30 ตอน น้องสาวคนใหม่
โดย Beloved_Moouan
“เฮ้ย! นี่ใครถูกหวยวะ ทำไมขนมมันถึงได้เยอะแยะมากมายก่ายกองแบบนี้วะ” เหนือที่เดินมาพร้อมกับดิน ไฟและออกัส ถึงกับตกตะลึงกับกองขนมยักษ์ที่กองอยู่เต็มโต๊ะจนแทบจะไม่มีที่วางจานข้าวเลย
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสิบห้านาทีที่แล้ว วายุกับหินผาแทบจะขว้างจานข้าวทิ้งเมื่อมองมายังโต๊ะที่สายน้ำและเบลนั่งอยู่ เพราะทั้งสองคนนั้นมองมาที่โต๊ะแล้วก็เจอว่ามีคนรุมล้อมอยู่โต๊ะเต็มไปหมด ทั้งสองรีบวิ่งมาอย่างเร็วอย่างไม่ห่วงข้าวในมือเลย แต่พอแหวกฝูงชนเข้ามาได้ก็พบว่าคนตัวเล็กของเค้ากำลังนั่งแจกยิ้มแป้นพร้อมกับขนมในมืออีกเพียบ ส่วนเบลก็มีหน้าที่รับขนมจากสายน้ำมาเรียงไว้บนโต๊ะ แต่พอทุกคนหันมาเห็นวายุกับหินผาวงล้อมก็แตกกระจายขึ้นมาทันที พอถามก็ได้ความว่าคนพวกนี้คือเหล่าบรรดาแฟนคลับของวายุและสายน้ำก็เลยซื้อขนมมาปลอบใจปลอบขวัญให้กับสายน้ำที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา
“โห แล้วอย่างนี้จะกินกันหมดเหรอครับ” หลังจากที่สายน้ำเล่าให้พี่ๆได้ฟังด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้ว ดินก็กวาดตามองขนมที่กองอยู่เต็มโต๊ะแล้วถามขึ้น
“น้ำว่าจะเอาไปบริจาคให้กับบ้านเด็กกำพร้าน่ะครับ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วเราแวะไปก่อนที่จะไปบริษัทพี่กายแป๊บหนึ่งได้มั้ยครับ”
“ได้สิครับ พี่ไม่ได้รีบอะไร” วายุพูดพร้อมกับลูบผมน้องด้วยความเอ็นดู เค้ารักคนไม่ผิดจริงๆ คนตัวเล็กของเค้ามีจิตใจที่ดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปยังคนอื่นอีกด้วย
“แล้วอย่างนี้บรรดาแฟนคลับของน้ำไม่ว่าเอาเหรอ” เป็นออกัสที่ถามขึ้นแต่มือก็หยิบขนมที่สายน้ำแกะแล้วยื่นมาให้กินไปด้วย
“ไม่หรอกน้ำขอเค้าแล้ว พวกเค้าบอกว่าก็ดีจะได้ทำบุญด้วยถือว่าฝากน้ำทำบุญแล้วก็ได้ทำบุญด้วยกันด้วย” สายน้ำพูดไปยิ้มไปด้วยดวงตาเป็นประกาย
“งั้นพี่ขอกินขนมแทนข้าวเลยแล้วกันนะ ขี้เกียจลุกขึ้นไปซื้อแล้ว”
ป้าบ!!!!
“มึงไม่ได้ยินที่น้องบอกเหรอวะ ว่าน้องจะเอาไปบริจาคให้กับบ้านเด็กกำพร้าน่ะ หรือมึงเป็นเด็กกำพร้าห๊ะ” ดินพูดว่าเหนือแต่มือก็หยิบขนมขึ้นมาแกะกินไปด้วย
“ไอ้เฮี้ยดิน มึงนี่ว่าแต่กูนะ ดูที่มือกับปากมึงซะก่อนขนมเต็มปากเต็มมือมึงไปหมดแล้วยังเสือกมาว่ากูอีก” เหนือโวยวายขึ้นมาพร้อมกับมือก็ควานหาขนมที่ถูกใจไปด้วย
“กูแค่ตรวจเช็คเว้ย ว่าขนมมันหมดอายุรึยังเดี๋ยวเผื่อถ้าน้องๆที่บ้านเด็กกำพร้ากินเข้าไปแล้วปวดท้องขึ้นมาจะแย่เอา นี่กูหวังดีนะโว้ย”
“อ๋อเหรอ ไม่เนียนนะมึงน่ะไปเรียนมาใหม่ไอ้สัด”
“ฮ่าๆๆ” สายน้ำ ออกัส และเบลได้แต่นั่งขำรุ่นพี่ที่ทะเลาะแย่งขนมกันเป็นเด็กๆ ไม่เว้นแม้แต่คนที่อยู่ในโรงอาหาร ช่างเป็นบุญตาของพวกเค้าซะจริงๆที่ได้มาเห็นเหล่าบรรดาพี่ว๊ากมานั่งทะเลาะกันเพราะเรื่องขนม ซึ่งเหล่าบรรดาพี่ว๊ากก็หาได้แคร์ไม่เพราะพอจบรับน้องไปแล้วพวกเค้าก็ไม่ต้องมาวางมาดหรือรักษาภาพพจน์ให้น้องๆต้องเกรงกลัวอีกต่อไป เพียงแต่อย่ามาล้ำเส้นกันก็เป็นพอ
“แล้วนี่มึงจะเริ่มเข้าบริษัทแล้วเหรอวะ” ไฟที่นั่งฟังเพื่อนสองคนทะเลาะอยู่นานเอ่ยถามวายุขึ้นมา
“อือ...หลังวันนี้ไปก็ต้องเข้าไปศึกษางานกับวาโยแล้ว วันนี้กะว่าจะพาตัวเล็กไปกินข้าวเย็นกับครอบครัวเฉยๆ มึงก็ไปด้วยนะไอ้ผาแม่กูบ่นคิดถึงมึงอยู่” วายุพูดบอกไฟไปแต่ประโยคหลังหันมาบอกกับหินผา
“อืม กูต้องไปด้วยอยู่แล้ว เผื่อครอบครัวมึงรุมรังแกน้องกู กูจะได้เอาน้องกูกลับ” หินผายักคิ้วส่งไปให้เพื่อนแบบกวนๆพร้อมกับโยกหัวสายน้ำไปมา เค้ารู้ดีว่าครอบครัวของเพื่อนเค้าคนนี้ค่อนข้างใจดีและมีเหตุผลมากไม่มีทางที่จะทำให้น้องชายของเค้าต้องเสียใจอย่างแน่นอน แต่ที่พูดไปก็เพียงแค่พูดเล่นและพูดกวนเพื่อนไปอย่างนั้นเอง
“หึๆ” วายุไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มมุมปากเท่านั้น เพราะเค้ารู้ว่าเพื่อนของเค้าคนนี้รู้จักครอบครัวของเค้าดี
“เดี๋ยวๆนะไอ้วายุ ทำไมแม่มึงบ่นคิดถึงไอ้ผาอยู่คนเดียววะ แล้วพวกกูล่ะ” เหนือที่กินขนมหมดไปหลายห่อแล้วหันมาถามเพื่อน
“ป่ะตัวเล็กไปขึ้นเรียนกันดีกว่าครับเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” วายุไม่ได้สนใจคำทักท้วงของเพื่อนทั้งยังชวนคนตัวเล็กของเค้าขึ้นห้องเรียนทันที
“เอ่อ...แล้วขนมนี่ล่ะครับ” สายน้ำที่ลุกขึ้นตามแรงจูงของคนพี่แต่ก็ยังไม่วายห่วงขนมที่เหล่าบรรดาแฟนคลับให้มา
“เดี๋ยวพวกพี่ช่วยกันเก็บไปไว้ที่รถให้ครับ น้องไปขึ้นเรียนเลยครับเดี๋ยวสาย ไอ้เหนือมึงไปขอซื้อถุงที่ร้านป้าขายขนมมาทีเอาถุงใหญ่นะ” หินผาพูดเสร็จก็หันไปสั่งเพื่อน
“อ้าว ทำไมต้องเป็นกูที่ไปซื้อด้วยวะ” หินผาไม่พูดตอบแต่มองไปยังถุงขนมที่ถูกแกะแล้วตรงหน้าของเหนือแทน
“เออๆ กูไปก็ได้วะไม่ต้องมาใช้สายตากดดันกูหรอก นี่กูทำเพราะเป็นของน้องลักยิ้มของกูหรอกนะไม่ได้ทำเพราะกูกินขนมเยอะกว่าใครเพื่อนน่ะเว้ย”
“เฮ้อ! ถามจริงนี่มันอายุเท่าพวกเราจริงดิ” ดินพูดขึ้นพร้อมกับหันมองไปทางเพื่อนที่เดินบ่นงุ๊งงิ๊งไปคนเดียว ตอนนี้เหลือแค่เค้ากับหินผาที่นั่งเฝ้ากองขนมอยู่ ส่วนวายุและไฟก็เดินไปส่งแฟนขึ้นเรียนที่ห้อง คนที่เดินเข้ามาใหม่ในโรงอาหารได้แต่มองด้วยความแปลกใจที่สองหนุ่มตัวโตๆหน้าตาหล่อๆต้องมานั่งเฝ้ากองขนมนี่
“ฮ่าๆๆๆๆ” สองเพื่อนซี้ได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้นัดหมายเมื่อหันไปเจอกับขนมกองใหญ่
“พวกมึงกินขนมกันจนเป็นบ้าไปแล้วรึไงวะ” เป็นเหนือที่เดินเข้ามาแล้วเห็นเพื่อนสองคนของเค้านั่งหัวเราะกันอยู่
“เออ ใครจะคิดว่าพี่ว๊ากที่แสนโหดของน้องๆต้องมานั่งเฝ้าขนมเด็กวะ แล้วมึงดูสายตาที่มองมาแต่ละคนดิ ฮ่าๆๆ” เป็นดินที่พูดไปขำไปแต่มือก็ช่วยเพื่อนอีกสองคนหยิบขนมใส่ถุงที่เหนือเอามาด้วย
“หึๆ ตั้งแต่มีน้องลักยิ้มเข้ามากูรู้สึกว่ากลุ่มของพวกเราเปลี่ยนไปเยอะเลยว่ะ” อยู่ๆเหนือก็พูดขึ้นมา
“อือ ใช่เลยว่ะ ตั้งแต่มีน้องน้ำเข้ามานะ ไอ้วายุก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาไม่ใช่ผีดิบอย่างเมื่อก่อน กลุ่มของพวกเราจากที่ไม่ค่อยสนใจใครนอกจากสนใจสาวๆไปวันๆก็เริ่มมีสีสันขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องมีสาวๆก็ได้จริงมั้ยวะ จากที่ไม่ค่อยที่จะยิ้มหัวเราะกันสักเท่าไหร่ก็กลายเป็นมีแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะแม้จะกัดกันทุกวันก็ตาม กูโคตรมีความสุขกับช่วงเวลานี้เลยว่ะ”
“ใช่ๆกูก็ว่างั้น น้องๆดูใสซื่อจริงใจอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เหมือนคนอื่นๆที่เข้ามาแม่งหวังแต่เงินในกระเป๋ากูกันทั้งนั้น กูว่ากูจะเลิกแล้วว่ะไอ้นิสัยเก่าๆเนี่ย กูอยากหาใครสักคนที่รักกูจริงๆไม่ใช่แค่รักเงินในกระเป๋ากู เห็นคู่ไอ้วายุกับไอ้ไฟแล้วบางทีกูก็อดอิจฉาไม่ได้ว่ะ” เหนือพูดไปพร้อมกับเก็บขนมไปด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีแววล้อเล่นแบบเมื่อก่อน
“หึๆ มึงคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว บางทีคนที่รักและจริงใจกับมึงจริงๆอาจจะอยู่ใกล้ๆก็ได้นะเว้ย เพียงแต่มึงยังมองไม่เห็นเพราะความขี้เล่นไปวันๆของมึง ป่ะเสร็จแล้วเอาไปไว้ในรถกูก่อนเดี๋ยวจะได้ขึ้นเรียน” หินผาพูดกับเหนือจบก็เดินนำเพื่อนทั้งสองเอาขนมที่เก็บใส่ถุงเรียบร้อยแล้วไปไว้ที่รถ
“อะไรของมันวะ ใกล้ๆ ใครวะใกล้ๆ กูก็มีแต่พวกมึงรึเปล่าวะที่อยู่ใกล้กับกูเนี่ย” เหนือที่เดินตามเพื่อนก็บ่นพึมพำออกมาอยู่คนเดียวพร้อมกับทำท่าคิดไปด้วย
“ไอ้ควาย” ดินด่าเหนือตามหลังแบบไม่ออกเสียง ใจจริงอยากจะจับหัวไอ้เพื่อนตัวดีทุ่มกับต้นไม้สักทีสองทีเผื่อมันจะฉลาดขึ้นมาบ้าง
แทบจะทุกคนในกลุ่มจะรู้และเห็นว่าเบลเวลาที่มองเหนือนั้นสายตาเต็มไปด้วยความหมายมากแค่ไหนเพียงแต่ไม่มีใครพูดหรือล้อขึ้นมา ยิ่งเวลาที่เห็นเหนือควงสาวๆแววตาที่มองมายังเพื่อนของตนเองนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและตัดพ้อ
แต่เมื่อไหร่ที่พวกเค้าได้รวมกลุ่มกันเบลก็จะทำเป็นไม่สนใจเหนือ แต่ก็จะมีบางทีที่แอบมองเพื่อนของเค้าอยู่บ้าง เพียงแต่สายตาที่เคยมองนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่มีแต่ความว่างเปล่าและเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ แต่เค้าก็นับถือน้องมากจริงๆที่สามารถเก็บความรู้สึกไว้ได้ดีจริงๆ เห็นทีเค้าคงต้องวางแผนทำอะไรสักอย่างแล้วเผื่อไอ้เพื่อนตัวดีจะได้รู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้าง หึๆ
หลังจากเลิกเรียนกันแล้วทั้งสองกลุ่มก็พากันไปบริจาคขนมให้กับเด็กที่บ้านกำพร้าจะยกเว้นก็แต่อิฐที่มีนัดซ้อมดาวเดือน
“เดี๋ยวเสร็จแล้วหาอะไรกินกันก่อนนะค่อยแยกย้ายกัน” เป็นหินผาที่บอกกับเพื่อนๆและน้องๆซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“น้องเบลคนสวยไปกับพี่มั้ยจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะไล่ไอ้ดินไปนั่งกับไอ้ผา” เหนือที่พูดทีเล่นทีจริงกับเบลเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวเบลไปรถพี่นะครับ ป่ะ” หินผาพูดพร้อมกับจูงมือเบลที่ยังยืนทำหน้างงอยู่ไปที่รถตัวเองทันทีที่พูดจบ และพอถึงรถเจ้าตัวก็เปิดประตูให้กับสาวสวยเพียงคนเดียวของกลุ่มได้เข้าไปนั่ง
“หือ? เป็นสายน้ำ ออกัสและเหนือที่ร้องออกมาด้วยความแปลกใจ” ปกติแล้วหินผาจะไม่ค่อยสนใจใครนอกจากน้องชายตัวเอง แต่นี่คืออะไร?
“หึๆ หุบปากได้แล้วครับเดี๋ยวแมลงวันก็ได้บินเข้าไปไข่หรอกครับ” ไฟที่ขำกับหน้าตาแฟนตัวเองและสายน้ำที่ยืนอ้าปากตะลึงอยู่เอ่ยแซวขึ้น
“เอ่อ....พี่กายครับ เห็นอย่างที่น้องเห็นมั้ยครับ”
“หึๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ ป่ะขึ้นรถกันเหงื่อเริ่มออกแล้วร้อนเหรอครับ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อตามไรผมให้น้อง พอเสร็จก็จูงมือคนตัวเล็กที่ยังมองไปทางรถของพี่ชายไม่เลิกให้เดินตามเค้าไป
“อะ เอ่อ ความจริงเบลไปกับออกัสหรือน้ำก็ได้นะคะ” เบลที่ยังตกใจไม่หายที่อยู่ๆพี่ชายเพื่อนหันมาสนใจเธอ เพราะปกติแล้วหินผาจะค่อนข้างไว้ตัวในระดับหนึ่ง จะไม่ค่อยสนใจใครนอกจากสายน้ำ
“เบลชอบไอ้เหนือเหรอครับ” หลังจากที่รถออกมาได้สักพักหินผาที่นั่งเงียบมาตลอดอยู่ๆก็พูดขึ้นมา
“ห๊ะ!! มะ ไม่ใช่นะคะ” เบลถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง พูดปฏิเสธจนลิ้นแทบจะพันกัน
“หึๆ ใจเย็นๆครับพี่ไม่ได้จะว่าอะไรครับ พี่แค่อยากจะช่วย เพื่อนพี่มันโง่ครับให้มันรู้เองชาตินี้มันก็คงจะยังไม่รู้หรอกครับ” หินผาที่หันไปมองหน้าเบลเมื่อรถติดไฟแดงก็เห็นเบลที่นั่งก้มหน้าก้มตาหน้าแดงอยู่
“บะ เบลไม่ได้อยากให้พี่เค้ารู้หรอกค่ะ เบลกำลังพยายามตัดใจอยู่ค่ะ เบลรู้ว่าคนอย่างพี่เหนือคงไม่หยุดอยู่ที่ใครง่ายๆหรอกใช่มั้ยคะ” พอผ่านไปสักพักเบลก็เริ่มพูดความในใจให้กับพี่ชายเพื่อนได้ฟัง เธอรู้สึกสบายใจและอบอุ่นที่มีหินผาเป็นคนรับฟัง เวลาที่ได้อยู่ใกล้กับพี่หินผาเหมือนกับว่าเธอได้มีพี่ชาย เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่อิฐลูกพี่ลูกน้องเพียงคนเดียวที่คอยเป็นที่ปรึกษาเนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน
“พี่ว่ามันคงยังไม่เจอคนที่ใช่และจริงใจกับมันมากกว่าครับ ไอ้เหนือจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้หรืออะไรหรอกนะครับ แต่ว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะมันเป็นคนค่อนข้างจะขี้เหงา มันก็เลยเอาตรงนี้มาเป็นข้ออ้างให้กับตัวมันเอง เพื่อที่จะให้คนมาห้อมล้อมมันเยอะๆมากกว่า”
“อืม...แล้วถ้าเบลจะขอสู้สักตั้งนี่พี่หินผาจะช่วยเบลยังไงเหรอคะ” เบลที่พอฟังหินผาพูดแล้วก็ลองคิดทบทวนดู จึงอยากจะขอลองดูสักตั้ง เพราะไม่มีอะไรจะต้องเสียอยู่แล้วอย่างมากก็แค่เจ็บขึ้นมาอีกนิดมันคงไม่ถึงกับตายหรอก
“ดีมากครับ เรียกพี่ว่าพี่ผาก็ได้นะถือซะว่าพี่เป็นพี่ชายเราแล้วกันนะ” หินผาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นโยกหัวเบล
“ฮึก! ขอบคุณนะคะพี่ผาที่เอ็นดูเบล เบลขอเป็นน้องสาวของพี่ผาอีกคนนะคะ เบลฝันอยากมีพี่ชายมาตั้งนานแล้วค่ะ ฮึก!” เบลพูดไปสะอื้นไปพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้พี่ชายหมาดๆของเธอ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวน้องน้ำเห็นเพื่อนร้องไห้ตาบวมพี่จะแย่เอา หึๆ”
“เอ่อ จริงสิคะ แล้วอย่างนี้น้ำจะไม่ว่าเหรอคะ” เบลพูดอย่างกังวล พร้อมกับเช็ดน้ำตาไปด้วย
“ไม่หรอกครับ เบลน่าจะรู้จักนิสัยน้องน้ำดีนะครับ” เค้ามั่นใจว่าน้องของเค้าจะไม่ว่าอะไรอย่างแน่นอนที่เค้ารับน้องสาวเพิ่มเข้ามาอีกคน
“ว่าแต่ว่า....” เบลพูดพร้อมกับหน้าที่เริ่มขึ้นสีอีกครั้ง
“หึๆ เราแค่อยู่เฉยๆก็พอครับให้เป็นหน้าที่พวกพี่จัดการเอง” หินผาที่พอจะรู้ว่าน้องต้องการจะถามอะไรก็เอ่ยขึ้นทันที ที่พวกเค้าทุกคนอยากจะช่วยก็เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนต้องทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะผู้หญิงที่เข้ามาหาไอ้เหนือก็มีแต่พวกหิวเงินด้วยกันทั้งนั้น บางทีเพื่อนเค้าต้องเสียเงินไปกับการเปย์สาวๆของมันครั้งละเป็นแสนๆก็มี ถ้ามันจะมีใครที่รักมันจริงสักคนพวกเค้าทุกคนก็พร้อมที่จะสนับสนุน
“พะ พวกพี่เลยเหรอคะ นะ นี่แสดงว่าพี่ๆทุกคนรู้กันหมดเลยเหรอคะ” เบลพูดพร้อมกับทำหน้าตกใจนี่เธอแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ ระหว่างที่เบลวนเวียนถามตัวเองอยู่นั้นรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหารที่วายุนำมาพอดี
“ป่ะ ลงกันได้แล้วครับ” หินผาไม่พูดตอบได้แต่ปล่อยให้น้องสาวหมาดๆนั่งอึ้งอยู่แบบนั้นคนเดียว
พอลงมาจากรถแล้วหินผาก็เดินตรงมาหาสายน้ำที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“กูขอคุยกับน้องแป๊บหนึ่ง” หินผาพูดและมองหน้าวายุอย่างรู้กัน
“อืม”
“พี่ผามีอะไรกับน้องเหรอครับ เป็นความลับเหรอครับ” สายน้ำทำหน้าตาตื่นเหมือนกับกำลังจะเจอเรื่องตื่นเต้นยังไงยังงั้น
“เข้าไปก่อนครับเดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังนะ” หินผาเปิดประตูรถให้สายน้ำเข้ามานั่ง และเดินไปอีกฝั่งเพื่อเข้ามานั่งฝั่งคนขับ พร้อมกับสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์อีกรอบ
“น้องน้ำฟังพี่นะครับ................” หินผาค่อยๆพูดพร้อมกับอธิบายให้น้องได้ฟังอย่างช้าๆ
“เย้ๆๆ อย่างนี้น้องก็มีเพื่อนไปเดินซื้อของ มีเพื่อนไปเดินช้อปปิ้ง แล้วก็มีเพื่อนนอนเล่นด้วยกันในห้องนอนแล้วสินะครับ ว่าแต่ว่าแล้วอย่างนี้น้องหรือเบลใครจะต้องเป็นพี่ล่ะครับ เดี๋ยวน้องจะต้องไปถามเบลก่อนว่าเบลเกิดวันไหนเดือนไหน เผลอๆน้องอาจจะเกิดก่อนแล้วเป็นพี่เบลก็ได้นะครับ น้องจะได้เป็นพี่ชายแล้วดีใจจัง” สายน้ำที่แทบจะกระโดดโลดเต้นถ้าไม่ติดว่าอยู่บนรถคงจะกระโดดตัวลอยไปแล้วหลังจากที่ฟังหินผาพูดจบ เค้าเคยฝันมาตลอดว่าอยากจะมีพี่น้องที่สามารถนอนคุยเล่นกันในห้องหรือนอนพูดคุยปรึกษาหารือกันตามประสาพี่น้องมานานแล้ว
“หึๆ ตัวแสบครับได้ฟังที่พี่พูดรึเปล่าครับ ไม่ใช่ว่าพี่รับเบลมาเป็นน้องแล้วพี่จะให้เบลไปอยู่ที่บ้านหรือมาอยู่กับเรานะครับเพราะเบลเค้าก็ยังต้องอยู่กับครอบครัวของเค้าแล้วน้องเองก็ต้องอยู่กับไอ้วายุมันด้วย จุดประสงค์คือพี่ต้องการจะช่วยให้เบลได้สมหวังกับเพื่อนพี่ น้องน้ำเข้าใจพี่ผามั้ยครับ” หินผาต้องพูดยืนยันไปกับน้องอีกรอบเพราะดูท่าแล้วคงจะหาเพื่อนเล่นเพื่อนคุยอย่างเดียว
“เข้าใจเซ่ น้องเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายจะตายไปครับพี่ผาไม่รู้เหรอ แค่นี้ใช่มั้ยครับที่พี่ผาจะบอกน้อง งั้นน้องขอไปหาเบลก่อนนะครับ จุ๊บ!” พูดจบเจ้าตัวก็เอี้ยวตัวมาจุ๊บที่ปากของพี่ชายและเปิดประตูวิ่งออกไปทันที
“เบลลลลล คืนนี้ไปนอนด้วยกันกับน้ำนะ” ทันทีที่ลงจากรถได้สายน้ำก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“เฮ้อออออ....” หินผาอยากจะถอนหายใจซักร้อยรอบพันรอบนี่น้องเข้าใจที่เค้าพูดจริงๆใช่มั้ยเนี่ย เผลอๆจะได้โดนไอ้วายุมันฆ่าตายก็คราวนี้นี่แหละ” หินผาได้แต่เดินไปหาน้องพร้อมกับนวดขมับไปด้วย
Comments (0)