112 ตอน ตอนที่ 112 กุญแจนำทาง
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 112 กุญแจนำทาง
เมรี่มาบอกข่าวดีก็ทำให้โพรทาเลียโล่งใจที่พ่อนั้นยังปลอดภัยแล้วตอนนี้ก็ฟื้นแล้ว แอนนาเบ็ธรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาสามีของตนเอง เธอนำไปก่อนที่โพรทาเลียจะตามไปทำเอาคนเป็นลูกยิ้มอย่างชอบใจ โฟกัสที่ได้ยินที่เมรี่พูดก็รีบออกมาจากเต็นท์แล้วตรงดิ่งไปหาพี่สาวที่กำลังจะไปกับเมรี่ โพรทาเลียเห็นน้องสาวมาเกาะแขนก็ลูบหัวอย่างอ่อนโยน พวกเธอเดินจนมาถึงสถานพยาบาลก็ต้องมองอย่างสงสัยที่เห็นมนุษย์กึ่งเทพบางคนแอบมามองอะไรกันที่สถานพยาบาล แต่จากที่เห็นคงไม่พ้นชายสองคนที่เคยเป็นวีรบุรุษของค่ายเป็นแน่ สองแฝดอย่างพวกเธอก็เตรียมตัวที่จะเดินเข้าไปข้างในก็เห็นแม่ยืนอยู่แถวข้างเข้าก็สงสัยว่าแม่ไม่ไปหาพ่องั้นเหรอ
“ไม่เข้าไปเหรอคะ?”
“ก็ดูพ่อลูกสิ...”
โพรทาเลียชะโงกหน้าไปมองก็เห็นพ่อที่นั่งอยู่ที่ริมเตียงแล้วคุณดีกำลังตบหลังของพ่ออยู่อย่างสนุก
“ฮ่า ๆ ไม่นึกจริง ๆ ว่าเธอจะรอดมาได้นะเนี่ย จอห์นสัน!”
“แจ็กสันครับ” เพอร์ซีย์ถึงกับทำหน้าเซ็ง ถึงจะผ่านไปกี่ปีอีกฝ่ายก็เรียกชื่อเขาผิดอยู่ดี
“เธอก็ด้วยนะ คุณเทรซ!”
“เกรซครับ!!” เจสันพยุงตัวเองเพื่อจะนั่ง
ไพเพอร์ที่อยู่ตรงนั้นก็ช่วยพยุงขึ้น เจสันหันไปมองอีกฝ่ายตั้งแต่ที่เขาตื่นมาก็เจออีกฝ่ายที่แตกต่างจากตอนที่เขาเจอล่าสุด เธอดูสวยขึ้นและงดงามกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำเอาเขาเขินความสวยของอีกฝ่าย เขาหันหน้าไปทางอื่นทันที เพอร์ซีย์ที่หันไปมองก็ยิ้มมุมปากอย่างขำ ๆ ก่อนที่ไครอนจะเอ่ยถามเพอร์ซีย์
“ดีที่พวกเจ้าสองคนปลอดภัยกลับมา เพอร์ซีย์ เจสัน”
ทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างขอบคุณที่อีกฝ่ายยินดีที่พวกเขากลับมา ไครอนยิ้มอย่างดีใจที่ลูกศิษย์ของเขาปลอดภัยกลับมา แต่ความสงสัยบางอย่างก็ทำให้เขาเอ่ยถามขึ้นมา
“แล้วเจ้าฟื้นมาได้ไง? ใครช่วยพวกเจ้ากัน?”
“พวกเราไม่รู้หรอกครับ ไครอน รู้อยากเดียว...ว่าตื่นขึ้นมาก็อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอทุบมันจนพังถึงจะขึ้นมาก็รู้ว่าตัวเองโดนฝัง...”
“ตอนตื่นมาตกใจหมดว่าโดนฝังทั้งเป็นเหรอ?”
“ฉันตกใจกว่าที่เจอนายอยู่ข้างหลุมฉัน”
“เหอะ ๆ ทำอย่างกับฉันอยากนอนข้างหลุมนายนะ!!” เจสันทำหน้าบอกบุญไม่รับที่ต้องอยู่ข้างหลุมอีกฝ่าย
“น่าจับลงหลุมอีกรอบนะนายนะ!!”
“ไม่เอา ๆ อย่าทะเลาะกัน!!”
แอนนาเบ็ธรีบเข้าไปห้ามทั้งสองคนในทันใด เพอร์ซีย์เห็นอีกฝ่ายก็ต้องตกตะลึงที่อีกฝ่ายมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมถึงจะสวยแต่ก็ดูโทรมพอตัว
“แอนนี่...”
แอนนาเบ็ธหันไปหญิงกับอีกฝ่าย เธอดีใจที่เห็นใบหน้าที่คิดถึงมาตลอด “ไง เพอร์ซีย์”
พวกผู้ใหญ่เห็นคู่รักมาอยู่กันพร้อมหน้านั้น ไครอนคิดว่าควรปล่อยพวกเขาพักผ่อนเสียแล้วก่อนที่หันไปคุยกับไดโอนีซุส
“พวกเรากลับดีกว่าปล่อยให้พวกเขาพักดีกว่ากลับกัน ไดโอนีซุส”
“เดียว ๆ ข้าเป็นใหญ่กว่าเจ้า ดันมาออกคำสั่งข้าเนี่ยนะ?”
“แต่เจ้าก็ฟังข้า…ไปเร็ว”
ไครอนสั่งแล้วก็เดินนำออกมาก่อน ไดโอนีซุสก็เดินตามไปก่อนจะนำออกไปก่อน อย่างเร่งรีบกลับไปพักผ่อนแต่เขากำลังเดินผ่านสองแฝด สายตาเขาก็หันไปมองสองคนโฟกัสไม่ได้มองอีกฝ่ายเลยนอกจากคนเป็นพี่อย่างโพรทาเลียที่จับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ชอบใจเรื่องรูปร่างของคนเป็นบิดา ไดโอนีซุสเห็นสายตาของเด็กสงสัยว่าเขามองอะไรในตัวเขา ก่อนที่ภาพบางอย่างจะทับซ้อนกับเด็กหญิงนั้นคือลูกชายของเขา นั้นทำให้เขาชะงักหยุดตรงนั้น ทำเอาสองสาวสะดุ้งมองอีกฝ่ายทันที ก่อนที่โพรทาเลียจะพูดขึ้นมา
“มีอะไรหรือคะ? คุณดี”
“เจ้า...” เขามองอีกครั้งแต่ภาพซ้อนนั้นหายไปแล้วเหมือนเขาจะคิดไปอีก “ไม่มีอะไร!”
ไดโอนีซุสเดินหนีออกจากตรงนั้น โฟกัสหันไปมองพี่สาวด้วยสายตาไม่ไว้ใจพี่สาวขึ้นมาทันที
“พี่...”
“ฉันเปล่านะ...เขาคงเห็นอะไรบางอย่าง...”
“ฉันว่า...ต้องเป็นร่างของพี่ทับซ้อนกับอดีตชาติแน่ ๆ ระวังหน่อย...เราไม่อยากให้เทพมานั่งร้องไห้นะ...”
“รู้แล้ว...”
คำพูดน้องสาวมันก็จริงที่ว่าถ้าเทพรู้ว่าพวกเธอเป็นใครในอดีตกาล ก็คงเอาแต่ถามแต่สิ่งต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาหรือไม่ก็คงอยากกักขังไม่ให้พวกเธอไปไหนได้แบบนั้นคงลำบากกับเธอแน่ ๆ แค่ไทรทันหรือโพไซดอนที่รับรู้ถึงตัวตนก็ทำให้ลำบากอยู่แล้ว ระหว่างที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้นไครอนก็เดินผ่านพวกเธอ โพรทาเลียก็นึกบางอย่างได้จนเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วพูดคุยถึงเรื่องน้องชายของเขา
“อาจารย์ไครอน...”
“น้องข้า...ไม่ยอมกลับด้วยสินะ...”
“ค่ะ...”
“ช่างเถอะ...เขาอยู่ข้างนอกนั้น สักวันเราก็คงได้เจอกัน”
“ใช่ค่ะ สักวันต้องได้เจอกันแน่ ๆ ค่ะ”
โพรทาเลียเชื่อเช่นกันว่าสักวันสองคนก็ต้องได้เจอกันเหมือนในโลกของเธอ ระหว่างที่เธอคุยกับอาจารย์ไครอน โฟกัสก็หันไปมองพ่อกับแม่ที่กำลังคุยกัน แอนนาเบ็ธนั่งลงข้างเตียงของสามี ทั้งสองคนได้กลับมาเจอหน้ากันอีกในรอบหลายสิบปีก็ทำให้ความคิดถึงนั้นยิ่งทวีคูณ แอนนาเบ็ธอ้าแขนโถมตัวเข้าไปกอดสามีอย่างโหยหามานานเธอคิดถึงเขาทุกวันทุกคืนจนวันนี้เธอได้กอดเขาอีกครั้ง
“ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน เพอร์ซีย์”
“ฉันก็เช่นกัน...”
เพอร์ซีย์กอดอีกฝ่ายอย่างคิดถึงเช่นกัน กลิ่นอายอันหอมหวานของภรรยา ทำให้เขาสบายใจกว่าอะไรความรู้สึกหวาดกลัวก่อนหน้านั้นมันหายไปยิ่งกว่าอะไร เขาขยับมือขึ้นมาจับเส้นผมอีกฝ่ายถักใบหูเหมือนทุกครั้งที่เขาทำ แต่เขามองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วก็รูปร่างอีกฝ่ายที่ดูผอมบางกว่าวันที่เขาจากไป
“เธอดูผอมลงมากเลยนะ”
“อ๊ะ...ขอโทษที...ฉัน...”
“ฉันขอโทษ...ฉันทำให้เธอเป็นแบบนี้สิ”
แอนนาเบ็ธส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่...ฉันทำตัวเอง...ฉันออกจากความคิดที่เสียเธอไม่ได้สักที...จนลูก ๆ โต...”
“แอนนี่...”
“ไม่ต้องห่วง...ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ต้องห่วง...”
สีหน้าของภรรยา ทำให้เพอร์ซีย์รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาที่เขานั้นประมาทกับการต่อสู้นั้นทำให้ตัวเองตายแล้วก็ทำให้ภรรยาต้องมาเสียใจกับการตายของเขาแบบนี้ เขายกมือสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ เขายื่นริมฝีปากเข้าไปสัมผัสกับริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แอนนาเบ็ธตอบรับจูบของสามีที่อ่อนโยนเหมือนครั้งก่อน ๆ ลูกสาวที่อยู่ห่าง ๆ เห็นก็แอบเขินหน่อย ๆ ที่พ่อแม่มาจูบกันในที่สาธารณะแบบนี้ โพรทาเลียเห็นท่าทางน้องสาวดูเขิน ๆ ก่อนจะเห็นพ่อแม่กำลังจูบกัน การเห็นแบบนั้นใครมั้งจะไม่เขินกันตัวเธอเองยังเขินเองเลย แต่การแสดงความรักของทั้งสองนั้นก็ทำให้มีคนคนหนึ่งหมั่นไส้จนต้องขัดจังหวะเสียหน่อย
“นี้ ๆ เกรงใจคนรอบ ๆ หน่อย แจ็กสัน” เจสันหยีตามองทั้งสองที่มาแสดงความรักกันตรงนี้
เพอร์ซีย์หยุดชะงักเมื่อโดนขัดจังหวะ เขาลืมไปว่าแถวนี้ไม่ใช่บ้านเขา เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่มีคนขัดความสุขของเขา เขาหันหน้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายใช้สายตามองเขาอยู่
“ทำไม!? อิจฉานักไม่ทำกับแฟนนายมั้งล่ะ!?”
เจสันได้ยินก็หันหางตาไปมองข้างเตียงเขาที่มีไพเพอร์นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอจ้องมองเขาอย่างสงสัยว่าอะไร เจสันยกผ้าขึ้นมาคลุมตัวเขาแล้วหันไปทางอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจที่พูดแบบนั้นออกมา
“เป็นนายจะกล้าไหม!? ไพเพอร์สวยจนฉันไม่กล้าทำหรอกนะเว้ย!!”
“ฮ่า ๆ ชายที่กล้าทุกอย่างแต่ไม่กล้ากับแฟนตัวเองเนี่ยนะ!”
“ไอ้บ้านี่! พูดเสียงดังเพื่อ!!”
“นายไม่กล้าอะไร? เจสัน” ไพเพอร์ยื่นหน้าไปหาอีกฝ่าย
เจสันหันกลับไปมองอีกฝ่ายที่เขามาในระยะประชิด เขาก็ต้องสะดุ้งที่ใบหน้าอีกฝ่ายนั้นที่เข้ามาใกล้ ยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งงดงามมากกว่าเมื่อก่อนทำเอาเขาหน้าแดงขึ้นมา
“ปะ...เปล่า...ไม่มีอะไร!!” เขามุดผ้าห่มหนีอีกฝ่าย
คนตรงนั้นเห็นอีกฝ่ายที่มีท่าทางต่างจากเมื่อก่อนทำเอาพวกเขาหัวเราะกันออกมา สองพี่น้องที่มองพวกผู้ใหญ่กำลังมีบรรยากาศที่มีความสุขก็ทำให้ไม่อยากขัดจังหวะตอนนี้เลยจริง ๆ จนโพรทาเลียอยากจะพาน้องออกจากตรงนั้นไว้ค่อยให้พ่อเขาว่างคุยกับพวกเขา ระหว่างที่กำลังจะกลับนั้นพวกพี่ชายทั้งสามคนก็กำลังเดินมาพอดีพวกเขากำลังจะมาเยี่ยมพ่อ เมื่อได้ยินว่าเขาตื่นแล้วพอเห็นน้องสาวทั้งสองก็เอ่ยถามขึ้น
“จะไปไหนนะ?”
“กำลังคิดว่าจะยังไม่อยากขัดจังหวะของผู้ใหญ่กำลังคุยกันนะ”
“อ้าวเหรอ...พวกพี่ก็มาเสียเวลาสินะ...” โอราอุสถอนหายใจเบา ๆ
“งั้นไปทานข้าวกันไหม?”
“ใช่ ๆ”
“เอางั้นก็ได้...”
พวกเขากำลังคิดว่าจะไปหาอะไรทาน แอนนาเบ็ธกำลังเดินออกมาเพื่อหาใครจนเธอเห็นลูกทั้งห้าคนที่กำลังจะเดินไปไหนก็ไม่รู้
“เด็ก ๆ”
“หือ?” บ้านแจ็กสันทั้งห้าหันไปมองแม่ที่เรียกพวกเขา
“ค่ะ/ครับ”
“พ่อเรียกหามากันเลย”
ทั้งห้าคนต่างมองหน้ากันว่าพ่อเรียกในจังหวะที่พวกเขากำลังอยากกลับพอดี พวกเขาก็พากันเข้าไปยังสถานพยาบาล แต่การที่ทั้งห้าคนเดินเข้าไปนั้นก็ทำให้หลายคนต่างจับตามอง เพราะเป็นพี่น้องที่ทั้งหล่อและสวยจนหลายคนสนใจ เพอร์ซีย์เห็นลูกที่กำลังเดินเข้ามาทำเอาคิดเลยว่าตัวเองกับภรรยาสรรค์สร้างผลงานอันดีเยี่ยมแบบนี้เลยเหรอเนี่ย จนลูก ๆ มายืนอยู่ปลายเตียงของเขา
“ไงครับ พ่อ ดูเหมือนจะปกติดีแล้วนะ”
“จริงด้วย ถ้าตอนนั้นโพรทาเลียไม่เห็นพ่อคงได้ตายกลางสายฝนแน่ ๆ”
“ดูปากนั้นกล้าพูดกับพ่อแบบนี้เลยเหรอ? เบเดอร์”
“อ๊ะ...!!” เบเดอร์ตกใจที่พ่อนั้นเดาถูกว่าเป็นเขา
“ฮ่า ๆ ถึงพ่อจะไม่ได้อยู่กับเรานาน แต่พ่อก็ยังเดาออกนะว่าพี่มีนิสัยปากเสียนะ พี่เบเดอร์”
“แกว่าไงนะ!! เอเดอร์”
“พอเลยทั้งสองคนต่อหน้าพ่อยังทะเลาะกันอีก!!”
“หึ!” ทั้งสองคนต่างหันหน้าไปคนละทาง
เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ “ลำบากเธอแย่ที่ต้องเลี้ยงสองแสบที่วุ่นวายที่สุดในบ้านนะ”
“ไม่หรอก...เด็ก ๆ ก็...เป็นเด็กดีกันบางครั้ง แต่บางครั้งก็ทะเลาะกันบางเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ”
“แต่ก็มีแค่สองคนที่ไม่เคยเห็นฉัน แต่ก็ยังจำฉันได้นะ” เพอร์ซีย์หันไปมองลูกสาวสองคนที่กำลังยืนมองเขาอยู่
“ถ้าจำไม่ผิด อีกคนเมก้า แล้วก็อีกคน...”
เพอร์ซีย์มองลูกสาวอีกคนที่มีผมสีดำ ดวงตาสีเขียวเหมือนเขา แต่เขาจ้องมองดี ๆ เขาเห็นใบหน้าและร่างกายของเด็กที่มีรอยแผลเป็น เพอร์ซีย์พยายามลุกขึ้น แอนนาเบ็ธจะช่วย แต่เขาห้ามเธอแล้วเดินไปหาลูกสาว ก่อนจะจับตามจุดต่าง ๆ ที่เป็นรอยแผล
“นี่ลูก...ไปทำอะไรมา? ทำไมมีแต่แผลเป็น...?”
“พ่อ...เอ่อ...ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ...”
“ไม่สนใจได้ไง!! ใครทำลูก!!”
ทุกคนมองพ่อที่จู่ ๆ ก็ขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ โพรทาเลียรู้ว่าพ่อต้องโกรธที่เห็นร่างกายเธอเป็นแบบนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายต้องมารับรู้เลย ก่อนที่เธอจะจับมือของเขาพ่อเบา ๆ
“พ่อค่ะ...พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องร่างกายของหนู ยังไงหนูก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกนี้อยู่แล้ว”
“!?” เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร “ลูกหมายความว่าไง?”
“ก็อย่างที่โพรทาเลียบอกค่ะ พ่อ พวกเราสองคนไม่เกี่ยวกับโลกนี้ก็หมายถึงพวกเราไม่ใช่คนของโลกนี้ค่ะ” โฟกัสพูดเสริมขึ้นมา
“เดี๋ยวจะบอกว่าลูกสองคนไม่ใช่ลูกพ่อเหรอ?”
“เปล่าค่ะ พ่อ พวกเรายังเป็นลูกพ่อ แต่เราไม่ใช่โพรเทียกับเมก้าของคุณพ่อนะคะ”
“โพรเทีย? เมก้า? ลูกเราไม่ได้ใช่ตามที่ฉันอยากตั้งเหรอ?” เพอร์ซีย์หันไปถามภรรยา
“ขอโทษนะ...ฉัน...ไม่กล้าตั้งตามที่เธอขอ...ฉันกลัวมองหน้าลูกไม่ติด...เพราะทำให้คิดถึงเธอนะ...”
“โธ่...แอนนี่...”
“ขอโทษนะ...”
เพอร์ซีย์ส่ายหน้าเบา ๆ “ช่างเถอะ ไม่ใช่ความผิดเธอ...ตอนนั้นเธอสับสน...คงลำบากเช่นกัน”
“อืม...”
“แล้ว...พวกหนูสองคน...”
“หนูชื่อโพรทาเลียค่ะ”
“หนูโฟกัสเมซ่าค่ะ”
เพอร์ซีย์มองทั้งสองคนที่ชื่อนั้นเหมือนชื่อที่เขาอยากตั้งให้ลูก ๆ ไม่มีผิด จนเขานั้นนึกบางอย่างขึ้นมา คำพูดของชายที่เคยพูดกับเขาเมื่อก่อนที่เขาจะออกไปทำภารกิจหายารักษาสองแฝด เขาไม่นึกว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริงจนเขาเห็นเด็กทั้งสองคน
“พวกหนูสองคน...คือบุคคลที่คนคนนั้นพูดถึงงั้นเหรอ?”
“คนคนนั้น?” โพรทาเลียขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ชายที่พ่อไม่คิดว่าจะได้เจออีกหลายปีที่พ่อจัดการเขาไป...” เพอร์ซีย์มองลูกทั้งสองคนแล้วเอ่ยชื่อหนึ่งนั้น “โครนอส”
“!!!” ชื่อนั้นทำให้ทุกคนตาลุกวาวที่คนเป็นพ่อเอ่ยนามนั้นออกมา
“นี่พ่อรู้จักเทพองค์นั้นเหรอ?” โอราอุสถามขึ้น
“ใช่...แต่พ่อก็ไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกับคนที่พวกเราจัดการไปไหม?”
“หมายความว่าอะไรนะครับ?” เอเดอร์ถามอย่างสงสัย
“เพราะชายคนนั้น...ดูมีความเป็นมิตรกว่าชายที่เคยเจอสมัยเรายังเด็ก ๆ กัน”
“ร่างสูง...ผมขาว ดวงตาสีดำ...รอยยิ้มอันดูอบอุ่น...การแต่งกายแนวกรีก...”
การเอ่ยแบบนั้นของโพรทาเลียทำให้เพอร์ซีย์หันไปมองลูกสาวตรงหน้าของเขาที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ว่าคำพูดเธอนั้นตรงกับสิ่งที่พ่อเห็น
“นี่ลูก...รู้เหรอว่าเขามีหน้าตายังไง?”
“ใช่ค่ะ...เพราะว่าหนูกำลังตามหาเขาอยู่...”
สิ้นคำพูดนั้นเพอร์ซีย์รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงต่อ เขาพาครอบครัวไปยังโซนบ้านพักที่ห่างจากสถานพยาบาล เขาเห็นสถานพยาบาลเปลี่ยนไปเยอะรอบ ๆ มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจนเขาเดินมาถึงบ้านพักก็ต้องตะลึงที่โซนบ้านพักของค่ายเละยิ่งกว่าอะไร เหมือนมีระเบิดลงบ้านต่าง ๆ ไม่เหลือรูปทรงเดิมเลยจนเขาหันไปมองเด็ก ๆ อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นนะ?”
“พวกยักษ์บุกโจมตีนะคะ...ถ้ามองข้างบนจะเห็นรูเล็ก ๆ ที่กำลังซ่อมแซมอยู่” โพรทาเลียเงยหน้ามองรูบนกำแพงที่กำลังซ่อมตัวของมันเองอยู่
“บ้าบอสิ้นดี...การป้องกันหละหลวมจริง ๆ”
เพอร์ซีย์ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจที่การป้องกันในค่ายช่างอ่อนปวกเปียกกว่าตอนเขาอยู่ เขาเดินมาถึงบ้านโพไซดอนก็เห็นสภาพแล้วสงสัยพ่อจริง ๆ ที่เห็นบ้านเละแบบนี้ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจว่าเขาจะเหยียบโดนอะไรทิ่มข้าง เขามาถึงจุดที่เขาจำได้ว่าตัวเองนอนประจำแถวนั้นคือจุดที่เป็นเตียงเดิมของโพรเทียนอน โอราอุสเห็นก็สงสัยว่ามันมีอะไรตรงนั้น เพอร์ซีย์จำบางอย่างก็งัดขึ้นมันมีช่องว่างอยู่ตรงนั้น เขาหยิบบางอย่างออกมาแล้วสิ่งนั้นคือหีบไม้ที่เคยเห็นก่อนหน้านั้น
“หีบนั้น...”
“เหมือนหีบอีกอันของพ่อพวกเธอเลยนี่น่า...” เบเดอร์ชี้ไปที่กล่องที่พ่อกำลังยกออกมา
แอนนาเบ็ธเห็นก็งุนงงที่อีกฝ่ายแอบไว้ที่บ้านโพไซดอน “นี่เธอแอบมันเอาไว้บ้านตัวเองเนี่ยนะ?”
“ฉันกลัวหายนะ เลยเอาไว้ที่พื้นบ้านนะ” เขาอุ้มมันมาวางตรงด้านหน้า แล้วเขาก็เอ่ยคำที่โพรทาเลียเคยพูด “คีย์วันเดอร์เลอร์”
คำพูดของพ่อทำเอาตกใจที่คล้ายกับคำพูดของโพรทาเลียที่เคยพูดกับหีบอีกอัน จนโพรทาเลียเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หนูสงสัยว่าพ่อเอาคำว่าคีย์วันเดอร์เลอร์มาจากอะไรนะคะ?”
“เอ่อ...พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่ามันเป็นคำอะไร...แต่วันหนึ่งมันก็ผุดเข้ามาในหัว...แล้วพ่อก็จำมาตลอดว่ามันหมายถึงอะไร...แต่คำว่าคีย์วันเดอร์เลอร์...ดูมันมีพลังยิ่งกว่าอะไรนะ”
“เหรอคะ...”
ยิ่งพ่อพูดแบบนั้นเธอยิ่งอยากรู้เลยว่าประโยคเดียวมันมาจากใครแล้วทำไมมันดูมีพลังยิ่งกว่าอะไร ทุกคนกำลังมองพ่อเปิดฝาหีบขึ้นและลงอยู่อย่างนั้นอยู่สามรอบก่อนที่จะเปิดฝาจริง ๆ จัง ๆ จนเขาเห็นของข้างในเขาก็หยิบมันขึ้นมา สิ่งที่เขาหยิบเป็นผ้าสีเข้ม ๆ เขาเปิดมันออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเจอกับกุญแจสีทองที่ทำจากทองคำทั้งด้าม ทุกคนเห็นก็ตะลึงเลยว่าถ้านำไปขายจะได้กี่บาทกัน แต่ด้ามกุญแจเป็นทรงกลมที่ถูกสลักตราบางอย่างไว้ แล้วสัญลักษณ์นั้นโพรทาเลียเห็นก็รู้ว่าเกี่ยวกับสองบุคคลที่เธอรู้จัก
“ท่านพ่อ...ท่านแม่...”
“หือ?” เพอร์ซีย์หันไปมองเด็กน้อยเอ่ยเรียก “ลูกเรียกพ่อกับแม่เหรอ?”
“เปล่า...หนูเรียก...เทพสององค์ที่เป็นพ่อแม่ในชาติก่อนนะ”
“หือ? ชาติก่อน...”
“หนูรู้ว่าพ่อสงสัยเยอะ...แต่ว่ากุญแจนี้ไว้ทำอะไรนะคะ?”
“กุญแจนี้ โครนอสบอกเพียงว่า...เก็บรักษาจนกว่าลูกของเจ้าจากโลกอื่นจะมา...เขาบอกว่ามันจะช่วยพาลูกไปหาเขา”
เพอร์ซีย์ส่งกุญแจนี้ให้โพรทาเลีย เธอรับมันมาดูพร้อมกับน้องสาวที่เข้ามาใกล้ ทั้งสองมองหน้ากันว่ากุญแจนี้จะไขอะไรจนโฟกัสรู้สึกว่าจะต้องจับมันพร้อมกันก็มีเสียงบางอย่างส่องสว่างขึ้นที่ใจกลางสนามหญ้าบ้านพัก พวกเธอต่างหันไปมองก็ต้องตกตะลึงกับประตูบานใหญ่ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่สองพี่น้องบ้านแจ็กสันรับรู้ว่ามันคือประตูไปไหน
“ประตูข้ามไปยังดินแดนของโครนอส...”
จบตอนที่ 112 โปรดติดตามตอนที่ 113 ต่อไป
Comments (0)