69 ตอน ฝากด้วย
โดย Beloved_Moouan
วายุนั่งมองคุณแม่ตัวน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงพร้อมกับมือใหญ่ที่คอยลูบคลำอยู่ที่ท้องอย่างเบามือไปด้วย เป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าแล้วที่วายุและสายน้ำต้องย้ายมานอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีเพื่อนของวายุและของสายน้ำคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาอยู่เป็นเพื่อน แม้กระทั่งป๊าม๊าของสายน้ำและพ่อกับแม่ของวายุก็เช่นกันที่พากันมาเยี่ยมสายน้ำกันทุกวันไม่เคยขาด จนกระทั่งสายการบินที่สวีเดนมีปัญหาป๊าม๊าจึงต้องรีบบินไปดูด่วนเมื่อวานนี้เอง ส่วนพ่อกับแม่ของวายุนั้นก็ไม่ได้เข้ามา 2 วันแล้ว เนื่องจากต้องอยู่ช่วยงานวาโยแทนวายุที่ไม่ได้จับงานเลยตั้งแต่สายน้ำต้องเข้ามานอนที่โรงพยาบาล
วันนี้เป็นเวรของเหนือและเบลที่อาสามาอยู่เป็นเพื่อนตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็จะเป็นไฟและออกัส แม้วายุจะบอกกับทุกคนว่าไม่จำเป็นต้องมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ แต่ทุกคนก็ยังยืนยันกันเสียงแข็งว่าจะมา ส่วนงานของทุกคนก็หอบงานมาทำกันด้วยโดยจะเข้าไปทำที่ห้องพักของญาติเวลาที่สายน้ำต้องพักผ่อน และพอสายน้ำตื่นขึ้นมาก็จะพากันมานั่งคุยเป็นเพื่อนให้คุณแม่ได้คลายเหงา
ส่วนตอนกลางคืนวายุก็จะนอนอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ในห้องเดียวกันกับคุณแม่ แต่เพื่อนๆของวายุและของสายน้ำก็จะไปนอนที่ห้องพักญาติแทน
ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาที่คุณแม่ตัวน้อยต้องนอนอยู่บนเตียงโดยที่จะต้องขยับเขยื้อนร่างกายให้น้อยที่สุดนั้น สายน้ำไม่เคยปริปากบ่นเลยแม้แต่สักคำเดียว มีแต่จะคอยส่งยิ้มมาให้กับวายุและทุกคนเสมอ และนี่ยิ่งทำให้วายุทั้งรักและเทิดทูนความเป็นแม่ของคนตัวเล็กของตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้วายุหลุดออกจากภวังค์และความคิดของตัวเองแล้วหันไปมอง
“หลับนานรึยังวะ นี่กาแฟมึง” เหนือถามขึ้นเบาๆเมื่อเดินเข้ามาพร้อมกับเบล
“สักพักใหญ่แล้ว ขอบใจ” วายุตอบพร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วกาแฟจากเพื่อน
ทุกวันที่เพื่อนของวายุมาถึงในตอนสายจะต้องมีกาแฟติดมือให้กับวายุกันทุกวัน เพราะทุกคนรู้ว่าวายุนั้นติดกาแฟดำเป็นอย่างมาก
“พี่วายุทานข้าวรึยังคะ เบลซื้อข้าวมาเผื่อด้วยค่ะ” เบลถามขึ้นเบาๆพร้อมกับชะโงกหน้ามองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองไปด้วย
“ยังครับ กินกันก่อนเลยพี่ยังไม่ค่อยหิว”
“งั้นเดี๋ยวกูไปกินข้าวกันก่อนและจะนั่งทำงานในห้องด้วย เดี๋ยวถ้าน้องลักยิ้มกูตื่นจะมาคุยด้วยใหม่” เหนือพูดพร้อมกับตบที่ไหล่ของเพื่อนเบาๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมกับเบล
วายุได้แต่มองตามและยกยิ้มขึ้นบางๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะขอบใจหรือตอบแทนน้ำใจของเพื่อนๆและรุ่นน้องทุกคนยังไงดี ทุกคนที่ตอนนี้กลายเป็นคนในครอบครัวของตัวเองไปซะแล้ว
“อื้ออ....” ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มสายน้ำก็เริ่มขยับตัว และร้องครางออกมาด้วยความปวดเมื่อยพร้อมกับหน้าตาที่เหยเก แต่ถึงอย่างนั้นวายุก็ยังไม่เคยได้ยินสายน้ำบ่นเลยสักครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอครับ ดื่มน้ำหน่อยมั้ยครับ” วายุลุกขึ้นทันทีที่เห็นว่าสายน้ำตื่นและหันไปรินน้ำใส่แก้วเมื่อสายน้ำพยักหน้ารับ
“ค่อยๆดูดนะครับ เดี๋ยวจะสำลัก”
“ขอบคุณครับ” พอปล่อยหลอดออกจากปากแล้วสายน้ำก็ยกยิ้มกว้างกลับมาให้วายุทันที พร้อมกับทำปากยื่นมาให้กับวายุ
“หึๆ จุ๊บๆๆ” วายุที่รู้หน้าที่เป็นอย่างดีก็ก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบางย้ำๆกันหลายๆครั้งอย่างเอาใจ
“นี่พี่กายนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยเหรอครับ ทำไมพี่กายไม่ไปพักเอนหลังบ้างล่ะครับ เมื่อยแย่เลย” สายน้ำยื่นนิ้วเรียวเล็กไปลูบที่แก้มของคนพี่ ที่ตอนนี้ดูซูบตอบลงไปมากเลยทีเดียว เนื่องจากว่าวายุนั้นไม่ค่อยจะกินอะไร แถมยังไม่ค่อยได้พักผ่อนอีก บางครั้งที่สายน้ำตื่นขึ้นมากลางดึกก็เห็นวายุนั้นนั่งหลับฟุบอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงของตัวเองพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่จับมือของสายน้ำไว้และอีกมือหนึ่งก็คอยลูบอยู่ที่ท้องของสายน้ำไปมาแม้กระทั่งตอนที่เจ้าตัวหลับไปแล้ว
“จุ๊บ! ไม่เป็นไรเลยครับ พี่ยังเมื่อยไม่ได้ครึ่งของตัวเล็กเลยนะครับ แค่นี้เองอย่าคิดมากนะครับ แล้วนี่ตัวเล็กปวดเมื่อยตรงไหนมั้ยครับเดี๋ยวพี่นวดให้ดีกว่านะครับ” วายุจับมือเล็กที่ลูบแก้มของตัวเองอยู่มาจูบลงไปที่ฝ่ามือพร้อมกับลุกเดินอ้อมไปด้านหลังของคุณแม่ที่นอนตะแคงโดยมีหมอนรองครรภ์ไว้อยู่
“นิดหน่อยครับ ขอบคุณนะครับ” สายน้ำตอบพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับวายุที่เริ่มลงมือนวดคลึงช่วงหลังและบั้นเอวให้เค้าอย่างเบามือ จากนั้นมือใหญ่ก็ค่อยๆนวดลงมาที่ต้นขาและไล่ลงมาจนถึงเท้าของคนตัวเล็ก
“ไงครับคุณแม่ วันนี้ดูหน้าตาสดใสนะครับ” เหนือที่เดินออกมาจากห้องพักญาติเอ่ยทักสายน้ำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับ แล้วนี่พี่เหนือกับเบลมากันนานแล้วเหรอครับ” สายน้ำถามขึ้นยิ้มๆโดยยังมีวายุนวดอยู่ที่น่องและเท้าของตัวเองสลับกันไปมาอยู่ จนทุกคนที่มาเยี่ยมสายน้ำเห็นจนเป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว เพราะวายุจะนวดให้กับสายน้ำทุกๆครึ่งชั่วโมง
“ก็สักพักใหญ่ๆแล้วครับ ไอ้วายุน้องน้ำตื่นแล้วมึงก็ไปกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวกูกับเบลอยู่เป็นเพื่อนน้องเอง” เหนือตอบสายน้ำกลับไปพร้อมกับหันไปบอกเพื่อนที่ยังไม่ยอมกินข้าวเช้า
“หืออ นี่พี่กายยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยเหรอครับ” สายน้ำหันมามองหน้าวายุทันทีที่เหนือพูดจบ เพราะเค้าเห็นว่านาฬิกาบอกว่านี่เป็นเวลาเกือบจะสิบโมงตรงแล้ว
“พี่รอตัวเล็กตื่นก่อนน่ะครับ เดี๋ยวพี่จะไปกินเดี๋ยวนี้แหละครับ อย่างทำหน้าอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวเบบี๋ออกมาจะมีหน้าตาเหมือนคุณแม่ตอนนี้เอานะครับ หึๆ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไปนวดคลายปมขมวดที่อยู่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของคุณแม่ตัวน้อย
“รีบไปกินเดี๋ยวนี้เลยนะครับ เลยเวลามาตั้งเยอะแล้ว คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะครับ” สายน้ำพูดไล่ให้คนพี่ไปกินข้าวด้วยหน้ายุ่งๆ
“ครับๆคุณแม่ เดี๋ยวคุณพ่อจะไปกินเดี๋ยวนี้แหละครับ ไม่ดุคุณพ่อนะครับ จุ๊บ!” วายุพูดพร้อมกับยื่นหน้ามาจูบตรงระหว่างคิ้วที่ยังขมวดติดกันอยู่และรีบเดินเข้าห้องไปกินข้าวทันที
“พี่วายุโหมดนี้น่ารักอ่ะ คุณพ่อคุณแม่ อิ๊อิ๊” เบลพูดขึ้นเมื่อวายุเดินหายเข้าไปในห้องพักของญาติ พร้อมกับทำท่าทางฟินๆ
“อ้าวหนูจ๋า ทำไมหนูมาพูดชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าคู่หมั้นแบบนี้ล่ะครับ แล้วคู่หมั้นคนนี้ไม่น่ารักเหรอครับ” เหนือพูดพร้อมกับแกล้งทำหน้างอเล็กน้อย
“พี่เหนือคะ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยนะคะ เบลก็แค่ชมพี่วายุนิดเดียวแค่นั้นเอง ก็ปกติเห็นแต่พี่วายุนิ่งๆไม่คิดว่าจะมีโหมดคุณพ่ออ้อนคุณแม่ด้วย” เบลพูดขึ้นยิ้มๆอย่างรู้ทันนิสัยของคู่หมั้นตัวเองดี สายน้ำก็ได้แต่นอนยิ้มฟังพ่อแง่แม่งอน
“หึๆ แล้วนี่วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ” เหนือถามพร้อมกับยื่นมือไปลูบที่ท้องของสายน้ำเบาๆ
“ก็ปกติดีนะครับ ตั้งแต่มะ....โอ๊ะ! อื้ม” สายน้ำยังไม่ทันได้พูดจบก็ต้องร้องออกมาเมื่อเจอลูกถีบอย่างแรงของเบบี๋ในท้องจนรู้สึกจุก เหนือที่ลูบท้องของสายน้ำอยู่ตรงที่เบบี๋ในท้องของสายน้ำถีบเท้าน้อยๆดันออกมาพอดีถึงกับยิ้มกว้าง สงสัยหลานสาวคงจะอยากออกมาเจอลุงเหนือขาแล้วล่ะมั้ง พอเบลเห็นเหนือยิ้มขึ้นมาถึงกับรีบมาจับดูด้วยอีกคน
“ตัวเล็กเป็นอะไรครับ” วายุเดินออกมาจากห้องทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของสายน้ำ
“เบบี๋แค่ถีบแรงไปหน่อยน่ะครับ เอาซะคุณแม่จุกเลยนะครับ” สายน้ำยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเพื่อคุยกับเบบี๋ตัวน้อยในท้อง
“เฮ้อ!” วายุถึงกับถอนหายใจโล่งออกมาจนเสียงดัง
“มึงก็กังวลเกินเหตุ กูอยู่ด้วยทั้งคนมึงจะกลัวอะไรวะ กูไม่ปล่อยให้น้องกับหลานกูเป็นอะไรไปหรอกน่า ไปๆรีบไปกินข้าวให้เสร็จไป” เหนือพูดขึ้นและปัดมือไล่วายุทันทีที่เห็นเพื่อนถอนหายใจออกมาจนเสียงดัง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารให้คนไข้นะคะ” ตกเย็นก็มีเจ้าหน้าที่มาเสิร์ฟอาหารของสายน้ำให้ โดยอาหารของสายน้ำนั้นจะเป็นอาหารอ่อนและรสค่อนข้างที่จะจืดสักหน่อยเพราะตอนนี้คุณแม่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดทุกอย่าง
“ขอบคุณครับ” วายุเอ่ยขอบคุณและลุกขึ้นไปเข็นโต๊ะที่มีอาหารวางไว้อยู่มาให้กับสายน้ำ ส่วนเหนือเองก็ลุกขึ้นมาปรับเตียงนอนของสายน้ำให้เอนขึ้นมานิดหน่อยพอที่จะกินข้าวได้
“อดทนหน่อยนะครับคุณแม่เพื่อเบบี๋นะครับ เดี๋ยวถ้าคลอดแล้วพี่จะพาไปกินของอร่อยๆที่ตัวเล็กชอบทุกอย่างเลยนะครับ” วายุได้แต่พูดปลอบเมื่อเห็นสายน้ำมองอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาละห้อย
“ครับพี่กาย สู้ๆครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้กับวายุ พร้อมกับที่วายุลงมือตักอาหารและป้อนให้กับคุณแม่
เบลที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับต้องแอบเดินเข้ามาในห้องพักญาติและรีบเช็ดน้ำที่ไหลของตัวเองออก เธอสงสารเพื่อนตัวเล็กของเธอจับใจ เธอไม่คิดว่าสายน้ำนั้นจะมีความอดทนได้มากถึงขนาดนี้ เพื่อนของเธอต้องทนกินข้าวที่รสชาติจืดชืดมาตลอดสองอาทิตย์กว่าแล้ว และไหนยังต้องนอนอยู่นิ่งๆห้ามขยับตัวนั่นอีก ทั้งๆที่สายน้ำนั้นปกติแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งๆและเป็นคนที่กินอาหารรสค่อนข้างจัด
“เป็นอะไรไปคะ หืมม” เหนือเดิมตามเบลเข้ามาเมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของตัวเองนั้นตาแดงๆพร้อมกับเข้ามากอดด้านหลังของเบล
“พี่เหนือเบลสงสารน้ำค่ะ ทำไมเทวดาใจร้ายกับน้ำจังเลยคะ ทำไมไม่ให้ลูกของน้ำคลอดออกมาดีๆเหมือนกับลูกของคนอื่นเค้า” เบลหันหน้ามาแล้วซบหน้าลงกับอกของเหนือแล้วพูดเสียงอู้อี้ออกมาเบาๆด้วยเกรงว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน
“ชู่วว ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง เราต้องคอยเป็นกำลังใจให้เพื่อนถึงจะถูกนะคะ หนูมาร้องไห้ซะเองแบบนี้แล้วเพื่อนจะเอากำลังใจที่ไหนมาสู้ล่ะคะ ขนาดน้องน้ำกับไอ้วายุมันยังสู้เลยเห็นมั้ยคะ” เหนือพูดปลอบคู่หมั้นของตัวเองพร้อมกับลูบหลังไปด้วย ไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่สงสารทั้งสองคนที่อยู่ด้านนอกแต่เค้าและทุกๆคนก็ต้องคอยอยู่ให้กำลังใจเพื่อนและคนรักของเพื่อนให้ได้มากที่สุด เพราะถ้ามัวแต่พากันเศร้าคุณพ่อกับคุณแม่ที่อยู่ด้านนอกก็คงพลอยหมดกำลังใจกันไปด้วยพอดี
“ค่ะ เบลขอโทษนะคะที่เข้มแข็งไม่พอ” เบลพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาทันทีที่ได้ยินเหนือพูด ขนาดพี่วายุกับสายน้ำยังสู้เลย แล้วเธอแค่มีหน้าที่ให้กำลังใจทำไมถึงจะทำไม่ได้
“งั้นเดี๋ยวพี่จะออกไปก่อนแล้วจะบอกว่าหนูคุยโทรศัพท์กับคุณแม่อยู่นะคะ ไอ้วายุกับน้องน้ำจะได้ไม่สงสัยว่าเราหายมาทำอะไรในห้องกัน” เหนือพูดพร้อมกับใช้นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาที่ยังคงเหลืออยู่บนแก้มใส เบลก็พยักหน้าตอบรับและส่งยิ้มไปให้
“อ้าวไอ้ไฟ น้องกัสมากันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมมาเร็วได้วะ” เหนือพูดพร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู เพราะนี่ยังไม่ทันจะหกโมงเย็นเลยเพื่อนเค้าก็มาแล้ว
“เพิ่งมานั่งได้แป๊บเดียว นู่นร้องมาหาน้องน้ำตั้งแต่บ่ายแล้ว” ไฟตอบพร้อมกับพยักหน้าไปทางออกัสที่นั่งคุยหัวเราะคิ๊กคั๊กกับสายน้ำอยู่ ส่วนวายุนั้นก็เดินมานั่งข้างๆไฟทิ้งให้สายน้ำและออกัสได้คุยกันตามประสาเพื่อน
“มึงได้กินได้นอนบ้างมั้ยวะ สภาพมึงตอนนี้นี่ดูไม่จืดเลยว่ะ” ไฟสำรวจมองเพื่อนของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าตาของเพื่อนเค้าที่เคยดูสดใสและอิ่มบัดนี้ดูตอบและซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะยังขอบตาที่คล้ำเป็นหมีแพนด้านั่นอีก
“ใครจะกินอิ่มนอนหลับวะ เมียกับลูกกูเป็นแบบนี้” วายุตอบกลับเพื่อนไปนิ่งๆแล้วหันไปมองเบลที่กำลังเดินมาสมทบกับสายน้ำและออกัส
“เฮ้อ! มึงก็ต้องพยายามทำใจมั้ยวะ มึงคิดว่าน้องน้ำจะสบายใจแล้วจะไม่เครียดเหรอวะที่เห็นสภาพมึงเป็นแบบนี้ แค่น้องน้ำไม่พูดออกมาก็แค่นั้นเอง” ไฟทำได้แต่พูดเตือนสติเพื่อนตัวเอง
“เออ กูจะพยายามก็แล้วกัน” วายุพูดตอบแต่ตาก็ยังคงมองไปที่คุณแม่ตัวน้อยที่กำลังคุยกับเพื่อนอย่างออกรสออกชาติอยู่ เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
“น้ำเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหายใจเข้าออกแรงจัง” ออกัสถามขึ้นมาขณะที่เพื่อนทั้งสามคนกำลังนั่งคุยและหัวเราะกันอยู่นั้น อยู่ๆสายน้ำก็หยุดชะงักไปพร้อมกับหอบหายใจแรง ทางด้านสามคนที่นั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาก็หันมาทางเตียงที่สายน้ำนอนอยู่ เมื่อได้ยินออกัสถามสายน้ำขึ้นมา ทั้งสามคนรีบลุกขึ้นมาดูทันที เมื่อเห็นสายน้ำหน้าซีดลงและเริ่มหายใจแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ตัวเล็กเป็นอะไรรึเปล่าครับ” วายุถามขึ้นเมื่อเห็นสายน้ำกำลังนอนหลับตาเหมือนกับกำลังพยายามที่จะบังคับลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติอยู่
“นะ น้องไม่เป็นอะไรแล้วครับ แค่รู้สึกหายใจไม่สะดวกแค่นั้นเองครับ” พอผ่านไปสักพักสายน้ำก็ลืมตาขึ้นมาตอบวายุ คนที่เหลือได้แต่พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ให้พี่ตามพยาบาลหรือหมอมาดูมั้ยครับ” วายุถามด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องหรอกครับ น้องไม่เป็นอะไรแล้วครับ สงสัยเมื่อกี๊จะหัวเราะมากไปหน่อยครับเลยหายใจไม่ทัน” สายน้ำตอบกลับมายิ้มๆเพราะก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน เพราะอยู่ๆก็เกิดหายใจไม่ออกขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่แล้วอยู่ๆก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“แน่ใจนะครับ แต่พี่ว่าพี่เรียกพยาบาลเข้ามาดูหน่อยดีกว่านะครับ เพื่อความสบายใจของพี่” วายุพูดพร้อมกับหันไปกดออกเรียกพยาบาลทันที โดยไม่รอคำตอบของสายน้ำอีก
พอพยาบาลเข้ามาแล้วก็ตรวจวัดความดันให้กับสายน้ำทันที ปรากฏว่าความดันของสายน้ำนั้นขึ้นมามากพอสมควร พยาบาลจึงต้องฉีดยาลดความดันให้ เพราะถ้าความดันขึ้นสูงมากจะทำให้เกิดอาการของครรภ์เป็นพิษขึ้นมาได้อีก
หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้วนั้น ทุกคนก็อยู่รออาการของสายน้ำกันต่ออีกสักพักแต่พอเห็นว่าสายน้ำเป็นปกติดีแล้วเหนือและเบลก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เหนือมีประชุมตั้งแต่เช้า แล้วเดี๋ยวช่วงสายๆเหนือก็จะเข้าไปดูและตรวจงานพร้อมกับส่งบ้านของวายุที่เสร็จแล้วให้ด้วย โดยทั้งหมดนี้วายุก็ให้เหนือเป็นคนจัดการแทนตัวเองทั้งหมด ส่วนเรื่องเฟอร์นิเจอร์วายุก็ได้ให้สายน้ำเลือกไว้บ้างแล้วโดยนำแมคบุ๊คมาเปิดให้คนตัวเล็กได้ดูและเลือกเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านได้ตามใจชอบเลยเพราะวายุไม่คิดที่จะขัดอยู่แล้ว
พอประมาณสองทุ่มกว่าไฟกับออกัสก็ขอแยกตัวเข้าไปในห้องพักญาติเพื่อให้คุณแม่ตัวน้อยได้นอนพักผ่อน วายุเองที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งประจำที่เพื่อลูบท้องกล่อมคุณแม่ตัวน้อยนอน ไม่นานนักคุณแม่ตัวน้อยก็หลับสนิทพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ส่วนวายุเองก็ฟุบหน้าลงกับเตียงโดยยังมือทั้งสองข้างยังคงจับอยู่ที่มือของสายน้ำและลูบท้องไปด้วย
ช่วงกลางดึกไฟค่อยๆ ดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำเพราะไฟเองเพิ่งจะเคลียร์งานที่ค้างเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำเไฟก็เดินมาดูเพื่อนของตัวเองที่นอนหลับฟุบหน้าลงข้างๆหมอนรองครรภ์ของสายน้ำ พร้อมกับยืนมองหน้าคุณแม่คนเก่งที่รักเหมือนน้องแท้ๆก็ไม่ปาน
“อื้ออ..” ช่วงที่ไฟกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องเจ้าตัวก็ได้ยินเสียงสายน้ำครางอยู่ในลำคอเบาๆพร้อมกับหน้าตาที่เหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวดอะไรสักอย่าง
“น้องน้ำครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ไฟรีบตบหน้าสายน้ำเบาๆทันที เพื่อที่จะให้สายน้ำนั้นตื่นขึ้นมา สายน้ำนั้นลืมตาขึ้นมาแล้วหายใจหอบแรงพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจิกลงไปที่มือของวายุและไฟ
วายุสะดุ้งตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของไฟเรียกชื่อของสายน้ำ และรับรู้ได้ถึงแรงบีบอัดอยู่ที่มือของตัวเองที่คนตัวเล็กส่งมา
“ไอ้วายุกดเรียกพยาบาลด่วนเลย น้องน้ำครับทำใจดีๆไว้นะครับ ค่อยๆหายใจนะครับ” ไฟหันไปบอกเพื่อนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ทันทีที่ไฟบอกวายุก็หันไปกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที
“พี่ไฟ น้ำ....” ออกัสที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกที่ด้านนอกก็เดินออกมาเพื่อที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเพื่อนตัวเองแล้วถึงกับต้องตาโตตกใจแทน
“ตัวเล็กครับทำใจดีๆไว้นะครับ อย่าเป็นอะไรนะครับ หมอกำลังมาแล้วครับ” วายุพูดพร้อมกับลูบผมของสายน้ำไปด้วย ใบหน้าหล่อบัดนี้เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอให้ได้เห็นด้วยความสงสารคนตัวเล็กจับหัวใจ
“คนไข้เป็นอะไรไปคะ” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกพยาบาลชญาภาก็ถามขึ้นทันที พร้อมกับรีบเดินมาหาสายน้ำที่ตอนนี้กำลังตาเหลือกค้างอยู่อย่างน่ากลัว
“ขอเครื่องช่วยหายใจแล้วก็ตามอาจารย์หมอดิชพลไปที่ห้องผ่าตัดด่วน ย้ายคนไข้ไปที่ห้องผ่าตัด” ชญาภาหันไปสั่งพยาบาลที่เดินตามเธอมาอีกสองคน และบอกกับบุรุษพยาบาลให้ย้ายสายน้ำไปที่เตียงพร้อมกับลงมือทำอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นไฟ วายุ และออกัสที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ออกัสได้แต่ยืนร้องไห้ซบอยู่ที่อกของไฟด้วยความสงสารเพื่อน
“คนไข้มีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก แล้วก็ถุงน้ำคร่ำแตกค่ะ น่าจะต้องรีบผ่าตัดด่วนเพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็กนะคะ” ชญาภาที่เคยเจอคนไข้เคสแบบนี้มาแล้วบ้างหันไปบอกกับวายุแล้วเดินตามเตียงที่บุรุษพยาบาลเดินเข็นนำไปแล้วอย่างรวดเร็ว พยาบาลหญิงอีกคนก็นำเครื่องช่วยหายใจแบบปั๊มมือมาใส่ให้กับสายน้ำอย่างรวดเร็ว ทางด้านวายุ ไฟและออกัสเดินพร้อมวิ่งตามไปด้วย
“พะ พี่กาย” สายน้ำดึงเครื่องช่วยหายใจออกและร้องเรียกหาวายุระหว่างที่เตียงกำลังถูกเข็นเพื่อไปยังห้องผ่าตัด ด้วยเสียงขาดๆหายๆและรู้สึกแน่นที่หน้าอกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะหยุดหายใจ แต่เหมือนกับว่าตัวเองจะต้องยื้อและอดทนให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะให้ลูกตัวน้อยของตัวเองนั้นได้ออกมาลืมตาดูโลกให้ได้ซะก่อน
“ครับ ตัวเล็กครับ พี่กายอยู่นี่ครับ” วายุรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทันทีที่สายน้ำเรียกพร้อมกับจับมือคนตัวเล็กไม่ปล่อย
“นะ น้อง อื้อ ฝะ ฝาก ลูก ขอ ของ เราด้วย” สายน้ำพยายามที่จะพูดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ลมหายใจของตัวเองตอนนี้จะเอื้ออำนวยให้
“ไม่นะครับไม่นะ ตัวเล็กต้องสู้นะครับ เราจะอยู่ช่วยกันเลี้ยงลูกด้วยกันนะครับ ตัวเล็กอย่าพูดแบบนี้อย่าทิ้งพี่ไปนะครับคนดี พี่อยู่ไม่ได้นะครับถ้าไม่มีตัวเล็ก ได้โปรด” วายุพอได้ยินในสิ่งที่สายน้ำพูดบอกก็ถึงกับสติหลุดทันที น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสายราวกับว่าจะขาดใจตายลงไปตรงนั้น
มือเล็กค่อยๆคลายออกจากมือใหญ่และหมดสติลงไปในทันทีที่พยาบาลกำลังจะเปิดประตูห้องผ่าตัดออก
“ญาติคนไข้รอข้างนอกนะคะ ขอพาคนไข้เข้าห้องผ่าตัดก่อนนะคะ” พยาบาลพูดพร้อมกับดันตัววายุที่กำลังเดินตามคนตัวเล็กของตัวเองเข้าไปในห้องให้ออกมา
ภาพสุดท้ายที่วายุได้เห็นคือมือเล็กที่ตัวเองปล่อยออกได้หลุดร่วงลงที่ข้างตัวของร่างเล็กทันทีที่ไม่มีมือใหญ่ของเค้าคอยประคองเอาไว้
“ม่ายยยย ได้โปรดดดด!!!!!!!!” เสียงร้องคำรามของวายุดังไปทั่วทั้งบริเวณ วายุทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูอย่างคนหมดแรง เจ้าตัวร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครราวกับว่าใจจะขาด
ออกัสที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของไฟร้องไห้ออกมาจนตัวโยน ส่วนไฟเองก็น้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันเมื่อได้เห็นภาพแสนสะเทือนใจตรงหน้า
Comments (0)