ตอนที่ 32 นิมิตแจ้งเตือน

เมื่อเบ็นกับอลันพาคีย์มาถึงสถานพยาบาล อลันวางคีย์ลงข้างไหล่ของเขา พอลงจากไหล่อีกฝ่ายมาแล้วก็มีแสงอรุณสาดส่องผ่านร่าง เด็กหนุ่มค่อยๆ หันหลังมองแสงยามเช้าที่กำลังสาดส่องผ่านพวกเขาขึ้นมา เขาไม่เคยเห็นแสงยามเช้าที่ดีแบบนี้จริงๆ นับจากหลายวันที่อยู่ในค่ายนี้ จะครบเดือนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแสงยามเช้าช่างดีอะไรแบบนี้ เบ็นมองเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่กำลังจ้องมองพระอาทิตย์ยามเช้าที่กำลังใกล้จะขึ้นมาเรื่อยๆ เขาก้าวเท้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะกอดคออีกฝ่ายทันที

 

โพรทาเลียตกใจเมื่ออีกฝ่ายมากอดคอเธอ “อ๊าก!! เบ็น นายทำอะไรเนี่ย!!”

“นายชักช้านี่! รีบๆ ไปเร็ว!” เขากอดคออีกฝ่ายแล้วพาเดินเข้าไปข้างใน

อลันมองเพื่อนชายยกกำลังลากอีกคนเข้าไปข้างใน เขาเห็นแล้วถึงกับสงสารแทนจริงๆ พวกเขาเดินกันเข้าไปยังข้างในสถานพยาบาลกัน พอเข้ามาเบ็นก็หันซ้ายหันขวาเพื่อหาใครสักคน ก่อนจะเจอกับเพื่อนชายของเขา

“โอลิเวอร์!!”

 

ชายหนุ่มผมทองรูปงาม พอโดนอีกฝ่ายที่เขาไม่อยากเจอหน้าเรียกขึ้นมา ทำให้หันหน้าไปทั้งสีหน้าเบื่อหน่าย แต่สายตาของเขามองเพื่อนชายแล้วก็หันไปเจอกับอีกคนที่โดนโอบไหล่อยู่ทำให้เขาสงสัยเลยว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไปอยู่ข้างๆ เพื่อนชายของเขาได้ไง เขาเดินไปหาพวกเขาทันที

 

“ทำไมพวกนายถึงมาด้วยกันล่ะ? เบ็น อลันแล้วก็คีย์”

โพรทาเลียถึงกับต้องหลบหน้า เธอไม่กล้าพูดเลยว่าทำไมเธอถึงมาเจอฝ่ายชายทั้งสองได้ เบ็นเห็นว่าเพื่อนชายถามเขาเลยตอบขึ้นมาทันที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ เขาปล่อยมือแล้วยกคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วย่องลงตรงหน้าเพื่อนของเขา

“เจ้าหมอนี้ ดันเข้าไปเล่นซนที่โรงตีเหล็กนะสิ!!”

โอลิเวอร์ได้ยินแบบนั้น เขาค่อยๆ หันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาทันที เด็กหนุ่มไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแถมเหงื่อยังตกเรื่อยๆ ก่อนที่โอลิเวอร์จะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย

“วัน เดอร์ เลอร์!”

เสียงอีกฝ่ายทำให้โพรทาเลียเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอซีดทันที “ผม...ผมขอโทษครับ!!”

 

ออร่าที่ออกมาจากชายตรงหน้าของโพรทาเลีย ทำให้เธอรู้สึกกลัวอีกฝ่ายอย่างมาก ชายตรงหน้าเธอก็จับมือเธอแล้วพาเข้าไปยังจุดสำหรับทำแผล พอเข้ามาอีกฝ่ายก็สั่งให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ เธอก็นั่งที่เก้าอี้อย่างสงบ โอลิเวอร์ก็เดินออกไปสักพัก โพรทาเลียนั่งมองมือของตัวเอง เธอนึกถึงสมัยก่อนที่มือของเธอเคยเป็นแผลจากการไหม้ เธอต้องรักษาด้วยสมุนไพรที่เทพีทาให้ เพราะว่าแซเทิร์นไม่ให้เทพีรักษาเธอ นั้นทำให้เจ็บแผลหลายวัน ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาทางนี้ พอเธอเงยหน้า ก็เห็นน้องสาวเดินเข้ามา

 

“โฟกัส?โพรทาเลียสงสัยว่าน้องสาวมาทำไม

“พี่ค่ะ...” โฟกัสรีบเข้ามาหาพี่สาวทันที เธอขอดูมือพี่สาวที่เป็นแผล “พี่ไปทำอะไรมา ถึงเป็นแบบนี้นะ! ?

“เดียวๆ ทำไมเธอมาหาพี่ได้ล่ะ...ทำไมรู้วีพี่อยู่ตรงนี้?

“ก็...” โฟกัสค่อยๆ หันทางด้านซ้ายที่เป็นทางเข้ามา โอลิเวอร์เดินเข้ามาแล้วยืนพิงเสาไม้อยู่

“ฉันคิดว่าเธอคงต้องการน้องสาวให้มาช่วยรักษาแผลน่านะ โพรทาเลีย”

“!!” โพรทาเลียนิ่งไปทันทีที่อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใคร “นี่นาย...รู้...”

“ก็ตอนเธอมาที่นี้ตอนที่สลบไป โอราอุสบอกฉันหมดนะ ฉันเลยรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงได้เลยนะ ทำให้ฉันต้องบอกคนในบ้านพักของฉันว่าช่วยระวังสิ่งที่เรามองไม่เห็นไว้”

“นายคงไม่ได้บอก...”

โพรทาเลียได้ยินอีกฝ่ายพูด ทำให้เธอกลัวเลยว่าอีกฝ่าบอกพวกเพื่อนๆ ว่าเธอเป็นใครอาจจะต้องมีคนเดือดร้อนเพราะเธออีกแน่ๆ

“ฉันยังไม่ได้บอกนะ แต่บอกแค่ว่าถ้านายมีปัญหาอะไร ให้ช่วยสุดความสามารถนะ”

“พี่มิวเลอร์...” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ “ขอบคุณค่ะ”

“เรื่องแค่นี้เอง...ยังน้อยกว่าที่เธอเจออะไรมาเยอะซะอีกนะ” โอลิเวอร์พูดจบเขาหันหลังให้พวกเขา “งั้นเชิญโฟกัสช่วยเธอรักษาแผลละกันนะ ฉันจะไปทำงานของตัวเองต่อนะ”

“โอเค”

ทั้งสองคนต่างพูดพร้อมกัน โอลิเวอร์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น โฟกัสมองมือของพี่สาวอย่างเศร้าใจ

“ดูสิ มือของพี่...เดียวหนูรักษาให้นะ”

“ไม่ต้องหรอกโฟกัส แค่นี้เอง” โพรทาเลียดึงมือตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย

โฟกัสรีบจับมืออีกฝ่ายทันที “ไม่ได้นะคะ!! เดียวติดเชื้อมันจะแย่นะคะ!!” โฟกัสตะโกนออกไปทันที

 

ทำเอาสองหนุ่มที่อยู่ข้างนอกได้ยินออกมา เบ็นสงสัยว่าเสียงนั้นมันเสียงของโฟกัสนี่น่า

“โฟกัสอยู่ที่นี้เหรอ?เบ็นหันไปหาอลัน

“น่าจะคงเพราะเมื่อวานเธอพักผ่อนอยู่ที่นี้นะ”

“แบบนี้เอง แต่ว่าเสียงยัยนั้นดังออกมาจน สงสัยเลยว่ายัยนั้นดุใส่ใครกัน?เบ็นสงสัยว่าโฟกัสกำลังดุใครกัน

 

ทางโพรทาเลีย โฟกัสกำลังไปเตรียมน้ำใส่หม้อ เพื่อที่จะได้รักษามือพี่สาว เธอยกหม้อมาวางบนเก้าอี้เล็กๆ ตรงหน้าของพี่สาว โพรทาเลียมองน้ำในหม้อ เธอลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นคนสายเลือดของโพไซดอน มีวิธีรักษาแผลของตัวเองด้วยน้ำได้นี่น่า สีหน้าของโพรทาเลียนิ่งๆ ทำให้โฟกัสสงสัยว่าพี่สาวเป็นอะไร

 

“พี่ค่ะ เป็นอะไรนะ?

“อ๊ะ...เปล่านะ...แค่ลืมไปว่าตัวเองเป็นหลานโพไซดอน แผลแค่นี้น่าจะรักษาด้วยน้ำได้น่าเนอะ...” โพรทาเลียมองน้องสาวพร้อมกับนึกถึงปู่ของเธอที่จะเจอกันแค่บางครั้ง เมื่อตอนเด็กๆ

“ค่ะ...พี่คงอยู่กับแซเทิร์นนานไป จนไม่รู้สินะว่าอะไรเป็นยังไง หนูว่าหนูคงต้องสอนพี่อีกเยอะเลยน่านะ”

โฟกัสพูดไปแล้วจับมืออีกฝ่ายลงในน้ำ พอมือของโพรทาเลียลงไปในน้ำเธอรู้สึกแสบมือของตัวเองเล็กน้อย แต่ก็มีความเจ็บเข้ามามั้ง

“โอ๊ะ!”

“เห็นไหมล่ะ ถ้าไม่รักษานะคงเจ็บกว่านี้แน่ๆ เลยนะ” โฟกัสดุโพรทาเลียแถมยังพองแก้มใส่เธออีก

“เธอนี่น่า เริ่มดุเหมือนแม่จริงๆ” โพรทาเลียรู้สึกหงอยไปเลยที่น้องดุ แต่ก็แซวอีกฝ่ายหน่อยๆ

พอโดนแซวโฟกัสมองหน้าพี่สาว ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันก่อนจะขำออกมาอย่างมีความสุข พอใบหน้าของพี่สาวจบเธอก็หันมามองมือพี่สาวที่กำลังได้รับการรักษาสมานแผลอย่างช้าๆ เธอค่อยๆ ลูบมือพี่สาวเบาๆ

“หนูนึกถึงเมื่อก่อนเลยนะ...พวกเรามีความสุขมากๆ …” โฟกัสนึกถึงเรื่องสมัยเด็กก่อนจะนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่สาว "แต่ไม่นึกเลยจริงๆ ...ว่าพี่จะเจอกับเรื่องเลวร้ายตลอด...แบบนั้นมัน...แบบนั้นมัน...พ่อแม่รู้เข้าต้องเจ็บปวดใจแน่ๆ เหมือนกับหนูในตอนนี้..."

โฟกัสก้มหน้าเบาตัวเธอกำลังสั่นเทาอย่างรู้สึกหวั่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่สาว โพรทาเลียมองน้องสาวเธอรู้ว่าอีกฝ่ายคงเศร้าใจหรือทุกข์ใจมากๆ เธอค่อยยกมืออีกข้างที่ไม่เป็นแผลขึ้นมาลูบหัวน้องเบาๆ

“ขอโทษนะ ที่พี่ทำให้เธอเศร้าใจมาตลอดนะ”

“ไม่ค่ะ พี่ไม่ได้เป็นคนทำให้น้องเศร้าใจ ถ้าจะโทษใคร ก็ต้องเทพอย่างแซเทิร์นที่ลักพาตัวพี่สาวของหนูไป!!”

“พูดเบาๆ หน่อยโฟกัส!” โพรทาเลียมองหน้าน้องสาวที่ตะโกนออกมา

“อ๊ะ...ขอโทษค่ะ” โฟกัสลดน้ำเสียงขอตนเองทันที “หนูรู้สึกโกรธเทพองค์นั้นมากๆ นี่น่า...”

“พี่รู้ แต่เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะนะ” โพรทาเลียมองมือของตัวเองที่สมานจนหาย เธอยกมือขึ้นมาแล้วไปจับมือน้องสาว “เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้นะ โฟกัส”

“พี่ค่ะ!” พอได้ยินคำพูดทุกประโยคของพี่สาวนั้นทำให้เธอมีน้ำตาไหลออกมาทันที เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตนเองทันที “ค่ะ มาเริ่มต้นกันใหม่นะ!”

ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กัน ถ้าอยู่ในร่างเดิมคงไม่มีใครคิดแน่ๆ ว่าทั้งสองคนจะยิ้มกันได้แบบนี้ แต่เมื่อทั้งสองคนคุยกันจบ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นมา

 

‘พูดออกมาได้ดีนี่น่า’

 

โพรทาเลียกับโฟกัสต่างตกใจกับเสียงปริศนานั้น ก่อนที่ร่างพวกเธอจะเหมือนถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเธอลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงสู่พื้นที่อยู่ห่างจากพวกเธอไปกี่นิ้ว ทำเอาทั้งสองคนเจ็บก้นของตนเองทันที โพรทาเลียมองรอบๆ รอบๆ นี่มันเป็นสถานที่สีขาวเหมือนที่เธอเคยเห็นก่อนหน้า ทำให้รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

 

“นี่มัน...”

“โลกในจิตใจนี่น่า...”

โพรทาเลียหันไปมองน้องสาวทันที “เธอเคยเข้ามาในนี้เหรอ?

“ค่ะ เคยตอนที่เจอพวกจิตวิญญาณนะ” โฟกัสมองพี่สาวของตนก็เห็นว่าร่างของเธอนั้น กลับเป็นโพรทาเลียคนเดิม “พี่...ร่างของพี่...”

โพรทาเลียมองสีหน้าของน้องสาวที่ซีดเซียวอย่างน่าแปลกประหลาด ทำให้เธอมองต้องมองตัวเอง เธอเห็นมือและแขนที่มีรอยแผลเป็นอันน่าคิดถึงอยู่

“อ๋อ...อย่างงี้ล่ะ พอมาอยู่ในโลกแห่งจิตใจ ก็จะกลับร่างเดิมนะ แต่ว่าเมื่อกี้เธอพูดถึงจิตวิญญาณนี่คือ?โพรทาเลียงงว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

“คะ...ค่ะ พวกเขาเป็นอดีตชาติของหนูนะ”

โฟกัสยังมีอาการอึ้งๆ กับรูปร่างของพี่สาวที่ผอมมากๆ และมีบาดแผลเต็มตัว ตรงคอของพี่สาวก็ไม่เว้น เธอไม่นึกว่าจากในความทรงจำที่มีสาวทรงให้ พอเธอมาเจอกับตัวจริงๆ มันรู้สึกอึดอัดใจมากกว่าเดิมอีก

“หือ?พอโฟกัสพูดแบบนั้น ทำให้โพรทาเลียสนใจทันที “เธอก็มีเหรอ? พวกอดีตชาตินะ?

“ค่ะ”

โพรทาเลียค่อยๆ ลุกขึ้น เธอค่อยๆ คิด เธอลืมไปว่าน้องสาวก็มีเหมือนเธอตามที่เฟอร์ร่าเคยพูดนี่น่า แล้วแบบนี้พวกเธอมาอยู่ในที่แบบนี้คงเป็นเพราะบางคนที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเอง

“ท่านอีกแล้วสินะ แองเจิล”

เมื่อโพรทาเลียพูดแบบนั้นก็มีเสียงหัวเราะออกมา โฟกัสได้ยินเสียงนั้น เธอเงยหน้ามองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย โพรทาเลียหันไปด้านขวาของตนเอง ก็ได้เห็นชายคนหนึ่ง กำลังลอยตัวอยู่ พร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่

“คนคนนั้นคือ...”

“คนที่เราจะได้รู้จักในตอนนี้ อดีตชาติที่ 1 ของพวกเรา แองเจิล”

“แหมๆ เจ้านะพูดซะเต็มยศเลยนะ โพรทาเลีย”

“หึ!” โพรทาเลียกอดอกทำสีหน้าไม่ชอบใจมากๆ “ไม่ได้อยากจะพูดอะไรแบบนั้นหรอกนะ!!”

“หึๆ”

“งั้นท่านก็คือ สายเลือดของโครนอสที่ฉันเคยได้ยินจากพวกเฮเลน”

แองเจิลหันไปมองสาวน้อยผมบลอนด์ เขายิ้มออกมา

“ถูกต้องแล้ว เจ้าคงจะเป็นอีกร่างจุติของเรา โฟกัสเมซ่า ยินดีที่ได้เจอกันนะ” แองเจิลเดินเข้ามาหาโฟกัสพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

โฟกัสได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ทำให้เธอมีใบหน้าที่แดงก่ำ “ชะ...เช่นกันค่ะ”

โฟกัสรีบเขยิบเข้าไปหลบหลังพี่สาวทันที ทำให้โพรทาเลียจ้องแองเจิลอย่างไม่ชอบใจพอควร

“แล้วนี่ท่านเรียกพวกเรามานี้ มีอะไรกัน?

แองเจิลยืนนิ่งทันที เขาค่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ...โทษทีๆ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาอย่างกะทันหัน พอดีข้าแค่มีเรื่องบางอย่างจะบอกพวกเจ้า”

“เรื่องอะไรกัน?โพรทาเลียสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ไม่รู้ทำไมข้างในลึกๆ ของเธอกับรู้สึกไม่ชอบมาพากลเข้าแล้ว

"อีกไม่ช้าแซเทิร์นจะออกมาเคลื่อนไหว!!"

“!!” โพรทาเลียได้ยินแบบนั้น ทำให้เธอยืนนิ่งไปเลยว่าเธอจะมาได้ยินอะไรแบบนี้ “นี่หรือว่า...ที่เจ้านั้นออกมาเคลื่อนไหว เพราะนูอัสบอกเจ้านั้นไปแล้ว!! ว่าฉันอยู่นี้กัน!?

“ใจเย็นๆ โพรทาเลีย ที่ข้าพูดนั้นไม่ใช่ว่าจะเกิดนะเดียวนี้ ข้าแค่มาเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนเท่านั้น เพราะนี่เป็นนิมิตที่ข้าเห็นตอนที่ข้าหลับใหลอยู่ในตัวเจ้าเท่านั้น”

“นิมิตแปลว่าสักวันมันจะเกิดขึ้น แต่ตอนไหนเราก็ไม่มีทางที่จะรู้สินะ”

“ถูกต้อง ข้าถึงมาเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่า พวกเจ้าต้องรีบรวบรวมเหล่าอดีตชาติที่2ของพวกเจ้าทั้งสองได้แล้ว”

“รวบรวมแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?โพรทาเลียถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“พวกเจ้าจะสามารถสรรค์สร้างอาวุธอันทรงพลังขึ้นมาเพื่อต่อกรกับแซเทิร์น!!”

“อาวุธอันทรงพลัง?หญิงสาวทั้งสองคนต่างมองหน้ากันและกันอย่างสงสัย

“ใช่ ตามคำพยากรณ์ที่มีมาเนิ่นนาน ได้เคยกล่าวไว้ว่า”

 

‘เมื่อยามสุริยันสว่างจ้า สายเลือดอันแข็งแกร่งจะบังเกิด

แต่หารู้ว่าความมืดนั้นกำลัง เข้าหาสายเลือดอันแข็งแกร่ง

จากหนึ่งต้องพลัดพราก อีกหนึ่งต้องโศกเศร้า

เมื่อยามใดต้องกลับมา จงหลอมรวมพลังแห่งเทพ

จงสรรค์สร้างแสนยานุภาพอันทรงพลัง นำมาซึ่งชัยชนะหรือพังพินาศโลกนี้’

 

พอได้ยินคำพยากรณ์ที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา โพรทาเลียนั้นคิดหนักเลยว่าคำพยากรณ์บทสุดท้ายมันช่างเป็นสิ่งที่ทำให้กังวลใจว่าพวกเธอทั้งสองคนจะทำให้โลกนี้มีชัยชนะหรือจะพังพินาศโลกนี้กันแน่ แต่คำพยากรณ์แบบนี้ออกมาทำไมถึงไม่มีเทพองค์ไหนออกมาเลยล่ะ นั้นทำให้โพรทาเลียคิดเยอะมากๆ จน โฟกัสยกมือขึ้นมาเพื่อจะถามบางอย่างกับแองเจิล

 

“ไม่ต้องยกมือหรอก ถ้าเจ้าอยากถามอะไรนะ โฟกัสเมซ่า”

“ค่ะ...เอ่อ...แล้วพวกเราจะรวบรวมเหล่าจิตวิญญาณได้ไงหรือคะ”

“อืม...” แองเจิลหลับตาลง เขาค่อยๆ หันหลังให้แก่สองสาว แล้วพูดบางอย่างออกมา “เดียวพวกเจ้าก็จะรู้เองนั้นล่ะ”

 

พอสิ้นเสียงของแองเจิล ตัวของทั้งสองสาวต่างลอยขึ้นฟ้าแล้วพุ่งลอยขึ้นที่สูงทันที เสียงกรี๊ดของทั้งสองดังลั่นไปทั่ว จนพวกเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเธอก็ยังอยู่ที่เดิม ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน พวกเธอถอนหายใจที่เจอแบบนั้นก่อนภาพจะตัดมาอยู่ตรงนี้แทน

“ตกใจหมดเลย อยู่ๆ ก็ลอยออกมาแบบนั้น”

“อืม จริงด้วยนะ...”

 

โพรทาเลียก็รู้สึกใจหายไปหมดเหมือนกัน แต่พอนึกคำพูดของแองเจิลที่บอกว่าแซเทิร์นกำลังเคลื่อนไหว นั้นทำให้เธอกังวลใจมากขึ้น ถ้าแซเทิร์นเคลื่อนไหวเพื่อตามล่าเธอล่ะ พี่น้องของเธอจะทำยังไง ครอบครัวเธอล่ะนั้นทำให้เธอรู้สึกกังวลใจขึ้นมา แต่แล้วก็มีมืออุ่นๆ มาสัมผัสใบหน้าของเธอเบาๆ โพรทาเลียสะดุ้งมองคนที่จับหน้าของเธอ โฟกัสกำลังยิ้มอ่อนๆ ให้เธอ

 

“อย่ากังวลใจเลยนะ ถึงแซเทิร์นจะมา พวกเราก็จะจัดการกับเทพตนนั้นไปด้วยกันนะ”

“โฟกัส...”

“พี่ยังมีพวกเราอยู่ข้างกายนะ” โฟกัสยิ้มอ่อนๆ ให้พี่สาวอย่างอ่อนโยน

เมื่อได้ยินแบบนั้น โพรทาเลียรู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังไหลออกมาช้าๆ โฟกัสเห็นแบบนั้นก็กังวลใจทันทีที่เห็นพี่สาวมีน้ำตาไหลออกมา

“พี่ร้องไห้ทำไมนะ? อย่าร้องนะคะ”

โพรทาเลียส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย “แค่ดีใจนะ...”

“เอ๋?

“ดีใจที่ยังมีพี่น้องที่อยู่เคียงข้างน่านะ”

“คิกๆ” โฟกัสยิ้มให้พี่สาวอย่างมีความสุข

 

ทั้งสองคนเอสหัวชนกันเหมือนสมัยเด็กๆ ที่เวลามีความสุขจะเอาหัวชนกันเหมือนนำทำให้พวกเราทั้งสองคนสื่อความรู้สึกถึงกันและกันได้ โพรทาเลียนั้นดีใจที่ได้กลับมาเจอครอบครัวอีก ไม่งั้นตัวเธอคงกลายเป็นร่างไร้จิตใจที่โดนใช้งานไปแล้วล่ะ เธอดีใจที่ได้มาอยู่นี่ได้กลับมาเจอพี่น้องและพ่อแม่อีกครั้ง

 

พอรักษามือของโพรทาเลียเสร็จ โฟกัสเห็นว่าข้างนอกนั้นเช้าแล้วเธอกะจะพาพี่สาวไปกินข้าวด้วย พอออกมาจากจุดที่ทำแผล พวกเธอทั้งสองคนก็เจอกับสองหนุ่มที่กำลังรอว่าคีย์นั้นรักษาแผลเสร็จหรือยังพวกเขานั่งรอจน เขาก็หันไปมองจุดที่ทั้งสองคนออกมา เบ็นเห็นก็ลุกขึ้นมาทันที

 

“วันเดอร์เลอร์!”

“อ๊ะ...เบ็น...ทำไมพวกนายยังอยู่ล่ะ?โพรทาเลียถามอย่างสงสัย

“อ้าว? ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ฉันอยู่ เพราะห่วงนายต่างหากล่ะ เจ้าเปี๊ยกเอ่ย!” เบ็นพูดจบก็ดีดหน้าผากของคีย์ทันที

“โอ๊ะ!! เจ็บนะ!” โพรทาเลียจับหน้าผากของตนเองทันที

“นี่! นายแกล้งอะไรพี่คีย์เขานะ” โฟกัสเอ่ยขึ้น พร้อมสีหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างกับยากูซ่าที่กำลังจะหาเรื่องคนอื่นทันที

“เย้ย!! โฟกัส!! เธอมาอยู่กับคีย์เหรอเนี่ย แล้วสีหน้าแบบนั้น”

“ทำไม!? มีปัญหาหรือ!?

“เปล่าครับๆ” เบ็นรีบปฏิเสธทันที เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรไปหาเรื่องกับโฟกัสตอนนี้เด็ดขาด

อลันเห็นก็ขำหน่อยๆ ที่เห็นญาติเขาทำสีหน้าแบบนั้น “สีหน้าดุใช้ได้เลยนะ โฟกัส”

โฟกัสกลับมามีสีหน้าปกติ เธอเห็นคนที่ทักเธอก็ต้องตกใจ “อ๊ะ...พี่อลัน!”

“ไง รู้สึกจะสบายดีนะ” อลันโบกมือเบาๆ ให้ญาติผู้น้องของเขา

“ค่ะ สบายดีค่ะ พี่ล่ะคะ ไม่นึกว่าพี่จะมา”

“ก็พักจากที่ปราสาทใต้ทะเลของคุณปู่เลยมาหาอะไรสนุกๆ กับเบ็นเขานะ แล้วมาเจอเด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้านะ แล้วพี่กับเบ็นก็ยังห่วงว่าเขาจะได้รับการรักษาหรือเปล่านะ”

เบ็นหันหน้ามายิ้มให้กับเด็กน้อยที่เขาพูด ทำให้เจ้าตัวนั้นทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ จนต้องหันหน้าหนี โฟกัสยิ้มออกมาอ่อนๆ

“อย่างงี้เอง งั้นไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ หนูอยู่ที่นี้พอดีเลยช่วยรักษาให้แล้วนะคะ”

“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ พี่อยากช่วยนะ แต่ไม่ได้พักบ่อยๆ เลยทำให้พลังพี่อ่อนลงนะ”

“ค่ะ น้องเข้าใจค่ะ พี่ก็พักผ่อนมั้งนะคะ”

“อืม พี่จะพักผ่อนเยอะๆ นะ” อลันยิ้มอย่างอ่อนโยนให้น้องสาว หันไปหาเบ็น “งั้นนายก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ เบ็น”

“รู้แล้วเว้ย!! ไม่ต้องบอกหรอกเว้ย!!” เบ็นทำหน้าเขินๆ เพราะอีกฝ่ายเหมือนสื่อว่าเขาห่วงอีกคนที่เขาพามาส่ง

โฟกัสมองเบ็นและพี่อลันทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยมีคนแซวกันขึ้นมาทันที

“แหมๆ พี่กับเบ็นเนี่ย ถึงพึ่งกลับมาแต่ก็ตัวติดกันตลอดเลยนะคะ ระวังคนในค่ายจะคิดว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันหรอกนะคะ” โฟกัสแอบแซวทั้งสองคน

“เอ๋! ?สองหนุ่มต่างมองหน้ากัน ใบหน้าของทั้งสองคนต่างแดงขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะหันไปหาโฟกัสทันที “จะบ้าหรือไง!! พวกเราเป็นผู้ชายนะ!!” ทั้งสองคนต่างตะโกนกันออกมาทันที

“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น เอาล่ะพวกพี่ๆ ก็กลับไปพักเถอะนะ เดียวพี่คีย์หนูจะดูแลเอง”

“ถ้าแบบนั้นงั้นฉันไปทานข้าวดีกว่าเช้าแล้วด้วย ถ้าไม่รีบไปกินข้าวจะโดนแยกกินอาหารหมดพอดี บายล่ะ!” เบ็นพูดจบก็เดินออกจากตรงนั้นไปทันที

“แล้วพี่ชายล่ะคะ?โฟกัสหันไปถามพี่ชายที่ยังยืนอยู่

“อะไรกันโฟกัส น้องจะไล่พี่เหรอ?เบ็นทำปากเบ้เหมือนหงอยที่อีกฝ่ายจะไล่ญาติของตนเอง

“เปล่าค่ะ ก็แค่สงสัยนะคะว่าทำไมพี่ไม่ไปซะที”

“อ๋อ ก็แค่...อยากอยู่กับญาติผู้น้องที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแสนนานจริงไหมล่ะ?

อลันค่อยๆ หันไปหาคนที่อยู่ข้างหลังของโฟกัส โพรทาเลียมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่กำลังจับจ้อง ก่อนจะเห็นริมฝีปากอีกฝ่ายกำลังเพื่อพูดบางอย่าง โดยไม่ออกเสียงมันออกมาพออ่านปากอีกฝ่ายก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร นั้นทำให้เธออึ้งไปทันที

“เมื่อกี้...พูดอะไรนะ” โพรทาเลียถามไปอย่างไม่รู้อะไร เพราะเธอไม่อยากคิดว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า

“คงได้ยินไม่ชัดสินะ ใช่ ฉันเอ่ยเรียกชื่อนั้นล่ะ...” อลันหยีตายิ้มออกมา “ชื่อของเธอ โพรทาเลีย”

โฟกัสได้ยินยังอึ้งเลยว่าญาติตรงหน้าของเธอรู้ได้ไงว่าคนตรงหน้าเขาเป็นใคร

“เอ่อ...พูดอะไรนะ ผมชื่อคีย์นะ อลัน”

“โทษนะ ฉันรู้เรื่องทั้งหมดมาจากพี่โอราอุสแล้วนะ” อลันอธิบายให้โพรทาเลียเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายรู้ได้ไงว่าเธอเป็นใคร

นั้นทำให้โพรทาเลียขมวดคิ้วพร้อมกับกำหมัดแน่นทันที “ขอตัวไปฆ่าพี่ชายก่อนได้ไหมคะ!?

“พี่จ้า ใจเย็นๆ ก่อนนะ” โฟกัสต้องห้ามพี่สาวตัวเองก่อนทันที

“น่าๆ ใจเย็นนะ อย่าไปโทษ พี่เขาเลยนะ พี่ก็ไปคุยอะไรแปลกๆ ให้เขาฟังเมื่อหลายเดือนก่อนด้วยจนมาล่าสุดเขาก็เล่าให้ฟังนะ”

“พวกพี่คุยอะไรกันเหรอ?โฟกัสสงสัยว่าพี่ชายพูดคุยอะไรกัน

“อ๋อ...ก็ถ้ารวมเดือนนี้ด้วยก็เกือบๆ 7 เดือน พี่เคยเจอโพรทาเลียนั่งเรือลำยักษ์ที่ร่องอยู่ในทะเลนะ”

เสียงตรงนั้นได้เงียบลงเมื่อพี่ชายพูดแบบนั้น ทำเอาโพรทาเลียนั้นช็อกจนตัวซีดไปทันที

 

จบตอนที่ 32 โปรดติดตามตอนที่ 33 ต่อไป