40 ตอน ตอนที่ 40 เจ้ายังมีเราอยู่ข้างกาย
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 40 เจ้ายังมีเราอยู่ข้างกาย
เพียงคำพูดของเด็กสาวตรงหน้า ทำให้เด็กชายที่มีความอ้างว้างในจิตใจ กับระลึกถึงความทรงจำที่เข้าไม่รู้จัก แต่ภายในจิตใจเขากับรู้สึกว่าเข้ารู้จัก ความทรงจำทุกอย่างเข้ามา ทำให้เขาตระหนักได้ว่าตัวเองคือใคร โฟกัสกำลังดิ้นสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ตนเองโดนลากเข้าเงามืดนั้น ถ้าเธอโดนลากเข้าไปก็ไม่มีสิทธิ์จะฟื้นขึ้นมาช่วยพี่สาวได้อีก
‘ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!!’
สิ้นความคิดของเด็กสาว มือของเธอที่กำลังดิ้นรนหาที่เกาะ ก็ได้มีมือมาคว้ามือของเธอไว้ โฟกัสเงยหน้าขึ้นมองคนที่คว้ามือเธอไว้ เมื่อเห็นคนตรงหน้าสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปด้วยความยินดี
“พี่โพรทาเลีย!!”
โพรทาเลียรั้งตัวดึงมือน้องสาวไว้ทันที “ขอโทษที่ให้รอ โฟกัส พี่มาแล้ว!”
โพรทาเลียดึงน้องสาวออกมาจากเงามืดทันที พอเธอหลุดออกมา เธอกระโดดเกาะพี่สาวไว้แน่นทันที
“แงงงง๊ พี่ หนูดีใจที่พี่กลับมา ไม่งั้น...ไม่งั้น หนูได้เสียพี่ไปอีกแน่ๆ เลย แงงงงงง”
“โอ้ๆ น่า พี่ก็กลับมาแล้วนี่ไง” โพรทาเลียลูบหัวน้องสาวทันที
“โฮกกกก!”
เสียงคำรามดังขึ้น ทั้งสองคนต่างหันไปมองต้นเสียงทันที โฟกัสกระโดดออกจากตัวพี่ ก่อนจะหยิบดาบที่ตกมาทันที
“เอาไงกับพวกมันดี?”
“พี่ก็ไม่รู้น่านะ แต่พวกเรามีกันสองคนแค่นี้ก็พอ!”
โพรทาเลียยื่นมือไปหาน้องสาว โฟกัสก็ยื่นมือไปจับมือพี่สาวทันที ก่อนที่แสงสว่างจะออกมาจากตัวของทั้งสองคน พวกเงามืดต่างแสบตาและหลบแสงสว่างกัน สองพี่น้องมองกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มัน?” โพรทาเลียมองอย่างสงสัย
“หรือว่า! ?” โฟกัสคิดบางอย่างออกมาทันที “ความอ้างว้างไงล่ะ คำตรงข้ามคือ! ?”
“เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย...ของพี่คือครอบครัว...ใช่แล้ว!” โพรทาเลียปิ้งไอเดียขึ้นมา
“พวกเจ้าเหล่าเงามืด พวกเราทั้งสองไม่ยอมให้พวกแก่ทำอะไรตามใจเด็ดขาด พวกเราทั้งสองจะร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวต่อกรกับพวกแก!!”
เสียงของโพรทาเลียยิ่งพูดแสงสว่างรอบกายของโพรทาเลียก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้น พวกเงามืดก็ยิ่งหวาดกลัวแต่แสงนั้น
“ฉันโพรทาเลีย แจ็กสัน และน้องสาวโฟกัสเมซ่า แจ็กสัน จะไม่อยากให้ความอ้างว้างครอบงำพวกเราเป็นอันขาด!!”
แสงสว่างเจิดจ้าจนครอบคลุมร่างของทั้งสอง จนทำให้พวกเงามืดนั้นสลายไป ลูกแก้วที่กักขังพวกโพรทาเลียไว้กำลังจะแตกออก คนสวมฮู้ดตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกแก้วแตกกระจายออก คนสวมฮู้ดถึงกับโดนแสงนั้นทำร่างกายกระเด็นไปไถลไปกับพื้นทันที
แสงที่อ้อมอุ้มโพรทาเลียไว้นั้น ช่างอบอุ่นใจมากๆ ทำให้โพรทาเลียไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ตัวเธอเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่ตัวเธอจะเหมือนมีคนอุ้มตัวเธอไว้ เธอสงสัยว่าตัวเองอยู่ไหน แต่แล้วก็มีบางอย่างมาแตะที่จมูกของเธอ เธอสงสัยว่าอะไร เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ สายตาของเธอได้เห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าที่กำลังยิ้มให้เธออยู่ คนตรงหน้ามีใบหน้าที่สวยงดงาม ผมสีน้ำตาล ดวงตาน้ำตาลที่กำลังยกตัวเธอขึ้นเอาจมูกมาถูกับจมูกเธอ ทำเอาเธอจั๊กจี้จนขำออกมา
‘คิกๆ’
โพรทาเลียงุนงงไปสักแป๊บว่าเสียงนี้ของตัวเองเหรอ เธอก้มมองร่างกายของตัวเอง ตัวเธอเป็นเด็กทารกไป ทำเอาเธองงเลยว่าเป็นแบบนี้ได้ไง หญิงสาวตรงหน้าก้มลงมาประทับริมฝีปากตรงหน้าผากของเธอเบาๆ ใบหน้าอันยิ้มแย้มกำลังจะเอ่ยพูดบางอย่างให้เธอฟัง
‘เจ้าคือแก้วตาดวงใจดวงใหม่ของแม่ รัล’
โพรทาเลียถึงกับอึ้งไปชั่วขณะที่สาวตรงของเธอคือผู้เป็นแม่ เสียงของคนเป็นแม่ช่างอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์กระทบกับต้นข้าวอ่อนๆ เมื่อเธอหลับตาลงความมืดก็เข้ามาอีกครั้ง เธอก็ลืมตาเพื่อออกจากความมืดนั้น เมื่อเธอลืมตาเธอเห็นว่าตนเองอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ ในอ้อมกอดของหญิงคนนั้นแล้ว เธอมองรอบๆ ก็เห็นตัวเองอยู่ข้างๆ น้องสาวที่พึ่งลืมตาเช่นกัน ทั้งสองมองหน้ากันโฟกัสก็ดีใจที่พวกเธอออกมาจากโลกแห่งภาพมายานั้นได้
“เย้! ออกมาได้แล้ว!” โฟกัสกอดพี่สาวทันที
“ใช่ ออกมาแล้ว!”
โพรทาเลียกอดน้องสาวกลับ สายตาเธอหันไปเห็นคนสวมฮู้ดที่เธอเจอครั้งแรก เขานั่งอยู่ที่พื้นทั้งกำลังขยี้ตาตัวเองที่โดนแสงสว่างกระทบด้วยตาตัวเองจนเบลอไปหมด เขาได้ยินเสียงของทั้งสองก่อนจะพูดบางอย่างออกไป
“ดูเหมือนพวกเจ้าออกมาจนได้สินะ!” คนสวมฮู้ดยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วค่อยๆ หันมามองทั้งสองคน
“ใช่! พวกเราออกมาได้แล้ว! ฉันขอชกแกสักทีหน่อยเถอะ!” โฟกัสถกแขนเสื้อขึ้น
โพรทาเลียยกมือขึ้นมากั้นน้องสาวไม่ให้ไปทำร้ายอีกฝ่าย
“พี่ค่ะ!”
“อย่าทำอะไรให้ตัวเองเสียแรงเปล่าๆ ดีกว่านะ โฟกัส”
“ก็ได้ค่ะ!”
โฟกัสยอมเลิกสิ่งที่ตนเองจะทำ โพรทาเลียยิ้มออกมาที่น้องสาวเธอเข้าใจที่จะเชื่อฟังเธอ เธอหันไปมองอีกฝ่ายที่ไม่มองมาทางนี้เลย ตัวเธอเลยเดินเข้าไปหาเขาโดยทันที
พอเข้าไปใกล้ถึงตัวอีกฝ่าย โพรทาเลียก็เอ่ยคำพูดบางอย่างออกมา “เจ้ารู้สึกเหมือนข้าสินะ”
"หึ...รู้สึกอะไร?" คนสวมฮู้ดเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย
โพรทาเลียย่อตัวลงตรงหน้าอีกฝ่าย “บททดสอบของเจ้าคือความอ้างว้าง แปลว่าเจ้านั้นมีความอ้างว้างอยู่ในตัว”
“ดูเหมือนเจ้าเข้าใจถึงบททดสอบต่างๆ แล้วสินะ”
“ใช่...” โพรทาเลียตอบออกไป เธอก็จับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ “ถึงข้าไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเจอกับอะไร แต่ข้าก็จะสู้เพื่อคือสิ่งที่พวกเจ้าแต่ละคนทำขาดหายหรือปล่อยวางมันไม่ได้ ข้าจะช่วยทุกอย่างเหมือนที่เจ้าเผชิญ รัล”
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” คนสวมฮู้ดมองด้วยสีหน้าตกใจ
“รัล...นั้นชื่อของเจ้าใช่ไหมล่ะ?”
“ข้าไม่คิดเลย...ตลอดหลายร้อยปีที่ข้าจมปลักอยู่กับความอ้างว้างนี้มานาน...จะมีคนเรียกช้าด้วยชื่อนั้นอีก...” รัลรู้สึกอัดแน่นอยู่ในใจมาตลอดจนทำให้เขามีน้ำตาไหลออกมา "ใช่...นั้นชื่อของข้า นามของข้าคือ รัล"
โพรทาเลียยิ้มเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น เธอลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปหาอีกฝ่ายทันที “ลุกขึ้นเถอะ รัล เจ้ายังมีพวกเราอยู่ พวกเราทุกคน...”
เมื่อโพรทาเลียพูดจบ เหล่าจิตวิญญาณคนอื่นๆ ก็โผล่ออกมากัน โฟกัสเห็นก็แปลกใจที่ทุกคนออกมา พวกเข้าโผล่ทั้งด้วยร่างกายปกติของพวกเขา
“ได้เจอกันอีกแล้วนะเจ้าบ้า รัล” อาเดียนยิ้มอย่างชอบใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า
“เจ้านี่แสบจริงๆ นะ” ดาเฟ่เท้าเอวอย่างไม่ชอบใจ
“พวกเจ้า...ทำไมถึง...” รัลมองอย่างสับสนที่ทุกคนโผล่มาตอนนี้
“พวกข้าเคยบอกแล้วนะว่าเจ้าแล้วนะว่าพวกเราอยู่กับเจ้าตลอดไปนะ”
“จริงด้วยนะ”
เด็กหนุ่มที่มองเหล่าผู้คนที่เขารู้จักตอนที่เขาตายลง เขามีน้ำตาไหลออกมาความรู้สึกอบอุ่นที่เข้ามาแทนที่ความอ้างว้างมากมายก็ได้หายไป ทุกคนต่างยื่นมือมาทางเขา พอมองมือของทุกคนเขายื่นมือไปจับแล้วลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณพวกเจ้าที่ยังอยู่ข้างข้า”
ทั้งห้ายิ้มให้แก่เด็กชายพวกเขากอดเด็กชายอย่างรักใคร่ สองแฝดมองพวกเขาอย่างน่ายินดีที่เรื่องจะได้จบลงสักที แต่ในหัวของโพรทาเลียกำลังคิดบางอย่างว่าการทดสอบมันเริ่มรุนแรงขึ้น หลังจากนี้เธอจะเจอกับอะไรอีก
“ถึงเวลาแล้วล่ะ” รัลพูดขึ้น
ตัวของพวกโพรทาเลียก็เริ่มสว่างขึ้น
“ข้า รัล บุตรแห่งดิมีเทอร์ ขอประกาศว่าโพรทาเลีย แจ็กสัน ผ่านการทดสอบของข้า”
เมื่อรัลประกาศออกไปสัญลักษณ์ของดิมีเทอร์ และอันอื่นๆ เริ่มมารวมตัวกันที่มือข้างขวาของโพรทาเลีย มันถูกเรียงกันเป็นแถวเดียวกันอย่างสวยงาม ตัวของทั้งสองเริ่มลอยขึ้นช้าๆ
“ตะ...ตายล่ะ!”
“อ๊ะ!” โพรทาเลียมองตัวเองที่ถูกทำให้ลอยขึ้น
พวกเหล่าจิตวิญญาณมองทั้งสองคนอย่างขำ รัลจ้องมองก่อนจะตะโกนบางอย่างออกไป
“โพรทาเลีย! ขอบคุณเจ้าที่ทำให้ข้าได้สติกลับมา แล้วก็ขอโทษที่ข้าต้องทำให้เจ้าลำบากในเวลาต่อไปด้วยนะ!”
โพรทาเลียได้ยินที่รัลพูด เธอสงสัยทันที “ที่นายพูดหมายความว่าไงกัน รัล!”
พอถามแบบนั้นกลับไม่ได้คำถามกลับมา ถูกลอยขึ้นสู่แสงสว่างจ้า โพรทาเลียเอามือปิดตาของตัวเอง แสงนั้นทำให้เธอแสบตาไปหมด เพียงชั่วพริบตาแสงนั้นหายไปรอบๆ กลายเป็นสีดำ โพรทาเลียสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตนเองกับรู้สึกว่าเปลือกตาของตนนั้นปิดลงอยู่ พอรู้สึกอย่างงั้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เธอกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ ชัดมากขึ้น เธอได้เห็นพี่น้อง แม่ และลูกสาว ทุกคนจับจ้องมองเธออย่างเป็นห่วง ก่อนที่เบเดอร์จะเห็นโพรทาเลียลืมตาตื่นขึ้นมา
“โพรทาเลียฟื้นแล้ว!!”
“โพรทาเลีย!” แอนนาเบ็ธมองลูกสาวของตนที่ฟื้นขึ้นมา
“พี่ค่ะ!” เรน่ากับคารีเซลมองพี่สาวด้วยความดีใจ
โพรทาเลียส่ายหน้าอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนถึงเอาแต่เรียกเธอว่าโพรทาเลียอย่างเดียว เธอค่อยๆ เอามือมาจับที่หัว เธอรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย แต่พอจ้องมองมือของตัวเอง เธอเห็นรอยแผลที่จำได้ว่ามันของร่างเดิมของเธอ ทำเอาเธอตกใจจนต้องลุกขึ้นอย่างเร็วจนไปจนกับบางอย่างเข้าเต็มๆ ทำเอาเจ็บหน้าผากแบบสุดๆ
“โอ๊ยยยยยย!! ชนอะไรเนี่ย!!” โพรทาเลียถึงกับง้อตัวด้วยความเจ็บ
"ถามว่าชนอะไรนะเหรอ! ?"
เสียงหนึ่งถามขึ้น โพรทาเลียนิ่งไปทันที เธอจับเสียงนั้นได้ เธอค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมามองว่าคนที่พูดนั้นอยู่ข้างหลังเธอ เธอค่อยๆ หันไปมองก็พบกับคนเป็นพ่อกำลังลูบคางของตนเองอยู่
“คุณ...เพอร์ซีย์...” โพรทาเลียเหงื่อแตกที่ตัวเองเผลอไปเอาหัวชนคางอีกฝ่ายเข้า
เพอร์ซีย์หยีตามองลูกสาวของตน เขาเข้าไปใกล้ลูกสาว “ลูกยังจะเรียกชื่อพ่อเฉยๆ อีกเหรอ?”
“เอ๋!?” โพรทาเลียตาโตทันทีที่พ่อพูดแบบนั้น “เอ่อ...คุณพูดอะไรนะครับ?”
“ยังจะแก้ตัวอีกนะ พ่อกับแม่รู้หมดแล้วว่าลูกเป็นใคร?” เพอร์ซีย์อธิบายให้ลูกสาวฟัง
“เอ๋? รู้หมดแล้ว?”
โพรทาเลียมองพ่อของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองพี่น้องของเธอที่รู้ว่าตัวเธอเป็นใครพวกเขาพยักหน้าให้เธอ โฟกัสก็ชี้ร่างของตัวเธอ เหมือนบ่งบอกให้อีกฝ่ายดูตัวเอง โพรทาเลียก้มมองตัวเอง เธอเห็นเส้นผมสีดำที่ตกลงมาและอวัยวะที่ใหญ่มากๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงของเธอ โพรทาเลียถึงกับหน้าซีด เธอไม่นึกว่าตัวเองจะอยู่ในร่างเดิม และสิ่งที่เกิด เธอจำที่รัลพูดขอโทษทีเรื่องบางอย่าง ตอนนี้รู้แล้วว่าคืออะไร พอค่อยๆ หันไปหาคนเป็นพ่อ
“คือว่า...หนูอธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ...”
เพอร์ซีย์จ้องมองคนเป็นลูก เขาเขยิบเข้าไปกอดคนเป็นลูกทันที “ไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะ พ่อดีใจที่ลูกปลอดภัยกลับมาหาเราได้ โพรทาเลีย”
น้ำเสียงของพ่อทำให้โพรทาเลียรู้สึกอึดอัดใจมากตลอด น้ำตากำลังไหลออกมาช้าๆ เธอสวมกอดคนเป็นพ่อ
“พ่อค่ะ...ฮือ...”
เพอร์ซีย์กอดลูกสาวด้วยความรักที่เขามีให้เธอมาตลอด เขารู้สึกอยากโทษตัวเองไปตลอดชีวิตที่เขาไม่สามารถปกป้องลูกสาวตัวน้อยของเขาไว้ได้ แอนนาเบ็ธเดินเข้ามาร่วมวงกับสามีและลูกสาว เธอกอดลูกสาวพร้อมกับหอมศีรษะของเธอเบาๆ โพรทาเลียยิ้มให้อย่างมีความสุข พี่น้องต่างจับมือกันเพื่อไปเข้าร่วมกับพ่อแม่ด้วย โอราอุสมองพี่น้องเดินกันไปกอดโพรทาเลีย เขาดีใจที่ทุกคนรู้แล้วว่าคีย์เป็นใคร
โอราอุสยืนมองอย่างมีความสุขอยู่นั้น ลิซ่าก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ เธอมองเขามีสีหน้าที่มีความสุข เธอก็พูดบางอย่างออกมา
“ทุกอย่างดูเข้าทีแล้วสินะ...”
โอราอุสมองคนข้างๆ ที่พูดขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นลิซ่าเขายืนตัวตรงทันที “คงงั้น...เรายังเหลืออีกแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น...”
“ก็จริงของเจ้า เหลือแค่เทพองค์นั้นคนเดียว” ลิซ่าจ้องมองโพรทาเลีย เธอนึกถึงสิ่งที่พวกเธอพูดกัน “แซเทิร์น...”
ลิซ่าห่วงแค่อย่างเดียวคือเทพที่โหดร้ายกับพวกเธอมาตลอดหลายปี เป็นเทพที่เธอรังเกียจมากตลอด แต่เพราะเขาเลี้ยงเธอมาจงต้องทำใจอยู่กับเทพตนนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้เธอช่างสงสัยเหลือเกินว่า เทพองค์นั้นกำลังทำอะไรและเขากำลังวางแผนอะไรต่อไป แผนที่เขาจะต้องการได้พลังที่โพรทาเลียมีครอบครองอยู่
ห่างไกลออกไปหลายกิโลเมตร ผ่านทะเลสีเขียวอันกว้างใหญ่ สายน้ำกำลังไหลไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งมาสายน้ำกระทบกับเกาะที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมเต็มไปด้วย ป่าอันเขียวขจี และ ป่าที่แห้งแร้งอย่างที่ไม่มีคนเคยเห็น มันถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ตรงใจกลางเกาะนี้ได้มีปราสาทอันโอ่อ่าสีดำทมิฬอันน่าสะพรึงกลัว เข้าไปข้างในอันลึกลับนั้นข้าวของหลายอย่างถูกกระจัดกระจายและพังทลายลงด้วยน้ำมือของใครสักคน ตามทางเดินมีหินจากเสาหินแตะกระจายเต็มไปหมด เดินตรงมาถึงประตูบานใหญ่ข้างในนั้นหรือห้องโถงที่ชายคนหนึ่งจะนั่งอยู่ตรงนั้นมาตลอด ภายในมีเก้าอี้ตัวใหญ่อันอลังการที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำและการแกะสลักอันน่าสนใจ เก้าอี้ตัวนั้นได้มีชายวัยกลางคน ผมลอนสั้นสีดำกำลังจับจ้องหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง เธอโดนจับมัดเอาไว้เพราะความผิดของตนเองที่ทำไว้ หญิงสาวคนนั้นตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ร่างกายมีบาดแผลและรอยช้ำอันเกิดจากการทำร้าย เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันที่โดนทำร้ายแบบนี้อีก
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตน เหล่าอสุรกายที่ยืนอยู่ในห้องนั้น ต่างเกร็งตัวกันสุดขีด ชายร่างสูงเดินตรงมาหาหญิงสาว
“เจ้าช่างกล้าออกมาจากที่นั่น นูอัส”
นูอัสได้ยินเสียงนั้นพูด เธอเริ่มสั่นเทา เธอเงยหน้าขึ้นมาทันที "นะ...นายท่าน...ข้า..."
“หุบปาก!!”
เสียงตะโกนไปทั่วห้อง พวกอสูรตนอื่นก็ต่างหวาดกลัวโดนลูกหลงเช่นกัน หญิงสาวก้มลงต่ำเหมือนเดิม เธอเงียบปากของตนเองทันที
“ข้าอุตส่าห์ปล่อยเวลามาเนิ่นนานนับหลายปี จนตอนนี้เจ้าก็ยังไม่ทำอะไร!”
“ได้โปรดท่านแซเทิร์น ข้า...ข้าขอแก้ตัวใหม่ ข้าจะจัดการพวกแจ็กสันให้ได้ ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง!”
แซเทิร์นได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เขารู้สึกไม่ชอบใจ เมื่อเขาเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขายกเท้าของตน เหยียบเข้าไปที่หัวของอีกฝ่ายที่ก้มลงอยู่กับพื้นอยู่แล้วทันทีทันใด
“กรี๊ด!!”
“โอกาสเหรอ? ข้าให้โอกาสเจ้ามาเกือบจะ 9 ปี แต่เจ้าก็พลาด!!!” เขากระทืบลงบนหัวอีกฝ่ายอย่างแรง
“กรี๊ดดดดดดดดดด!” นูอัสร้องด้วยความเจ็บปวด “ข้า...ฮือ...ข้ายอมทำทุกอย่าง...ฮือ...ขอโอกาสข้าอีกสักครั้ง!”
“โอกาส? โอกาสเจ้าหมดไปตั้งแต่เจ้ากลับมานี้แล้ว นูอัส!”
“ได้โปรดนายท่าน!” นูอัสเกาะขานายท่าน เธอร้องขอทั้งน้ำตา
แซเทิร์นไม่สนใจอะไร เขาเตะเสยปลายคางของเธอ จนเธอล้มลงไปกลับพื้น แซเทิร์นหันหลังให้ประตู เขายกมือขึ้นแล้วกวักนิ้วสองสามครั้ง เพื่อเรียกคนที่เข้าต้องการเข้ามา พวกลูกสมุนเห็นแบบนั้น พวกมันเลยเปิดประตูกว้างให้คนที่เหมือนกำลังรออยู่นานพอควรเข้ามายังข้างใน พอประตูเปิดออกชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนรอได้เห็นประตูเปิด เขาก็เข้าไปข้างใน ใบหน้าอันแหลมคม ดวงตาสีแดงรอบๆ เป็นสีดำสนิท ผมลอนสั้นสีดำที่เข้ากับสีผิวขาวซีดของเขา พอเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ ชายหนุ่มย่อตัวทำความเคารพผู้เป็นนายของตน
“นายท่านเรียกข้ามีอันใดให้ข้ารับใช้หรือขอรับ”
แซเทิร์นหันไปหาลูกสมุนที่เข้ามา “เจ้ามาก็ดีเลย ข้ามีเรื่องให้เจ้าจัดการ ดีแลน!”
ชายหนุ่มเงยหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัว “รับสั่งมาตามที่ท่านต้องการเลยขอรับ ท่านแซเทิร์น!”
จบตอนที่ 40 โปรดติดตามตอนที่ 41 ต่อไป
Comments (0)