62 ตอน ติดกลิ่นตัว
โดย Beloved_Moouan
“น้ำทางนี้ สวัสดีค่ะพี่วายุ / สวัสดีครับพี่วายุ” เบลขวักมือเรียกเมื่อเห็นสายน้ำและวายุกำลังเดินมาที่โต๊ะที่เธอและออกัสนั่งอยู่ สายน้ำเดินมาโดยมีวายุคอยกอดเอวประคองมาแบบไม่ห่าง สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาวๆที่นั่งอยู่บริเวณใกล้ๆ และคนที่เดินผ่านไปมาเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่ามอง เพราะทุกคนรู้ถึงกิตติศัพท์ของวายุกันเป็นอย่างดี
“วันนี้เป็นยังไงบ้างยังเวียนหัวอยู่รึเปล่า” เบลถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะเมื่อวานเพื่อนตัวเล็กของเธอพอได้กลิ่นก๋วยเตี๋ยวที่ออกัสสั่งมากินตอนกลางวัน ก็เกิดอาการพะอืดพะอมขึ้นมาทันที แทบจะวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำเกือบไม่ทัน
หลังจากนั้นสายน้ำก็วานให้อิฐไปส่งตัวเองหาวายุที่บริษัท พอเจ้าตัวเปิดประตูห้องเข้าไปได้ก็แทบจะกระโจนเข้าหาวายุแทบจะทันที พร้อมกับซุกหน้าเข้าหาซอกคอหอมของคนรัก ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่สายน้ำติดกลิ่นตัวของวายุค่อนข้างมาก เจ้าตัวบอกว่าพอได้กลิ่นตัวหอมของคนรักแล้วทำให้หายเวียนหัวไปได้ในทันทีเลย ซึ่งวายุเองก็ชอบที่จะคนรักของตัวเองอ้อนแบบนี้ เจ้าตัวรู้สึกว่ามันน่ารักดีมันทำให้รู้สึกถึงความสำคัญของตัวเองแบบบอกไม่ถูก
เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่สายน้ำรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ สายน้ำยังคงไปเรียนตามปกติโดยจะมีอิฐ ออกัส และเบลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ยิ่งอิฐเองด้วยแล้วแทบจะประคองสายน้ำทุกย่างก้าวจนเพื่อนๆต้องขอร้องให้ลดๆลงบ้าง นี่ถ้าใครไม่รู้ว่าสายน้ำเป็นแฟนกับวายุและไม่รู้ว่ากลุ่มของพวกเค้าสนิทกับกลุ่มของรุ่นพี่ก็คงจะคิดว่าอิฐต้องเป็นแฟนกับสายน้ำอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่เพื่อนๆและสายน้ำบอกให้อิฐเพลาๆหรือลดความเป็นห่วงสายน้ำลงมาบ้าง อิฐก็ยังคงปฏิบัติแบบเดิม ขนาดที่ว่าสายน้ำไปเข้าห้องน้ำอิฐยังต้องตามไปเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วยทุกครั้งเพราะกลัวว่าเพื่อนตัวเล็กของตัวเองนั้นจะลื่นล้มในห้องน้ำ จนทุกคนได้แต่ปล่อยและทำใจในที่สุด
“น้ำไม่เป็นอะไรแล้ว ถ้าไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆหรือกลิ่นอะไรที่รุนแรงอ่ะนะ” สายน้ำพูดยิ้มๆแล้วหยิบเสื้อคลุมแขนยาวที่คล้องผูกไว้ที่คอขึ้นมาดมไปด้วย
“แล้วนี่เสื้อใครอ่ะน้ำ” ออกัสที่เห็นเพื่อนนั่งดมเสื้อตัวนี้ตั้งแต่มาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อ๋อ เสื้อที่ใส่แล้วของพี่กายน่ะ” สายน้ำพูดตอบเพื่อนยิ้มๆด้วยความเขิน แต่จะให้เค้าทำยังไงได้ล่ะ ก็พอได้กลิ่นตัวของคนรักทีไรมันก็ทำให้เค้ารู้สึกดีและไม่มีอาการเวียนหัวเลย ในเมื่ออยู่ใกล้คนรักไม่ได้ตลอด เจ้าตัวก็เลยไปหาเสื้อที่วายุใส่แล้วมาไว้ติดตัวแทน
“หือออ” เบลกับออกัสถึงกับร้องออกมาพร้อมกันกับคำตอบของสายน้ำ แต่ทั้งสองก็พยักหน้าเข้าใจตามมาด้วยอีกที
“ตัวเล็กครับเดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้พี่ทับมารับไปหาพี่ที่ทำงานนะ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบที่หน้าท้องของคนรักที่ตอนนี้นูนขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
“ครับ พี่กายก็ขับรถดีๆนะครับน้องเป็นห่วง”
“ครับเดี๋ยวถ้าพี่ถึงแล้วพี่จะไลน์บอกนะ อยู่ทางนี้ก็ระวังตัวเองดีๆ ค่อยๆเดินอย่าเดินเร็วนะครับ” วายุพูดพร้อมกับหันมองซ้ายมองขวาไปด้วย
“พี่กายมองหาอะไรเหรอครับ” สายน้ำถามขึ้นแต่ก็หันมองตามวายุไปด้วย
“นี่ไอ้อิฐยังไม่มาเหรอ” วายุหันไปถามเบลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“นั่นไงคะ กำลังเดินมาพอดี” เบลที่เห็นอิฐกำลังเดินมาเลยชี้ให้วายุดู
วายุพอเห็นอิฐก็ถึงกับถอนหายใจโล่งขึ้นมาทันที เพราะอิฐเป็นคนที่เค้าค่อนข้างไว้ใจที่จะให้ดูแลคนตัวเล็กแทนเค้าได้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆอิฐน่าจะเป็นคนที่ช่วยสายน้ำได้มากที่สุด
“ไงเฮียคิดถึงผมรึไง” อิฐหันไปทักวายุและส่งยิ้มไปให้แบบกวนๆพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งข้างๆกับสายน้ำ
“กูจะไปทำงานแล้วฝากดูตัวเล็กด้วยมีอะไรให้รีบโทรบอก เบบี๋ครับคุณพ่อไปทำงานแล้วนะครับอย่าดื้อกับคุณแม่นะครับรู้มั้ย” วายุพูดบอกอิฐและหันมาพูดและลูบที่ท้องของสายน้ำอย่างเบามือ
ทุกคนได้แต่นั่งยิ้มให้กับท่าทางอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลของวายุ ที่คงจะมีแต่ลูกกับเมียของเจ้าตัวเท่านั้นแหละที่จะได้รับมัน
“เอ้อ เบลว่าจะถามว่าแล้วงานแต่งของน้ำนี่สรุปว่าจัดที่บ้านหรือว่าที่โรงแรมเหรอ” เบลถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานแต่งของเพื่อนตัวเล็กยังหาข้อสรุปเรื่องสถานที่จัดงานยังไม่ได้ เนื่องจากสายน้ำนั้นอยากจะให้จัดที่บ้านและเชิญเฉพาะแขกที่สนิทกันเหมือนกับตอนงานหมั้นเท่านั้นม่อยากให้งานแต่งต้องใหญ่โตอะไรมากมาย
“เฮ้อ! พูดถึงเรื่องนี้แล้วน้ำเครียดขึ้นมาทันทีเลยอ่ะเบล”
“ทำไมล่ะ” เบลกับออกัสถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“ก็ทั้งป๊าม๊าแล้วก็คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่กายไม่ยอมให้จัดที่บ้านน่ะสิ บอกว่าที่บ้านมันแคบเกินไปเลยให้ไปจัดที่โรงแรมสาขาใหญ่ของบริษัทพ่อพี่กายแทน น้ำไม่ได้อยากให้งานมันใหญ่โตอะไรขนาดนั้นมันสิ้นเปลืองเปล่าๆ” สายน้ำพูดพร้อมกับทำหน้ายู่ไปด้วย แต่ก็ยังยกเสื้อของวายุขึ้นมาสูดดมอยู่เป็นระยะ
“น้ำก็ต้องเข้าใจนะ ว่าสองตระกูลใหญ่มาแต่งงานกันจะให้จัดงานเล็กๆก็คงจะไม่ได้ ดูอย่างงานหมั้นคราวที่แล้วสิเฉพาะแขกที่เป็นผู้ใหญ่ของป๊าม๊าแล้วก็พ่อแม่ของพี่วายุแล้วก็แทบจะล้นบ้านของน้ำอยู่แล้ว ขนาดบ้านของน้ำออกจะกว้างซะขนาดนั้น”
“ป๊ากับม๊าก็พูดแบบเดียวกันกับเบลเป๊ะเลย น้ำกับพี่กายก็เลยต้องตามใจแล้วแต่ป๊าม๊าและก็คุณพ่อกับคุณแม่พี่กายน่ะ”
“หึๆ เลิกทำหน้างอได้แล้วเดี๋ยวหลานอิฐออกมาหน้าจะงอไปด้วยนะ” อิฐพูดพร้อมกับลูบผมเพื่อนตัวเล็กไปด้วย สายน้ำจึงค่อยๆยิ้มออกมาได้ ทั้งยังรู้สึกเหมือนกับว่าอิฐเป็นพี่ชายคนหนึ่งมากกว่าจะเป็นเพื่อนกันเสียอีก
“เช้านี้น้ำกินอะไรมารึยัง” ออกัสถามขึ้นเมื่อใกล้เวลาจะได้เข้าเรียนแล้ว เพราะทั้งเค้าและเบลกินกันเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้าพี่กายทำแซนด์วิชแซลมอนรมควันให้กินน่ะ” สายน้ำพูดตอบเพื่อนยิ้มๆ เพราะตั้งแต่ที่วายุรู้ว่าเค้าท้องและแพ้กลิ่นอาหาร วายุก็จะเป็นคนตื่นขึ้นมาทำอาหารให้กับเค้ากินด้วยตัวเองทุกเช้า เพราะกลัวว่าเค้าจะกินอาหารจากที่อื่นไม่ได้เพราะว่าอาจจะมีกลิ่นแรงหรือใส่พวกผงชูรสเยอะจนเกินไป อย่างวันนี้วายุก็ทำยำหมูยอกับหมูสับมาให้กับเค้าได้กินตอนกลางวันแบบแยกน้ำยำไว้ โดยที่ไม่ลืมกำชับว่าต้องกินควบคู่กับข้าวไปด้วยเพื่อกันไม่ให้ปวดท้อง
“ไม่น่าเชื่อเน๊อะเห็นมาดนิ่งๆดุๆแบบนั้นจะทำอาหารเก่งขนาดนี้” เบลพูดขึ้นยิ้มๆ
หลังจากที่นั่งคุยกันอีกสักพักพวกเค้าทั้งหมดก็พากันขึ้นเรียนโดยมีอิฐคอยประคองสายน้ำอยู่ไม่ห่างเหมือนเดิม
...................................
“ตัวเล็กเมื่อยมั้ยครับ” วายุหันมาถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเอง ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในชุดสูทสีครีมสะอาดตา และกำลังยืนรับแขกที่กำลังทยอยเข้ามาในงานแต่งของคนทั้งคู่
“ไม่ค่อยเมื่อยเท่าไหร่ครับ แต่ว่าจะหน่วงๆที่ท้องมากกว่า” สายน้ำพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบที่ท้องของตัวเองที่ตอนนี้ใกล้จะได้สามเดือนแล้ว และท้องก็เริ่มที่จะนูนออกมาอีกหน่อยแล้ว แต่ด้วยความที่สายน้ำเป็นคนที่ตัวเล็กมากจึงทำให้เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่บวกกับที่ใส่เสื้อแบบไม่เข้ารูปด้วยแล้วก็แทบจะมองไม่รู้เลยว่าเจ้าสาวนั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่
“งั้นพี่ว่าเราไปนั่งพักกันก่อนดีกว่านะครับ ไอ้ผากูวานไปบอกป๊ากับม๊าทีว่ากูจะพาตัวเล็กไปนั่งพักสักแป๊บก่อน ตัวเล็กปวดหน่วงๆที่ท้อง” ทันทีที่วายุพูดจบก็เดินอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปออกไปทันที โดยที่ไม่ได้สนใจใครเลย
“เป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง” วายุถามคนที่ซุกหน้าเข้าหาซอกคอของตัวเอง มือใหญ่ก็ลูบไปที่ท้องของคนตัวเล็กไปมาด้วย
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ ไม่ค่อยปวดแล้ว” สายน้ำตอบออกมาเสียงเบาเหมือนคนกำลังจะหลับอย่างไงอย่างนั้น
“น้องเป็นยังไงบ้างลูก” เป็นม๊าที่เปิดประตูเข้ามาและถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วครับ ไม่ค่อยปวดท้องแล้ว แต่ว่าเหมือนน้องจะเพลียแล้วก็ง่วงด้วย” เพราะวันนี้ทั้งคู่ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาแต่งหน้าและใส่บาตร
“น้องน้ำเป็นยังไงบ้างคะ ไหวมั้ยลูก” ม๊าลงไปนั่งข้างๆกับลูกชายคนเล็กแล้วลูบไปที่แก้มนุ่มเบาๆ
“ไหวครับม๊า แล้วนี่ข้างนอกเป็นยังไงบ้างครับ” สายน้ำลุกขึ้นมานั่งตัวตรงและถามขึ้น
“แขกเริ่มจะมากันครบแล้วจ้ะ เดี๋ยวก็จะเริ่มพิธีการบนเวทีกันแล้ว ม๊าเลยเข้ามาดูน้องน้ำก่อนว่าพร้อมรึยัง”
“งั้นก็ไปกันเลยก็ได้ครับ น้ำไม่เป็นอะไรมากแล้ว” สายน้ำพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ม๊าเพื่อให้ท่านสบายใจ
“ตัวเล็กไหวแน่นะครับ หน้ายังดูซีดอยู่เลย” วายุถามด้วยความเป็นห่วงเพราะสีหน้าของคนตัวเล็กนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะคนในงานค่อนข้างที่จะเยอะจนตาลายไปหมด
“สบายมากครับ พี่กายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ นี่งานสำคัญของเราสองคนเลยนะครับน้องจะไม่ไหวได้ยังไง” สายน้ำพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้
“งั้นก็ไปกันเถอะจ้ะอีกไม่นานก็จบพิธีแล้ว อดทนหน่อยนะคะน้องน้ำคนเก่งของม๊า”
“ฟอด! เป็นยังไงบ้างครับเหนื่อยมั้ยครับ” หินผาเดินมาหาคู่หมั้นของตัวเองพร้อมกับกดจมูกลงไปที่แก้มนุ่มเมื่อเห็นว่าปลอดคน ในขณะที่วารินั้นกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่ที่โต๊ะที่ให้แขกเขียนคำอวยพรให้แก่บ่าวสาว
ทั้งสองคนนั้นหมั้นกันตั้งแต่เดือนที่แล้วในวันหยุดยาวสามวัน โดยที่ทั้งครอบครัวของหินผารวมถึงคุณปู่คุณย่าและเพื่อนๆของทั้งสองคนพากันบินไปที่บ้านของวาริที่เชียงใหม่กัน
“อื้ออ พี่ผาเดี๋ยวใครมาเห็น ทำไมชอบทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้ครับเนี่ย” วาริพูดพร้อมกับหันมองซ้ายมองขวา
“หึๆ ไม่มีใครเห็นหรอกครับเค้าเข้าไปในงานกันหมดแล้วครับ จะเหลือก็แต่น้องวานี่แหละครับมานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวครับ หืมม” หินผาพูดพร้อมกับนั่งยองๆอยู่ข้างๆเก้าอี้ของวาริและดึงตัววาริเข้ามากอด
“วากำลังเก็บรวบรวมสมุดที่แขกเขียนคำอวยพรอยู่น่ะครับ แล้วพี่ผาล่ะครับเหนื่อยรึเปล่า” วาริพูดพร้อมกับใช้นิ้วเรียวลูบไปตามไรผมของคนตัวใหญ่
“แค่เห็นหน้าน้องวาพี่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะครับ จุ๊บ!”
“พี่ผา เดี๋ยวมีใครมาเห็นทำไมเป็นคนแบบนี้ไปได้ครับ” ทันทีที่หินผาจูบลงมาที่ปากของตัวเองวาริก็โวยขึ้นทันที ถึงแม้เค้าจะเคยชินกับการกระทำแบบนี้แล้วแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เลือกสถานที่ซะเมื่อไหร่กัน
ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเค้าทั้งคู่ดีขึ้นมาก นับตั้งแต่ที่กลับมาจากที่บ้านของวาริเมื่อตอนปิดเทอม วาริเองก็พยายามที่จะแสดงออกและเข้าหาคนตัวใหญ่ให้มากขึ้น พยายามที่จะกดอาการเขินอายของตัวเองไว้ให้ได้ เพราะสิ่งที่คนตัวใหญ่ของเค้าทำให้แต่ละอย่างนั้นมันชวนให้ต้องเขินอายด้วยกันทั้งนั้น
“งั้นถ้าไม่มีใครมาเห็นพี่ก็ทำได้ใช่รึเปล่าครับ แล้วถ้าพี่ขอทำมากกว่าที่เคยทำนี่จะได้มั้ยครับ หืมม” หินผาพูดพร้อมกับปัดป่ายจมูกโด่งเฉียดแก้มที่เริ่มจะขึ้นสีไปมา
“เอ่อออ วาว่าเรารีบเข้าไปในงานกันดีกว่านะครับ ป่านนี้พิธีการน่าจะเริ่มกันแล้ว” วาริรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องในทันที ซึ่งหินผาก็ยอมปล่อยน้องโดยดีเหมือนกันเมื่อเห็นว่าคนน้องนั้นเขินจนแก้มแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกแล้ว
“ตัวเล็กเหนื่อยมั้ยครับ แล้วยังเจ็บท้องอยู่รึเปล่าครับ” หลังจากที่พิธีการอะไรต่างๆเสร็จสิ้นแล้วรวมทั้งการส่งตัวเข้าหอด้วย วายุก็พาสายน้ำมานั่งลงที่เตียงนอนพร้อมทั้งกับนั่งลงไปถอดถุงเท้าและรองเท้าให้กับคนตัวเล็กเหมือนที่เคยทำ
“ไม่แล้วนะครับ ตอนนี้น้องรู้สึกเฉยๆแล้วก็สบายมากเลยครับ สงสัยตอนนั้นคงจะยืนนานไปหน่อยน่ะ แล้วพี่กายละครับเหนื่อยรึเปล่าที่ต้องคอยดูแลน้องตลอดเลย”
“พี่ไม่เหนื่อยเลยครับ อะไรที่ทำเพื่อลูกเพื่อเมียพี่เต็มใจครับ” วายุลุกขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆกับสายน้ำและดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้
“เมียเมออะไรเล่า” สายน้ำพูดออกมาเสียงเบาอยู่ที่อกของคนพี่ด้วยความเขิน ที่ถูกเรียกว่าเมียเต็มปากเต็มคำ
“หึๆ ขอบคุณตัวเล็กมากนะครับที่ทำให้เรามีวันนี้ด้วยกัน ขอบคุณที่ตัวเล็กพร้อมจะก้าวเดินและสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปพร้อมกันกับพี่” วายุพูดพร้อมกับกอดกระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยความรู้สึกหวงแหนที่นับวันยิ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
“น้องก็ขอบคุณพี่กายมากนะครับ ที่เลือกน้องให้ได้เดินเข้ามาในชีวิตของพี่กาย ขอบคุณนะครับ จุ๊บ!” สายน้ำพูดพร้อมกับยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่ปลายคางของคนพี่ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้
“หึๆ จุ๊บๆนี่ถ้าไม่ติดว่ามีเบบี๋อยู่นะครับ ฮึ่ม!” วายุกดริมฝีปากของตัวเองลงไปที่ริมฝีปากบางหนักๆด้วยความมันเขี้ยว ถึงแม้ว่าอาหมอจะบอกว่าสามารถมีอะไรกันได้แบบเบาๆก็ตามทีแต่เค้าก็พยายามที่จะหักห้ามใจเอาไว้ ด้วยกลัวว่าลูกในท้องจะได้รับความกระทบกระเทือน
“น้องว่าเราอาบน้ำกันดีกว่านะครับ น้องเหนียวตัวแล้วก็อยากนอนแล้วด้วย” สายน้ำรีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาแพรวพราวของคนพี่ส่งมาให้
“ครับๆ เดี๋ยวพี่พาไปอาบนะครับ จะได้นอนกัน” พอพูดจบวายุก็จัดการอุ้มคนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องน้ำของโรงแรมทันที คืนนี้เค้าทั้งคู่ใช้ห้องสวีทของทางโรงแรมเป็นห้องหอแทนห้องที่คอนโดกัน
“กู๊ดไนท์คิสครับที่รัก” วายุที่เดินไปปิดไฟในห้องให้เหลือไว้แต่ไฟที่หัวเตียงแล้ว ก็ทิ้งตัวนอนลงข้างๆกับคนตัวเล็ก พร้อมกับสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันและดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้
จ๊วบ! จ๊วบ!
เสียงดูดดึงริมฝีปากบางของคนด้านบนดังไปทั่วห้อง เมื่อชิมริมฝีปากบางของคนใต้ร่างจนพอใจแล้ว ลิ้นร้อนก็สอดเข้าไปในโพรงปากหวานและไล่ต้อนเกี่ยวตวัดลิ้นเรียวเล็กอย่าเร่าร้อน บางจังหวะก็ดูดดึงลิ้นเรียวเล็ก จนสายน้ำถึงกับร้องครางอื้ออึงอยู่ในลำคอด้วยความเสียว มือหนาก็ทำหน้าที่ลูบไล้ปัดป่ายไปมาตามร่างกายนุ่มนิ่มของร่างเล็กไปด้วย
สายน้ำเองรู้สึกถึงอารมณ์ในคืนนี้ของคนพี่ได้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ที่วายุรู้ว่าเค้าท้องทั้งคู่ก็ยังไม่เคยมีอะไรกันอีกเลยทั้งภายนอกและภายใน
พอผ่านไปสักพักวายุก็ถอนริมฝีปากหนาออกจากริมฝีปากบาง พร้อมด้วยเสียงหอบหายใจแรงอย่างคนต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้
วายุพลิกตัวไปนอนแผ่และหลับตาลงจนสายน้ำที่เห็นก็อดสงสารไม่ได้
สายน้ำดันตัวขึ้นไปนอนกอดก่ายคนพี่เอาไว้ และฝังหน้าไปที่ซอกคอของคนพี่อย่างที่เคยทำ ริมฝีปากบางค่อยๆไล่จูบและขมเม้มอยู่ที่ซอกคอของคนพี่ มือเรียวเล็กค่อยๆไต่ขึ้นมาที่ยอดอกสีชมพูและสะกิดมันเล่นเบาๆ
“ซี๊ดด อ่าส์ ตัวเล็กทำอะไรครับ จะแกล้งให้พี่คลั่งตายรึยังไงครับ” วายุในตอนนี้ได้แต่นอนขนลุกซู่ด้วยความเสียว นี่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กเริ่มที่จะเล้าโลมเค้าก่อน
“น้องไม่ได้แกล้งเลยนะครับ” สายน้ำพูดกระซิบอยู่ที่ข้างหูของคนพี่พร้อมกับขบเม้มอยู่ที่ติ่งหู
“อ่าส์ ตัวเล็กครับเดี๋ยวพี่จะไม่ไหวนะครับ พอก่อนครับ” วายุพูดพร้อมกับจับมือของคนตัวเล็กให้ออกจากยอดอกของเค้า
“ไม่ไหวก็ไม่ไหวสิครับ นะครับนะ” สายน้ำที่พูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอยู่ชิดกับใบหูของคนพี่ พร้อมกับเริ่มลูบไล้ไปที่ลอนซิกแพคอีกครั้งและค่อยๆเลื่อนลงมาจนถึงขอบกางเกงนอน
“อ่าส์ ใครสอนให้ทำแบบนี้ครับ อื้มม” วายุได้แต่หดท้องเกร็งในขณะที่มือเรียวเล็กค่อยๆลากผ่านซิกแพคลงไป ใจจริงเค้าอยากจะจับคนตัวเล็กของเค้ากินให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็อดที่จะตื่นเต้นกับการกระทำของว่าที่คุณแม่ไม่ได้
Comments (0)