66 ตอน ตามติดเป็นปลิง
โดย Beloved_Moouan
“อื้ออ โอ๊ย!!” วาริรู้สึกตัวขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แต่พอจะขยับตัวเพื่อมองหาคนเอาแต่ใจเมื่อคืนกลับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนแทบจะกระดิกตัวไม่ได้เลย เค้าจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนที่จะสลบไปมันก็ไม่ได้เจ็บถึงขนาดนี้สักหน่อยแต่พอทำไมตื่นขึ้นมาแล้วมันถึงได้เจ็บมากขนาดนี้ก็ไม่รู้
“น้องวาเป็นอะไรไปครับ พี่ได้ยินเสียงร้อง” หินผาที่ออกจากห้องไปรับอาหารที่โทรสั่งเอาไว้ พอได้ยินเสียงน้องร้องก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที
วาริพอเห็นหน้าหินผาเท่านั้นแหละน้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็เริ่มไหลออกมาเป็นทางแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนที่ขี้งอแงหรือขี้แยแต่อย่างใด
“ไม่ร้องนะครับคนดี ไหนน้องวาเป็นอะไรบอกพี่ผาทีสิครับว่าเป็นอะไรครับ หืมม” หินผาเดินไปนั่งข้างๆและใช้นิ้วเรียวปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาเปื้อนแก้มใส
“ฮึก ฮือ วาเจ็บวาปวดไปหมดเลย วาขยับตัวไม่ได้เลย ฮึก” วาริพูดพร้อมกับสะอื้นไปด้วย เพราะเจ้าตัวรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าเกิดขยับร่างกายแม้แต่เพียงแค่นิดเดียวมันอาจจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดี ไม่ร้องนะ พี่ขอโทษนะครับที่พี่รุนแรงกับน้องมากไปหน่อย พี่ขอโทษนะครับที่พี่ห้ามใจตัวเองให้หยุดแค่รอบเดียวไม่ได้” พอพูดจบเจ้าตัวก็ถึงกับชะงักไป ที่เผลอลืมตัวบอกความจริงถึงสาเหตุที่ทำให้อีกคนต้องเป็นขนาดนี้
วาริที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของหินผาก็ถึงกับนิ่งค้างไปเหมือนกัน พร้อมกับกำลังทบทวนคำพูดเมื่อกี๊ของหินผาอยู่ อะไรคือหยุดแค่รอบเดียวไม่ได้ แสดงว่าพอเค้าสลบไปแล้วคนเอาแต่ใจก็ยังแอบทำกับต่ออีกเหรอเนี่ย แล้วทำต่อที่ว่านี่คือต้องทำกี่รอบกันเค้าถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแล้วก็ระบมได้ถึงเพียงนี้
“เอ่อ ดะ เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำแช่น้ำอุ่นดีมั้ยครับ น้องวาจะได้สบายตัว แล้วเดี๋ยวเราออกไปกินข้าวกันพี่สั่งมาไว้ให้แล้ว เสร็จแล้วจะได้กินยาและนอนพักอีกสักหน่อยดีมั้ยครับ” หินผาที่เห็นวาริเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรอยู่ ก็รีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นทันที พร้อมกับอยากจะเอาหัวโขกผนังห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยที่เผลอพูดความจริงออกไป
“พี่ผาทำอะไรวาครับ หลังจากที่วาสลบไปแล้ว” วาริผละออกจากอ้อมกอดของอีกคนแล้วเงยหน้าขึ้นมองหินผานิ่ง แบบที่หินผาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เอ่อ.... คือพี่.....” หินผาอ้ำๆอึ้งๆเพราะไม่รู้ว่าจะบอกน้องว่ายังไงดี จะบอกไปตามตรงก็กลัวน้องจะโกรธเอา ว่าเค้านั้นทำต่ออีกตั้งสามรอบหลังจากที่น้องสลบไปแล้ว แถมแต่ละรอบก็ยาวนานแล้วก็รุนแรงพอสมควรตามแรงอารมณ์และความต้องการของตัวเอง จนลืมไปว่านี่คือครั้งแรกของน้องที่เค้าควรที่จะทะนุถนอมถึงจะถูก
“ถ้าพี่ผาไม่พูดวาจะโกรธแล้วนะครับ แล้ววาก็จะไม่พูดกับพี่ผาอีกเลยนะครับ ถ้าแค่นี้พี่ผายังบอกความจริงวาไม่ได้” วาริพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา หินผาถึงกับเหงื่อออกซึมตามไรผม เพราะตั้งแต่คบกันมาก็ยังไม่เคยเจอวาริโหมดนี้เหมือนกัน นี่เค้ากำลังจะเข้าชมรมคนกลัวเมียตามเพื่อนๆไปแล้วใช่มั้ย
“ถ้าพี่พูดไปแล้วน้องวาอย่าโกรธพี่นะครับ พี่ผาขอโทษนะครับ” หินผาขยับเข้าไปและค่อยๆอุ้มช้อนร่างบางให้มานั่งบนตักของตัวเอง ซึ่งวาริก็ไม่ได้ขัดขืนหรือเอ่ยปากห้ามแต่อย่างใด
ก็จะให้เค้าดิ้นหนีได้ยังไงกันล่ะ เพราะแค่ขยับเพียงแค่นิดเดียวก็เจ็บร้าวระบมไปจนหมด ครั้นจะให้เอ่ยห้ามก็คงไม่เป็นผล วาริได้แต่คิดต่อว่าคนเอาแต่ใจอยู่ในใจ
“พอน้องวาสลบไปแล้วพี่ก็แค่ต่ออีกแค่สามรอบเท่านั้นเองนะครับ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลยนะครับ พี่ขอโทษนะครับ พี่รักน้องวานะครับ รักมากๆเลย น้องวาอย่าโกรธพี่ผาคนนี้เลยนะครับคนดีของพี่ผา” หินผาพูดออกมาอย่างเร็วและรัวจนลิ้นแทบจะพันกันและกอดกระชับเอวบางไว้แน่นอย่างกลัวว่าน้องจะโกรธและหนีตัวเองไป หินผาใช้หน้าถูไถไปกับไหล่ของน้องอย่างอ้อนๆแกมขอร้องว่าอย่าได้โกรธตัวเองเลย
วาริพอได้ฟังความจริงจากปากของคนเอาแต่ใจก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา นี่ขนาดเค้าหลับไปแล้วยังจะมาลักหลับเค้าอีกเหรอเนี่ย แถมไม่ใช่แค่รอบเดียวซะด้วยแต่มันตั้งสามรอบและก็คงไม่ใช่สามรอบที่เบาๆด้วย เค้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการเจ็บระบมและปวดไปหมดขนาดนี้ มันจะหื่นเกินไปแล้วนะ นี่เค้าคงจะได้แค่ทำใจสินะที่มีคู่หมั้นหื่นขนาดนี้ ทำยังไงได้ล่ะก็รักผู้ชายหื่นคนนี้ไปจนหมดหัวใจแล้วนี่ เฮ้อ!
“น้องวาจ๋า โกรธพี่ผาเหรอครับ หืมม พี่ผาขอโทษนะครับ พี่ผาสัญญาว่าคราวหน้าพี่จะทำให้เบากว่านี้และถ้าน้องวาหลับหรือสลบไปแล้วพี่ก็จะไม่ลักหลับน้องวาอีก ดีมั้ยครับ” พอหินผาพูดจบวาริก็ได้แต่นั่งหลับตาข่มอารมณ์ที่อยากจะข่วนหน้าของคนเอาแต่ใจเอาไว้ นี่ยังไม่ทันที่เค้าจะหายดีเลย แต่เจ้าตัวเล่นพูดไปถึงครั้งหน้าแล้ว เอากับพ่อคนนี้เค้าสิน้องวาอยากจะเป็นลม
“น้องวาจ๋าพูดอะไรบ้างสิครับ พี่ผาใจไม่ดีเลยนะครับ ที่น้องวาเงียบแบบนี้ จุ๊บๆๆ” หินผาพูดพร้อมกับก้มลงมาจูบและใช้จมูกซุกไซร้อยู่แถวซอกคอหอมของคนบนตัก
“อื้ออ พี่ผา พะ พอแล้วครับ วาพูดแล้ว อ๊ะ” วาริพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก เพราะตอนนี้หินผาดึงรั้งเสื้อของเค้าลงจนเผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียน พร้อมกับก้มดูดลงที่ไหล่ของเค้าจนรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“ไม่โกรธพี่ใช่มั้ยครับคนดี ที่พี่เอาแต่ใจแบบนี้” หินผาเงยหน้าขึ้นมาพูดและใช้จมูกโด่งคมปัดป่ายไปมาอยู่ที่แก้มเนียนใส เค้ารู้ตัวดีว่าพอได้อยู่ใกล้กับน้องทีไรเค้าอดที่จะมันเขี้ยวและไม่ทำอะไรไม่ได้เลย ขนาดง้อน้องอยู่เค้ายังอดใจที่จะไม่ดูดไม่เม้มที่ไหล่ขาวที่มันโผล่พ้นคอเสื้อกว้างออกมาให้เห็นไม่ได้เลย นี่เค้ากำลังเป็นคนคลั่งรักน้องไปแล้ว
“วาไม่โกรธหรอกครับ วารู้ว่าโกรธไปก็แค่นั้นแพราะมันทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่พี่ผาต้องสัญญากับวาก่อนว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก พี่ผารู้มั้ยครับว่าวาเจ็บมากขนาดไหน พี่ผาคงจะไม่อยากให้วาต้องเจ็บและปวดมากขนาดนี้ใช่มั้ยครับ หรือว่าพี่ผาไม่รักวาแล้วครับเลยอยากให้วาต้องเจ็บมากถึงขนาดนี้” วาริพูดขึ้นและแกล้งทำหน้าเศร้า เค้าต้องพูดและใช้วิธีแบบนี้นี่แหละเพราะไม่อย่างนั้นก็จะโดนคนเอาแต่ใจรังแกจนเค้าลุกไม่ขึ้นอีกเป็นแน่
“ไม่นะครับ พี่ผารักน้องวามากนะครับ พี่ผาสัญญาครับว่าพี่ผาจะไม่เอาแต่ใจและจะไม่ทำให้น้องวาต้องเจ็บตัวมากขนาดนี้อีกนะครับ คนดีของพี่ผา จุ๊บ!” หินผาพูดเสร็จก็กอดกระชับร่างบางไว้แน่นและจูบลงไปที่ขมับของคนในอ้อมกอด
“งั้นตอนนี้พี่ผาพาวาไปแช่น้ำอุ่นทีได้มั้ยครับ วารู้สึกไม่สบายตัวยังไงก็ไม่รู้ครับ”
“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่ไปเตรียมน้ำอุ่นให้ก่อนนะครับ จุ๊บ!” หินพูดจบก็ค่อยๆยกร่างบางให้นอนลงที่ที่นอนนุ่มเหมือนเดิมอย่างเบามือ จากนั้นเจ้าตัวก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมน้ำอุ่นให้กับวาริ
พอผ่านไปสักพักหินผาก็เดินออกมาเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปไว้ในห้องน้ำ และเดินออกมาอีกรอบเพื่อออกมาเอาชุดคลุมอาบน้ำ
วาริได้แต่นอนมองคนตัวใหญ่เดินไปเดินมายิ้มๆ ถึงเค้าจะรู้สึกเจ็บระบมและปวดตามตัวไปหมดแต่ทำไมเค้ากลับรู้สึกมีความสุข ที่ได้เห็นคนเอาแต่ใจของเค้าเดินไปเดินมาหยิบนู่นหยิบนี่เพื่อที่จะเตรียมตัวให้เค้าเข้าไปอาบน้ำนะ ความสุขของคนเราคือการที่ได้อยู่ใกล้หรืออยู่กับคนที่เรารักสินะ วาริได้แต่คิดอยู่ในใจและยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่แบนราบของตัวเองไปด้วย พลางคิดว่าถ้าเค้าท้องได้แบบพี่สายน้ำได้จริงๆก็คงจะดีน่ะสิ เค้าอยากเห็นคุณพ่อคนใจดีคนนี้ออดอ้อนลูกน้อยของเค้าบ้างคงจะดูน่ารักดี
..........................................
“อ๊ะ โอ๊ย!” สายน้ำที่ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาด้านนอกระหว่างที่รอวายุอาบน้ำและแต่งตัวอยู่นั้น อยู่ๆก็ร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บนิดๆที่ท้อง เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดิ้นของเบบี๋ในท้อง
จากที่ไปหาอาหมอครั้งที่แล้วอาหมอได้บอกกับเค้าและวายุไว้ว่าพออายุครรภ์เริ่มที่จะสี่เดือนครึ่งไปแล้วคุณแม่จะรับรู้และสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นของลูกน้อยในท้องได้มากขึ้น เพราะลูกที่อยู่ในท้องนั้นเริ่มที่ดิ้นตั้งแต่อายุครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว แต่คุณแม่อาจจะยังไม่รับรู้หรือรู้สึกอะไร อาจจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีปลาตอดอยู่ในท้องบ้าง
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่สายน้ำได้สัมผัสและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแบบนี้ เพราะตอนนี้สายน้ำตั้งครรภ์ใกล้จะครบห้าเดือนเต็มแล้ว
แกร็ก!!
“ตัวเล็กเป็นอะไรครับ เจ็บตรงไหนครับ ไปหาอาหมอมั้ยครับ” วายุที่แต่งตัวเสร็จพอดีแต่พอกำลังจะเดินมาเปิดประตูก็ได้ยินเสียงของสายน้ำร้องขึ้นมา จึงรีบเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นพอสมควรด้วยความตกใจ ยิ่งพอได้เห็นสายน้ำนั่งร้องไห้น้ำตาไหลอยู่เจ้าตัวก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีและยิ่งกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะเป็นห่วงทั้งคุณแม่และเบบี๋ในท้อง
“น้องไม่ได้เป็นอะไรครับ มีแต่เบบี๋ครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องของตัวเองไปด้วยยิ้มๆทั้งๆที่น้ำตายังไหลอยู่
“เบบี๋เป็นอะไรครับ ตัวเล็กเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” วายุยกมือขึ้นลูบท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นในทุกๆวันไปด้วย แต่ก็ยังงงว่าคนตัวเล็กของเค้ายังยิ้มได้อยู่ทั้งๆที่น้ำตาก็ไหลอยู่ด้วยเช่นกัน
“โอ๊ะ!” สายน้ำร้องขึ้นมาอีกครั้งและรีบจับมือใหญ่ของวายุไปไว้ในตำแหน่งที่ลูกดิ้น
วายุที่ตอนแรกตกใจในเสียงร้องของสายน้ำ แต่พอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังถีบและดันอยู่ในท้องก็เริ่มยิ้มออกมาได้ พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอออกมาไม่แพ้เมียตัวเล็กของตัวเอง
อ๊อด!! อ๊อด!!
เสียงกดออดหน้าประตูดังขึ้นทำให้ว่าที่คุณพ่อต้องรีบเช็ดน้ำตาและเดินไปเปิดประตู ทุกวันนี้ถ้าเป็นวันหยุดเค้าจะต้องเดินไปเปิดประตูวันละหลายๆรอบ เนื่องจากว่าไอ้บรรดาลุงๆและป้าที่เห่อหลานสาวทั้งหลายพากันแวะเวียนมาแทบจะทั้งวัน จนตอนแรกเค้าคิดที่แจกคีย์การ์ดให้กับพวกมันไว้กันคนละใบแล้ว ถ้าไม่ติดว่ากลัวพวกมันจะโผล่เข้ามาตอนที่เค้ากำลังจู๋จี๋อยู่กับเมียตัวเล็กอยู่เค้าคงจะให้ไปนานแล้ว
“หลานสาวขาลุงเหนือมาแล้วค่ะ คิดถึงกันบ้างมั้ยเอ่ย” ทันทีที่วายุเปิดประตูออกก็เป็นเหนือที่เดินเข้ามาคนแรกโดยที่ไม่หันมาทักทายเพื่อนอย่างวายุเลยสักคำ แต่กลับเดินตรงดิ่งไปหาเมียของเพื่อนและเบบี๋ที่อยู่ในท้องเเทน วายุได้แต่ส่ายหน้าและหันไปพยักหน้าให้กับไฟ ออกัส และดินเป็นการทักทาย วันนี้อิฐกับเบลไม่ได้ติดสอยห้อยตามมาด้วยเพราะว่าเบลต้องกลับไปนอนค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานเลยลากอิฐให้ไปเป็นเพื่อนด้วย
“เมื่อกี๊เบบี๋ดิ้นด้วยนะครับ” สายน้ำบอกกับเหนือที่ยกมือขึ้นมาลูบท้องของตัวเองอยู่ยิ้มๆ ทุกครั้งที่บรรดาลุงๆมาก็จะมาขอลูบท้องที่นูนใหญ่ของสายน้ำทุกครั้ง โดยที่วายุก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพราะเจ้าตัวรู้ว่าเพื่อนๆทุกคนก็ทั้งรักและเอ็นดูเมียตัวเล็กและลูกของน้อยของตัวเองมาก จะมีก็แค่บางทีที่พวกมันลูบกันนานวายุก็จะยกคนตัวเล็กขึ้นไปนั่งตักและกอดคนตัวเล็กเอาไว้อย่างหลวมๆตามประสาคนที่ขี้หวง
“จริงเหรอครับ ไหนครับไหน ตอนนี้ยังดิ้นอยู่รึเปล่าครับ” เหนือที่ได้ยินสายน้ำพูดถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด และพยายามจับหาว่าหลานสาวของตัวเองนั้นกำลังดิ้นอยู่รึเปล่า
“พอๆมึงลูบซะท้องเมียกูช้ำหมดแล้ว จะลูบให้เห็นตัวเลขเลยรึไงวะ” วายุเดินลงมานั่งลงข้างๆสายน้ำและยกตัวของคนตัวเล็กให้ขึ้นมานั่งตักอย่างที่เคยทำ พร้อมกับลูบไปที่ท้องของเมียตัวเล็กอย่างเบามือ
“ก็เมื่อกี๊น้องลักยิ้มบอกว่าหลานสาวกูดิ้นกูก็อยากจะจับอยากจะสัมผัสบ้างสิวะ” เหนือพูดออกมาอย่างเสียดายที่ไม่ได้จับตอนที่หลานสาวกำลังดิ้นอยู่
“กูได้จับแล้วเว้ย ใช่มั้ยครับตัวเล็ก ฟอด!” วายุพูดขึ้นพร้อมกับยักคิ้วกวนๆส่งไปให้เหนือและยื่นหน้ามาหอมแก้มนุ่มของเมียตัวเองฟอดใหญ่
“หึๆ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันวะ” ไฟถามขึ้นยิ้มๆที่เห็นเพื่อนทั้งสองคนกัดกันได้แทบจะทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องหลานสาวของเค้า
“กูว่าจะเข้าไปดูบ้านสักหน่อยเสร็จแล้วจะพาตัวเล็กไปหาอะไรกินด้วย ตัวเล็กอยากกินปิ้งย่างอาหารเกาหลี” วายุพูดตอบแต่มือก็ยังไม่หยุดลูบที่ท้องของเมีย
บ้านของของวายุและสายน้ำเริ่มสร้างมาได้เกือบจะสองเดือนแล้ว นับตั้งแต่คุยกับเมียวันนั้น วันรุ่งขึ้นวายุก็โทรหาเตชิตเลขาของตัวเองให้จัดการหาดูที่ดินให้ในทันที ซึ่งเลขาของวายุก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง เพราะวันต่อมาวายุก็ได้ไปดูที่ดินของจริงสมใจ และสายน้าำเองก็ถูกใจที่ดินตรงนี้เอามากๆ ซึ่งที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินที่มีขนาด 3 ไร่ที่เจ้าของได้แบ่งขาย และเป็นที่ดินที่ไม่ติดถนนแต่ก็เข้าไปในซอยไม่ลึกมาก และที่สำคัญคือมันค่อนข้างที่จะอยู่ใกล้กับบ้านของป๊าม๊ามาก เดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านป๊าม๊าแล้ว
“เอองั้นดีเลยเดี๋ยวพวกกูไปด้วย กูว่าจะไปตรวจงานด้วยเหมือนกัน เผื่อช้ากูจะได้ไปเร่งเดี๋ยวไม่ทันหลานสาวกูคลอดออกมาก่อน” เหนือพูดขึ้นมาทันที เนื่องจากว่าบริษัทที่มารับเหมาก่อสร้างบ้านของวายุนั้นเป็นของบริษัทของเค้านั่นเอง
“เออก็ดีเหมือนกัน กูจะได้ไปดูบ้านกูด้วยว่าไปถึงไหนแล้ว ดีมั้ยครับ” ไฟพูดขึ้นมาและหันไปถามออกัส ออกัสก็ได้แต่พยักหน้าตามและยิ้ม
ทั้งไฟ ดิน และอิฐก็ซื้อที่ดินที่ติดกับวายุไว้เหมือนกัน และก็เป็นที่ดินของเจ้าของคนเดียวกันกับที่ขายที่ดินให้กับวายุ และบ้านของไฟก็ได้เริ่มสร้างแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง ส่วนของดินและอิฐยังไม่ได้สร้างเพราะแบบแปลนบ้านยังไม่เสร็จดี
ตอนแรกพ่อและแม่ของอิฐก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ที่อิฐจะสร้างบ้านออกมาอยู่เองต่างหาก เพราะบ้านที่อยู่ตอนนี้ก็หลังใหญ่มากแล้ว แต่อิฐก็อ้างเหตุผลว่าที่ดินที่จะปลูกบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับที่มหาวิทยาลัยและทั้งยังใกล้กับห้างสาขาใหญ่ที่เป็นกิจการของที่บ้านที่อิฐจะต้องเข้ามารับตำแหน่งรองประธานทันทีที่เรียนจบด้วย ส่วนบ้านที่อยู่ตอนนี้อิฐก็บอกพ่อกับเม่ให้ยกให้กับอาร์มพี่ชายของตนเองไปเลย ส่วนอาร์มพี่ชายของอิฐนั้นตอนนี้เรียนจบไปได้สองปีแล้วและกำลังรับช่วงกิจการเรือสำราญต่อจากพ่อของอิฐอยู่
ส่วนเรื่องเงินที่ซื้อที่ดินและที่จะสร้างบ้านนั้นก็เป็นของอิฐเองทั้งหมดเพราะอิฐนั้นได้รับเงินปันผลจากกิจการของที่บ้านตั้งแต่ยังอยู่ ม.ต้น โดยที่อิฐเองก็เข้าไปช่วยงานพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กแล้ว รวมทั้งตอนนี้อิฐก็ยังให้วายุสอนเล่นหุ้นอีกด้วยจึงทำให้อิฐนั้นหาเงินได้เองโดยที่ไม่ต้องแบเงินขอที่บ้าน พ่อและแม่ของอิฐจึงต้องยอมและหมดปัญญาที่จะคัดค้านลูกชายคนเล็กของบ้าน เพราะเงินทั้งหมดก็เป็นของเจ้าตัวทั้งนั้น
บ้านของไฟ รวมทั้งของดินและอิฐที่กำลังจะสร้างทั้งหมดนี้ใช้บริการของบริษัทของเหนือเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมด โดยที่ทั้งไฟ ดินและอิฐเองก็ไม่ได้รีบเร่งหรือรีบร้อนอะไร
ตอนแรกที่พวกเพื่อนๆของวายุรู้ว่าวายุจะปลูกบ้านก็พากันโวยวายกันใหญ่ที่ไม่ยอมบอกใคร จนเมื่อได้ฤกษ์วันลงเสาเอกของบ้านหลังใหม่วายุถึงได้บอก พออีกวันต่อมาไฟ ดิน เหนือและอิฐก็เดินทางบุกไปหาเตชิตเลขาของวายุถึงที่ทำงาน โดยทั้งหมดลงทุนหยุดงานและขาดเรียนเพื่อที่จะมาหาเตชิต พอวายุถามว่ายกโขยงกันมาทำไมก็ได้คำตอบว่าทั้งหมดจะให้เตชิตติดต่อหาเจ้าของที่ดินให้เพื่อที่จะขอซื้อที่ดิน แต่จะมีก็แต่เหนือที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสร้างบ้านที่ไหนดี เพราะว่าเบลก็อยากที่จะสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆพ่อกับแม่ของตัวเองเหมือนกัน
ทางด้านวายุถึงกับต้องกุมขมับทันทีที่รู้ถึงเหตุผล เพราะไม่เข้าใจว่าไอ้พวกนี้มันจะตามติดอะไรกับตัวเองกันนักหนาอย่างกับเป็นปลิงก็ไม่ปาน แต่พอวายุถามก็ได้ใจความว่าบรรดาลุงๆอยากที่จะอยู่ใกล้ๆกับหลานสาวตัวน้อย ทำเอาสายน้ำถึงกับยิ้มขำ จะมีก็แต่เหนือที่ยิ้มกับใครเค้าไม่ออกเพราะในบรรดาลุงๆจะเป็นเหนือที่ค่อนข้างเห่อหลานสาวมากกว่าใครเพื่อนทั้งหมด แต่กลับยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคู่หมั้นของตัวเองว่าจะให้สร้างบ้านตรงไหนดี ยิ่งคิดเหนือก็ยิ่งเศร้าจนสายน้ำต้องปลอบใจว่าการอัลตราซาวด์ในครั้งต่อไปจะให้เหนือเข้าไปดูเบบี๋ด้วย ทำให้เหนือถึงกับยิ้มออกมาได้
พอทุกคนได้ข้อสรุปกันแล้วก็พากันมาดูบ้านที่กำลังสร้างของวายุกัน ส่วนไฟก็แยกออกไปดูบ้านของตัวเองกับออกัสที่อยู่ในแปลงถัดไป ทุกคนตกลงกันว่าจะทำบ้านให้อยู่ในรั้วเดียวกันโดยจะมีแค่ต้นไม้ที่จะปลูกไว้เป็นแนวรั้วแบ่งเขตบ้านของแต่ละหลังเอาไว้เท่านั้น ข้อเสนอนี้ก็ไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของว่าที่คุณแม่สายน้ำนั่นเอง โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าเวลาที่ทุกคนมีลูก ลูกๆจะได้มาวิ่งเล่นด้วยกันโดยที่ไม่ต้องเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างหน้า ซึ่งทุกคนก็พลอยเห็นดีเห็นงามกันไปด้วย แม้กระทั่งวายุเองก็ยอมตามใจเมียแทบจะทุกอย่าง
“ตัวเล็กหิวรึยังครับ” วายุที่เดินตรวจตราการสร้างบ้านกับเหนือเพิ่งเสร็จก็เดินเข้ามาถามสายน้ำที่นั่งรอตัวเองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่วายุได้สั่งให้มาลงไว้ก่อนหน้านี้เพื่อเป็นร่มเงา โดยมีดินนั่งรออยู่เป็นเพื่อนด้วย
“นิดหน่อยครับ แต่ไม่มากเท่าไหร่” สายน้ำพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องไปด้วยเพราะเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงการดิ้นน้อยๆของเบบี๋ในท้อง
“งั้นเดี๋ยวมึงพาน้องไปรอที่ห้างเลยก็ได้ เดี๋ยวพวกกูตามไป แล้วก็สั่งกินกันก่อนเลยนะไม่ต้องรอเดี๋ยวหลานกูหิว” เป็นดินที่พูดขึ้นมาทันทีที่สายน้ำบอกว่าหิว
“งั้นกูไปก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน” พอพูดจบวายุก็ค่อยๆประคองสายน้ำให้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่รถ โดยมีเหนือและดินยืนมองอยู่
“กูว่าหลานสาวเราจะต้องสวยแล้วก็น่ารักเอามากๆเลยว่ะ เพราะตั้งแต่น้องน้ำท้องนี่นับวันก็ยิ่งจะสวยขึ้นเรื่อยๆมึงว่ามั้ยไอ้เหนือ” ดินพูดขึ้นมาโดยที่สายตายังมองไปที่เพื่อนรักและน้องที่เค้ารักและเอ็นดูเหมือนกับน้องแท้ๆก็ไม่ปาน
“อือ กูก็ว่าอย่างนั้นแหละ กูว่ากูต้องเป็นโรคหวงหลานบ้าตายแน่ๆเลยว่ะ ยิ่งถ้ามีผู้ชายมาจีบหรือมาทำอะไรหลานกูแบบที่กูไปทำไว้กับสาวๆนี่กูต้องคลั่งตายแน่เลย” เหนือพูดขึ้นโดยไม่ลืมที่จะนึกถึงวีรกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้กับสาวๆเมื่อก่อนนี้
“มึงไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้วายุมันคงไม่ยอมให้ใครมาแตะลูกแตะเมียมันได้หรอก เผลอๆมันจะจ้างบอดี้การ์ดตามติดลูกสาวมันซะอีก เป็นห่วงก็แต่ลูกมึงเถอะเกิดว่าน้องเบลท้องขึ้นมาแล้วเกิดเป็นลูกสาวขึ้นมาอีกงานนี้ล่ะก็มึงจะยิ่งคลั่งยิ่งกว่านี้อีกไอ้เหนือ” ดินพูดจบก็เดินไปทางบ้านของไฟที่เพิ่งจะเริ่มสร้างได้เมื่อไม่นานมานี้ ทิ้งไว้ก็แต่เหนือที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ นี่ขนาดแค่หลานสาวเจ้าตัวยังรู้สึกหวงได้มากขนาดนี้ แต่ถ้าเป็นลูกสาวล่ะจะหวงมากขนาดไหน หรือว่าก่อนท้องจะไปปรึกษาหมอขอเลือกเพศให้เป็นเด็กผู้ชายดี
Comments (0)