68 ตอน ขอบคุณ
โดย Beloved_Moouan
“น้องเป็นยังไงบ้างลูกตาผา” แม่ของวายุถามขึ้นทันทีที่เดินทางมาถึงดวงตาของท่านช้ำและแดงไปหมด เพราะระหว่างที่นั่งรถมาท่านร้องไห้มาตลอดทางด้วยความที่เป็นห่วงลูกสะใภ้และหลาน
หินผาได้โทรบอกป๊ากับม๊าและทุกคนระหว่างที่กำลังขับรถมาที่นี่ ตอนที่หินผาโทรทางไกลไปบอกป๊ากับม๊านั้น ม๊าถึงกับช็อกและเป็นลมไปเลยจนป๊าต้องรีบวางสายเพื่อไปดูม๊าก่อนและบอกว่าจะรีบบินกลับมาให้เร็วที่สุด
“ยังไม่รู้เลยครับแม่ นี่อาหมอก็เข้าไปได้ชั่วโมงกว่าแล้วครับ” หินผาดูนาฬิกาที่ข้อมือที่บอกเวลาตีสามกว่าแล้ว
แม่ของวายุมองไปรอบๆตัวที่ตอนนี้ทุกคนพากันนั่งเงียบไม่พูดไม่จาพร้อมกับพากันจ้องมองอยู่ประตูทางเข้าออก จะมีก็แต่เบลและออกัสที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ และท่านก็ได้เห็นลูกชายคนเล็กของท่านที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูทางไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนเลย
“ตากายลูก” คุณประภัสสรเดินไปหาลูกชายคนเล็กและจับไปที่ไหล่
วายุได้เพียงแต่หันมามองและหันกลับไปมองที่ประตูตามเดิม แววตาที่หันกลับมามองแม่ของตัวเองนั้นมันมีแต่ความว่างเปล่าและความเจ็บปวด จนคุณประภัสสรต้องหันไปมองหน้าสามีและลูกชายคนโตที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง
คุณดิเรกได้แต่ประคองภรรยาให้ลงมานั่งที่เก้าอี้ก่อน เพราะตอนนี้คุณประภัสสรเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาอีกแล้วเมื่อได้เห็นหน้าและท่าทางของลูกชายตัวเอง
“คุณแม่ใจเย็นๆนะครับ เดี๋ยวถ้าน้องน้ำปลอดภัยแล้วไอ้วายุมันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดินเองครับ” ไฟได้แต่เดินมาปลอบแม่ของเพื่อนที่นั่งมองด้านหลังลูกชายของตัวเองอยู่ ก่อนที่จะมองไปยังเพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ที่อาหมอเดินหายเข้าไปที่ประตูบานนั้นไป
“แล้วนี่ทำไมจู่ๆน้องน้ำถึงได้มีภาวะครรภ์เป็นพิษได้ เพราะดูน้องน้ำก็แข็งแรงดีไม่เห็นว่าจะมีอาการไหนบ่งบอกเลย” วาโยเอ่ยถามหินผาขึ้นมา
“มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉียบพลันน่ะ เห็นไอ้ดินบอกว่าตอนที่นั่งกินข้าวเย็นกันอยู่น้องน้ำก็ดูปกติดีทุกอย่าง จะมีก็แต่ที่น้องบอกว่าเหมือนกับว่าวันนี้ลูกในท้องไม่ค่อยดิ้น” หินผาหันไปบอกกับวาโยที่ยืนคิ้วขมวดอยู่ เพราะวาโยเองก็รักสายน้ำและเห่อหลานไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน
แกร็ก!!!
ทันทีที่ประตูเปิดและอาหมอเดินออกมาวายุก็เดินเข้าไปหาเป็นคนแรกทันที
“เมียกับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” วายุถามอาหมอด้วยน้ำเสียงที่สั่น ในใจได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับคนที่รักดั่งแก้วตาดวงใจทั้งสองเลย
“ตอนนี้น้องน้ำกับลูกในท้องปลอดภัยดีแล้ว ดีที่ว่าเรามากันเร็วเลยทันเวลา แต่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปอาจะขอให้น้องน้ำต้องนอนที่นี่เพื่อคอยระวังอาการจนกว่าจะคลอด หรือจนกว่าอาการจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้งและพอถึงเวลานั้นอาอาจจะต้องผ่าตัดทำคลอดก่อนกำหนด” อาหมอพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดและเป็นกังวลจนไม่เหลือมาดคุณหมออารมณ์ดีเลย
“แสดงว่าอาการแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้อีกเหรอครับ” เป็นหินผาที่เป็นคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าวายุนิ่งไป
“ใช่ อาการอาจจะกลับมาใหม่ได้ทุกเมื่อ ช่วงนี้อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษหน่อยนะวายุ ถ้าน้องฟื้นขึ้นมาแล้วพยายามอย่าให้น้องขยับตัวมาก อาจจะต้องให้นอนอยู่เฉยๆจนกว่าจะถึงวันกำหนดคลอดเลย” คุณหมอดิชพลหันไปบอกกับหลานเขยเพื่อที่จะดึงสติกลับมา
“วายุต้องเข้มแข็งนะเพราะทั้งแม่และลูกตอนนี้กำลังต้องการการดูแลและกำลังใจจากคนที่เป็นพ่ออย่างเราอยู่ เดี๋ยวอีกสักพักอาจะให้เค้าย้ายน้องไปที่ห้องพักฟื้น วายุก็ขึ้นไปรอน้องที่ห้องเลยก็ได้ ส่วนคนที่เหลืออาว่าแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยมากันใหม่ เพราะตอนนี้น้องน้ำน่าจะยังไม่ฟื้น” อาหมอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไปตบไหล่หลานเขยเบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจ
“ครับคุณอา ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเมียกับลูกผมไว้แล้วยังช่วยเตือนสติผมด้วย” วายุยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณอาหมอ เค้าจะต้องเข้มแข็งและมีสติให้มากกว่านี้เพราะถ้าครั้งนี้เค้าไม่ได้อิฐและดินช่วยไว้เค้าก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะพาเมียและลูกของตัวเองมาที่โรงพยาบาลได้ทันเวลารึเปล่า คุณหมอดิชพลเองก็พยักหน้าตอบกลับมาและรู้ดีว่าวายุนั้นคงจะสติหลุดตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยน้องน้ำกับลูกไว้” คุณประภัสสรที่เห็นคุยกันเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาหาคุณหมอดิชพลเพราะท่านเคยเจอกันแล้วที่งานหมั้นและงานแต่งของวายุและสายน้ำ
“สวัสดีครับคุณประภัสสร คุณดิเรก ไม่เป็นไรเลยครับ น้องน้ำก็หลานชายของผมเหมือนกัน” คุณหมอดิชพลยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคนและพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสามก็คุยกันต่ออีกสักพักเพื่อถามไถ่อาการของสายน้ำ จนคุณหมอดิชพลขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนเพราะเดี๋ยวต้องเข้ามาอีกรอบในตอนสาย ส่วนทางด้านพ่อกับแม่ของวายุนั้นวาโยก็พาท่านทั้งสองกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
“งั้นเดี๋ยวพวกกูกลับก่อนนะ สายๆพวกกูจะมากันใหม่แล้วเดี๋ยวกูจะเอาเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็นของมึงมาให้ด้วย” ดินพูดบอกกับวายุหลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะให้หินผาและอิฐอยู่เป็นเพื่อนวายุก่อน หากเกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาอีกจะได้ช่วยกันทัน เพราะถ้าทิ้งวายุไว้คนเดียวเกิดสติหลุดทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาอีกจะแย่เอา
“อือ กูวานมึงเอาหมอนรองของตัวเล็กที่วางอยู่บนเตียงมาให้ด้วย แล้วก็ขอบใจมึงมากๆสำหรับวันนี้” วายุเดินเข้ามาสวมกอดดินไว้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้ดินและทุกคนถึงกับยืนอึ้งไปตามๆกัน วายุได้แต่คิดว่าถ้าเค้าไม่มีเพื่อนคนนี้อยู่กับเค้าในคืนนี้เค้าคงจะแย่ ดินมักจะเป็นคนที่มีสติมากที่สุดเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“เฮ้ยๆพอๆกูขนลุกว่ะ เปลี่ยนจากกอดมึงเป็นกอดเมียมึงแทนได้มั้ยวะกูจะดีใจและซึ้งมากกว่านี้” ดินพูดขึ้นขำๆเพื่อแก้เขิน เพราะตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปีพวกเค้าไม่เคยจะต้องมายืนกอดกันแบบนี้เลย อย่างมากก็แค่กอดไหล่กอดคอไม่ใช่มายืนกอดกันแนบแน่นขนาดนี้
“ฮ่าๆๆ” พอดินพูดจบทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับขำออกมา วายุก็ได้แต่ยกยิ้มส่งไปให้กับเพื่อนเพราะคำพูดของอาหมอจึงทำให้เค้าคิดได้ ว่าเค้าจะต้องเข้มแข็งและทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อเป็นที่พึ่งและคอยเป็นกำลังใจให้กับลูกและเมียตัวเล็กของตัวเอง
“เดี๋ยวน้องวากลับกับไอ้ดินมันก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวสายๆค่อยมาใหม่พร้อมกับมัน” หินผาหันไปบอกกับวาริที่ยืนยิ้มขำเพื่อนตัวเองอยู่
“ได้ครับ แล้วเดี๋ยววาจะเอาเสื้อผ้ากับของใช้มาให้พี่ผานะครับ ไม่ต้องห่วงวานะครับวาดูแลตัวเองได้ พี่ๆก็อยู่กันตั้งเยอะ” วาริตอบกลับมายิ้มๆ
“เก่งจังเลยครับเมียใครเนี่ย จุ๊บ! ไอ้ดินกูฝากน้องวาด้วยนะ ขับรถดีๆนะมึง” หินผาเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของวาริให้ได้ยินกันสองคนและจูบไปที่หน้าผากมน พร้อมกับหันมาบอกกับเพื่อนตัวเอง
“เออๆไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูถนัดอยู่แล้วเรื่องดูแลเมียเพื่อนเนี่ย นี่ถ้ากูมีเมียพวกมึงอย่าลืมมาดูแลเมียกูบ้างนะเว้ย ดูแต่เมียคนอื่นเมื่อไหร่กูจะมีกับเค้าบ้างสักทีวะ ใช่มั้ยวะไอ้อิฐ” ดินพูดจบก็หันไปหาอิฐที่ยืนอยู่ข้างๆวายุเพื่อหาพวก
หลังจากที่ยืนคุยกันอยู่สักพักทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป จะเหลือก็แต่วายุ หินผา และอิฐที่ขึ้นมารอสายน้ำอยู่ที่ห้องพักฟื้น VIP
แกร็ก!!!
พอทั้งสามคนได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาก็ลุกขึ้นยืนแทบจะพร้อมกัน บุรุษพยาบาลเดินเข็นเตียงที่มีคุณแม่นอนหลับอยู่ วายุมองไปที่ใบหน้าหวานและที่ท้องของสายน้ำไม่วางตา จนกระทั่งบุรุษพยาบาลและพยาบาลช่วยกันทำการเคลื่อนย้ายสายน้ำให้ไปนอนบนเตียงผู้ป่วยเรียบร้อย
“อีกประมาณชั่วโมงหนึ่งคนไข้ถึงจะฟื้นขึ้นมานะคะ ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาแล้วรบกวนญาติช่วยกดออดเรียกพยาบาลด้วยนะคะ แล้วก็ระหว่างที่นอนพักฟื้นอยู่ขอให้คนไข้ขยับตัวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันภาวะการคลอดก่อนกำหนด และทางที่ดีควรจะให้คนไข้ได้พักผ่อนให้มากๆ และสำหรับเรื่องอาหารทางโรงพยาบาลของดอาหารจากข้างนอกทั้งหมดนะคะ คนไข้จะทานได้เฉพาะอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดให้เท่านั้นค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษถ้ายังไงขอให้ญาติช่วยทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ” ชญาภาพยาบาลที่ดูแลเคสของสายน้ำมาตั้งแต่แรกพูดอธิบายแนะนำเรื่องข้อกำหนดต่างๆให้ทั้งสามคนได้เข้าใจด้วยใบหน้าที่ติดยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” วายุเอ่ยขอบคุณและหันไปมองสายน้ำที่กำลังนอนหลับอยู่
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ มีอะไรก็กดเรียกได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” พูดจบคุณพยาบาลสาวก็เดินออกไปทันที ทั้งสามคนก็ได้ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ
วายุเดินมาใกล้ๆกับสายน้ำแล้วยกมือขึ้นมาลูบแก้มใสที่บัดนี้มันดูซีดลงมาหน่อยหนึ่ง
“ตัวเล็กเก่งมากๆเลยรู้มั้ยครับ ขอบคุณนะครับที่สู้เพื่อเบบี๋ของเรา ขอบคุณจริงๆ จุ๊บ!” วายุพูดจบก็ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของคนนอนหลับอยู่
“เอาน่าตอนนี้น้องกูก็ปลอดภัยดีแล้ว ที่เหลือก็แค่คอยระวังและทำตามคำแนะนำที่พยาบาลเค้าแนะนำอย่างเคร่งครัดเท่านั้นเอง เหลืออีกแค่ไม่ถึงเดือนมึงก็จะได้เจอหน้าลูกแล้ว มึงก็ทำใจให้สบายอย่าทำหน้าเศร้าหรืออมทุกข์ให้น้องกูเห็นเพราะเดี๋ยวน้องกูจะพลอยรู้สึกแย่แล้วก็คิดมากไปด้วย” หินผาเดินมายืนที่ข้างเตียงอีกฝั่งและพูดขึ้นพร้อมกับลูบนุ่มของน้องไปด้วย
“ไอ้อิฐมึงไปนอนพักก่อนไปเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมันเอง” หินผาหันมาบอกอิฐที่ยังคงนั่งมองสายน้ำอยู่ หินผารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็สะเทือนใจอิฐไม่น้อยเหมือนกัน เพราะตั้งแต่พวกเค้ามาถึงที่โรงพยาบาลอิฐยังไม่พูดอะไรกับใครออกมาสักคำได้แต่นั่งจ้องไปที่ประตู และพอขึ้นมาบนห้องก็มัวแต่มองไปที่หน้าน้องชายของเค้าโดยไม่พูดไม่จา ไหนจะตาและจมูกแดงๆนั่นอีกดูก็รู้ว่าคงจะผ่านการร้องไห้มาไม่น้อยเหมือนกัน
อิฐเงยหน้าขึ้นไปมองหินผาและพยักหน้าตอบรับพร้อมกับเดินไปอีกห้องที่เป็นห้องพักสำหรับญาติ
หินผาและวายุก็ได้แต่มองตามหลังไป เพราะปกติธรรมดาแล้วรุ่นน้องคนนี้ถ้าอยู่กับพวกเค้าออกจะติดขี้เล่นซะมากกว่า ท่าทางแบบนี้พวกเค้าก็ไม่มีใครเคยเจอเหมือนกัน อิฐเหมือนเป็นการรวมเอาบุคลิกและนิสัยของวายุ หินผา และดินมารวมกัน บางครั้งก็ดูเฉยชาและเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มแก๊งเดียวกัน ดูเป็นคนถือตัวไม่ยอมให้ใครได้เข้าใกล้ได้ง่ายๆถ้าไม่สนิทกันจริง รวมทั้งเป็นคนขี้เล่นแต่ก็มีเหตุและผลในเวลาที่ถึงคราวจำเป็นและสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี
“หิวน้ำ” วายุที่นั่งมองหน้าและจับมือของสายน้ำอยู่ตลอด พอเห็นว่าสายน้ำเริ่มขยับตัวและร้องขอน้ำก็รีบลุกขึ้นทันทีพร้อมกับหันไปรินน้ำและใส่หลอด แล้วจึงนำหลอดมาจ่อที่ริมฝีปากบาง
“ตัวเล็กครับน้ำครับ ค่อยๆดูดนะครับเดี๋ยวจะสำลัก ไอ้ผามึงกดออดเรียกพยาบาลที” วายุพูดบอกสายน้ำและหันไปบอกเพื่อนทันที
อึก! อึก!
สายน้ำตั้งหน้าตั้งหน้าดูดน้ำจากหลอดโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา พอหินผากดออดเรียกนางพยาบาลแล้วก็ย้ายตัวเองมายืนอยู่ข้างๆเตียงอีกฝั่ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะ คนไข้ฟื้นแล้วใช่มั้ยคะ” พยาบาลชญาดาเดินเข้าและถามขึ้น
“ฟื้นแล้วครับแต่ยังไม่ลืมตา พอตื่นขึ้นมาก็ร้องขอน้ำดื่มก่อนเลย” วายุบอกเล่าอาการให้พยาบาลฟัง
“คนไข้คะ ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ” สายน้ำค่อยๆลืมตาขึ้นมาและกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสและหลับตาลงไปใหม่ ทำให้ทั้งวายุและหินผาได้แต่มองหน้าพยาบาลเพื่อเป็นการถาม
“คนไข้อาจจะรู้สึกสายตาพร่ามัวหรืออาจจะตาบอดชั่วคราวน่ะค่ะ มันคืออาการและผลกระทบของภาวะครรภ์เป็นพิษค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะอาการเหล่านี้จะค่อยๆทุเลาลงเรื่อยๆและหายไปในที่สุดค่ะ” วายุและหินผาได้แต่ยืนฟังและหน้าเครียดขึ้นทันทีที่ได้ยิน
“คนไข้คะ ลองลืมตาดูอีกทีได้มั้ยคะ” หลังจากที่พยาบาลได้บอก สายน้ำก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและหันมามองทางด้านที่วายุและหินผายืนอยู่
“พี่กาย พี่ผา” สายน้ำเรียกชื่อผู้ชายอันเป็นที่รักทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้
“ตัวเล็กเห็นพี่กับไอ้ผาใช่มั้ยครับ” วายุถามสายน้ำด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างเก็บเอาไว้ไม่อยู่
“ก็ต้องเห็นสิครับ ตัวออกจะใหญ่ซะขนาดนี้” สายน้ำพูดขึ้นยิ้มๆและไม่อยากที่จะเห็นสีหน้าของคนรักต้องเป็นกังวลอีก เพราะสายน้ำนั้นจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาได้ดี ที่วายุนั้นร้องเรียกเค้าจวนเจียนแทบขาดใจ
“ขอบคุณนะครับ ฟอด! ขอบคุณหนูด้วยนะคะที่เป็นเด็กดีไม่ดื้อกับคุณแม่ หนูเก่งมากๆเลยรู้มั้ยคะ จุ๊บ!” วายุพูดขึ้นและก้มหน้าลงไปหอมที่ผมของสายน้ำและย้ายมาคุยกับลูกสาวที่ท้องของสายน้ำ
พยาบาลได้แต่ยืนดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆและยิ้มให้กับภาพตรงหน้า เธอเห็นสามีภรรยาคู่นี้ตั้งแต่ที่มีข่าวหมั้นและข่าวการแต่งงาน จวบจนได้รับหน้าที่และได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์หมอดิชพลให้เป็นพยาบาลประจำคอยดูแลคุณพ่อและคุณแม่คู่นี้ ตอนที่ได้รับแจ้งจากอาจารย์หมอเธอก็อดตกใจและอดใจหายไม่ได้เหมือนกันที่จู่ๆว่าที่คุณแม่ก็มาเกิดอาการครรภ์เป็นพิษขึ้น
“ขอโทษนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะขอเช็คอาการเพิ่มเติมหน่อยนะคะ” พยาบาลบอกขึ้นยิ้มๆ ความจริงเธอก็ไม่อยากที่จะขัดจังหวะหรอกนะ แต่เธอยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ของเธอให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
“ได้ครับ เชิญเลยครับ” วายุเงยหน้าขึ้นมาจากท้องของสายน้ำและพูดเป็นเชิงอนุญาต
หลังจากที่พยาบาลได้วัดความดันและตรวจดูอาการของสายน้ำแล้วก็ขอตัวกลับไปและจะกลับเข้ามาใหม่ในทุกๆหนึ่งชั่วโมง อาการของสายน้ำตอนนี้ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงมากแล้ว แต่ก็ยังถูกย้ำว่าพยายามอย่าขยับตัวให้มากให้นอนพักผ่อนเยอะๆและห้ามกินของอย่างอื่นนอกจากที่ทางโรงพยาบาลจัดหามาให้เท่านั้น
“น้ำฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” พอผ่านไปสักพักก็เป็นอิฐที่เดินออกมาหน้าตางัวเงียหัวฟูและถามขึ้น
“มึงไปล้างหน้าล้างตาให้ตื่นก่อนมั้ยแล้วใครมานั่งคุย” หินผาหันไปบอกรุ่นน้องยิ้มๆ อิฐก็ได้แต่พยักรับและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
“มันคงจะยังไม่ตื่นดีแต่ได้ยินเสียงน้องเลยลุกขึ้นมาดู” หินผาหันมาพูดกับสายน้ำที่ตอนนี้กลับมาหน้าตาสดใสขึ้นแล้ว
“ตัวเล็กหิวรึยังครับ” วายุถามสายน้ำขึ้นเมื่อเห็นเป็นเวลาเกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว
“ยังเลยครับ พี่กายล่ะครับหิวรึยัง แล้วนี่พี่กายกับพี่ผาได้นอนกันรึยังครับง่วงกันมั้ย” สายน้ำที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทุกคนคงจะวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกัน
“ไม่เป็นไรครับพวกพี่ไม่ง่วง แล้วก็เดี๋ยวไอ้ดินมันจะซื้อข้าวกับกาแฟมาให้อยู่แล้วครับ ตัวเล็กไม่ต้องห่วงนะครับ” วายุพูดพร้อมกับจับมือของคุณแม่นวดไปด้วย
“น้ำจ๋า อิฐคิดถึงน้ำจังเลยมาให้อิฐกอดหน่อยได้มั้ยครับ” พอเจ้าตัวทำธุระในห้องน้ำเสร็จออกมาก็เรียกหาเพื่อนตัวเล็กทันทีด้วยความอารมณ์ดี
“หึๆมึงนี่เปลี่ยนโหมดไวเน๊าะ เมื่อสองสามชั่วโมงที่แล้วยังทำท่าซังกะตายอยู่เลย” เป็นหินผาที่อดหมั่นไส้ท่าทางของรุ่นน้องไม่ได้เลยพูดแขวะขึ้นมา
“ผมก็ไม่ต่างไปจากเฮียทั้งสองคนหรอกน่า ทำมาเป็นพูดดี” วายุและหินผาได้แต่ยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับส่ายหัวไปมา เพราะที่รุ่นน้องของเค้าพูดขึ้นมามันก็จริงของมัน เพราะพวกเค้าทั้งสามคนมีสภาพไม่ต่างกันเลย
“เฮียผมขอกอดเพื่อนผมหน่อยได้มั้ย” อิฐหันมาขออนุญาตวายุ วายุก็พยักหน้าให้โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเค้ารู้ดีว่าอิฐไม่มีทางคิดอะไรกับสายน้ำในทางชู้สาวอย่างแน่นอน ดูได้จากสายตาที่เวลาอิฐมองสายน้ำมันเหมือนกับสายตาที่เพื่อนๆของเค้าทุกคนใช้มองสายน้ำ มันเป็นสายตาที่สื่อความรักความผูกพันที่พี่ชายมีให้กับน้องชายมากกว่า
สายน้ำเห็นดังนั้นจึงชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อให้อิฐเข้ามาสวมกอดเพราะตัวเองนั้นขยับไม่ได้
อิฐค่อยๆก้มลงมาและสวมกอดกับสายน้ำอย่างเบามือ ทั้งสามคนได้ยินเสียงสูดจมูกของอิฐที่กำลังสวมกอดสายน้ำอยู่จึงได้แต่มองหน้ากันไปมา จนสายน้ำต้องลูบหลังเป็นการปลอบเพื่อนตัวใหญ่เพราะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่เสื้อตัวเอง
“น้ำกับหลานไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจอิฐมากนะ” สายน้ำพูดบอกเพื่อนที่อยู่ในอ้อมกอดยิ้มๆ
“อื้อ เดี๋ยวอิฐลงไปหาซื้อกาแฟกินข้างล่างก่อนนะเดี๋ยวมา” อิฐคลายอ้อมกอดจากสายน้ำแล้วยืดตัวตรงขึ้นมาพร้อมกับรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“มึงไม่ต้องลงไปซื้อหรอกเดี๋ยวไอ้ดินก็จะเข้ามาแล้วเดี๋ยวมันจะแวะซื้อกาแฟมาให้ด้วย” หินผาพูดขึ้นยิ้มๆเค้ารู้ว่ามันคงจะไม่ได้ไปหากาแฟกินหรอกแต่คงจะเขินหรือไม่ก็อายที่ร้องไห้ออกมา
อิฐไม่พูดอะไรตอบกลับมาแต่รีบเดินไปที่ประตูห้องทันที แต่ก่อนที่อิฐจะได้เปิดประตูออกไป
“หรือมึงจะไปแอบร้องไห้คนเดียววะ ฮ่าๆๆ” หินผายังไม่เลิกที่จะพูดแซวรุ่นน้อง จนวายุถึงกับต้องยกยิ้มตาม ส่วนสายน้ำก็ได้แต่นอนยิ้มจนตาหยี
“ไอ้เฮีย น้ำถ้ายังไม่หยุดยิ้มนะอิฐจะโกรธแล้วนะ โว๊ะ!” อิฐหันมาชี้หน้าหินผาพร้อมกับหันมาส่งสายตาเกรี้ยวกราดให้ และยังไม่ลืมที่จะหันมาพูดขู่เพื่อนตัวเล็กของตัวเองด้วย แต่พอทำอะไรไม่ได้จึงหันกลับไปเปิดประตูและเดินออกไป โดยที่มีหินผาเดินตามออกไปด้วย
“หึๆ ชอบใจเหรอเราที่เห็นเพื่อนร้องไห้ หืมม” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบท้องสายน้ำไปด้วย วายุยกยิ้มขึ้นมาทันทีที่สัมผัสได้ว่าลูกกำลังดิ้นตอบรับมือใหญ่ของตัวเองอยู่
“เปล่านะครับ น้องแค่คิดว่าอิฐในมุมนี้น่ารักดี ถ้าใครได้อิฐเป็นแฟนคงจะโชคดีมากๆเลย เหมือนที่น้องมีพี่กายอยู่ข้างๆแบบนี้ไงครับ” สายน้ำพูดขึ้นยิ้มๆและยกมือขึ้นไปลูบที่แก้มของคนรัก
“พี่กายคนนี้ก็โชคดีครับที่มีน้องสายน้ำคนนี้อยู่ข้างๆ พี่กายรักน้องน้ำมากนะครับ จุ๊บๆ” พูดจบเจ้าตัวก็ก้มจูบลงไปที่ริมฝีปากบางย้ำๆอย่างแสนคิดถึง
Comments (0)