101 ตอน ตอนที่ 101 อธิบายความจริง
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 101 อธิบายความจริง
พลังของมนุษย์มีหลายรูปแบบเกินกว่าที่คนอื่น ๆ จินตนาการได้หลายรอบพันแปลก เพราะไม่มีใครรู้ว่าหลังจากเกิดมาจะมีพลังให้อะไรกันมั้ง แต่สำหรับบางคนก็เป็นกรณีพิเศษกว่าใคร ๆ อย่างพวกโพรทาเลียที่ตอนนี้ตัวเธอนั้นกำลังฟิวส์ขาด เพราะพี่ชายตะคอกใส่น้องสาวของเธอ แรงกดดันนี้ทำให้ทุกคนรับรู้ได้เลยว่าเด็กวัยสิบหกกำลังทำให้พวกเขาเสียเปรียบจากการโดนพลังของอีกฝ่ายกดตัว โฟกัสสัมผัสได้ถึงพลังของพี่สาวว่าพี่กำลังใช้พลังกดทุกคน จนทำให้เธอจ้องหันไปมองพี่สาวที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะจับไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายแล้วเขย่าเพื่อเรียกสติทันที
“พี่หยุดเดี๋ยวเลยนะ!! เดียวพวกพี่เขาสลบกันพอดี!! หยุดปล่อยพลังกดดันนั้นเลยนะ!!”
“อ๊า!! อ๊ะ!!”
การเขย่าของน้องสาวทำให้อารมณ์ของโพรทาเลียแปรปรวนไปในทันใด จนเธอนั้นได้สติกลับมาก็ต้องนั่งย่อง ๆ เพราะมึนหัวจากการเขย่านั้น
“โฟกัส...เขย่าทำไม...”
ทุกคนหลุดพ้นจากแรงกดดันนั้น บางคนถึงกับสลบไปตรงนั้น บางคนถึงกับหน้ามืดกันไปเลย บางคนยังตั้งสติของตนเองได้ก็ไปช่วยคนที่สลบไปในทันที โฟกัสเท้าเอวมองพี่สาวที่ทำอะไรไม่คิดทันที
“เห็นไหม? พี่ทำอะไรกัน!? เกือบทำคนตายเพิ่มแล้วนะ!! ลืมไปไหมว่าเราสองคนนั้นอยู่เหนือจากพวกมนุษย์กึ่งเทพทั่วไปแล้วนะ!!”
“แต่ว่า...” โพรทาเลียเอานิ้วจิ้ม ๆ เข้าหากัน
“ไม่มีแต่!! แล้วต้องไปขอโทษทุกคนด้วย!!” โฟกัสดุพี่สาวอย่างหนัก
“ค่ะ...” โพรทาเลียถึงกับหงอยคอตก
สถานการณ์ตอนนี้สงบลงทันทีอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครคิด แต่พวกเขากำลังมองคนเป็นน้องสาวกำลังดุพี่สาวของตน เอเดอร์ที่เดินมาดูแม่ที่สลบไปแล้วตั้งแต่ที่โพรทาเลียปล่อยแรงกดดันนั้นออกมา เขาตรวจสอบว่าแม่ไม่เป็นอะไร ก่อนจะเงยหน้ามองน้องสองคนที่กำลังสั่งสอนกันและกันอยู่ ทำเอาเขาคิดเลยว่าทั้งสองคนนี้เหมือนขั้วบวกกับขั้วลบเลยจริง ๆ ต่างจากน้องทั้งสองของเขาจริง ๆ
หลังจากจบเรื่องโพรทาเลียก็ได้ไปขอโทษทุกคนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะมีบางคนไม่คิดมากอยู่แล้วยกเว้นพี่คนโตที่ยังเคืองใจกับน้องสาวที่สี่ของบ้านอย่างโพรทาเลีย แต่ทำไมไงตอนนั้นอีกฝ่ายก็เข้ามาตะคอกก่อนที่เขาจะขอโทษเช่นกันที่ไม่ฟังอะไรเอาแค่เป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะการต่อสู้ที่น้องแสดงเขาก็คงส่งตัวทั้งสองไปแล้ว ก่อนจะพาตัวคนที่ยังไม่ได้สติไปยังอีกสถานที่ที่ปลอดภัยนั้นก็คือโรงพยาบาลในเครือมนุษย์กึ่งเทพ
ครั้งแรกที่พวกโพรทาเลียเห็นสถานที่ตรงหน้านั้น โฟกัสเคยแค่ได้ยินแต่ยังไม่เคยมาครั้งแรกที่มาที่แห่งนี้ ทุกคนที่พามาต่างก็พาไปยังห้องพักฟื้นกัน ส่วนบางคนที่พอประคองสติได้ก็มาพักในห้องรับรองที่ใหญ่กว่าห้องไหน ๆ ทุกคนต่างพักอยู่ในสภาพอากาศเย็น ๆ อย่างสบายใจ โพรทาเลียรู้สึกชอบใจกับบรรยากาศเย็น ๆ มากกว่าร้อน ๆ ระหว่างที่พักอยู่ในห้องนั้นพวกผู้ใหญ่พากันเข้ามาข้างในแล้วจะประชุมกันอย่างสบาย ๆ ไม่อะไรกันมาก แล้วโพรทาเลียก็เห็นพี่เบเดอร์ที่มีผ้าปิดแผลที่ปลายคางเดินเข้ามาพร้อมหีบที่โพรทาเลียช่วยเอาคืนมา เขายื่นให้ผู้ใหญ่อีกคนก่อนจะเดินมานั่งกับพวกโพรทาเลีย แต่สายตาของโพรทาเลียจับจ้องหีบนั้นอย่างสงสัย เธอรู้สึกถึงพลังของคนที่คุ้นเคยชอบกล พวกผู้ใหญ่มายืนหน้ากระดาษเรียงหนึ่ง
“เอาล่ะ ทุกคน สถานการณ์ตอนนี้กำลังตึงเครียด พวกที่ตามปีศาจสาวที่ชื่อนูอัสตามที่โพรเทียบอก"
ทุกคนต่างมองมาทางโพรทาเลีย ระหว่างที่ธาเลียเอ่ยขึ้นถึง ทำเอาโพรทาเลียระแวงสายตาที่จับจ้องเธอทันที
“แล้วเธอรู้ได้ไงนะ?” เบเดอร์เอ่ยถาม
“ไม่ต้องรู้หรอก พี่” โพรทาเลียตัดบทอีกฝ่ายในทันที
“อึ้ก!!”
“รู้สึกพวกนั้นจะหนีไปทางทะเลคงเป็นปีศาจทะเล…” ลีโอเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับมองเอกสารในมือ
“พวกนั้นคงหนีกลับไปเกาะของเจ้านายนั้นล่ะ”
“เอ๋?” ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของโพรทาเลียอีกครั้ง
“เดียวนะ เด็กน้อยทำไมเธอรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ?”
“…” พอผู้ใหญ่ถามแบบนั้นทำให้โพรทาเลียมองออกไปข้างนอกทันที “ไม่ขอพูดดีกว่าค่ะ แต่ขอบอกว่ารู้ก็แล้วกัน”
“อ๊ะ!” ลีโอได้ยินแบบนั้นรู้สึกว่าเด็กน้อยมีลับลมคมในสุด ๆ
“งั้นคงต้องคุยกันที่หลัง ก่อนหน้านี้ได้ข่าวมาจากค่ายฮาล์ฟบลัดว่าโดนโจมตีไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว”
“ว่าไงนะ!!”
“มีคนบาดเจ็บไหมครับ?”
“น้อง ๆ พวกผมล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง ไครอนบอกว่าเด็กที่อยู่ที่นั่นจัดการไปหมดแล้ว” เรเชลเอ่ยแล้วมองไปจุดจุดหนึ่ง ”แต่รู้สึกเด็กทุกคนจะบอกว่ามีคนเดียวที่จัดการรู้สึกจะอธิบายแค่ผมดำ ดวงตาสีเขียว มีรอยแผลบนร่างกายแล้วก็เป็นเด็กผู้หญิง”
“ผมดำ?”
“ดวงตาสีเขียว?”
“รอยแผลตามร่างกาย...แล้วก็เด็กผู้หญิง...” เอเดอร์พูดแล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ตรงกับที่คุณเรเชลพูด
โพรทาเลียรู้สึกถึงสายตาข้าง ๆ ก็มองอย่างสงสัยว่ามีอะไร “อะไรคะ?”
“เปล่านะ...”
เอเดอร์หันไปมองตรงหน้า เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่เห็น แค่เรื่องก่อนหน้าก็น่ากลัวแล้ว แล้วในค่ายเจออะไรมั้ง
“แล้วในค่ายเจอกับอะไรที่โจมตีเหรอครับ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้น
โฟกัสได้ยินเสียงที่เอ่ยถามนั้นทำให้เธอหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มที่ไว้หนวดไว้เคราเหมือนกับชายสมัยโบราณที่ชอบไว้รกบนใบหน้า โฟกัสมอง ๆ รู้สึกคุ้น ๆ หน้าอีกฝ่ายชอบกล
“คนที่ถามเป็นเธอเหรอเนี่ย? คราวิล”
‘คราวิลเหรอ!?’ โฟกัสคิดใบหน้าของเธอมีสีแดงระรื่นเด่นชัด
‘หือ...คราวิล...หมอนี้ดูสกปรกกว่าคราวิลพวกเราอีกแฮะ...อ๊ะ...’ โพรทาเลียกำลังคิดอยู่นั้นก็หันไปเห็นใบหน้าของโฟกัสที่เป็นประกาศทันที
‘คราวิล...แบบไว้หนวด...หล่อเกินคาด...’
‘เดียวเถอะคุณน้อง พี่จะไปฟ้องคราวิลนะ’ โพรทาเลียพูดออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
โฟกัสได้ยินก็หันมาแล้วทำท่าทางสะบัดมือแบบห้ามบอกเด็ดขาด ทำเอาคนเป็นพี่มองกันว่าสองคนนี้ทำอะไรกัน ก่อนที่พวกผู้ใหญ่จะพูดต่อ
“พวกที่เด็ก ๆ บอกว่าปีศาจที่เจอมีตั้งแต่ยักษ์ไซคลอปส์จนไปถึงไททันเลยล่ะ”
“ไททัน!!”
“อยากเห็นเด็กที่ต่อกรกับไททันเลยแฮะ...”
“ฉันอุตส่าห์ใบ้ให้แล้วนะ” เรเชลเอ่ยพร้อมกับสายตาที่หันมามองโพรทาเลีย
สายตานั้นทำให้โพรทาเลียไม่กล้ามองไปทางที่กำลังมองเธอจริง ๆ ทำเอาเธออยากอยู่ในร่างของคีย์แทนจริง ๆ
“แล้วก็เขามีข้อความมาบอกว่าช่วยดูแลเด็กสองคนที่ออกมาจากค่ายเพื่อมาหาพวกเราด้วยนะ จริงไหม? สองแฝดแจ็กสัน”
“อึ้ก!!” สองพี่น้องได้ยินก็สะดุ้งทันที อุตส่าห์หลบการสนทนาก็ยังหาเรื่องมาให้พวกเธออีก
“ไครอนบอกว่าพวกเธอมีเหตุผลที่มาหาพวกเราในการประชุมครั้งนี้สินะ”
“ก็...นิดหน่อย...นะคะ...” โฟกัสหลบสายตาแบบไม่อยากพูดเลยจริง ๆ
“เฮ้อ...เรื่องมาขนาดนี้แล้วสินะ...คนที่อยู่ที่นี่มีตั้งแต่คนของค่ายฮาล์ฟบลัดจนไปถึงพรานหญิงสินะคะ” โพรทาเลียลุกขึ้นยืนแล้วล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง
“ใช่แล้วล่ะ ทำไมเหรอ?”
“เพราะว่าอยากคุยกับแค่กับคนจำนวนน้อย ๆ เพราะว่า...หนูไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ถ้าตรวจสอบว่าใครในนี้เป็นหนอน...ฉันจะฟันไม่เลี้ยงเลยล่ะ!!”
โพรทาเลียกวาดสายตาคนในนี้ที่ถึงจะไม่มีใครเป็นหนอน แต่เธอก็จะคาดโทษไว้ถ้าใครนั้นจะย้ายฝั่ง ทำให้คนที่อยู่ที่นี่บางคนที่มีความคิดที่อยากจะเอาตัวรอดเหงื่อตกทันที
“ฉันสาบานเลยว่าคนของเราไม่มีใครเป็นหนอนแน่ ๆ” เรย์น่าพูดอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดเด็ก
“ขอให้จริงละกันค่ะ...เพราะว่าถ้าพวกเราไม่อยู่พวกคุณก็ต้องจัดการกันเอง”
“ไม่อยู่?” เบเดอร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“น้อง ๆ จะไปไหนกันอีกล่ะ?”
เบเดอร์ได้ยินแบบนั้นก็รับรู้ว่าโพรทาเลียหมายถึงอะไรนั้นทำให้คิดเลยว่าใกล้ถึงเวลาที่สองคนนี้จะไปงั้นเหรอ
“พวกเธอ...จะกลับไปโลกตัวเองสินะ...”
คำพูดของเอเดอร์ทำให้หลายคนตรงนั้นต่างพากันงุนงงกับคำว่ากลับโลกตัวเอง ระหว่างที่กำลังอ้ำอึ้งนั้นก็มีบางคนเดินกันเข้ามาข้างในเพื่อจะประชุมหารือ แต่พอคนสุดท้ายเข้ามาก็คือแอนนาเบ็ธ เธอคิดว่าควรจะล็อกประตูไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายเวลาประชุมเธอก็เลยล็อกประตูในทันใด ก่อนจะหันไปมองสถานการณ์ว่าตอนนี้เป็นไงมั้งในการประชุมครั้งที่สอง แต่ว่าเธอกับรู้สึกว่ามันตึงเครียดชอบกล แอนนาเบ็ธเดินไปตรงที่พวกของเธออยู่ก่อนจะเอ่ยถามไพเพอร์
“เกิดอะไรขึ้นนะ? ไพเพอร์”
“แอนนี่! เมื่อกี้เธออยู่ห้องพักฟื้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่พักผ่อนนะ?”
“ไม่เอานะ...พอพักแล้วกังวลนะ...ขอฉันมาฟังการประชุมก่อนดีกว่า...แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนดูตึงเครียดกันจัง?”
“ก็...เมื่อกี้ลูกสาวคนโตของเธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าใจแถมลูกชายของเธอเอเดอร์ยังพูดกับน้องสาวตัวเองว่าจะกลับโลกตัวเองเหรอ? ทำเอาทุกคนสงสัยว่าเด็ก ๆ พูดอะไรกัน?
“เอ๋?” แอนนาเบ็ธฟังอีกฝ่ายก็สงสัย ก่อนที่จะหันไปมองลูก ๆ ของเธอที่อยู่ริมห้องนี้
โพรทาเลียมองพี่เอเดอร์ถึงจะโลกไหนก็ดูรู้ไปหมดทุกอย่างสมกับเป็นสายเลือดอาธีน่าจริง ๆ
“ก็อย่างที่พูดรู้จากเราก่อนหน้า...สักวันเราก็ต้องกลับโลกเดิมอยู่ดี พี่เอเดอร์”
“แต่...” เอเดอร์ไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเลย เพราะว่าสองคนนี้ดูเก่งกว่าน้องของพวกเขาอีก
“เดียว ๆ พวกนายพูดถึงอะไรกันเนี่ย?” เบเดอร์ขัดทั้งสองคนคุยกันด้วยความไม่เข้าใจที่สองคนพูด
โพรทาเลียมองพี่เบเดอร์ที่อยู่โลกไหน ๆ ก็ไม่ฉลาดเท่าพี่คนเล็กเลย เธอถอนหายใจอย่างแรงจนทำเอาคนเป็นพี่มองด้วยสายตาไม่พอใจกับท่าทางของน้องสาว
“นี่...เธอ!”
“เอาล่ะ พูดเยอะเกินไปล่ะ งั้นขอแนะนำตัวหน่อยละกัน”
“เดียวสิ!! มาเมินพี่ชายเนี่ยนะ แล้วอีกอย่างทุกคนก็รู้หมดล่ะนะว่าเธอเป็นใครนะ โพรเทีย”
“ไม่รู้ต่างหาก อีกอย่างฉันไม่ได้ชื่อโพรเทีย!”
“ว่าไงนะ!?”
แอนนาเบ็ธนั่งฟังลูกสาวพูดก็ตกใจว่าทำไมลูกสาวถึงพูดแบบนั้นแล้วบอกว่ามาจากอีกโลกหนึ่งและบอกว่าไม่ได้ชื่อโพรเทียอีก เธอยิ่งสับสนเข้าไปอีกว่าลูกสาวหมายถึงอะไร
”ชื่อของฉันนั้นมาจากบุคคลที่พ่อนับถือที่สุดชื่อแรก ชื่อของปู่โพไซดอน และชื่อที่สองเป็น...เอ่อ...”
“ชื่อที่สองคือธิดาของซุส คุณธาเลียที่เป็นพรานหญิง” โฟกัสช่วยเสริมขึ้นมา เพราะเธอจำได้ว่าชื่อของพี่มาจากอะไร
“ใช่ ๆ”
“เอ๋?” ธาเลียที่อยู่ตรงนั้นก็หน้าแดงที่เพอร์ซีย์เอาชื่อเธอไปเสริมใส่ชื่อลูกสาวด้วย
“แล้วชื่อของฉันก็คือ โพรทาเลีย แจ็กสัน ลูกคนที่ 4 จากลูกทั้ง 8 คนของครอบครัวแจ็กสัน”
“8...คน...” พวกพี่ชายได้ยินก็กะพริบตากันเป็นสายตาเดียวกัน
“ส่วนฉัน โฟกัสเมซ่า แจ็กสัน ลูกคนที่เท่าไหร่...ทุกคนก็น่าจะรู้นะคะ...”
“8…คน...ไพเพอร์...ฉันได้ยินไม่ผิดนะ…” แอนนาเบ็ธหันไปหาไพเพอร์อย่างสงสัย
“ไม่ผิด...เพราะฉันก็ได้ยิน...”
“เราทั้งสองคนมาจากอีกโลก แล้วพวกเราสองคนถูกส่งมายังโลกนี้โดยใครไม่รู้ พวกเราเลยอยากขอความร่วมมือกับพวกคุณเพื่อพาเรากลับไปยังโลกของเรา...ที่อีกไม่ช้า แซเทิร์นจะบุกมาตอนไหนก็ไม่รู้”
“แซเทิร์น!? หมายถึงร่างแยกของโครนอสน่านะ”
“ผิดแล้ว...แซเทิร์นก็คือแซเทิร์น โครนอสก็คือโครนอส...พวกเราไม่รู้หรอกนะว่าโลกนี้จะเหมือนกับโลกของเรามากน้อยแค่ไหน...แต่สำหรับโลกของเรานั้นโครนอสคือคนพี่ ส่วนแซเทิร์นคือคนน้อง แล้วเรื่องทุกอย่างนั้นมีอะไรที่แปลกไปหมด”
“อ๊ายยยยย! นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ลีโอตาลายไปหมดกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“อืม อย่างงี้ก็อธิบายถึงพละกำลังของโพร...เอ่ย...” เรเชลเอ่ยขึ้น แต่เธอลำบากใจการเรียกชื่อเด็กชอบกล
“เรียกโพรก็ได้ค่ะ ง่ายกว่าเรียกโพรทาเลียเต็มยศล่ะนะ”
“ส่วนหนูเรียกโฟกัสก็ได้ค่ะ ยังไงคุณเรเชลก็ชอบเรียกหนูว่าโฟกัสอยู่แล้ว”
“งั้นเหรอ...ก็ได้จ้ะ...”
“คุณเรเชลเหรอ?”
“ใช่ พี่ยังไม่เคยเห็นเธอนี่น่า คุณเรเชลเป็นถึงผู้บริหารใหญ่ของโลกเลยนะ! แล้วก็เป็นถึงผู้หยั่งรู้ในค่ายของเราเชียวนะ!!”
เรเชลฟังที่เด็กอธิบายถึงตัวเองในโลกของพวกเขาทำเอาหน้าเธอเขินอย่างประมาทสุด ๆ
“นี้ ๆ โฟกัส พูดชมคุณเรเชลจนเขาหน้าแดงไปหมดแล้ว” โพรทาเลียชี้ไปทางคุณเรเชลที่หน้าแดงจนโดนคนอื่น ๆ แซว
“อ๊า ขอโทษค่ะ...” โฟกัสกล่าวขอโทษที เธอลืมไปว่านี้ไม่ใช่โลกของเธอ
“มีคำถาม!!” เบเดอร์ยกมือขึ้นมาจนทุกคนหันไปมอง
“มีอะไรหรือ? เบเดอร์”
“ผมขอถามเจ้าสองหน่อบ้านแจ็กสันครับ!!”
“ถามพวกเรา? ทำไมเหรอ?”
“ที่บอกลูก 8 คนหมายความว่าไง!? ในโลกนี้พวกเรามีกันแค่ 5 คนเองนะ!”
“ก็…” โพรทาเลียกับโฟกัสมองหน้ากันก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น “ก็หมายความตามนั้นล่ะ”
“เอ๋!? จะบอกว่าแม่มีลูกเพิ่มอีก 3 คนหลังพ่อเสียเหรอ?”
“ใครว่าล่ะ?” โพรทาเลียกอดอกมองพี่ชายคนรองอย่างสงสัย ”ก็ต้องลูกของพ่อเราสิ”
“อ๋อ...” พวกพี่ชายทั้งสามพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะตกใจกัน “ว่าไงนะ!!”
เสียงตะโกนของทั้งสามทำเอาหลายคนต่างต้องปิดหู เพราะเสียงของทั้งสามคน แล้วโอราอุสก็ลุกขึ้นเพื่อจะถามทั้งสองอย่างสงสัย
“พวกเธอหมายความว่าไง? จะบอกว่าโลกของพวกเธอพ่อยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
“ลืมไปว่า...โลกนี้พ่อเสียแล้วนี่น่า...” โพรทาเลียลืมคิดถึงพ่อของเธอในโลกนี้จริง ๆ ก่อนจะหันไปหาพี่ชาย ”ใช่...ในโลกของเรานั้น พ่อยังมีชีวิตอยู่นะ”
“เดียวนะ ลูกสองคนจะบอกว่าโลกของลูก ๆ พ่อ...ยังอยู่เหรอ?”
แอนนาเบ็ธตะโกนขึ้นมาทำให้พวกลูก ๆ ต่างหันไปมองก็สงสัยว่าแม่มาตั้งแต่ตอนไหน โพรทาเลียมองแม่ที่ผอมจริง ๆ จนเธอพยักหน้าเบา ๆ
“ใช่ค่ะ...ในโลกของหนูเขายัง...มีชีวิตอยู่นะ...”
“อ๊ะ...!” แอนนาเบ็ธได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงที่โลกของทั้งสองคนสามีที่เธอรักยังอยู่ แล้วทำไมโลกของเธอถึงขาดเขาไปกันจนเธอกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าอมทุกข์ “งั้นเหรอ...”
“แม่ครับ...”
“คุณแม่...”
โพรทาเลียเห็นท่าทางของแม่นั้น เธอเข้าใจการสูญเสียเป็นยังไง ความรู้สึกเจ็บปวดใจ ทรมานเหมือนมีอะไรกรีดหัวใจ เธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือเท้าเอวยิ้มอย่างร่าเริงออกมา
“ถึงคุณพ่อไม่อยู่แล้วก็ตามที่หนูก็อยากให้แม่สู้ต่อนะคะ!! สู้ต่อในส่วนของพ่อเขา หนูว่าพ่อก็ต้องการแบบนั้นเขาไม่อยากให้แม่มาอมทุกข์หรอกนะคะ”
แอนนาเบ็ธได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงเพอร์ซีย์ที่เคยพูดว่าถ้าใครคนใดตายจากไปก่อนก็ต้องอยู่ให้ได้เพื่อตัวเองและลูก ๆ แอนนาเบ็ธนึกก็ลืมคำสัญญานั้นก่อนจะยิ้มออกมา
“อืม...ขอบใจนะ โพร...ทาเลีย...แม่จะพยายามนะ...”
“ค่ะ!!”
พอเห็นสถานการณ์ที่ไม่เข้ากับการประชุมตอนนี้ โพรทาเลียก็หันกลับมาคุยกับทุกคนต่อในทันที
“เอาล่ะ ๆ คุยเรื่องส่วนตัวมากไปแล้วสินะคะ พวกเราก็แค่มาหาเบาะแสเพื่อกลับโลกเดิม แต่ที่ฟัง ๆ จากค่ายฮาล์ฟบลัดก็มาส่วนหนึ่ง เลยอยากมาฟังจากผู้ใหญ่ที่อายุเท่าพ่อเพื่อเพิ่มข้อมูลล่ะนะ”
“ข้อมูลเหรอ?”
“เราจะมีข้อมูลอะไรให้นะ?”
“อืม ๆ” พวกเขาพยักหน้ากันอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่เรย์น่าพูดขึ้น
“ก็อย่างเช่นข้อมูลจากในค่ายก็มีหลายอย่างเลย เช่นคนดูแลค่ายปัจจุบันยังเป็นคุณดี แต่โลกของเรานั้นคนดูแลค่ายคือพ่อของเรา”
“ห๊า! ตาแจ็กสันเนี่ยนะ! เป็นผู้ดูแล!!”
“ว้าว เพอร์ซีย์เป็นผู้ดูแลค่าย ฉันอยากเห็นเลยแฮะ!!” โกรเวอร์เอ่ยอย่างชอบใจ
“แหะ ๆ”
“แล้วนอกจากพ่อเป็นผู้ดูแลมีอะไรที่ต่างจากนี้อีกไหมนะ?”
“ก็เยอะเลยล่ะนะ...เช่น...ประตูเชื่อมระหว่างสองค่ายนะ”
“ประตูเชื่อมระหว่างสองค่าย?”
“ระหว่างค่ายฮาล์ฟบลัดกับค่ายจูปิเตอร์นะคะ” โฟกัสพูดเสริมขึ้นมา
“ว้าว...แบบนี้สองค่ายก็ผ่านกันไปกันมาได้นะสิ”
“ค่ะ แต่แค่บางครั้ง ไม่บ่อยเกินไป พวกเราจะมีเวลาเดินผ่านกันตามเวลาที่กำหนดนะคะ”
“อืมมม แบบนี้เราต้องคุยกับค่ายฮาล์ฟบลัดกันหน่อยแล้วล่ะ ว่าจะสร้างยังไงดี” เรย์น่ากล่าวเธอสนใจสิ่งนั้น เพราะถ้าเชื่อมต่อระหว่างสองค่ายอาจจะเป็นเรื่องนี้
“หนูแนะนำว่าคุยกับเฮเฟตัสดีที่สุดนะคะ”
“ขอบใจสำหรับคำแนะนำโพรทาเลีย"
“ค่ะ เรื่องอื่นก็มีให้พูดเยอะแต่เราขอไม่พูดเยอะเกินไป...” โพรทาเลียยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะนึกบางอย่างได้อีกเรื่อง ”เอ่อ...ถ้าพวกคุณจะไปบนเกาะที่พวกปีศาจไปพวกคุณต้องระวังอะไรอีกเยอะเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ ไว้ค่อยมาคุยกันดีกว่านะ”
“โอเคค่ะ แล้วโลกของพวกคุณตั้งแต่หลังก่อนที่พ่อพวกหนูเสียไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดหรือมีจุดเปลี่ยนอะไรมั้งนะคะ”
“ถ้าให้นึก ๆ ก็…”
“เราไม่รู้ว่าโลกของเรานั้นมีจุดเปลี่ยนอะไรมั้งที่ต่างไปจากพวกเธอมั้ง คงต้องไปไล่กันยาว ๆ งั้นต้องย้ายสถานที่ล่ะนะ”
“งั้นเหรอคะ...”
สิ่งที่พวกผู้ใหญ่พูดก็เป็นความจริง เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าโลกตัวเองมีจุดเปลี่ยนอะไรมั้ง แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าโลกตัวเองนั้นมีจุดเปลี่ยนอะไรมั้งตอนเธอไม่อยู่ในค่าย ยิ่งทำให้เธอครุ่นคิดยิ่งกว่าเดิม ระหว่างที่โพรทาเลียกำลังใช้สมองอยู่นั้น โฟกัสก็นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรดี เธอก็มองซ้ายมองขวาอยู่ไปเรื่อย ๆ จนสายตาไปมองหีบที่พวกผู้ใหญ่เอามาวางบนโต๊ะไปแล้วนั้นทำให้เธอได้มองอย่างชัดเจนก็รู้สึกว่าคุ้นเคยจนถึงบางอย่างในอดีตได้
‘กล่องนี้เปิดตอนครบรอบวันเกิดแต่ละคน แต่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินค่อยมาเปิดกันนะ’
เสียงของพ่อดังอยู่ในหัวของโฟกัสจนเธอจำได้ว่าเคยเห็นหีบตรงหน้าตอนนี้ที่ไหน ก่อนจะลุกขึ้นพรวดพราดทันที
“หีบนั้น!!”
เสียงตะโกนของโฟกัสทำให้ทุกคนต่างตกใจรวมไปถึงโพรทาเลียด้วยที่ตกใจที่น้องสาวจู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา
“โฟกัส เธอเป็นอะไรนะ?”
“หีบอันนั้นนะ” โฟกัสชี้ไปทางที่หีบวางไว้ตรงหน้าพวกผู้ใหญ่
“หีบทำไมเหรอ?” เรเชลเอ่ยถาม
“จริงด้วย โฟกัส หีบมันทำไมเหรอ?”
“หีบกล่องนั้น ฉันจำได้แล้วว่าเคยเห็นที่ไหน?”
“เธอรู้เหรอว่าเคยเห็นที่ไหน แล้วรู้ไหมว่าเจ้าของเป็นใคร” เรย์น่าจี้ถามจนคนอื่น ๆ มอง
“เรย์น่า ใจเย็น ๆ หน่อย”
“โทษที...”
“น้องบอกได้ไหมว่าหีบนั้นมาจากไหนนะ?”
“จากโลกเรา หีบนั้นเป็นของพ่อ”
“ว่าไงนะ?”
จบตอนที่ 101 โปรดติดตามตอนที่ 102 ต่อไป
Comments (0)