109 ตอน ตอนที่ 109 หาหนทางใหม่
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 109 หาหนทางใหม่
ช่วงเวลาผ่านไปน้ำตาที่อาบแก้มก็ได้แห้งจนเหลือเพียงคราบแห้งติดใบหน้า ความรู้สึกฝ่ายในช่างอ้างว้างยิ่งกว่าอะไรมันเหมือนกำลังกัดกินเธอให้จบสู่ความสิ้นหวัง แต่บางอย่างก็ดึงเธอสู่ความเป็นจริงว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกของเธอ โพรทาเลียนึกถึงเทพีของเธอ พี่สาวที่เธอรักที่สุดในชีวิตที่รอเธออยู่อีกโลกหนึ่ง เธอเงยหน้ามองภาพตรงหน้าที่เหลือเพียงคราบเลือด เธอตั้งสติครู่หนึ่งก่อนจะยกมือทั้งสองตบใบหน้าของเธออย่างแรงจนเกิดเป็นรอยแดงที่เห็นเส้นเลือดเลยทีเดียว
“ท่านพี่...ถึงโลกนี้เราไม่รู้จักกัน...”
โพรทาเลียเงยหน้ามองเพดานอย่างเศร้าสร้อย
“แต่ข้าอยากให้ท่านมีความสุขในโลกนี้...ถ้าท่านได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง...ข้าขอให้ท่านมีความสุขมาก ๆ นะคะ”
เมื่อกล่าวคำอวยพรจบโพรทาเลียก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตอนนี้ถึงจะสิ้นหวังที่ไม่มีเทพี ไม่มีคนที่จะพาเธอไปเจอโครนอส ตอนนี้เธอต้องหาทางใหม่แทนเทพีที่เสียไปแล้ว แต่ต้องมาคิดใหม่ว่าจะทำยังไงให้สามารถกลับโลกเดิมของเธอได้กัน เธอเดินตรงมาถึงทางขึ้นที่จะขึ้นไปยังชั้นที่โฟกัสอยู่ พอเห็นมันก็ทำให้เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ต้องเดินขึ้นไปเพื่อออกจากสถานที่อันน่ารังเกียจนี้
โฟกัสกำลังเฝ้ามองอย่างเป็นห่วงว่าพี่สาวของเธอจะปลอดภัยกลับมาหรือไม่ ระหว่างที่กำลังคาดหวังให้พี่สาวปลอดภัยนั้นก็เห็นเงาบางอย่างกำลังเดินขึ้นมา
“อ๊ะ! พี่คะ!” โฟกัสเห็นพี่สาวกำลังเดินขึ้นมาก็ดีใจ แต่ต้องหยุดชะงัก เพราะสีหน้าของพี่สาวที่เปลี่ยนไป ทำให้เธออ้ำอึ้งก่อนจะเดินไปหาพี่สาวทันที “พี่...เป็นอะไรนะคะ?”
“อ๊ะ...ก็...ไม่เป็นไรมาก...หรอกนะ...”
น้ำเสียงของพี่สาวดูเปลี่ยนไป เธอมองข้างหลังพี่สาวก็ไร้วี่แววของคนที่พวกเธอตามหากัน
“แล้วเทพีไหม?”
“เอ่อ...คือว่า...”
โพรทาเลียหันหน้าหนีด้วยความลำบากใจ แต่น้ำเสียงของเธอมันแห้งไปหมดจนเสียงออกมาเล็กน้อย โฟกัสจับมือพี่สาวก็รู้สึกถึงอารมณ์เศร้าของพี่สาวขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั้น? หรือว่าเทพี...?”
“...” โพรทาเลียมองน้องสาวก่อนจะพยักใบหน้าเบา ๆ “แซเทิร์นใช้คำสาปทำให้เทพีกลายเป็นมนุษย์...แล้วปล่อยให้เทพีทรมานเลือดใหลตายในคุก...”
“ไม่นะ...”
“พี่ช่วยเธอไม่ทัน...พี่มัน...ไร้ประโยชน์สุด ๆ” โพรทาเลียกล่าวพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตา
“พี่...” โฟกัสมองพี่สาวที่โทษตัวเองที่ช่วยเทพีไม่ทัน เธอเดินเข้าไปแตะหลังอีกฝ่ายแล้วปลอบอีกฝ่าย “อย่าโทษตัวเองนะคะ พี่ทำดีที่สุดแล้ว...”
“ทำดีที่สุด...?” โพรทาเลียมองน้องสาวด้วยสีหน้าอมทุกข์
“ใช่ ทำดีที่สุดแล้ว!!” โฟกัสพูดเสียงดังพร้อมกับทำท่าทางฮึดสู้ “เพราะยังไงเทพีอลิซ่าเบ็ธที่พี่รักมาก ๆ ก็อยู่โลกเรา ถึงโลกนี้ไม่มีเธอแล้วพี่ก็ต้องสู้แล้วกลับไปหาเธอให้ได้นะ!!”
คำพูดของน้องสาวเหมือนความคิดก่อนหน้านั้นของเธอ นั้นก็ยิ่งทำให้เธอได้สติอีกครั้ง ตอนนี้เธอจะมาเศร้าไม่ได้ถ้าเศร้าก็จะกลับโลกเดิมไม่ได้ เธอยกมือตบแก้มทั้งสองข้างอีกครั้งทำเอามันแดงเยอะกว่าเดิมอีกจนโฟกัสเห็นก็รีบจับใบหน้าของอีกฝ่ายทันที
“หยุดเลยนะ แก้มแดงหมดแล้ว!”
“ฮ่า ๆ ทำไงได้ล่ะ...ถ้าอยากมีสติก็ต้องทำแบบนี้...ขอบใจนะโฟกัส เธอทำให้พี่ได้สติอีกรอบแล้วล่ะนะ”
“พี่ค่ะ...”
“เอาล่ะ หนทางแรกจะหายไป แต่เราก็จะหาทางอื่นกันต่อไป!!”
“อืม!!”
ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันดูเหมือนพวกเธอกลับมาร่าเริงกันอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นสมัยก่อนโพรทาเลียคงใช้เวลาพอควร แต่ตอนนี้เธอมีครอบครัวที่รักเธออยู่ข้าง ๆ เรื่องแค่นี้ก็คงง่ายขึ้นสำหรับเธอ แล้วก็เธออยากจะกลับไปหาลูก ๆ เต็มทนแล้วล่ะ ทั้งสองคนออกจากปราสาทกันอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ออกมานั้นโพรทาเลียก็ได้กลิ่นอันคุ้นเคยนั้นก็คือกลิ่นอายของนูอัส นั้นทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เธอเดินตรงไปยังจุดหนึ่งโฟกัสเห็นแบบนั้นก็เดิมตามไปว่าพี่สาวจะไปไหน พวกเขาเดินไปตามทางจนมาหยุด ณ ชายหาด
โฟกัสมมองด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปหาพี่สาว “พี่เรามาที่นี่ทำไมนะ?”
“ฉันได้กลิ่นนูอัส...แต่ดูเหมือนพวกมันจะหนีไปแล้วนะ”
“หึ คงกลัวที่เราจะฆ่าพวกมันนะสิ”
“ก็ไม่แน่...คงต้องให้คนทางนี้ระวังตัวไว้ดีกว่า...”
“ก็จริงค่ะ...แล้วเราจะออกไปจากที่นี่ยังไง?”
“ได้สิ ถ้าพวกมันออกไป...”
โพรทาเลียหันไปทางข้างหลังที่มีสิ่งที่เธอเห็นก่อนจะเดินมานั้นก็คือซากหอคอยที่พังทลายอยู่ที่พื้น เธอเดินตรงไปยังซากหอคอยก็เห็นสิ่งที่เงาแวบขึ้นมากระทบดวงตาของเธอ โพรทาเลียย่อตัวลงหยิบดาบยาวที่นอนอยู่ในซากคอหอย เธอหยิบออกมาลักษณะของมันเด่นจนเธอจำได้เหมือนครั้งแรกที่เจอ ดาบไซกาเลน
“โธ่~ ไซกาเลน…ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
เธอมองดาบอันแสนสวยขึ้นมาถึงจะเลอะฝุ่นเล็กน้อย แต่แค่ปัดมันออกก็เป็นดาบอันสวยงามอีกครั้งความเงางามของมันทำให้เธอรักยิ่งกว่าอะไร ระหว่างที่จ้องมองดาบอยู่นั้น ดาบไซกาเลนที่ห้อยอยู่ด้านข้างก็มีแสงสว่างขึ้นมา เธอมองอย่างสงสัยว่ามันเป็นอะไรถึงมีแสงสว่างขึ้นมา เธอก็ชักดาบออกจากฝัก พอเอาเข้ามาใกล้กับดาบอีกอันมันก็มีแสงสว่างขึ้นมา ดาบทั้งสองกำลังมีปฏิกิริยาต่อกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“แต่แล้วก็มีดาบทั้งสองก็ดูดเข้าหากันจนหลอมรวมเป็นเล่มเดียวกัน”
โพรทาเลียก็มองอย่างตกใจที่ดาบทั้งสองเล่มมันรวมกันเป็นเล่มเดียวเสียอย่างนั้น โฟกัสที่เห็นสถานการณ์เมื่อกี้ก็รีบเข้ามาดูเล่นกัน
“ทำไมมันดูดเข้าหากันนะ? พี่”
“ไม่รู้สิ...แต่ว่าทีกับดาบของน้อง มันไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้เลยนะ…”
“ช่างแปลกประหลาด…”
“ใช่…แปลกประหลาด…”
“แล้วแบบนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่รู้สิ…แต่พี่เอามันออกมาไม่ได้แน่ ๆ”
โพรทาเลียจับดาบเพื่อจะดึงออก แต่มันก็ไม่มีอะไรจะออกมาเลยสักนิด ก่อนที่พวกอดีตชาติจะออกมาแต่ละคน
“ทำแบบนั้นก็ไม่ออกหรอกนะ” เซเรน่าเอ่ยขึ้นมา
“ทำแบบนั้นเดียวได้เล็บหักกันพอดีนะ” รัลกล่าวออกมา
“พวกนายอยู่เฉย ๆ กันไม่ได้หรือไง?” โพรทาเลียหันไปมองแต่ละคนด้วยสายตาไม่พอใจ
“โพรทาเลียดุอ่ะ…” รัลกล่าวจนตัวสั่นทันที
“สมอยากไปยุ่งเอง!” ลักซ์กอดอกสมน้ำหน้าอีกฝ่าย
“ไม่เอาน่าเลิกทะเลาะกันได้แล้ว…โพรทาเลียไม่มีทางดึงออกหรอกนะ…ไซกาเลน มันดูดาบที่มีพลังคล้ายตัวเองเข้าไปเพื่อเสริมสร้างพลังให้แข็งแกร่งนะ”
“เสริมพลัง...แล้วตอนดาบของโฟกัสล่ะ?”
“ดาบของโฟกัสเหมือนน้องแฝดมันจะไม่ทำอะไรกับแฝดของตนเอง แต่ดาบอันไหนมีพลังเท่าเทียมหรือมากกว่ามันก็จะดูมาเป็นแหล่งพลังของมันนะ”
“แบบนี้เอง...แปลกประหลาดจริง ๆ”
โพรทาเลียจับจ้องมองไซกาเลนอย่างสงสัย เพราะเมื่อหลายเดือนไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่พอเจอสิ่งที่มีพลังมากกว่าตนกับดูดพลังเข้าหาตัวทำให้คิดเลยว่าเจ้านี้อยากมีพลังมากกว่าอะไร ตอนนี้เธอคงต้องปล่อยให้มันทำตามใจตัวเองไป อาจารย์โอเซซัสเอาแต่มองโดยไม่พูดไม่จาจนสองสาวอันไปมองก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา
“ไม่ต้องถามว่าทำไมข้าไม่พูดนะ...ข้าไม่รู้จะพูดอะไร เพราะมีแต่เรื่องไม่เข้าใจทั้งนั้นล่ะ”
ทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มฉีกยิ้มให้อย่างลำบากใจ ก่อนที่พวกเขานั้นจะเตรียมตัวที่จะกลับ แต่ระหว่างนั้นโพรทาเลียกับนึกบางอย่างได้ เธอจึงขอตัวออกจากตรงนั้นเพื่อเดินทางไปที่ที่หนึ่งก่อน ตอนแรกโฟกัสจะขอตามไปด้วย แต่โพรทาเลียบอกน้องสาวให้รอที่เรือ ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังปราสาท ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่คนเป็นน้องสาวก็ระแวงอยู่ดีว่าพี่สาวจะเจออันตรายไหม
ภายในปราสาทโพรทาเลียมองตามที่ต่าง ๆ เหมือนหาของบางอย่างเธออยากรู้ว่ามันมีสิ่งที่เธอตามหาไหม แต่ไปที่ไหน ๆ ก็ไม่เจอสิ่งที่เธอหา ถึงเจออะไรเธอก็แค่แอบเอาใส่กระเป๋าให้หมด เพราะของที่แซเทิร์นมีบางอย่างอาจจะช่วยได้เยอะสำหรับเธอจนเธอเดินมาถึงห้องครัว มันคล้ายกับห้องครัวที่เธอเคยอยู่จริง ๆ แต่ข้างในนี้คงไม่มีอะไรเช่นกัน เธอกำลังจะเดินออกไป แต่ก็มีบางอย่างผ่านตาไปจนเธอหันกลับไปมอง
“เอ่อ...มีใครอยู่ไหม?” โพรทาเลียเอ่ยพูดขึ้นมา
ไร้เสียงตอบรับทำให้ต้องไปดูว่าสิ่งนั้นที่ผ่านไปคืออะไรสภาพแวดล้อมโดยรอบก็เงียบสงัดอยู่แล้วยิ่งเดินไปตามทางก็มีเพียงเสียงกุบกับ ก้าวขาสุดท้ายเธอก็พุ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าตรงนั้นกับว่างเปล่านั้นยิ่งทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองตาบอดหรือเปล่า ก่อนที่เธอจะนึกบางอย่างได้จนเธอฮัมเพลงบางอย่างที่ทำให้สิ่งบางอย่างที่ได้ยินต่างพากันฟังเสียงเพลงนั้น โพรทาเลียฮัมเพลงอยู่สักระยะก็รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังกัน เธอหันไปก็ได้แต่ฉีกยิ้มที่ได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง
“ทุกคน!”
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กเท่าโต๊ะกำลังเดินออกมาจากมุมที่หลบซ่อนของตนเอง ทุกคนมีลักษณะผิวสีฟ้า หูแหลม เพศชายจะนุ่งแค่ผ้าเตี่ยว เพศหญิงจะใส่เสื้อผ้าเหมือนชาวกรีกปกปิดร่างกาย พวกเขาถูกเรียกว่าชนเผ่าโกรอส เป็นชนเผ่าที่เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจนได้มาเจอพวกเขา แล้วตอนนี้เธอก็ดีใจที่ได้เจอพวกเขา เธอนึกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ยังดีกว่าอยู่ แต่ก็จริงที่พวกเขาอยู่ที่นี่แล้วมีสภาพที่เหมือนกับที่เธอเจอพวกเขาครั้งแรก ระหว่างที่เธอมองพวกเขานั้นก็มีโกรอสตนหนึ่งพูดกับเธอขึ้นมา
“เจ้ารู้จักเพลงของเผ่าเราได้ไง?”
“จริงด้วยมนุษย์ไม่น่าจะรู้จักแท้ ๆ”
โพรทาเลียได้ยินคำพูดของทุกคนก็เข้าใจ เพราะทุกคนในโลกนี้ไม่รู้จักเธอ ก่อนที่เธอจะย่อตัวลงตรงหน้าทุกคน
“นี่อาจจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด...แต่ว่าในโลกของฉัน...ฉันรู้จักทุกคน...”
“รู้จักพวกเรา?”
“ใช่...ทุกคนค่อยดูแลฉัน...ตั้งแต่เล็ก...ค่อยสอนหลายอย่างให้ฉัน...”
“พวกเรา...?”
“อืม” โพรทาเลียพยักหน้าเบา ๆ “แล้วก็ตอนนี้...ฉันจะเป็นคนดูแลพวกเธอเอง ถึงเวลาออกไปโลกกว้างกันได้แล้ว”
“โลกกว้าง?”
“แล้วแซเทิร์นล่ะ?”
“เขาตายไปแล้ว” โพรทาเลียตอบทุกคน
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ฉีกยิ้มอย่างดีใจ บางคนต่างร้องไห้อย่างดีใจ โพรทาเลียเห็นทุกคนที่ดีใจแบบนั้นเธอก็ดีใจ ก่อนที่จะขอให้ทุกคนมาอยู่ในลูกแก้วเพื่อพาออกไป ตอนแรกบางคนก็ระแวงกลัวว่าเธอจะจับขังพวกเขาจนมีโกรอสตนหนึ่งที่รู้จักเดินออกมา
“ข้าจะลองเชื่อเจ้าดู ช่วยพาพวกเราออกจากเกาะนี้ทีนะ”
“คุณมิเรีย...”
“อ๊ะ...เจ้ารู้จักชื่อข้า...แปลกว่าคำพูดเจ้าที่บอกว่ารู้จักพวกข้าไม่ใช่คำโกหกสินะ”
“ค่ะ”
มิเรียจ้องมองด้วยตาอันสดใสไร้เจตนาไม่ดี ทำให้เธอไว้ใจเด็กตรงหน้าในทันใด “ทุกคนไปกันเถอะ เด็กคนนี้ไม่ได้โกหก เราจะได้หลุดพ้นออกจากสถานที่แห่งนี้กัน!!”
“โอ๊ส!!”
ทุกคนส่งเสียงอย่างเห็นชอบ โพรทาเลียหยิบลูกแก้วขึ้นมาก่อนจะให้ทุกคนแตะลูกแก้วแล้วเข้าไปอยู่ข้างในอย่างง่ายดาย เธอเลียนแบบมันเหมือนที่แซเทิร์นขังลูกเธอไว้ เธอใช้มันพาทุกคนออกไป พอทุกคนเข้าไปครบแล้วเธอก็เอาลูกแก้วใส่ไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากปราสาทอย่างรวดเร็ว
ทางด้านโฟกัสกำลังพี่สาวที่หายไปไหนนานก็ไม่รู้จนเธอกระวนกระวายไปหมดกลัวว่าพี่สาวจะเจอเรื่องร้าย ๆ ขึ้นไหม เธอเดินไปมาอยู่ที่หาดโดยมีพี่ชายฝาแฝดรออยู่เป็นเพื่อน พวกเขามองน้องสาวที่เดินไปเดินมาจนพวกเขาปวดหัวไปหมดแล้ว ระหว่างที่เดินนั้นโฟกัสเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเงาบางอย่างกำลังเดินมาคนที่เธอเห็นนั้นก็คือโพรทาเลียที่กำลังเดินออกมาจากปาก
“พี่ค่ะ!!” โฟกัสรีบวิ่งไปหาพี่สาวพร้อมกับโอบกอดทันที “หายไปไหนมาหนูนึกว่าพี่จะเป็นอะไรซะแล้วนะ”
“อ๊า...ขอโทษนะ...พี่ไปหาบางอย่างจนเธอนะ”
“เจออะไรนะ?”
“ผู้รอดชีวิตนะ”
“ใคร?”
“ก็...แค่ผู้ที่มีพระคุณกับพี่กลุ่มหนึ่งนะ...ถ้าเธอจำในความทรงจำของพี่ได้นะ”
“ความทรงจำของพี่เหรอ...อ๊า...ฉันเห็นแต่ความเจ็บปวดเลยจำไม่ได้นะ...”
“ฮ่า ๆ งั้นเหรอ...ช่างเถอะ เราไปกันดีกว่าเดียวคนอื่น ๆ เขารอกัน แล้วอาจารย์โอเซซัสล่ะ?”
“เขาขึ้นเรือไปแล้วนะ พวกเราไปกันดีกว่า เราต้องไปคิดหาวิธีอื่นกลับโลกเราอีกนะ”
“จ้า ๆ”
ท่าทางของน้องสาวทำให้โพรทาเลียรู้สึกเป็นห่วงหน่อย ๆ ถึงทำตัวร่าเริงแต่ใจของพวกเขาทั้งสองกำลังคิดถึงบ้านที่จากมาเรื่อย ๆ ตอนนี้โพรทาเลียชักอยากหาทางกลับบ้านให้ได้เร็วยิ่งกว่าอะไร พวกเขานั่งเรือเล็กกลับไปยังเรือใหญ่พอมาถึงเธอก็ให้พวกโกรอสออกมาจากลูกแก้ว ทุกคนเห็นพวกโกรอสก็ตกใจเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไทรทันเห็นก็เหมือนเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตน ทุกคนให้การต้อนรับคนที่ช่วยเหลือไว้ได้ พวกเขาก็เตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นเพื่อจะกินกัน
หลังจากมื้อเย็นผ่านไปโพรทาเลียเดินออกมาจากข้างในเรือมายังพื้นเรือชั้นบน สายลมยามเย็นกำลังซัดเข้าหาเธออย่างจัดเหมือนทักทายเธอ ความรู้สึกครั้งแรกที่สายลมกำลังเล่นกับเธอ ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังบ่งบอกว่าสายเลือดซุสอยู่ไม่ห่างจากเธอมากนัก ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น แต่หูของเธอกับรู้สึกว่าเสียงฝีเท้านี้เป็นของใคร ก่อนที่เธอจะเอ่ยพูดขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถามเธอก่อน
“ถ้าท่านจะมาถามอะไรข้าขอไม่ตอบ”
“!!” ชายที่อยากจะเอ่ยถามอีกฝ่ายก็ต้องชะงัก “ทำไม!?”
“เพราะข้าไม่อยากจะตอบคำถามของคนที่อยากจะมาถามข้าถึงเรื่องน้องสาวของตนเอง ท่านลุงไทรทัน!”
“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าลุง ข้าไม่อยากนับเด็กอย่างพวกเจ้าเป็นเครือญาติด้วยซ้ำ!! เจ้าพวกเด็กผสม!!”
คำพูดอีกฝ่ายจุดประกายความโกรธของคนคนหนึ่งข้างในร่างกายของโพรทาเลีย เธอรู้สึกถึงแรงอาฆาตบางอย่างข้างในตัวเธอ แต่เธอจะทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเอ่ยตอบออกไป
“ตามใจข้าก็ไม่อยากนับท่านเป็นเครือญาติเช่นกัน!!”
“อย่ามายอกย้อนข้านะ เจ้าเด็กสามห้าว!!”
“ท่านต่างหาก! จะมาคุยกับคนอื่นหัดมีมารยาทซะหน่อยสิ!! ท่านเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วไม่ใช่หรือไง ท่านพี่!!”
น้ำเสียงตอนท้ายที่เรียกอีกฝ่ายไม่ใช่เสียงของโพรทาเลียแต่เป็นเสียงของเฟอร์ร่าที่รู้สึกไม่ชอบใจที่พี่ชายของตนนั้นมีอคติกับพวกมนุษย์กึ่งเทพแบบนี้ ไทรทันได้ยินเสียงของน้องสาวถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
“เฟอร์...”
“ท่านเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด! อะไรไม่พอใจก็ตะคอกแล้วคนอื่นก็ผิดตลอด!! ถึงโลกไหนท่านก็เป็นแบบนี้สินะ!! ช่างน่าเวทนาที่สุด!!”
สายตาของไทรทันจับจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเขาก็เห็นดวงตาสีฟ้าอันคุ้นเคยของน้องสาว ทำเอาเขาถึงกับหน้าซีดออกมา
“น้องข้า...”
“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าน้อง!! ข้าไม่ได้เกี่ยวกับท่านในโลกนี้! ตัวข้าในโลกนี้คงตายไปแล้วล่ะ!!”
เฟอร์ร่าเอ่ยอย่างโมโหที่พี่ของตนนั้นเหมือนเดิมไม่เหมือนทำให้นึกถึงวันที่เธอหนีออกจากบ้านทั้งท่านพ่อและท่านพี่ไม่มีใครเข้าข้างตนแถมยังตะคอกใส่เหมือนตอนนี้
“อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าท่านอีก!!”
เฟอร์ร่าเดินออกจากตรงนั้นกลับไปยังชั้นล่างโดยทิ้งพี่ชายของตนไว้ ระหว่างที่เดินลงไปนั้นเฟอร์ร่าได้คืนร่างของโพรทาเลียให้กับเจ้าตัว แต่ครั้งนี้กับต่างออกไปความรู้สึกของเฟอร์ร่ามันดันส่งมาถึงเธออย่างเต็ม ๆ เธอยกมือขึ้นมาจับบริเวณหน้าอกพร้อมกับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
‘ความรู้สึกโกรธของเฟอร์ร่า...มัน...ช่างเจ็บปวด...และเศร้าสุด ๆ แฮะ...’ โพรทาเลียคิด
จบตอนที่ 109 โปรดติดตามตอนที่ 110 ต่อไป
Comments (0)