32 ตอน ว่าที่สะใภ้
โดย Beloved_Moouan
“พี่กายครับ พนักงานที่นี่มีกันทั้งหมดกี่คนเหรอครับ” อยู่ๆสายน้ำก็หันมาถามวายุระหว่างที่กำลังเดินมาที่ร้านกาแฟกัน
“อืม...พี่ก็ไม่แน่ใจนะครับ ที่ออฟฟิศก็น่าจะประมาณเกือบๆ 300 คนน่าจะได้นะครับ แต่ที่โรงงานพี่ไม่แน่ใจว่าจะถึง 200 คนรึเปล่าพี่ไม่ค่อยได้เข้ามาน่ะครับเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ว่าแต่ตัวเล็กถามทำไมเหรอครับ” วายุตอบสายน้ำกลับไปแต่มือก็ยังยกขึ้นบังแดดให้น้องไปด้วย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องแค่อยากรู้เฉยๆครับ”
“สวัสดีค่ะ Boon J’ Café ยินดีต้อนรับค่ะ”
“เดี๋ยวพี่กายกับพี่ผาไปนั่งรอนะครับ เดี๋ยวน้องไปสั่งกาแฟให้เองครับ”
“ตัวเล็กไปนั่งเถอะครับเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้เองครับ ตัวเล็กยังเจ็บอยู่เลยนะ”
“ไม่ครับพี่กายนั่นแหละครับที่ต้องไปนั่งน้องจะไปดูเค้กด้วย อีกอย่างน้องก็ไม่เจ็บอะไรแล้วด้วย”
“แต่ว่า......เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” วายุที่กำลังจะพูดต่อแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจทันทีเมื่อเห็นหน้าน้องที่เริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแล้ว
“น้องขอเงินด้วยครับ พี่กายต้องเป็นคนเลี้ยงปลอบขวัญน้องนะ” สายน้ำพูดพร้อมกับแบมือขึ้นตรงหน้าวายุ
“หึๆ ถึงไม่ต้องปลอบขวัญพี่ก็เต็มใจเลี้ยงตัวเล็กตลอดชีวิตอยู่แล้วครับ” วายุพูดเสร็จก็ล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาใส่มือน้องทั้งใบ
“โอ๊ะโอ่ ป๋าซะด้วยงั้นน้องจะกินให้พี่กายหมดตัวเลยคอยดู” สายน้ำทำท่าตาโตที่วายุให้เค้ามาทั้งกระเป๋า
“ตามใจเลยครับตัวแสบ รีบไปสั่งนะครับเดี๋ยวพี่ไปนั่งรอตรงนั้นนะครับ” พูดเสร็จวายุก็เดินไปนั่งกับหินผาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“พี่ครับ ผมเอา อเมริกาโนไม่ใส่น้ำตาล เอสเปรสโซ่หวานน้อย โกโก้เย็นเพิ่มวิปครีม แล้วก็เอาชีสเค้กหน้าไหม้ 1 เค้กดาร์กช็อกโกแลต 1 ครับ”
“ได้ค่ะ ทวนรายการนะคะ มี...................................ทั้งหมด 530 บาทค่ะ”
“เอ่อ.....พี่ครับ ที่นี่รับบัตรมั้ยครับ” สายน้ำถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ
“รับค่ะ คุณลูกค้าจะชำระด้วยบัตรเครดิตใช่มั้ยคะ”
“แล้วถ้าผมจะสั่งเครื่องดื่มประมาณ 500 แก้ว แล้วให้ทางร้านไปส่งที่ตึกตรงนั้นได้มั้ยครับ” สายน้ำชี้มือไปที่บริษัทของวายุ
“ห๊ะ!! อะ อะไรนะคะคุณลูกค้า” พนักงานสาวถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดังจนสายน้ำแทบอยากจะยื่นมือไปปิดปากแต่แขนเค้ามันสั้นเอื้อมไปไม่ถึงนี่สิ
“จุ๊ๆ พี่สาวอย่าเสียงดังไปสิครับ” สายน้ำกระซิบบอกพนักงานสาวเสียงเบา
“ค่ะ ขอโทษค่ะตกใจไปหน่อยค่ะ” พนักงานส่งยิ้มแหยๆกลับมาพร้อมกับโค้งหัวขอโทษให้กับลูกค้าในร้านที่หันมามองเล็กน้อย
“ตัวเล็กมีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมสั่งนานจังครับ” วายุที่ได้ยินเสียงพนักงานก็เดินมาดูด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กของเค้า
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องแค่ถามสูตรเค้กกับพี่เค้าน่ะครับเห็นหน้าตามันน่ากินดี พี่กายไปนั่งรอน้องแป๊บหนึ่งนะครับ เดี๋ยวพี่เค้าไม่กล้าบอกสูตรครับ” วายุพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ลืมส่งสายตาดุกลับไปให้กับพนักงานที่ยืนยิ้มให้เค้าอยู่
“เฮ้อ เกือบไปแล้ว” สายน้ำถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อวายุยอมกลับไปนั่งที่
“ว่ายังไงครับที่ผมถามไปเมื่อกี๊นี้” สายน้ำเร่งพนักงานอีกครั้ง ก่อนที่วายุจะกลับมาดูเค้ารอบ 2
“เอ่อ งั้นเดี๋ยวเชิญเข้าไปคุยกับผู้จัดการร้านด้านในดีกว่านะคะ เชิญค่ะ”
“ว่าไงครับตัวแสบ ไปป่วนอะไรร้านเค้ามา หืม” หินผาเอ่ยทักทันทีที่เห็นน้องชายเดินยิ้มออกมาจนแก้มแทบปริ
“ไม่บอกหรอกครับปล่อยให้งง อ่ะนี่ครับน้องคืนให้” สายน้ำพูดลอยหน้าลอยตาใส่พี่ชายพร้อมกับยื่นกระเป๋าเสตางค์ส่งคืนให้กับวายุ
วายุมองกระเป๋าสตางค์ในมือพร้อมกับมองหน้าคนตัวเล็กของเค้าอย่างสงสัย จะไม่ให้เค้าสงสัยได้ยังไงกัน ก็เมื่อสักครู่มีข้อความเข้ามาแจ้งวงเงินที่เพิ่งรูดออกไปแสนกว่าบาท ซึ่งก็น่าจะเป็นฝีมือของคนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่นี่แหละ แต่เค้าก็ไม่คิดจะถามอะไรน้องหรอก น้องคงกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ซึ่งเค้าเองก็อยากจะรอดูเหมือนกัน เงินแค่นี้เค้าไม่คิดจะเอามาใส่ใจหรอกถ้ามันจะทำให้คนตัวเล็กของเค้านั่งยิ้มได้แบบนี้
ตลอดเวลาที่สายน้ำนั่งกินโกโก้เย็นและเค้กอยู่นั้น สายน้ำทั้งฮัมเพลงทั้งโยกตัวไปตามเพลงที่ทางร้านเปิดคลอไว้อย่างอารมณ์ดี จนวายุกับหินผาได้แต่นั่งมองหน้ากันด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่มีใครคิดจะถาม เพราะถ้าน้องอยากจะเล่าให้ฟังก็คงพูดออกมาแล้ว แสดงว่าต้องแอบไปทำอะไรมาสักอย่างที่พวกเค้าไม่รู้อย่างแน่นอน
“คุณลูกค้าคะ นี่เค้กที่ทางร้านสมนาคุณให้กับคุณลูกค้าเป็นพิเศษนะคะ” จู่ๆก็มีพนักงานถือกล่องเค้กมาให้กับสายน้ำถึงที่โต๊ะ
“ขอบคุณนะครับ เค้กอร่อยมากๆเลยครับ สงสัยจะได้มากินทุกวันแน่ๆเลย อ้อแล้วก็พรุ่งนี้รบกวนเก็บชีสเค้กหน้าไหม้ไว้ให้ผมสัก 2 ชิ้นได้มั้ยครับอย่าเอาเพิ่งไปหมดนะครับ แหะๆ” สายน้ำพูดโดยไม่ได้สนใจสายตาทั้ง 2 คู่ที่มองมาอย่างสงสัย
“ได้ค่ะคุณลูกค้าแล้วจะเก็บไว้ให้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” พอพูดเสร็จพนักงานสาวก็โค้งตัวและเดินออกไป
“เอ่อ ตัวเล็กครับ ทำไมที่ร้านเค้าถึงให้เค้กฟรีมาตั้งเยอะแยะอย่างนี้ล่ะครับ ชิ้นหนึ่งไม่ใช่ถูกๆเลยนะครับ” วายุที่เห็นแล้วจึงอดที่จะถามไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่กาย เมื่อกี๊น้องแค่เจอกับผู้จัดการร้านน่ะครับแล้วก็คุยกันถูกคอมากเค้าคงเอ็นดูน้องมั้งครับ” สายน้ำพูดไปพร้อมกับตักเค้กเข้าปาก
“ผู้จัดการผู้หญิงหรือผู้ชายครับ / ผู้จัดการผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” วายุกับหินผาถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“ผู้หญิงครับ พี่เค้าน่ารักมากๆเลยนะครับเห็นว่ากำลังจะมีน้องด้วย” พอได้ยินดังนั้นทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันแล้วจึงเอนหลังไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม
“พี่ผา พี่กายไม่กินเค้กกันเหรอครับ อร่อยมากเลยนะ” เมื่อเห็นว่าพี่ๆไม่มีใครแตะเค้กเลยมัวแต่นั่งมองเค้ากินอยู่คนเดียวจึงเอ่ยถามขึ้น
“พวกพี่ไม่ถนัดของหวานน่ะครับ ตัวเล็กกินเลยครับ”
“แล้วเย็นนี้พ่อกับแม่มึงจะกินข้าวกันที่ไหนวะ”
“น่าจะที่บ้านว่ะ เห็นกานต์บอกว่าแม่สั่งให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว รู้สึกจะมีของโปรดว่าที่ลูกสะใภ้ด้วย หึๆ” วายุพูดพร้อมกับหันมามองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตากินเค้กแบบไม่สนใจใคร
“อ๊าาา.....อิ่มมากพุงจะแตกแล้ว” เจ้าตัวพูดออกมาพร้อมกับลูบพุงน้อยของตัวเอง เพราะเจ้าตัวเล่นกินเค้กไปตั้ง 4 ชิ้นจะไม่ให้อิ่มได้ยังไงกัน พอกิน 2 ชิ้นที่สั่งมาหมดก็เดินไปสั่งเพิ่มมาอีก 2 ชิ้นโดยที่ไม่ยอมแตะเค้กในกล่องที่พนักงานเดินเอามาให้เลย อ้างว่าจะเอาไปไว้กินที่คอนโด
“แล้วนี่น้องจะกินข้าวเย็นได้เหรอครับ เล่นกินไปซะขนาดนี้ หืม” หินผาไม่พูดเปล่าแต่ยื่นมือไปโยกหัวน้องเล่น
“กินได้สิครับ น้องกินของหวานเข้าไปยังไม่ได้กินของคาวซะหน่อย กระเพาะมันสามารถแยกได้ครับ”
“หือ? อ่า โอเคครับ แยกได้ก็แยกได้ครับ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรน้องเลยนะครับ” หินผารีบพูดเอาใจน้องทันทีที่เห็นน้องเริ่มมองหน้าตัวเองนิ่ง
“หึๆ งั้นเรากลับเข้าไปบริษัทกันเลยนะครับเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่มาหาแล้วจะไม่เจอเอา” พอทั้งสามคนลุกขึ้นยืนพนักงานก็รีบเอ่ยขอบคุณทันที
“ขอบคุณนะคะ ไว้โอกาสหน้าเชิญที่ Boon J’ Café’ อีกนะคะ” สายน้ำหันไปยิ้มให้พร้อมกับทำมือโอเคไปที่พี่สาวคนสวย
“อ้าว มากันแล้วเหรอจ๊ะ ตากายพาน้องไปไหนมาเหรอแล้วนี่น้องหายดีแล้วเหรอลูก” คุณประภัสสรรีบเดินมาประคองสายน้ำทันทีที่วายุเปิดประตูเข้ามา
“น้ำหายดีแล้วครับคุณป้า”
“มาคุณป้งคุณป้าอะไรกันล่ะจ๊ะ เรียกคุณแม่แบบตากายกับตาผาก็ได้จ้ะ คนกันเองทั้งนั้น” คุณประภัสสรพูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู”
“สงสัยมีแววว่าคนแถวนี้จะหัวเน่าแล้วมั้ง คุณพ่อคิดเหมือนผมมั้ยครับ” วาโยพูดขึ้นขณะที่นั่งมองแม่ตนเองนั่งคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างออกรสออกชาติโดยมีสี่หนุ่มนั่งมองอยู่ยิ้มๆ เค้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้มัดใจน้องชายเค้าจนอยู่หมัดแบบนี้ เด็กคนนี้มีแววตาที่ใสซื่อไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ร่าเริงสดใสทำให้คนที่อยู่ด้วยแล้วพลอยอารมณ์ดีไปด้วย
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะตาผา ได้เข้าไปช่วยงานคุณศุภสิษฐ์ที่บริษัทบ้างรึยัง”
“ยังเลยครับคุณพ่อ แต่คงจะได้เข้าไปช่วยเร็วๆนี้นั่นแหละครับ เพราะมีคนคอยดูแลน้องแทนแล้วป๊าม๊าก็เลยหมดห่วง ไม่ต้องให้ผมคอยตามดูตามห่วงแบบเมื่อก่อนอีก” หินผาพูดพร้อมกับมองไปยังน้องชายที่ยังนั่งคุยอยู่กับแม่ของวายุ
“เออนี่ตาผา เดี๋ยวแม่วานนัดคุณศุภสิษฐ์กับคุณหญิงสุภัตราให้แม่ด้วยนะจ๊ะ บอกท่านว่าพ่อกับแม่จะเข้าไปคุยกับท่านเรื่องงานหมั้นของตากายกับหนูน้ำนะจ๊ะ ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ก็ได้จ้ะ”
“หือ หมั้นเหรอครับ” หินผาหันไปมองหน้าเพื่อนทันทีเพราะเค้าก็ยังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“เออ กูจะขอหมั้นตัวเล็กไว้ก่อน ใจจริงอยากจะแต่งเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวเล็กไม่ยอม”
“มึงก็คิดได้เน๊าะจะแต่งเลย น้องกูเพิ่งอายุ 19 เพิ่งจะเรียนปี 1 อยู่ๆจะให้มาแต่งงานมีครอบครัว” วายุได้แต่ยกยิ้มมุกปากพร้อมกับยักคิ้วยักไหล่ให้เพื่อนอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ฮ่าๆๆ นี่ผมต้องมีบุญมากขนาดไหนครับคุณพ่อคุณแม่ถึงได้เห็นรอยยิ้มแล้วก็ท่าทางกวนๆของไอ้กายมัน ขอบคุณนะครับน้องน้ำที่ทำให้น้องชายพี่คนนี้เปลี่ยนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาตั้งเยอะ พี่นึกว่ามันจะไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกไปแล้วซะอีก” วาโยที่พูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของน้องชาย จากที่เมื่อก่อนจะมีแต่มาดนิ่งๆจะได้เห็นรอยยิ้มจากวายุนี่เรียกว่ายากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมมีรูปรูปหนึ่งจะให้ทุกคนดูครับรับรองถ้าทุกคนได้เห็นจะต้องตกตะลึงกันแน่ๆเลยครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับยกมือถือขึ้นมาจิ้มๆ วายุเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นไปยกคนตัวเล็กมานั่งไว้บนตักแทนพร้อมทั้งเอาคางวางเกยไหล่ของน้องไว้ โดยที่สายน้ำก็ไม่ได้ขัดอะไรเนื่องจากเคยชินซะแล้ว แต่เจ้าตัวคงจะลืมไปว่าอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของวายุ
“เจอแล้ว นี่ครับ” สายน้ำยื่นมือถือเครื่องหรูให้กับแม่ของวายุได้ดู แม่ของวายุพอได้มือถือมาอยู่ในมือก็ลุกขึ้นมานั่งกับคุณดิเรกและวาโยเพื่อที่จะได้ดูด้วยกัน
“หือ???” ทั้งสามถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน ทุกคนสลับกันมองหน้าวายุและก้มลงไปมองรูปในมือถืออีกรอบ รูปที่สายน้ำให้ดูคือรูปที่เค้านั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ปราณบุรีและเป็นตอนนี่วายุนั้นยิ้มกว้างและหัวเราะออกมาเมื่อโดนเค้าทุบตี
“เป็นยังไงบ้างครับ พี่กายของน้ำหล่อมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ คิกคิก” สายน้ำพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าวายุที่เอาคางมาวางเกยไหล่ของเค้าไว้
จุ๊บ!!
ป้าบ!!
“พี่กายทำอะไรครับ คุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่วาโยยังอยู่ตรงนี้นะครับ” สายน้ำแทบจะตีเข้าไปที่แขนของวายุทันทีที่โดนขโมยจูบปากช่วงที่หันไปหาคนเจ้าเล่ห์
“โอ๊ยๆๆ พี่ยอมแล้วครับ เจ็บครับเจ็บ” วายุได้แต่ร้องโอดโอยเมื่อโดนน้องหยิกเข้าที่ท้อง โดยเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดที่จะจับมือน้องออกได้แต่กุมมือเล็กที่หยิกเค้าไว้
“ฮ่าๆๆ เสือได้กลายเป็นแมวก็คราวนี้แหละว่ามั้ยคุณ” คุณดิเรกมองไปยังลูกชายคนเล็กที่นั่งลูบท้องพร้อมทำท่าออเซาะแฟนตัวเองอยู่ก็หัวเราะชอบใจออกมา
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ฉันดีใจนะคะที่ได้เห็นตากายมีความสุขได้รู้จักความรักแล้วก็รู้จักที่จะดูแลคนอื่นกับเค้าสักที” คุณดิเรกและคุณประภัสสรนั่งมองลูกชายคนเล็กด้วยความรู้สึกเป็นสุขใจอย่างมาก นี่แหละนะเค้าถึงว่ากันว่าความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือการที่ได้เห็นลูกๆของตัวเองนั้นมีความสุขกันนั่นเอง
หลังจากนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันได้สักพัก ทุกคนก็พากันมาที่บ้านของวายุเพื่อมารับประทานอาหารเย็นกัน
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูน้ำ รสชาติอาหารถูกปากมั้ยจ๊ะ” แม่ของวายุเอ่ยถามขึ้นเมื่อนั่งกินกันไปได้สักพัก
“ยิ่งกว่าถูกปากอีกครับคุณแม่ อร่อยม๊ากกกกครับ อร่อยทุกอย่างเลยครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับยิ้มกว้างโชว์ลักยิ้ม ทำให้แม่บ้านและคนงานที่ยืนแอบดูอยู่ห่างๆถึงกับปลื้มอกปลื้มใจกันเลยทีเดียวที่ได้รับคำชมจากว่าที่สะใภ้คนเล็กของบ้าน
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆนะลูกยิ่งตัวเล็กๆอยู่” พ่อของวายุเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายน้ำกินอย่างเอร็ดอร่อย
“เห็นทีคงจะให้กินเยอะมากไม่ได้หรอกครับคุณพ่อ เพราะก่อนหน้านี้ที่หายไปคือไปนั่งกินโกโก้แล้วก็เค้กมาแล้ว 4 ชิ้นแล้วครับ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา” เป็นวายุที่ต้องรีบดักเอาไว้ก่อนเพราะเกรงว่าคนตัวเล็กของเค้าจะบ้ายอตามพ่อกับแม่ของเค้าจนปวดท้องและนอนไม่ได้เอาซะ
“แหะๆ แค่ 4 ชิ้นเองพี่กายก็” สายน้ำพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆไปให้พ่อแม่ของคนรัก
“งั้นเอาไว้มากินวันอื่นก็ได้ลูกเดี๋ยวแม่จะให้เค้าทำให้กินใหม่นะจ๊ะ” คุณประภัสสรเอ่ยบอกว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเอาใจ
“ครับผม ขอบคุณนะครับ” สายน้ำไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ขอบคุณท่านทั้งสองที่อุตส่าห์ให้คนทำกับข้าวอร่อยๆนี้ให้กิน
หลังจากที่กินข้าวเสร็จและนั่งคุยกันได้สักพักแล้ว ทั้งสามก็ได้ขอตัวกลับ
“งั้นผมลาเลยนะครับคุณพ่อคุณแม่ วาโยกลับก่อนนะ” หินผาเอ่ยลาผู้ใหญ่ทั้งสองท่านและเอ่ยลาพี่ชายเพื่อน พวกเค้าไม่เคยเรียกวาโยว่าพี่เลยเนื่องจากติดมาจากวายุเช่นเดียวกันที่ไม่เคยเรียกพี่ชายว่าพี่ทั้งๆที่วาโยนั้นแก่กว่าวายุถึงสามปีด้วยกัน ทางด้านวาโยก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมเจ้าตัวยังบอกว่าดีซะอีกจะได้ดูเป็นรุ่นเดียวกัน
“จ้ะ ขับรถกลับดีๆนะลูกตาผา ตากายก็ด้วยดูแลน้องดีๆนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยววันอาทิตย์นี้เจอกันที่บ้านหนูน้ำนะลูก ฟอด!” คุณประภัสสรพูดบอกและเดินเข้ามากอดและหอมสายน้ำ
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ พี่วาโย เอาไว้น้ำจะมารบกวนใหม่นะครับ” สายน้ำยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองคนตามด้วยพี่ชายแฟน
“ผมกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันนะครับ” พูดเสร็จวายุก็จับจูงมือสายน้ำแล้วเดินไปที่รถ พร้อมกับเปิดประตูให้คนตัวเล็กเข้าไปนั่ง
ทั้งสามคนที่ยืนรอส่งอยู่ยืนมองตามรถทั้งสองคันที่ขับออกไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างมีความสุขเพราะบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ไม่ได้มีมานานแล้วกับบ้านหลังนี้
Comments (0)