58 ตอน สายน้ำคนเดิม
โดย Beloved_Moouan
เช้าวันรุ่งขึ้นวาริพาทุกคนไปดูคนงานเก็บใบชาที่ไร่ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวรอบสุดท้ายของปีนี้คือจะเริ่มเก็บตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
วันนี้ทุกคนไม่ได้ไปช่วยคนงานเก็บใบชาที่ไร่ เพราะกลัวว่าจะเก็บผิดเก็บถูกนั่นเอง เพราะการเก็บใบชานั้นค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อน และเป็นขั้นตอนที่สำคัญเนื่องจากต้องอาศัยความละเอียดในการเก็บ การเก็บจะต้องเลือกเก็บเฉพาะยอดชาที่ตูมและใบที่ต่ำจากยอดตูมลงมา 2-3 ใบ ซึ่งมันไม่ง่ายเหมือนกับที่พวกเค้าไปเก็บส้มกันเมื่อวาน จึงทำได้แค่เป็นผู้ชมที่ดีเท่านั้น
พอตกบ่ายทุกคนก็ชวนกันออกไปขับรถกอล์ฟเล่นเพื่อตระเวนดูบรรยากาศรอบๆไร่และสวน แต่พอผ่านสวนส้มที่คนงานกำลังเก็บส้มกันต่อจากเมื่อวานอยู่ สายน้ำก็แทบจะพุ่งลงจากรถไปช่วยคนงานเก็บส้มแทบจะทันที ทำให้เจ้าตัวนั้นถูกวายุดุไปยกใหญ่ ที่จะลงจากรถตอนที่รถยังจอดไม่สนิทดี ทำให้เกือบเสียหลักตกลงจากรถ ดีที่วายุนั้นมือไวคว้าไว้ได้ทันเสียก่อน หลังจากนั้นรอยยิ้มก็หายไปจากหน้าของคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลาทันที
“น้องน้ำวันนี้กับข้าวอร่อยไม่ถูกปากเหรอคะ ทำไมดูไม่ค่อยเจริญอาหารเหมือนวันก่อนๆเลยล่ะคะ” แม่ของวาริที่สังเกตเห็นว่าสายน้ำนั้นเงียบและกินน้อยกว่าทุกวันจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะปกติแล้วสายน้ำจะเจริญอาหารมากกว่าใครเพื่อนและจะกินไม่ต่ำกว่าสองจานทุกครั้ง
“อาหารอร่อยมากเลยครับคุณแม่ แต่วันนี้น้ำเหนื่อยๆเพลียๆไปหน่อยน่ะครับ” สายน้ำตอบแม่ของวาริพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆไปให้ ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันหันไปมองหน้าวายุตัวต้นเหตุที่ทำให้นางฟ้าตัวน้อยของกลุ่มต้องมาตกอยู่ในอารมณ์แบบนี้ทันที เพราะพอไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของสายน้ำแล้วกลุ่มของพวกเค้าก็พลอยพากันเงียบไม่มีเรื่องคุยกันไปด้วย
พอทานอาหารเย็นกันเสร็จทุกคนก็พากันมานั่งเล่นที่โต๊ะไม้ตัวยาวหน้าที่พักเหมือนเช่นทุกวัน จะมีก็แต่วายุที่เดินจูงมือคนตัวเล็กของเค้าแยกมานั่งที่ชิงช้าถัดมาข้างๆไม่ไกลนัก วายุอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งตักโดยให้หันหน้าเข้ามาหาเค้า โดยที่สายน้ำก็ไม่มีท่าทีอิดออดแต่อย่างใดเพียงแต่ไม่พูดและไม่มองหน้าวายุเท่านั้นเอง
“ตัวเล็กครับ อย่าเป็นแบบนี้สิครับ พี่ขอโทษที่พี่ดุ ขอโทษที่พี่เสียงดังใส่ ตอนนั้นพี่ตกใจมากไปหน่อยคิดว่าตัวเล็กจะตกลงจากรถ ถ้าเกิดตัวเล็กตกลงมาจากรถจริงๆจะทำยังไงครับ ถ้าพี่คว้าเอาไว้ไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นครับ หืมม” วายุพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุดเพื่ออธิบายให้คนบนตักได้ฟังและเข้าใจถึงเหตุผลที่เค้าต้องดุต้องว่า
“แต่พี่กายเสียงดังใส่น้อง ไม่ต้องพูดเสียงดังก็ได้นี่ครับ พูดกับน้องปกติน้องก็เข้าใจนี่ครับ น้องเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายจะตาย” สายน้ำพูดพร้อมกับน้ำตาค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม เพราะวายุนั้นดุเค้าเสียงดังจริงๆจนทุกคนและคนงานในสวนที่เก็บส้มกันอยู่ยังตกใจ
“พี่กายขอโทษนะครับที่เสียงดังใส่ ต่อไปพี่กายจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษนะครับ เราคืนดีกันได้มั้ยครับ” วายุพูดพร้อมใช้นิ้วเรียวยาวเช็ดน้ำตาให้กับคนรัก เค้ายอมรับว่าเค้าตกใจมากตอนที่เห็นว่าสายน้ำกำลังเสียหลักจะตกจากรถ จึงทำให้เผลอตวาดคนตัวเล็กของเค้าไปซะเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงน้องจะผิดแต่เค้าก็ไม่สมควรที่จะเสียงดังใส่น้องไปแบบนั้น
สายน้ำยังคงนั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้นไม่ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าวายุ แต่กลับหันไปหาหินผาที่กำลังมองมาทางเค้าสองคนอยู่ หินผาที่เห็นน้องชายมองมาทางตัวเองก็ลุกขึ้นไปหาน้องโดยทันที เพราะรู้ว่าน้องชายคงกำลังต้องการความช่วยเหลือจากตัวเองอยู่
หินผาเดินลงไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ทำจากขอนไม้ใกล้ๆกับชิงช้าที่วายุและสายน้ำนั่งอยู่ สายน้ำก็ลุกขึ้นจากตักของวายุและมานั่งที่ตักของหินผาแทน
ทุกคนก็ได้แต่คอยฟังและนิ่งเงียบ ต่างภาวนาให้เหตุการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว เพราะถ้าไม่เช่นนั้นแล้วงานนี้ได้มีกร่อยแน่ เนื่องจากสายน้ำนั้นเป็นตัวสีสันของทริปเที่ยวทริปนี้เลย
“น้องน้ำเป็นอะไรครับ ไหนบอกพี่สิครับ หืมม” หินผาเอ่ยถามน้องชายขึ้นเพราะเค้าเห็นสายตาที่ต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเค้า
“น้องกลัว น้องกลัวพี่กายครับ ฮึก” สิ้นสุดคำพูดของสายน้ำหินผากับวายุถึงกับต้องหันมามองหน้ากันทันที ตลอดช่วงบ่ายที่สายน้ำไม่กล้าที่จะมองหน้าและสบตากับเค้าเพราะว่าคนตัวเล็กนั้นกลัวเค้าอยู่นั่นเอง นี่เค้าทำอะไรลงไปเผลอเอานิสัยที่เคยทำกับคนอื่นมาลงกับคนรักของตัวเองอย่างนั้นหรือ
“น้องน้ำฟังพี่ผานะครับ ไอ้วายุมันไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับ ที่มันต้องดุและต้องว่าน้องเพราะว่ามันเป็นห่วงน้องมาก กลัวว่าน้องจะตกรถและได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ที่จริงน้องน้ำเป็นคนผิดใช่มั้ยครับที่ทำอะไรไม่ทันระวัง แต่ใช่ว่าไอ้วายุมันก็จะไม่ผิดด้วย มันก็ผิดที่ตวาดใส่น้องเสียงดัง ซึ่งมันก็ขอโทษน้องแล้วไม่ใช่เหรอครับ” หินผาค่อยๆอธิบายให้น้องได้เข้าใจ ถึงแม้บางครั้งสายน้ำนั้นจะดูมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ก็จริง แต่ถ้ามีเรื่องที่ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจหรือเรื่องที่ทำให้จิตใจต้องอ่อนไหวแล้วนั้น น้องชายของเค้าคนนี้ก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง
“น้องรู้ครับว่าน้องผิดที่ทำอะไรไม่ทันคิดก่อน แต่ก็น่าจะพูดกับน้องดีๆก็ได้นี่นา พี่ผาก็รู้ว่าน้องไม่ชอบให้ใครมาตะคอกใส่ ไม่ชอบให้ใครมาตวาดเสียงดังใส่น้อง” สายน้ำพูดบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ให้ตัวเองต้องร้องไห้ออกมาอีก ทำให้เค้าคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เค้าต้องถูกทำโทษโดยการโดนหยิก
สายน้ำพอเผลอคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำที่ผ่านมากก็ใช้มือหยิกไปที่แขนของตัวเองทันทีจนขึ้นรอยแดง
“ตัวเล็กครับพี่ขอโทษนะครับที่พี่เผลอตะคอกใส่ตัวเล็ก พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำมันอีกนะครับ แค่นี้พี่ก็ปวดใจจะแย่แล้วที่ทำให้ตัวเล็กต้องมาเสียความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กับพี่ เรามาดีกันเถอนะครับนะ” วายุที่เห็นน้องเริ่มที่จะหยิกแขนตัวเองก็รีบพุ่งมาจับมือของคนตัวเล็กไว้ในทันที เค้าพูดด้วยน้ำอ้อนวอนราวกับจะขาดใจ เค้ากลัวว่าความรู้สึกนี้จะเกาะติดและฝังใจอยู่กับคนตัวเล็กของเค้าไม่ไปไหน
สายน้ำที่ได้ฟังน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความเจ็บปวดของคนพี่แล้วก็ค่อยๆหันมามองหน้าของวายุ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เกิดเรื่องแล้วเค้าได้มองหน้าคนพี่แบบเต็มๆ
“พี่กายสัญญากับน้องได้มั้ยครับ ว่าจะไม่ทำแบบนี้กับน้องอีก ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะย้ายกลับไปอยู่บ้านไปอยู่กับป๊ากับม๊าจะไม่อยู่กับพี่กายแล้วด้วย” สายน้ำพูดด้วยใบหน้าที่งอง้ำ มันทำให้ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวเป็นไหนๆ
“ครับๆ พี่สัญญาครับว่าพี่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาดครับ มาให้พี่กอดหน่อยนะครับคนดี” วายุถึงกับยิ้มได้เมื่อน้องยอมหันมาพูดและสบตาด้วย พร้อมกับกางมือรับคนตัวเล็ก
หมับ! ฟอด! ฟอด!
วายุกอดคนตัวเล็กไว้แน่นพร้อมกับหอมลงไปที่เส้นผมนุ่มอย่างโหยหา นี่ขนาดผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังทำให้เค้าใจแทบจะขาดเสียให้ได้ เค้าคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตนี้ของเค้าถ้าไม่มีคนในอ้อมกอดนี้อยู่เค้าจะอยู่ต่อไปได้ยังไงกัน
“น้องก็ต้องขอโทษพี่กายด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไม่รู้จักคิดไม่รู้จักระวังตัวเองทำให้พี่กายต้องเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร ถือซะว่าเราหายกันนะครับ จุ๊บ!” วายุพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบที่ปากของคนรักด้วยความคิดถึง
“แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ” ทันทีที่สายน้ำพูดขึ้นด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา ทุกคนที่กำลังยิ้มอยู่ถึงกับต้องหุบยิ้มลงในทันที
“มีอะไรเหรอครับ หืมม”
“น้องยังไม่ได้พูดเลยนะครับ ว่าน้องจะยกโทษให้พี่กาย น้องพูดแค่ว่าน้องขอโทษในส่วนที่น้องทำผิดแค่นั้นเองนะครับ” นี่ไงสายน้ำคนเดิมกลับมาแล้วไงวายุได้แต่คิดอยู่ในใจ
“แล้วต้องทำยังไงตัวเล็กถึงจะหายโกรธพี่กายคนนี้ล่ะครับ บอกพี่ทีสิครับ” วายุถามขึ้นยิ้มๆ เค้าพอจะรู้ว่าคนตัวเล็กของเค้านั้นต้องการอะไร มีไม่กี่อย่างหรอกที่คนตัวเล็กของเค้านั้นต้องการเวลาที่โกรธหรือต้องการจะให้เค้าง้อ
“อืมม งั้นพรุ่งนี้พี่กายต้องพาน้องไปเที่ยวที่ไนท์บาซาร์ แล้วพอกลับไปกรุงเทพพี่กายก็ต้องพาน้องไปดูหนังเรื่องอเวนเจอร์สที่น้องชอบ แล้วพี่กายก็ต้องพาน้องไปกินอาหารญี่ปุ่นพาน้องไปกินไอศกรีม แล้วพี่กายก็ต้องพาน้องไปเดินช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้า แล้วพี่กายก็ตะ.......อื้ออ” ยังไม่ทันที่สายน้ำจะพูดจบก็โดนวายุจูบปิดปากเข้าซะก่อนโดยเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดจะแคร์สายตาน้องๆหรือเพื่อนๆที่กำลังมองมายังเค้าทั้งสองคนเลย
“หึๆ พี่กายจะต้องทำอะไรอีกมั้ยครับ ไหนบอกอีกทีสิครับ หืมม” วายุกัดฟันพูดด้วยความมันเขี้ยวคนตัวเล็กเต็มที
“พี่กายอ่ะ ไม่เห็นรึไงว่าทุกคนก็อยู่ พี่กายไม่อายแต่น้องอายนะครับ” สายน้ำที่พอได้สติก็โวยวายใส่คนพี่ที่ส่งยิ้มมาให้เค้าอยู่
“ไม่เป็นไรเลยน้ำเบลชอบดูเบลฟิน ฮ่าๆๆ” เบลพูดแล้วก็ตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนที่กลับมาหัวเราะได้อีกครั้ง
“เบลอ่ะ น้ำโป้งเบลแล้วด้วย โป้ง” สายน้ำพูดจบก็ลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่พักด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“เฮ้อ!” หินผากับวายุถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันทีที่สายน้ำวิ่งหายเข้าไปในรีสอร์ต
“มึงรู้มั้ยว่าตอนที่มึงตะคอกใส่น้องมึงดูน่ากลัวขนาดไหน ไม่อย่างนั้นน้องน้ำคงไม่ออกอาการกลัวมึงแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่างมึงคงจะไม่ลืมว่าน้องน้ำเคยผ่านอะไรมาบ้าง” หินผาพูดถามเพื่อนขึ้นมา ใช่ว่าเค้าจะไม่เห็นตอนที่น้องชายเค้าเริ่มที่จะหยิกลงไปที่แขนของตัวเองอีกแล้ว
“เออ กูก็พอจะรู้ตัวเองอยู่ กูขอโทษจริงๆว่ะกูลืมตัวไปหน่อย อะไรที่เกี่ยวกับตัวเล็กมักจะทำให้กูสติหลุดทุกที ต่อไปนี้กูจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน” หินผาได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนตัวเอง เค้ารู้ดีว่าเพื่อนของเค้าคนนี้ปรับตัวค่อนข้างมากเลยทีเดียวที่จะต้องมาเป็นแฟนกับน้องชายของเค้า แต่ก็นั่นแหละนะทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันเป็นคนเลือกของมันเองทั้งนั้น
“ว่าแต่ว่าพรุ่งนี้เราจะไปเดินที่ไนท์บาซาร์กันใช่มั้ยคะ เบลอยากไปเดินตั้งนานแล้วค่ะ”
“ก็ลองไม่ไปดูสิครับน้องเบล คนแถวนี้ได้มีงานเข้าอีกรอบแน่ ฮ่าๆๆ” ดินพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาทำให้ทุกคนพลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย
………………………………..
“และแล้วคนเราทุกคนก็ต้องกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงที่แสนเจ็บปวดอีกครั้ง ฮือออ” ตอนนี้ทุกคนเพิ่งลงจากเครื่องที่บินมาจากเชียงใหม่กัน เบลถึงกลับโอดครวญมาตลอดทางเพราะไม่อยากที่จะกลับมาเรียน เนื่องจากวันจันทร์ที่กำลังจะถึงนี้พวกเค้าจะต้องกลับไปเรียน ส่วนพี่ๆก็จะต้องเริ่มไปฝึกงานกันแล้ว
หลังจากที่วันต่อมาพวกเค้าได้ไปเที่ยวที่ไนท์บาซ่าร์เชียงใหม่กันมาแล้ว วันรุ่งขึ้นและวันที่เหลือทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกันทำกิจกรรมของใครของมัน บ้างก็นอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องเฉยๆ บ้างก็นอนเล่นเกมกัน พอเบื่อๆก็ออกมาปั่นจักรยานไปรอบๆไร่ชาและสวนส้ม ใครที่ขี้เกียจหน่อยก็ขับรถกอล์ฟเอา ส่วนสายน้ำนั้นก็แทบจะเป็นขาประจำที่สวนส้มไปโดยปริยาย พอถึงวันที่จะต้องกลับสายน้ำก็ไปร่ำลาคนงานในสวนถึงที่ และสัญญาว่าปิดเทอมครั้งหน้าจะมาช่วยเก็บส้มใหม่ ทำให้คนงานทุกคนต่างพากันยิ้มให้กับความน่ารักของคนตัวเล็กที่แสนจะขยันคนนี้
“เฮ้อ! คิดถึงสวนส้มจัง” พอถึงห้องสายน้ำก็ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาตัวใหญ่นุ่มทันที วายุเดินเข้าห้องมาทีหลังพร้อมกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบและกล่องส้มอีกหนึ่งกล่องที่เอามาจากสวนของที่บ้านวาริ
“หึๆ เราเพิ่งจะมาถึงกันเองนะครับ คิดถึงแล้วเหรอ ฟอด!” วายุวางกล่องส้มไว้ที่โต๊ะในครัวและล้มตัวมานอนคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้
“คิดถึงแล้วครับ น้องคิดถึงอากาศเย็นๆสบายๆ คิดถึงพระอาทิตย์ขึ้น คิดถึงพระอาทิตย์ตก คิดถึงทะเลหมอก คิดถึงโลกที่ไม่มีความวุ่นวาย คิดถึงคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอาที่น่ารักแล้วก็ใจดีทุกคนเลยครับ”
“เอาไว้ปิดเทอมปีหน้าเราค่อยไปใหม่ก็ได้นี่ครับ ไปช่วงนี้อากาศกำลังดีไม่ร้อนแล้วก็ไม่หนาวไปด้วย”
“พี่กายสัญญาแล้วนะครับ ว่าจะพาน้องไปถ้าไม่พาไปน้องจะโกรธพี่กายจริงๆ ด้วย”
“ครับๆ พี่กายคนนี้ขอสัญญาด้วยเกียรติของแฟนตัวเล็กคนนี้เลยครับผม จุ๊บๆๆ” วายุพูดพร้อมกับพรมจูบไปทั่วหน้าทั่วคอของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง
“คิ๊กๆ พี่กายพอแล้วครับ น้องจั๊กจี้ ฮ่าๆๆ” พอคนตัวเล็กร้องขอออกมาวายุก็หยุดทันที ทำให้สายน้ำถึงกับนอนหายใจหอบอยู่อย่างนั้น
“หายใจช้าๆ ลึกๆ ครับ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมอยู่แถวไรผมของคนที่นอนหายใจหอบอยู่
“น้องอยากอาบน้ำแล้วก็นอนพักสักหน่อยครับ น้องเริ่มเหนียวตัวแล้วก็รู้สึกเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้ครับ” สายน้ำที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นจู่ๆก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจึงเอ่ยปากบอกคนพี่
“ปวดหัวหรือไม่สบายตรงไหนรึเปล่าครับ” วายุที่เห็นคนตัวเล็กของเค้านิ่งไปก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที เค้ายกมือขึ้นมาอังหน้าผากของคนตัวเล็กก็ไม่พบว่าตัวร้อนหรืออย่างไร
“ไม่ครับแค่รู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อย สงสัยเมื่อกี๊จะสะบัดหัวแรงไปหน่อยน่ะครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำนะครับจะได้นอนพัก”
หลังจากที่ทั้งคู่พากันอาบน้ำแล้ว วายุก็พาสายน้ำมานอนที่เตียงใช้เวลาไม่นานสายน้ำก็หลับไปแทบจะในทันทีพร้อมกับหน้าที่ซีดลงเล็กน้อย วายุได้แต่คิดว่าหลายวันมานี้สายน้ำคงจะใช้ร่างกายหนักไปหน่อย ไหนจะลงไปช่วยคนงานเก็บส้มที่สวนไม่เว้นแต่ละวัน พอว่างเข้าหน่อยก็พากันปั่นจักรยานไปรอบๆไร่รอบๆสวนอีก แทบจะไม่มีเวลาไหนที่คนตัวเล็กของเค้ายอมที่จะนั่งอยู่เฉยๆเลย
Comments (0)