพวกหนูนอกจากพี่โพรทาเลียใช่ไหมเนี่ย?สองสาวมองอย่างเหน็บแนบพี่สาวและพ่อของพวกตน

“อ๊ะ! ห่วงสิลูกรัก”

“จริงด้วยนะ พี่ก็ห่วงน้องเหมือนกันนะ”

“เหรอ?ทั้งสองต่างใช้ห่างตามอง

“แต่ว่าพวกเธอโผล่มาจากไหนกันนะ? เพอร์ซีย์”

“ต้องขอบคุณลูกเรา” เพอร์ซีย์หันไปมองโพรทาเลีย "โพรทาเลีย สร้างอุปกรณ์เคลื่อนย้ายพาเรามาที่นี้ได้ทันท่วงทีนะ"

“เก่งมากเลย โพรทาเลีย” แอนนาเบ็ธรู้สึกอยากขอบคุณลูกมากๆ ที่มาช่วยได้ทันการ

“ฮิๆ ....” โพรทาเลียแอบเขินหน่อยๆ ที่แม่ชมเธอ "หนูว่าเรารีบๆ จัดการพวกมันให้หมดดีกว่านะ ดูทางตรงนั้นมีกรงที่ใส่มนุษย์กึ่งเทพแน่ๆ"

“ใช่แล้วล่ะ แล้วอีกอย่างมีอุปกรณ์บางอย่างถูกตั้งอยู่ที่ทางเข้าของโครนอส น่าจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้โครนอสออกมาแน่ๆ ”

“ตายๆ เล่นแบบนั้น โครนอสได้เดือดแน่ๆ ถ้าเขาออกมาได้นะ พวกมันตายแน่ๆ”

“แล้วก็อีกอย่างนะพี่ นูอัสบุกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ปีศาจเริ่มโจมตี” คารีเซลพูดกับพี่สาวอย่างตกใจ

"แต่ไม่นึกว่าจะเร็วแบบนี้ด้วยนะ แล้วก็นูอัสจับตัวคาเร็นน่าไปอีกนะคะ" เรน่าก็กล่าวเกี่ยวกับหลานสาวออกไป

“ห๊า?

ดวงตาถึงกับเบิกกว้าง เมื่อโพรทาเลียได้ยินว่าลูกสาวของตนเองนั้น โดนปีศาจที่ตนเกลียดจับตัวไป ทำให้ความเป็นแม่นั้นเริ่มเดือดพล่าน ระหว่างที่โพรทาเลียกำลังเคืองกับสิ่งที่ได้ยิน เพอร์ซีย์ก็สั่งให้ภรรยาของตนเองนั้นพาลูกๆ หนีไปที่ปลอดภัยทันที

“แอนนี่พาเด็กๆ ไปหาที่ปลอดภัย เดียวพวกเราไปช่วยเด็กคนอื่นๆ และโครนอสอีกแรง!”

“พ่อ!!” โพรทาเลียเรียกผู้เป็นพ่อ ทำให้ทุกคนหยุดพูดแล้วหันมามองเธอ เธอค่อยๆ หันมามองผู้เป็นพ่อและออกคำสั่งออกไป “พ่อไปช่วยเด็กๆ ส่วนหนูจะจัดการกับพวกปีศาจเอง!!”

“โพรทาเลีย ลูกหมายความว่าไง?

 

โพรทาเลียไม่พูดกล่าวต่อแต่อย่างใด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าอันแปลงเปลี่ยนจากปกจนตอนนี้ คิ้วที่รีบตรงกับชนเข้าหันกันหมือนแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ปากขยับไปมาเล็กน้อยดาบสั้นที่ลักซ์ให้โพรทาเลียมาก็ออกมาอยู่ตรงหน้า เธอรีบจับดาบสั้นทั้งสองไว้ทันที

 

“โพร! ลูก-” แอนนาเบ็ธมองลูกสาวที่กำลังจับอาวุธที่เธอไม่เคยเห็นลูกนำมาใช้สักครั้ง

 

โพรทาเลียไม่ได้ฟังแม่เธอเรียกแต่อย่างใด ก่อนจะตั้งท่าวิ่งออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นหินคลุ้งรอยๆ ครอบครัวแจ็กสัน พวกเขาปัดฝุ่นที่กำลังลอยอยู่ออกจากพวกเขาไป แล้วมองโพรทาเลียที่วิ่งออกไปแล้วเจอพวกปีศาจ แต่แค่เดินผ่านพวกปีศาจก็สลายหายไปอย่างกับโกหก โฟกัสเห็นก็ยังอึ้งทึ่งที่พี่สาวของตนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิด

 

“ตายๆ พี่สาวเดือดแล้ว...ดูสิจัดการในชั่วพริบตาเองนะคะ...” โฟกัสมองพี่สาววิ่งไปจัดการพวกปีศาจไปเรื่อยๆ

“ใช่...พ่อว่าเราทำตามที่โพรทาเลียบอกดีกว่า...เชื่อได้ว่าฉันต้องระวังลูกคนนี้แล้วสิ” เพอร์ซีย์พูดประโยคสุดท้ายกับภรรยาของตนเอง

แอนนาเบ็ธพยักหน้าให้ เธอเข้าใจว่าลูกสาวทำไมถึงมีอารมณ์แบบนั้น “นี่ล่ะ ความรักของแม่ที่มีต่อลูกล่ะ”

 

จบตอนที่ 60 โปรดติดตามตอนที่ 61 ต่อไป