25 ตอน แทบขาดใจ
โดย Beloved_Moouan
วายุว่ายมาถึงจุดที่เค้าเห็นสายน้ำจมลงเจ้าตัวก็กลั้นหายใจแล้วลงดำลงไปในทันทีท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกคน ดำลงไปได้ไม่นานวายุก็เห็นร่างที่หมดสติของคนตัวเล็กกำลังล่องลอยไปตามคลื่นที่พัดเข้ามาอยู่ใต้น้ำ วายุจึงรีบพุ่งตัวไปหาร่างบางอย่างรวดเร็ว
หินผาที่ว่ายมาตามหลังวายุมาก็รีบเข้ามาช่วยเมื่อเห็นวายุได้ตัวน้องชายแล้ว ทั้งสองรีบว่ายเข้าหาชายฝั่งอย่างเร็ว พอเท้าเหยียบถึงพื้นดินวายุก็รีบช้อนร่างของคนตัวเล็กแล้ววิ่งขึ้นมาบนฝั่งและวางร่างบางลงบนพื้นดิน
"ตัวเล็กได้ยินพี่มั้ยครับ ตัวเล็กครับ" วายุตบหน้าพร้อมเรียกสายน้ำไปด้วย จากนั้นก็เอานิ้วมาอังจมูกก็พบว่าร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าได้หมดลมหายใจไปแล้ว วายุสติแทบจะหลุดแต่ก็ต้องพยายามตั้งสติเอาไว้ให้ได้
วายุเริ่มทำ CPR ด้วยการปั๊มหัวใจสลับกับผายปอดให้ร่างบาง ทำซ้ำไปซ้ำมาแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่นอนหมดสติจะฟื้นหรือตื่นขึ้นมาเลย
"ไอ้ดินเมื่อไหร่รถพยาบาลจะมาถึงสักทีวะ กูรอจนใจจะขาดอยู่แล้วน่ะโว้ย" เป็นเหนือที่เริ่มอยู่กับที่ไม่ติดเริ่มเร่งเพื่อน เค้ามองไปยังทางที่รถพยาบาลจะต้องวิ่งเข้ามาสลับกับภาพที่วายุและหินผากำลังช่วยทำ CPR ให้กับสายน้ำอยู่
ออกัสยืนกอดไฟร้องไห้อยู่ใกล้ๆเมื่อเห็นร่างไร้สติของเพื่อน ไม่ต่างกับเบลที่ยืนกอดอิฐร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เช่นกัน
"มึงออกมาก่อนกูทำต่อเอง" หินผาที่เห็นว่าเพื่อนเริ่มเหนื่อยก็เข้าไปทำแทน ทางด้านวายุก็หยุดแต่โดยดีแล้วเปลี่ยนมาเรียกสายน้ำแทน
ภาพที่เห็นสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคนที่ยืนรอลุ้นเป็นอย่างมาก หินผากับวายุที่ทุกคนเคยเห็นบัดนี้ทั้งคู่มีน้ำตาคลออยู่บนในดวงตาแทบไม่เหลือเค้าคนโหดที่เคยเห็นอยู่เลย
"ตัวเล็กครับตื่นขึ้นมาหาพี่กายเถอะนะครับ พี่กายอยู่ไม่ได้หรอกนะครับถ้าไม่มีตัวเล็ก ขอร้องตื่นมาเถอะครับพี่กายใจแทบขาดแล้ว" วายุพูดพร้อมกับจูบมือคนตัวเล็กไปด้วย
หินผายังคงทำหน้าที่ปั๊มหัวใจสลับกับผายปอดให้น้องชายตัวเองไปเรื่อยๆ
"ตัวเล็กครับพี่กายขอร้องกลับมาหาพี่นะครับ พี่กายคนนี้ขอร้อง" วายุยังคงพร่ำเพ้ออยู่ข้างๆหูของร่างบางที่บัดนี้หมดลมหายใจไปแล้ว
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับภาพตรงหน้า วายุที่ตอนนี้แทบไม่เหลือมาดของเฮดว๊ากหลงเหลืออยู่เลย กำลังร้องขอร่างที่นอนนิ่งไม่ขยับให้ฟื้นตื่นขึ้นมา
"มากูทำต่อเองมึงคงไม่ไหวแล้ว" วายุบอกกับหินผาเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนที่เริ่มหมดแรง
วายุเริ่มการปั๊มหัวใจให้คนตัวเล็กอีกครั้งแล้วต่อด้วยก้มลงไปผายปอด
แค่ก!! แค่ก!! พอทำต่อไปได้สักพักคนที่นอนนิ่งอยู่ก็เริ่มสำลักน้ำออกมา
"เย้ๆๆๆ" ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจและโล่งใจที่ความพยายามของวายุและหินผาได้ผล
วายุและหินผาโผเข้ากอดสายน้ำทันทีที่สายน้ำลืมตาขึ้นมา ผู้ชายตัวโตสองคนกอดคนตัวเล็กเอาไว้จนแทบจะมองไม่เห็นคนในอ้อมกอดเลยทีเดียว
"พี่กาย พี่ผา" สายน้ำเรียกชื่อพี่ชายและคนรักด้วยเสียงแหบแห้ง ใบหน้าที่ซีดเซียวหันมองพี่ชายกับคนรักสลับกันพร้อมยิ้มน้อยๆก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย
ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงและนำร่างที่หมดสติไปอีกครั้งขึ้นรถพยาบาลโดยมีวายุขึ้นตามไปด้วย หินผาจะขับรถตามไปทีหลังพร้อมกับเสื้อผ้าของทั้งสองคน
"กูฝากมึงจัดการด้วย" วายุหันมาบอกไฟที่มีตำแหน่งรองเฮดว๊ากเสียงเย็น พร้อมกับสายตาคมที่กวาดมองน้องๆปี 2 ที่ยืนอยู่ทีละคนอย่างกับจะจดจำใบหน้าเอาไว้ จนคนที่ถูกมองถึงกับเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาคมของวายุที่มองมายังตนราวกับจะฆ่ากันให้ตายกันตรงนี้เลย
"ปี 1 และปี 2 เข้าแถวแยกกันคนละฝั่งครับ" พอรถพยาบาลแล่นออกไป ไฟก็หันมาสั่งให้น้องๆเข้าแถว
"มีใครอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ้างครับ" ไฟหันมาถามรุ่นน้องปี 2 ที่ยืนก้มหน้ากันอยู่
"เงยหน้าขึ้นมามองผมครับ พวกคุณไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะมายืนก้มหน้าก้มตาเวลาทำผิดพลาด" ไฟพูดขึ้นเสียงดังจนทุกคนถึงกับสะดุ้ง ทุกคนไม่ชินกับทั้งสามคนในโหมดนี้ ตอนนี้ทั้งไฟ ดินและเหนือ ไม่เหลือเค้าของความขี้เล่นที่เคยมีให้น้องๆไว้อยู่เลย
"ไม่ได้ยินที่พวกผมถามเหรอครับ ว่าทำไมถึงมีน้องจมน้ำโดยที่ไม่มีใครรู้ใครเห็นเลย ถ้าพวกผมมาไม่ทันมันจะเกิดอะไรขึ้นครับ พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่ครับ" เหนือที่เริ่มโมโหเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ
"หรือว่าเพราะวิ่งเปี้ยวมาสายน้ำเลยหมดแรง เพราะตอนที่วิ่งสายน้ำวิ่งเร็วมากแถมวิ่งตั้งสี่รอบตัวก็เล็กนิดเดียว"
"เมื่อกี๊พวกคุณว่ายังไงนะครับ" ดินที่ได้ยินรุ่นน้องคุยกันก็ถามขึ้น
"อะ เอ่อขอโทษค่ะที่คุยกัน" น้องผู้หญิงที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับสายน้ำเอ่ยขอโทษขึ้นมา เพราะคิดว่ารุ่นพี่ดุที่พวกเธอคุยกัน
“ผมถามว่าเมื่อกี๊พวกคุณคุยกันว่าอะไรนะครับ” ดินถามย้ำอีกรอบ
“เอ่อ พวกเราคุยกันว่าอาจจะเป็นเพราะกลุ่มของพวกเราเพิ่งวิ่งเปี้ยวกันมาก่อนที่จะมาฐานลูกบอลกันน่ะค่ะ และอีกอย่างสายน้ำก็วิ่งไปแล้วตั้งสี่รอบแถมวิ่งเร็วมากด้วย แล้วยังมาต่อด้วยว่ายน้ำอีก สายน้ำคงจะไม่ไหว” เพื่อนในกลุ่มของสายน้ำอธิบายให้รุ่นพี่ฟัง
ทั้งสามคนที่ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหน้าเครียดขึ้นทันที พร้อมทั้งหันหน้าไปทางรุ่นน้องปี 2 ที่ทำหน้าตกใจอยู่
“ใครเป็นคนจัดลำดับการเข้าฐานครับ เราคุยกันไว้ว่ายังไงครับ ไอ้เดย์ตอบ”
เดย์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องจัดลำดับแต่ละกลุ่มเข้าฐานถึงกับสะดุ้ง เพราะตอนนั้นเค้าปวดท้องเข้าห้องน้ำเลยฝากเพื่อนเดินนำน้องไปเข้าฐานต่อไปแทน
“อะ เอ่อคือ ผมขอโทษครับพอดีผมปวดท้องเข้าห้องน้ำกะทันหันเลยฝากให้เพื่อนเดินนำน้องไปเข้าฐานโดยไม่ได้บอกชื่อฐานที่จะต้องเข้าครับ” เดย์พูดพร้อมกับหลับตาลงเหมือนยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะตามมา
“พวกผมกับคุณคุยกันไว้ว่าห้ามให้น้องที่เข้าฐานลูกบอลมาเข้าฐานวิ่งเปี้ยวต่อ แล้วห้ามน้องจากฐานวิ่งเปี้ยวมาเล่นฐานลูกบอลต่อไง เพราะมันจะทำให้น้องเหนื่อยเกินไป บางคนร่างกายอาจจะรับไม่ไหว แล้วผลที่ตามมามันเป็นยังไงพวกคุณเห็นกันรึยัง ทีนี้พวกคุณรู้รึยังว่าทำไมผมถึงได้ย้ำนักย้ำหนา” ไฟพูดพร้อมกับกวาดตามองรุ่นน้องทุกคน
“ทำไมแค่นี้พวกคุณไม่จำใส่สมองกัน พวกคุณเป็นรุ่นพี่นอกจากความรับผิดชอบไม่มีกันแล้วยังไม่ดูแลน้องๆกันอีก น้องที่กำลังจะจมน้ำกำลังตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลืออยู่กลางทะเล แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น คนอยู่กันเป็นร้อยแต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เห็น พวกคุณทำอะไรกันอยู่วะ ห๊ะ” น้องผู้หญิงบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้น้องคนหนึ่งเกือบต้องตายเพราะความประมาทเลินเล่อของพวกเธอ
“พวกเราขอโทษครับ” รุ่นน้องปี 2 เอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ
“คนที่พวกคุณต้องขอโทษไม่ใช่ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นคนที่กำลังอยู่ในรถพยาบาลคันเมื่อกี๊ครับ” ดินพูดขึ้นเมื่อเห็นไฟกำลังยืนระงับอารมณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้ด่าน้องไปมากกว่านี้อยู่
“เอาล่ะครับ ผมว่าเรามาหาอะไรทำสนุกๆกันดีกว่าไหนๆตอนนี้สถานการณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จะได้ไม่เครียดกันจนเกินไป ดีมั้ยครับน้องๆ” เหนือพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้รุ่นน้องของตน
ไม่มีน้องๆคนไหนกล้าตอบออกไป เพราะยังไม่รู้จุดประสงค์ของรุ่นพี่ว่าต้องการเล่นอะไรกันแน่ แต่ดูจากสายตาแล้วของพี่เหนือแล้วคงจะไม่ใช่พวกเค้าที่สนุกแน่ๆ
“ไอ้อิฐมึงกับเพื่อนอีกคนช่วยกันไปเอาเสาที่อยู่ตรงฐานวิ่งเปี้ยวมาพร้อมกับวัดระยะทางมาด้วย เสร็จแล้วเอาไปปักไว้ตรงนู้นให้ได้ระยะเดียวกันกับที่วัดมา” เหนือพูดสั่งรุ่นน้องขึ้น
“ผู้ชายปี 1 ใครว่ายน้ำแข็งบ้างขอสัก 5 คนครับ”
เมื่อน้องตัวแทนยกมือขึ้นมาเหนือก็ให้น้องทั้ง 5 คนว่ายเอาลูกบอลไปไว้ในทะเลจุดเดียวกันกับที่น้องๆเคยว่ายไปเอามา
“ทีนี้พวกคุณก็แบ่งกลุ่มกันออกเป็นกลุ่มละ 10 คนเท่ากันกับน้องๆเลยครับ อ้อแล้วก็มีใครว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่แข็งบ้างมั้ยครับ ถ้ามีก็แค่วิ่งเปี้ยวอย่างเดียวไม่ต้องลงไปเก็บลูกบอลเพราะผมคงไม่มานั่งทำ CPR ให้กับพวกคุณหรอกนะ”
หลังจากที่ปี 2 แบ่งกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อยเหล่าพี่ว๊ากก็ให้น้องเริ่มลงเล่นฐานวิ่งเปี้ยวกันแล้วพัก 10 นาทีต่อด้วยว่ายน้ำไปแตะลูกบอลแล้วว่ายกลับมา
พอเสร็จกิจกรรมทั้งหมดปี 2 แทบจะทุกคนมานอนหอบเหนื่อยกันอยู่บนชายหาดแบบหมดสภาพไปตามๆกัน
“หึๆ ทีนี้พวกคุณรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าน้องๆรู้สึกยังไง” ไฟเดินไปถามน้องที่ยังนอนแผ่กางแข้งกางขากันอยู่
“ที่ผมให้พวกคุณทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อความสนุกหรือสะใจ แต่ผมอยากจะให้พวกคุณได้รับรู้ถึงความรู้สึกของน้องๆ เพราะถ้าอธิบายไปพวกคุณคงจะไม่เข้าใจ” เหนือพูดขึ้นยิ้มๆหลังจากได้เห็นสภาพของแต่ละคน
“ถ้าหายเหนื่อยกันแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำนะครับ แล้วมาเจอกันตอน 1 ทุ่มตรงที่ห้องอาหาร”
“ค่ะ / ครับ”
วายุที่ตอนนี้กำลังนั่งกุมมือเล็กอยู่ข้างเตียง กำลังจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของคนรักอย่างราวกับว่าถ้าเกิดเค้าคลาดสายตาไปแม้แต่นิดเดียวคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเค้านั้นจะหายไป
วายุเพิ่งจะได้รู้วันนี้เองว่าคำว่าเจ็บปวดแทบขาดใจนั้นเป็นยังไง ในตอนที่เค้าเห็นสายน้ำกำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดโดยที่เค้าทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องไปถึงตัวน้องให้เร็วที่สุด ก้อนเนื้อข้างซ้ายมันเจ็บเหมือนมีใครเอาเข็มนับพันๆเล่มมาทิ่มแทง
และในตอนที่เค้ารับรู้ว่าคนตรงหน้านั้นได้หยุดหายใจลง หัวใจเค้าก็แทบจะหยุดเต้นตามไปด้วยในวินาทีนั้น มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรมานอย่างที่เค้าไม่เคยได้รับมาก่อน เค้าไม่รู้ว่าถ้าไม่มีคนตรงหน้าอยู่ชีวิตของเค้าที่เหลืออยู่จะอยู่ต่อไปได้ยังไง คนตัวเล็กเปรียบเสมือนลมหายใจของเค้าไปซะแล้วในตอนนี้
วายุยกมือขึ้นไปลูบมือข้างที่ถูกเจาะให้น้ำเกลืออย่างเบามือราวกับว่าไม่อยากให้มันทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของคนตัวเล็กเค้าไม่อยากให้น้องต้องมาได้รับความเจ็บปวดอะไรอีกเลย ขอเป็นเค้าได้มั้ยที่รับมันไว้เอง ในชีวิตวายุไม่เคยอ่อนแออะไรเท่านี้มาก่อนเลย
แกร็ก!!!!
เสียงเปิดประตูทำให้วายุนั้นหลุดออกภวังค์ทันที เค้ากะพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่น้ำตาที่กำลังคลออยู่
“มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกินปลากัน”
“กูไม่หิว” วายุตอบโดยไม่หันมามองหน้าเพื่อน
หินผาจึงเดินมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียงซึ่งมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ เพื่อมองหน้าเพื่อนตัวเอง
“มึงต้องไปส่องกระจกดูนะว่าสภาพตอนนี้ของมึงนี่มันดูไม่จืดเลย ถ้าน้องกูตื่นขึ้นมาแล้วเห็นมึงเป็นแบบนี้มึงคิดว่าน้องน้ำจะดีใจมั้ยวะ แทนที่มึงจะเป็นคนปลอบน้องกูกลับกลายเป็นว่าน้องกูต้องมาคอยเป็นห่วงมึงอีกงั้นสิ”
“เออรอแป๊บ” พอหินผาพูดให้วายุคิดได้เจ้าตัวก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าและของใช้ในกระเป๋าก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที
หลังจากที่วายุเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองแล้ว หินผาก็ก้มลงจูบหน้าผากของน้องย้ำๆ ความเข้มแข็งที่แสดงเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนไม่มีอีกแล้วน้ำตาที่พยายามกักเก็บเอาไว้ไหลออกมาอย่างง่ายดาย
“ขอบคุณนะครับที่กลับมาหากัน พี่ผารักน้องน้ำมากนะครับ อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ รู้มั้ยพี่แทบขาดใจตายตามน้องไปแล้ว” หินผาพูดกระซิบอยู่ข้างๆหูของสายน้ำพร้อมกับหอมแก้มน้องย้ำๆอยู่อย่างนั้น เค้าอยากได้ยินเสียงหวานของน้องชายเร็วๆ อยากให้น้องกลับมาอ้อนเค้าแล้วในตอนนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
หินผาที่ได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบหันหลังและเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับคุณหมอ” เมื่อเห็นว่าเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ของน้องชายจึงยกมือขึ้นไหว้ พอดีกับที่วายุทำธุระเสร็จออกมาจากห้องน้ำ จึงเดินมายืนอยู่ข้างๆหินผา
“คนไข้อาจจะฟื้นภายในคืนนี้หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้เช้านะครับ เพราะคนไข้มีอาการหยุดหายใจไปชั่วขณะด้วย อาจจะทำให้ฟื้นตัวช้าสักหน่อย” คุณหมอพูดขึ้นเมื่อตรวจอาการของสายน้ำเสร็จแล้ว
“โดยรวมก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ เหลือแค่รอให้คนไข้ฟื้นแล้วก็รอให้ร่างกายแข็งแรงก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ เดี๋ยวถ้ายังไงพรุ่งนี้สายๆหมอจะเข้ามาตรวจดูอาการใหม่นะครับ”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ” วายุและหินผายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณหมอ ก่อนที่หมอจะขอตัวออกจากห้องไป
“เฮ้อ! ค่อยโล่งหน่อยนี่ถ้าป๊ากับม๊ากูรู้นะมีหวัง......” หินผาพูดพร้อมทำท่าทางขนลุก
“เอาน่ายังไงน้องกูก็ปลอดภัยแล้วหมอเองก็ยืนยันแล้วด้วย มึงก็เลิกทำหน้าซังกะตายได้แล้ว เดี๋ยวถ้าน้องกูตื่นมาเห็นหน้ามึงเป็นแบบนี้จะทำให้น้องกูอยากนอนต่ออีก” หินผาพูดแหย่เพื่อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าวายุยังคงทำหน้าเศร้าและนั่งมองหน้าน้องชายของเค้าแทบจะไม่กะพริบตา
“ไอ้......”
“อื้อออ......” วายุที่กำลังตั้งท่าจะด่าหินผาต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงครางอันแหบแห้งของคนตัวเล็ก
“ตัวเล็กครับ / น้องน้ำครับ” วายุกับหินผาเรียกคนที่กำลังพยายามจะลืมตาแทบจะพร้อมกัน
Comments (0)