57 ตอน ตอนที่ 57 ความลับจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 57 ความลับจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
ความรู้สึกผิดกำลังครอบงำทั้งสองสาวกับสิ่งที่พวกเธอก่อขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความเป็นห่วงของครอบครัวกัน โฟกัสอุตส่าห์อยากมานอนพักที่บ้านคุณย่าอย่างสบายใจ แต่สองสาวก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับคนเป็นพ่อกำลังรอพวกเธออยู่ที่บ้านคุณย่านานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แถมพวกเธอนั้นโดนสั่งให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงห้องนั่งเล่น คนเป็นพ่อกำลังจ้องมองลูกสาวด้วยสีหน้าที่นิ่งจนไม่รู้ว่ากำลังมีความคิดอะไรหรือกำลังโกรธพวกเธอแค่ไหน โพรทาเลียมองไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจว่าพ่อจะมองพวกเธอยังไง เพราะเธอเตรียมใจมากแล้วว่าจะโดนคุณพ่อดุด่ามากน้อยแค่ไหน เธอก็จะน้อมรับสิ่งที่ตนเองทำ ส่วนโฟกัสนั่งก้มหัวรู้สึกกลัวคนเป็นพ่อว่าจะดุพวกเธอเยอะแค่ไหน ถึงเธอจะเตรียมใจมากแล้ว แต่ก็ยังกังวลอยู่ดี สายตาของโพรทาเลียนั้นค่อยๆ หันไปมองคนเป็นพ่ออย่างสงสัยว่าเขาจะพูดอะไรไหมนอกจากจ้องพวกเธอ
“พวกลูกสองคนสนุกมากสินะที่ทำให้ครอบครัวเป็นห่วงนะ!?”
“เปล่าค่ะ!!” ทั้งสองต่างพูดพร้อมกัน
“แล้วทำไมถึงออกนอกค่าย! พ่อเคยบอกไม่ใช่แล้วเหรอ? ว่าห้ามออกนอกค่าย!!”
ทั้งสองคนต่างเงียบสนิทโดยไม่มีคนพูด โพรทาเลียยกมือขึ้นทันทีพร้อมกับพูดบางอย่างกับพ่อ
“พ่อค่ะ ถ้าจะดุด่าว่าอะไรพวกหนู ต้องเป็นหนูคนเดียวที่โดนนะคะ น้องไม่เกี่ยวข้องน้องแค่โดนหนูลากมาด้วยเท่านั้นค่ะ!!”
“พี่ค่ะ!!” โฟกัสได้ยินสิ่งที่พี่สาวโกหกก็ไม่ชอบใจทันที “ไม่ใช่นะคะพ่อ พี่ไม่ได้ลากหนู หนูตามพี่เขาไปเอง เพราะสงสัยว่าพี่เขาจะไปไหน ถ้าจะว่าก็ต้องว่าหนูด้วย!!”
“โฟกัส!!” โพรทาเลียมองน้องสาวที่ขัดสิ่งที่เธออุตส่าห์ปกป้องอีกฝ่ายแทนๆ
“ลูกสองคนเงียบไปเลย!!” เพอร์ซีย์ขึ้นเสียงจนสองสาวต่างเงียบทันที “ไม่มีใครผิดไม่ผิด ลูกสองคนก็ผิดกันทั้งคู่!!”
“ค่ะ...”
ระหว่างเพอร์ซีย์กำลังดุว่าผู้เป็นลูกทั้งสองอยู่นั้น คนเป็นอาได้ยินเสียงไปถึงชั้นสามเลยสงสัยว่าพี่ชายของตนเองนั้นกำลังดุใคร พอลงมาก็ได้เห็นว่าพี่ชายของตนเองนั้นกำลังดุหลาน เธอเดินลงมาแล้วผ่านพวกเขาไปจนมาถึงห้องครัว เธอก็หันกลับไปมองก็สงสารล่ะนะ แต่ว่าหลานๆ ก็ทำตัวเองที่แอบออกจากค่ายมาไม่บอกใครเลย เธอนั่งตรงเก้าอี้แล้วหันไปพูดกับแม่ของตนเอง
ปล. เนื่องจากทางไรท์ พึ่งรู้ว่าการเรียกเอสเทลว่าน้าเป็นสิ่งที่ผิด ควรเรียกว่าอามากกว่า เนื่องจากคำว่าน้าควรเรียกน้องฝ่ายแม่ ส่วนอาควรเรียกน้องฝ่ายพ่อนะคะ เลยต้องขอเรียกอาแทนนะคะ
“รู้สึกหลานจะโดนพี่เขาเทศน์อีกยาวนะคะ”
“จ้ะ ระหว่างข้ามเวลาแม่ว่าจะเตรียมอาหารให้หลานทั้งสองหน่อยล่ะนะ”
“เตรียมเยอะๆ เลยล่ะค่ะ หนูขอทานด้วยนะ”
“จ้าๆ”
พอคุยกับแม่เสร็จ เธอก็หันไปมองหลานๆ อย่างสงสารที่หัวหดกันเพราะโดนคนเป็นพ่อดุว่าอย่างเป็นห่วง
“พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกแค่ไหนรู้กันมั้งไหม!? กลัวว่าจะเป็นอะไรถ้าอยู่ข้างนอกนี้! มันมีแต่อันตราย ลูกๆ ก็รู้กันไม่ใช่หรือไง!! โพรทาเลียก็ด้วยลูกออกมาจากค่ายไม่กลัวเทพเฮงซวยนั้นจับตัวไปหรือไง!!”
“ก็...ถ้าจะมาจับตัวหนู หนูก็เตรียมตัวที่จะสู้ค่ะ...” พอโพรทาเลียตอบไปแบบนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับสีหน้าของคนเป็นพ่อที่ดูเหมือนปีศาจกำลังโกรธจัด “เย้ย!! หนูขอโทษค่ะ!! ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกค่ะ!!”
“ขอให้ทำได้อย่างที่พูดนะ!” เพอร์ซีย์คาดโทษลูกทั้งสองไว้ทันที ใบหน้าของเขาก็กลับเป็นปกติ “เอาล่ะ บอกพ่อสิว่าเราไปไหนกันมา?”
“ไป...โอลิมปัส พาร์เซล เซอร์วิสค่ะ...” โฟกัสพูดออกมา
“ห๊า!! ไปที่นั่นทำไมกัน?”
“คือว่า...”
“หนูเห็นความทรงจำของอดีตชาติจากจดหมายของเฮอร์มีสที่ส่งมาให้พ่อนะคะ...หนูเลยคิดว่าต้องไปที่ที่เฮอร์มีสอยู่ให้ได้นะคะ…แล้วมันเป็นจังหวะเดียวที่หนูลงชื่อกับพี่โทมัสกำลังหาคนไปทำงานกับเฮอร์มีสพอดี หนูก็เลยออกจากค่ายมาทันทีนะคะ”
“ว่าไงนะ!! เฮ้อ...โพรทาเลียนะโพรทาเลีย พ่อก็เคยบอกแล้วนะว่าเจออะไรหรือต้องการอะไรบอกพ่อได้ตลอด! ลูกเนี่ยมัน...”
เพอร์ซีย์เอามือลูบใบหน้าของตัวเองอย่างเหนื่อยใจกับลูกสาวคนโตที่ดูเหมือนคนไม่ไว้ใจใครหรือชอบทำอะไรตัวคนเดียวจนเขาไม่รู้ว่าจะเข้าหาเธอยังไงจริงๆ ส่วนสองสาวต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะมันจะหาว่าพวกเธอไม่ยอมสำนึกผิดเอาได้เช่นกัน พอเพอร์ซีย์สงบสติตัวเองได้แล้ว เขาก็จ้องมองลูกแล้วถามบางอย่างออกไป
“งั้นช่วยบอกหน่อยสิว่า ตลอด 7 วันที่ลูกๆ ไปอยู่ที่นั่นเกิดอะไรขึ้นมั้ง?”
ทั้งสองนั้นไม่กล้าพูดอะไรว่าเกิดอะไรขึ้นยิ่งโพรทาเลียไม่กล้าเข้าไปอีก เพราะได้โดนเล่นงานแน่ๆ
“คนไหนบอกได้ทานไอศกรีมก่อนกลับ!”
โฟกัสรีบชี้มาทางพี่สาวทันที “เกิดเรื่องที่ต้องต่อสู้กับจิตวิญญาณเข้า แล้วทำให้โอลิมปัส พาร์เซล เซอร์วิสต้องพังไปครึ่งหนึ่งค่ะ แล้วพี่โพรเข้าต่อสู้จนหมดลมหายใจไปครั้งหนึ่งแต่ก็ฟื้นขึ้นมาได้ค่ะ คุณพ่อ!!”
“เอ๋!?” ผู้ใหญ่ทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้งกับคำพูดของโฟกัส
“โฟกัส!! ยัยน้องเห็นแก่กิน!!”
“โพรทาเลีย!!” เพอร์ซีย์หันไปหาลูกสาวทันที
โพรทาเลียหลับตาทันที ก่อนจะก้มหัวขอโทษคนเป็นพ่อ “หนูขอโทษนะคะ หนูไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ตอนต่อสู้ก็รู้ค่ะว่าตัวเองสะบักสะบอมจนจะลุกไม่ขึ้น แต่หนูก็ยัง...สู้จนหมดลมหายใจ...”
เพอร์ซีย์เข้าไปหาลูกสาวทันที “ห้ามทำแบบนี้อีกนะ!! ถ้าเกิดลูกไม่ฟื้นขึ้นมาทำไง! พ่อกับแม่ต้องเสียใจแค่ไหนเหมือนกับที่พ่อเสียลูกไปอีกนะเหรอ?”
“พ่อ...หนูขอโทษค่ะ แต่ยังไงหนูก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกอยู่ดี...เพราะว่า...เพราะว่า...นี่คือชะตาของร่างจุติ!!”
“โพรทาเลีย...”
“หนูเข้าใจที่พ่อโกรธ...แต่นี้คือชะตากรรมของหนูที่หนูต้องจัดการเอง”
พอฟังที่ลูกสาวพูดเขาถึงกับเกาหัวเพราะเธอช่างเหมือนเขาที่จะไม่ยอมให้ใครมากำหนดชีวิตตัวเองถึงจะลำบากก็จะสู้ถึงที่สุด
“พ่อเข้าใจลูกแล้วล่ะ แต่อย่าทำอะไรตัวคนเดียวอีกเด็ดขาด...”
“ค่ะ…”
“แต่ที่พ่อฟังจิตวิญญาณไม่เคยทำให้ลูกถึงแก่ชีวิตเลยนะ ทำไมครั้งนี้ถึงเกิดเรื่องแบบนี้กัน?”
“ก็...แค่...เอ่อ...ในร่างของอดีตชาตินั้นมีเศษอาวุธอยู่ข้างในของเขา แล้วเศษนั้นมาจากอาวุธของแซเทิร์นที่ควบคุมแม่ของอดีตชาติ พอมาติดอยู่ข้างในร่างของเขา จนเกิดการบิดเบี้ยว ทำให้อดีชาติตนนี้เกิดความบ้าครั้ง จนทำให้เขาเกือบฆ่าผู้เป็นแม่ของตนเอง แล้วหนูต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้เขาไปทำร้ายเทพีเฮคาทีและเทพเฮอร์มีสนะคะ”
“เกือบฆ่า!? เดียวนะ!!” เพอร์ซีย์จับตัวของโพรทาเลียทันที "งั้นตอนเกิดเหตุเทพีเฮคาทีกับเฮอร์มีสก็อยู่ด้วยเหรอ?"
“อ๊ะ...ค่ะ...” โพรทาเลียตอบออกไปทันที
“…”
เพอร์ซีย์ถึงกับอึ้งเลยที่มีเทพและเทพีรู้เรื่องนี้เขา ระหว่างเขากำลังครุ่นคิดนั้นสายตาก็เห็นบนหน้าผากของลูกสาวที่มีออร่าบางอย่างเปล่งประกายขึ้นมา
“เดียวนี่มันอะไรกัน!” เพอร์ซีย์จับใบหน้าของลูกสาว เขาเห็นตราที่ไม่ควรอยู่กับลูกเขา “ทำไมลูกมีตราของเฮอร์มีสและเฮคาทีที่หน้าผากกัน!? เดียว! บนหัวก็มีตราของอะพอลโลอีก!?”
“พ่อ!” โพรทาเลียจับมือของคนเป็นพ่อทันที “อย่าจับหน้าหนูแรงสิ หนูเจ็บนะ!”
“บอกพ่อมาก่อนทำไมถึงมีตราพวกนี้!!”
“ก็พวกเทพดันมาใส่ไว้แล้วให้หนูเป็นลูกทูนหัวนี่น่า!!” โพรทาเลียขึ้นเสียงกับพ่ออย่างอารมณ์ขึ้น ก่อนจะดันมือพ่อออกทันที “นึกเหรอว่าหนูอยากได้!! ไม่ได้อยากได้เลยนะ อะพอลโลให้มาอย่างไม่เต็มใจ ส่วนสองเทพให้เพราะเขารู้ว่าหนูเป็นอดีตลูกของพวกเขา พวกเขาเลยอยากให้หนูเป็นลูกทูนหัวยังไงล่ะ!!”
“ว่าไงนะ!!”
เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็เคืองขึ้นมาทันที เพราะเด็กตรงนั้นเป็นลูกเขา ไม่ใช่ลูกของใคร เขาคิดว่ามีแค่เทพสองคนอย่างโครนอสกับเรอาก็คงพอแล้ว แต่นี่ยังมีเทพอีกสามตนมาตีตราบนตัวลูกเขาอีก นั้นทำให้เขาอยากทำบางอย่างขึ้นมาทันที แต่พอมองเวลาเขาลืมไปเลยว่ามีนัดกับใครบางคน นั้นทำให้เขาคิดบางอย่างทันที
“โพรทาเลีย” เพอร์ซีย์ลุกขึ้นพร้อมกับเรียกลูกสาว
“ค่ะ? พ่อ” โพรทาเลียเงยหน้ามองคนเป็นพ่อ
“ไปข้างนอกกับพ่อหน่อย!” เพอร์ซีย์เตรียมตัวไปข้างนอก
“หนูคนเดียวเหรอ?” โพรทาเลียชี้ตัวเองพร้อมกับมองหน้าน้องสาวอย่างสงสัย
“ใช่...” เพอร์ซีย์ตอบกลับ ก่อนจะเดินนำออกจากห้องนั่งเล่นไป
โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นตามพ่อของตัวเองไปทันที โฟกัสเห็นแบบนั้นก็นั่งแบบสบายและคลายเครียดทันที รู้สึกครั้งนี้พ่อทำเธอเครียดสุดๆ ทางด้านโพรทาเลียเดินตามพ่อลงไปชั้นหนึ่งแล้วออกจากทางด้านหลังร้านที่มีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ โพรทาเลียมองก็คิดว่านี่คงเป็นรถของพ่อแน่ๆ พวกเขาเดินขึ้นรถกันโดยไม่พูดอะไรเลย แต่ในหัวของโพรทาเลียมีแต่คำถามเต็มไปหมด
‘พ่อเขาจะพาเราไปไหนนะ? แล้วจะไปทำอะไรกันนะ? ช่างสงสัยจังแฮะ...’
โพรทาเลียหันไปมองใบหน้าของพ่อระหว่างที่เขาออกรถขับไปตามทาง
“พ่อค่ะ”
“ว่าไง?” เพอร์ซีย์ขานรับ
"เราจะไปไหนเหรอคะ?"
“อ๋อ...ไปที่ที่หนึ่ง...พ่อนัดเจอกับคนสำคัญไว้นะ เลยคิดว่าพาลูกไปด้วยน่าจะดีกว่า”
“คนสำคัญเหรอ?”
โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าคนสำคัญที่ว่าคือใครกันแน่ ตลอดการเดินทางไม่มีบทสนทนาแต่อย่างใด นอกจากถามคำตอบคำคงเป็นเพราะสองพ่อลูกยังไม่เคยคุยกับแบบจริงๆ จังๆ เพราะพึ่งรู้ว่าเด็กชายที่เขาระแวงคือลูกสาวเขา มันยิ่งลำบากใจที่จะคุยกันจนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่โพรทาเลียเห็นก็ตาลุกวาวอย่างสนใจ เพราะที่นี้คือสวนสนุกริมทะเล สวนสนุกลูน่าพาร์ค
“ไหนบอกมาพบคนสำคัญ? แล้วเราทำไมมาที่สวนสนุกล่ะคะ?”
"ก็พ่อมีนัดกันที่นี่นะสิ!" เพอร์ซีย์พูดจบก็ลงจากลงรถทันที
“ซะงั้น!” โพรทาเลียชักสังหรณ์ไม่ดีแล้วว่าพ่อของเธอจะพาเธอไปพบใครกัน ก่อนจะลงตามพ่อไป
ทั้งสองคนเดินกันเข้าไปในสวนสนุกที่มีเหล่าพูดคนมากมายกำลังเดินเล่นหรือกำลังสนุกกับเครื่องเล่นต่างๆ โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็แอบที่จะยิ้มไม่ได้ จนเธอเดินไม่ได้มองพ่อที่เดินนำหน้าเธอไปเยอะแล้ว แต่เพอร์ซีย์ก็ไม่จะลืมลูกสาวที่เดินตามพอเห็นว่าลูกเดินไม่ได้มองเขาเลย ทำให้เขาต้องเดินไปหาเธอพร้อมกับจูงมือลูกให้เดินตามเขา โพรทาเลียมองพ่อที่เดินมาจูงมือเธอไปตามทางที่จะไป นั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเดินเล่นกับพ่อและดีใจที่พ่อยังห่วงเธอ ตลอดทางโพรทาเลียมองรอบๆ อย่างมีความสุขแล้วคิดว่าหลังจากพบคนสำคัญที่พ่อว่าเสร็จ เดินกันมาลึกมากแล้วพวกเขาก็ทะลุจนมาเจอทางเดินริมทะเลที่ผู้คนเยอะกว่าในสวนสนุก
“คนเยอะจัง”
“แน่อยู่แล้ว มีงานมีอาหารผู้คนก็ต้องมาอยู่แล้วล่ะ เดินต่อกัน!”
“ค่ะ” โพรทาเลียเดินตามพ่อต่อทันที
เพอร์ซีย์มองหาคนที่เขานัดพบให้มาเจอวันนี้เนี่ยจากเรื่องมากมายในค่ายที่ประสบพบเจอจนเขาอยากบอกคราวกับคนคนนั้น โพรทาเลียมองตามว่าคนสำคัญที่ว่านั้นเป็นใครกัน จนเพอร์ซีย์พบคนที่เขาจะมาหาแล้วว่าอยู่ไหน
“อ๊ะ อยู่นั้นเอง!!”
โพรทาเลียได้ยินที่พ่อพูดก็หันไปมองทางที่พอมอง เมื่อเห็นคนที่พ่อพูดนั้นดวงตาของเธอถึงกับเบิกตากว้างในทันที เธอเห็นชายที่ใบหน้านั้นมีหนวดเคราเต็มไปหมด เสื้อลายฮาวายกับกางเกงขาสั้น และยิ่งน่าตกใจที่ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับพ่อของเธอ แต่ไม่ใช่แค่คล้ายเพราะคนคนนั้นคือ โพไซดอน ปู่ของโพรทาเลียนั้นเอง
‘คุณปู่!!!’
โพรทาเลียถึงกับตกใจที่พ่อมาพบกับโพไซดอน จนเธอต้องรีบดึงตัวคนเป็นพ่อทันที
“พ่อ!! คนสำคัญของพ่อนี่!! คงไม่บอกว่าเป็นคุณปู่นะ!!”
เพอร์ซีย์ทำหน้านิ่งทันทีที่ลูกถามแบบนั้น ก่อนจะหันไปยิ้มและตอบ “ถูกต้องละครับ!!”
“จะบ้าหรือไง!! ไม่บอกหนูสักคำ เครื่องแปลงกายก็พังอยู่! หนูจะปิดพวกรอยแผลพวกนี้ได้ไง!!” โพรทาเลียชี้ไปที่ใบหน้าของเธอตรงจมูกมีแผลเป็นอยู่
“น่าๆ ไม่ต้องห่วง เดียวปู่ก็รู้เรื่องลูกสักวันสู้บอกไปเลยไม่ดีกว่าหรือไง?”
“แต่ว่า...ถ้าพ่อบอกไปเราจะไม่เจอภัยพิบัติที่คุณปู่สร้างหรือไงคะ?” โพรทาเลียตะลึงตาใส่พ่ออย่างเคร่งเครียด
เพอร์ซีย์ลองนึกตามที่ลูกพูดมันก็จริงถ้าเกิดเรื่องพวกเขาได้แย่แน่ๆ เพราะพ่อเขาเป็นหนึ่งในสามมหาเทพที่น่ากลัวเหมือนกัน แต่เขาอยู่ด้วยคงไม่เกิดเรื่องแน่ๆล่ะ
“ไม่ต้องห่วงเดียวพ่อช่วยทำให้คุณปู่ใจเย็นล่ะนะ” เพอร์ซีย์พูดจบก็เดินไปหาคนเป็นพ่อทันที
“บ้าจริง! เล่นแบบนี้ไม่เรียกคุณยายอาธีน่ามาเลยล่ะค่ะ จะได้เกิดภูเขาไฟปะทุกันแน่ล่ะที่นี่!!”
โพรทาเลียพูดพึมพำก่อนจะเดินตามคนเป็นพ่อไปทันที พวกเขาเดินจนมาใกล้ๆ โพไซดอน เพอร์ซีย์ทักทายพ่อคนเองอย่างเป็นมิตร แล้วเขาก็หันมาหาโพรทาเลีย โพรทาเลียก็ทักทายคุณปู่อย่างกังวล แต่ความรู้สึกของเธอกับแปลกๆ เธอเงยหน้ามองใบหน้าของคนเป็นปู่ก็เห็นกับสายตาที่ไม่ชอบใจที่เห็นเธออยู่ที่นี้ ทำเอารู้เลยว่านูอัสคงทำเรื่องอะไรให้ปู่ไม่ชอบแน่ๆ คงได้ปรับความสัมพันธ์กันใหม่อีกแน่ๆ
“แล้วนี่เจ้ามีเรื่องอะไรถึงอยากคุยกับพ่อกัน? เพอร์ซีย์”
“นิดหน่อยนะครับ...แต่เรื่องที่ผมจะคุยเกี่ยวข้องกับที่ค่ายและก็....เจ้าลูกสาวตัวน้อยคนนี้ล่ะ” เพอร์ซีย์มองลูกสาวพร้อมกับยกมือแตะหัวของโพรทาเลียเบาๆ
โพไซดอนจ้องมองหลานสาวอย่างเย็นชา “โพรทาเลียก่อเรื่องมาอีกหรือ?”
น้ำเสียงของคนเป็นปู่ทำเอาโพรทาเลียทำตัวไม่ถูกจริงๆ เขาไม่เหมือนที่เธอเคยเจอสมัยเด็กๆ จริง ทำให้เธออยากรู้เลยว่านูอัสไปทำอะไรให้คนเป็นปู่ทำสีหน้าโกรธเธอได้ตลอดเวลาแบบนั้น
“เปล่าครับ...คือว่า...มันเกิดเรื่องเลวร้ายในค่ายและกับครอบครัวผมเขานะ...”
“เลวร้าย? เกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ หรือเปล่า?” โพไซดอนถามอย่างตื่นตระหนก “หรือว่าโพรทาเลียรังแกน้องๆ อีก”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็พอเข้าใจหนึ่งอย่าง นูอัสชอบทำร้ายพี่น้องของเธอ จากได้ยินที่พี่น้องของเธอเล่าให้ฟังว่ายัยนั้นชอบหาเรื่องจนบาดเจ็บกัน คนเป็นปู่ถ้าเห็นภาพตรงหน้าก็คงโกรธเป็นธรรมดาล่ะนะ
“ไม่มีครับ แค่...”
เพอร์ซีย์รู้สึกอ้ำอึ้งไปเลยที่ตัวเขาตอนแรกกล้าพูดกับลูกสาวว่าจะบอกคนเป็นพ่อ แต่พออยู่ต่อหน้าจริงๆ มันช่างแตกต่างกว่าอะไรอีก ระหว่างที่พ่อคุยกับคุณปู่อยู่นั้นเสียงมือถือของโพรทาเลียก็ดังขึ้นมาจนโพรทาเลียหยิบขึ้นมาเพอร์ซีย์หยุดพูดแล้วมองลูกสาวที่จู่ๆ หยิบมือถือจากไหนออกมา โพรทาเลียเห็นว่าโฟกัสโทรมาก็เลยเดินออกมาห่างๆ จากผู้ใหญ่ก่อนจะรับมือถือนั้น
“มีอะไรโฟกัส?”
“หลานกับพ่อหลานอยู่ไหนกันจ๊ะ?” น้ำเสียงของคนเป็นย่าดังขึ้นมา ทำเอาโพรทาเลียถึงกับกลืนน้ำลายลำบากขึ้นมาทันที
“คะ...คุณ...ย่า...”
“ย่าถามเมื่อกี้ได้ยินไหมจ๊ะ? ว่าทั้งสองคนอยู่ไหนกัน?”
“คือว่า...” โพรทาเลียไม่รู้จะรับมือยังไงกับคุณย่า ก่อนจะหาตัวช่วยได้ทันที “หนูไม่รู้ตัวเองอยู่ไหนนะ งั้นคุยกับพ่อละกันนะคะ!!”
โพรทาเลียรีบเดินไปหาคนเป็นพ่อทันที พร้อมกับขอขัดจังหวะทั้งสองทันที
“ขอขัดจังหวะสักครู่นะคะ”
พอโพรทาเลียพูดแบบนั้นออกมาทั้งสองคนที่หยุดพูดมานานแล้วก็มองเธออย่างสงสัย ก่อนที่โพรทาเลียจะยื่นมือถือไปหาคนเป็นพ่อทันที
“หือ? เอามือถือให้พ่อทำไม? แล้วนี่ลูกมีมือถือด้วยเหรอ?”
“พึ่งมีแต่ตอนนี้ช่วยคุยกับปลายสายให้หนูหน่อย!!”
“เอ๋? ทำไมลูกไม่คุยเองล่ะ?”
“หนูว่าคนที่ควรจะคุยคือพ่อค่ะ!” โพรทาเลียทักท้วงอีกครั้งว่าพ่อต้องรับ
เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้น เขาก็รับมือถือพร้อมกับพูดออกไปทันที “ใครครับ!?”
“เพอร์ซีย์!”
“!!” เพอร์ซีย์ได้ยินเสียงก็ตกใจเช่นกัน “มะ...แม่...มีอะไรเหรอครับ!?”
พอโพไซดอนได้ยินว่าภรรยาเก่าโทรมทำให้เขาอยากเจอเธออีก แต่อีกฝ่ายก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว คงได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ เขาเลยเงียบรอลูกชายคุยกับแม่เขาให้เสร็จ แต่ระหว่างรอเขาก็หันไปมองหลานสาวอย่างสงสัยใบหน้าของเด็กมีรอยแผลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจนสงสัย เลยถามออกไป
“ต่อสู้จนได้แผลเป็นมาหรือ?”
“ค่ะ?” โพรทาเลียหันไปหาคนเป็นปู่อย่างสงสัยว่าถามเธองั้นเหรอ “คุณปู่ถามหนูเหรอ?”
“แล้วจะให้ปู่ถามใครล่ะ?”
“อ๊ะ...โทษค่ะ...ใช่ หนูได้จากการต่อสู้นะ...”
“งั้นเหรอ...”
โพรทาเลียรู้สึกอึดอัดที่ต้องคุยกับคุณปู่แบบถามคำตอบคำจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนคุยกับคนแปลกหน้าไม่มีผิด เธออยากได้ชีวิตเดิมกลับมา จนต้องตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองเคยคิดว่าไม่อยากทำจริงๆ
“คุณปู่ค่ะ...รู้ไหม? ว่าสมัยเด็กๆ นั้นหนูนะคาดหวังกับคุณปู่มากๆ เลยนะ”
“หือ? คาดหวังกับข้า?”
“ค่ะ...หนูคาดหวังมาตลอด...ว่า...” โพรทาเลียเอื้อมมือไปจับมือคุณปู่มือที่เมื่อก่อนนั้นใหญ่กว่ามือของเธอถึงแม้จะใหญ่กว่ามือของเธอ แต่เธอก็จับมือนั้นได้อย่าง “หนูคาดหวังให้ทั้งครอบครัวมาช่วยหนูและพาหนูออกจากนรกของแซเทิร์น”
“เอ๋?”
พอโพรทาเลียพูดจบเธอส่งความทรงจำของเธอให้แก่อีกฝ่าย โพไซดอนรับภาพความทรงจำอันเจ็บปวด ความเศร้า ทรมาน เสียใจของหลานสาวที่ประสบพบเจอกับสิ่งต่างๆ ร่วมถึงภาพในปัจจุบันที่เธอต้องเจออะไร เขาเห็นภาพทุกอย่างจนไม่อยากเชื่อว่าหลานสาวเขาพบเจอกับอะไรมามั้ง ระยะเวลาผ่านไปไม่นานเพอร์ซีย์ก็คุยกับแม่เขาจนจบโดนด่าไปหลายรอบที่พาหลานออกมาจากบ้านไม่บอกกันสักคำ เนื่องจากแม่เขาทำอาหารให้หลานๆ จนสองคนที่อยู่ที่นู่นต้องทานเอง สำหรับเขาโฟกัสคนเดียวก็คงทานหมดแน่ๆ เขากำลังเดินกลับมาหาทั้งสองคน ก่อนจะเห็นภาพที่ไม่คาดคิดขึ้นมา
“แย่แล้ว!!”
ภาพตรงหน้าของเขา ท้องฟ้าที่เคยเห็นเป็นสีส้มนั้นถูกกองเมฆก่อนตัวกันพร้อมกับน้ำทะเลซัดไปมาอย่างรุนแรง เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเห็นโพรทาเลียตะโกนเรียกปู่ เมื่อเห็นใบหน้าเขากำลังโกรธอย่างมาก เมื่อเห็นสิ่งที่แซเทิร์นกับหลานเขา
“ปู่ค่ะ!!”
“เจ้านั้น!! บังอาจ!! บังอาจมาแตะต้องหลานสาวข้า!!”
ท้องทะเลเริ่มปั่นป่วนหนักขึ้น มันซัดไปซัดกันมา ผู้คนเห็นท้องทะเลเป็นแบบนั้นก็รีบวิ่งหนีกรี๊ดกันอย่างเสียงดัง โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเลยว่าตัวเองซวยแล้วที่บอกเองแล้วปู่โกรธแซเทิร์นขึ้นมาทันที ก่อนที่เพอร์ซีย์จะหยิบบางอย่างขึ้นมาให้โพไซดอนดมทันที
“พ่อครับๆ ระวังจะเป็นลมนะครับ มันแค่พายุเล็กน้อยเดียวก็หายไปเองนะครับนะครับๆ ใจเย็นๆ นะ”
โพไซดอนหายใจเข้าออกอย่างแรง แล้วดมกลิ่นบางอย่างที่เพอร์ซีย์นำมาให้จนเขาเริ่มสงบสติได้ แล้วพายุรอบๆ เริ่มหายไป ทำให้ผู้คนแถวนั้นโล่งใจที่พายุหายไป โพรทาเลียก็โล่งใจทันที
“ลูกทำอะไรปู่นะ!? โพรทาเลีย”
“หนูแค่...ให้ปู่เห็นภาพ...ความทรงจำของหนูนะ...”
“อึ้ก!! นี่ลูก...”
“ก็...พ่อพูดเองนี่ค่ะว่าจะบอกคุณปู่...หนูเลยคิดว่ายังไงก็ต้องบอก หนูบอกเองเลยน่าจะดีกว่า...”
“เฮ้อ...” เพอร์ซีย์ถอนหายใจถึงกับความใจเด็ดของลูกสาวที่เริ่มมีกำลังใจในการบอกคนอื่นๆ ก่อนที่เขาจะหันไปหาพ่อเขา “พ่อ...ใจเย็นลงยัง...?”
“ข้าเย็นลงแล้ว เพอร์ซีย์!” โพไซดอนหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจ้องมองหลานสาว “งั้น...โพรทาเลียตรงนี้คือโพรทาเลียของปู่สินะ”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที “ค่ะ...หนูโพรทาเลีย แจ็กสัน...หลานสาวของคุณปู่ไงคะ”
โพไซดอนได้ยินแบบนั้นบวกความทรงจำที่เขาได้เห็นมา เขาถึงกับรู้สึกผิดที่ตนเองนั้นกับไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่กับตัวเองมาตลอดนั้นไม่ใช่หลานสาว
“ปู่ขอโทษด้วยนะ โพรทาเลียที่ปู่นั้นเป็นถึงเทพแท้ๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องเลย...”
“ช่างเถอะค่ะ หนูไม่ถือโทษโกรธอะไรแล้วค่ะ ทำไงได้ล่ะนะ แซเทิร์นคงจะวางแผนมานานทำให้พวกคุณปู่คิดว่าหนูอยู่กับปู่ตลอด”
“โพรทาเลีย...” โพไซดอนย่อตัวลงมองหลานสาว พร้อมกับจับมือหลานสาว “ปู่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหลานได้อีกและปู่จะปกป้องหลานให้ถึงที่สุดเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
โพไซดอนค่อยๆ ลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะมีคำถามขึ้นมากับหลานสาว “แต่ปู่มีคำถามอีกคำถามหนึ่ง”
“อะไรเหรอคะ?”
“ทำไมในความทรงจำของหลานมีแต่คนอื่นๆ เรียกหลานว่าคีย์และ...หลานมีลูกแล้วเหรอ?” โพไซดอนนึกย้อนความทรงจำที่หลานสาวส่งมาให้ เขาถึงกับอึ้งที่เห็นภาพหลานสาวที่โตแล้วกำลังคลอดลูก
“อุ้ย...หนูลืมเอาจุดนั้นออกเลย...ใช่ค่ะ หนูมีลูกแฝดสองคนและก็...หนูคือคีย์ วันเดอร์เลอร์”
“ห๊า?” โพไซดอนถึงกับตกใจทันที “หมายถึง...เด็กชายที่เป็นสายเลือดของโครนอสคนนั้นนะเหรอ?”
“ถูกต้องค่ะ”
“เดียว!! แล้วทำไมโครนอสถึงให้หลานเป็นสายเลือดของเขาโดยที่หลานเป็นหลานของปู่ เท่ากับเป็นเหลนเขานะ”
“เอ่อ...เรื่องนั้น...เพราะ...อดีตชาติของหนู...เป็นสายเลือดของโครนอสนะคะ...”
“ว่าไงนะ!!”
จบตอนที่ 57 โปรดติดตามตอนที่ 58 ต่อไป
Comments (0)