61 ตอน เพื่อเบบี๋
โดย Beloved_Moouan
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลกันแล้ว สายน้ำก็ร้องกินยำขึ้นมาอีกรอบจนทั้งหมดต้องพากันไปนั่งกินอยู่ที่ร้านยำแซ่บใกล้ๆกับคอนโด แทนที่จะเป็นร้านอาหารประจำที่มีกุ้งแชบ๊วยผัดซีอิ๊วของสายน้ำ
“อ่าา สุดยอดเลยอร่อยสุดๆ” สายน้ำถึงกับลูบท้องตัวเองไปมาด้วยความอิ่ม
“หึๆ หายเวียนหัวแล้วใช่มั้ยครับ”
“หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับพี่กาย ไม่พะอืดพะอมเหมือนตอนได้กลิ่นข้าวต้มด้วย”
“งั้นเดี๋ยวเราแวะซูเปอร์กันก่อนมั้ยครับ พี่จะได้ซื้อของสดไปไว้ที่ห้องเอาไว้ทำยำให้ตัวเล็กกินด้วย ตัวเล็กเดินไหวรึเปล่าครับ หรือว่าอยากกลับไปนอนแล้ว”
“ไปเดินซื้อของกันก่อนก็ได้ครับจะได้ย่อยไปด้วย ขืนนอนตอนนี้อาหารน่าจะไม่ย่อยได้ท้องอืดแน่ๆเลยครับ”
“ไอ้เหนือมึงเป็นอะไรวะ นั่งพิมพ์ไปหัวเราะไปนับวันมึงนี่ท่าจะอาการหนักขึ้นทุกวัน” ไฟที่เห็นเหนือนั่งพิมพ์มือถือไปยิ้มไปเลยถามขึ้นมา
“ก็มึงดูสิ ทั้งหนูเบล น้องกัส ไอ้อิฐ ไอ้ดิน แล้วก็น้องวาริมารวมตัวกันอยู่ห้องไอ้ผากันหมดเลย พอเห็นว่ากูถ่ายรูปตอนที่กูจับท้องของน้องลักยิ้มเท่านั้นแหละ โมโหกันใหญ่ที่ไม่ได้มาด้วย ฮ่าๆๆ” เหนือพูดอธิบายให้ฟังพร้อมกับยื่นมือถือที่เปิดหน้าจอไลน์กลุ่มไว้ให้กับทุกคนดู
“หึๆ กูกลับไปนี่โดนกัสบ่นหูชาแน่เลยที่มาไม่บอก” ไฟพูดขึ้นยิ้มๆเมื่อนึกถึงหน้าแฟนตัวน้อยของตัวเองขึ้นมา
“งั้นเรายังไม่ต้องแวะซื้อของกันก็ได้นะครับ เดี๋ยวพี่ๆจะโดนบ่นกัน”
“อย่าคิดมากครับ พวกนั้นก็ทำบ่นไปอย่างนั้นเองครับ เดี๋ยวพอเจอหน้าน้องน้ำก็ลืมกันหมดแล้ว” ไฟพูดขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของสายน้ำนั้นมีท่าทีเกรงใจพวกเค้าอยู่
“ป่ะ งั้นเราก็ไปกันกว่าเดี๋ยวจะดึกซะก่อนน้องน้ำกับหลานกูจะได้กลับไปพัก” หินผาพูดจบก็เรียกพนักงานมาคิดเงินทันที
“เดี๋ยวตัวเล็กนั่งรอพี่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะครับเดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำนะ พี่ขอเก็บของเข้าตู้เย็นก่อนแป๊บเดียว” เมื่อกลับมาถึงห้องกันแล้ววายุก็พาคนตัวเล็กมานั่งรอที่โซฟา ก่อนที่เค้าจะเดินไปเก็บของสดที่ซื้อมาโดยมีหินผากับไฟช่วยหิ้วของมาไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว
ตอนแรกทั้งเบล ออกัส วาริ อิฐ และดิน อยากที่จะมาหาสายน้ำแต่ว่าโดนไฟเบรกไว้ก่อนโดยบอกว่าต้องการให้สายน้ำพักผ่อนก่อนเพราะว่านี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาหากันใหม่ ทุกคนจึงยอมล่าถอยกันไปก่อน
“พรุ่งนี้ตัวเล็กหยุดเรียนสักวันนะครับ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” เมื่อทั้งคู่อาบน้ำกันเสร็จและมาอยู่บนเตียงนอนกันแล้ววายุจึงพูดบอกคนในอ้อมกอด
“แต่ว่าพี่กายไม่ต้องทำงานเหรอครับ” สายน้ำเงยหน้าจากอกแกร่งไปถาม
“พี่หยุดชดเชยให้กับตัวเล็กยังไงล่ะครับ ที่วันนี้พี่พลาดไปที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ไอ้อิฐแล้วก็ไม่ยอมเปิดไลน์ดูด้วย จุ๊บๆ” วายุพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบางของคนในอ้อมกอดที่ตอนนี้เริ่มกลับมามีสีแดงตามเดิมแล้ว
“อืมม งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยครับ พรุ่งนี้น้องจะหยุดให้ แต่ว่าน้องจะไปทำงานกับพี่กายด้วย น้องอยากกินเค้กส้มกับเค้กสตรอเบอร์รี่ด้วย” สายน้ำยื่นข้อเสนอให้กับวายุทันที เพราะเค้าไม่อยากให้คนรักต้องมาเสียงานเพราะตัวเอง เพราะวันมะรืนก็เป็นวันเสาร์ที่วายุจะต้องหยุดอยู่แล้ว
“หึๆ ก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับ งั้นเรานอนกันเถอะนะครับนี่ก็ดึกมากแล้ว กู๊ดไนท์คิสก่อนครับที่รัก”
พอวายุพูดจบสายน้ำก็เงยหน้าขึ้นและเผยอริมฝีปากไว้รอรับทันที วายุเองก็ค่อยๆแนบริมฝีปากของตัวเองลงมาที่ริมฝีปากบางของคนใต้ร่างลิ้นทั้งสองผลัดกันไล่ต้อนและสลับกันดูดปลายลิ้นอย่างไม่มีใครยอมใคร วายุขยับตัวมาขึ้นคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้เพื่อที่จะจูบได้อย่างถนัด
ทั้งสองมอบสัมผัสวาบหวามผ่านริมฝีปากและลิ้นกันอยู่เนิ่นนาน จนเป็นวายุเองที่ต้องยอมถอนริมฝีปากออกมาก่อนอย่างแสนเสียดาย เค้ากลัวว่าถ้าเกิดกินเวลานานไปกว่านี้จะไม่สามารถหยุดความต้องการที่อยากจะกินคนใต้ร่างเอาไว้ได้
“อ่าส์ พี่กาย” สายน้ำลืมตาขึ้นมาทันทีที่ริมฝีปากร้อนของคนพี่ถอนออกไป พร้อมกับส่งสายตาหยาดเยิ้มเชิญชวนกลับไปให้
“อื้มม อย่าทำแบบนี้ครับเดี๋ยวพี่จะอดใจไว้ไม่อยู่นะครับ อย่าลืมว่าเรามีเบบี๋อยู่ในนี้นะครับ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องแบนราบของสายน้ำ
“น้องยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับหันหน้าหนีคนพี่อย่างเขินๆ เค้ายอมรับว่าเสียดายที่คนด้านบนถอนจูบออกไป ตอนนี้เค้ารู้สึกเหมือนต้องการอยากที่จะมีอะไรกับคนรักเหมือนกับว่าตัวเค้าเองจะเริ่มมีอารมณ์ทุกครั้งที่ได้คลอเคลียหรือใกล้ชิดกันกับคนรัก
“หึๆ จุ๊บ! ฝันดีนะครับลูกพ่อ เป็นเด็กดีอย่างดื้อกับคุณแม่มากนะครับเดี๋ยวคุณแม่จะเหนื่อย จุ๊บ! พ่อรักหนูนะครับ” วายุก้มลงไปจูบที่ปากของสายน้ำอีกครั้ง และก้มถอยลงไปที่ท้องของสายน้ำแล้วเปิดเสื้อนอนของสายน้ำออกพร้อมกับพูดบอกลูกตัวเองลงท้ายด้วยจูบไปที่ท้อง
“ฝันดีนะครับคุณแม่ พี่กายรักตัวเล็กมากนะครับ จุ๊บ!” วายุก้มลงไปจูบที่ปากของสายน้ำอีกครั้งและกลับไปนอนตามเดิมและดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอุ่น
“ฝันดีเช่นกันครับคุณพ่อ น้องน้ำก็รักพี่กายมากเหมือนกันนะครับ จุ๊บ!” เมื่อต่างคนต่างบอกรักกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กก็ค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุดด้วยความอ่อนเพลีย คนพี่ที่เห็นคนในอ้อมกอดหลับไปแล้วจึงหลับตามไปในที่สุด
กรุ๊งกริ๊ง!!!
“สวัสดีค่ะร้าน...อ้าวน้องน้ำหายไปไหนมาตั้งนานเลยคะ พี่คิดถึงจะแย่” แก้มพนักงานในร้านคาเฟ่เอ่ยทักสายน้ำขึ้นมาทันทีที่เห็น
“น้ำติดสอบน่ะครับ และก็ปิดเทอมด้วยเลยไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนมา” สายน้ำตอบพี่สาวใจดีไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทางด้านวายุที่เห็นสายน้ำกำลังคุยออกรสออกชาติกับแก้มอยู่ก็ปลีกตัวไปนั่งรออยู่อีกด้าน แต่สายตาคมก็ยังคงจับจ้องไปที่คนตัวเล็กของตัวเองอยู่ตลอดอย่างไม่วางตา
“งั้นเดี๋ยวพี่ทำเครื่องดื่มให้นะคะ ของคุณวายุเป็นอเมริกาโน่ร้อนไม่ใส่น้ำตาลนะคะ ส่วนของน้องน้ำเป็นโก...”
“เอ่อ พี่แก้มครับของน้ำเอาเป็นนมสดเย็นสตรอเบอร์รี่นะครับ แล้วเค้กก็เอาเป็นเค้กส้มหน้านิ่ม แล้วก็สตรอเบอร์รี่ช็อตเค้กนะครับ อย่างละ 1 ชิ้น” ยังไม่ทันที่แก้มจะทวนรายการเสร็จสายน้ำก็รีบเบรกเอาไว้ทันที เนื่องจากเมื่อเช้าสายน้ำลองเปิดดูข้อมูลศึกษาดูแล้วว่าอะไรที่คนท้องกินได้หรือไม่ควรที่จะกิน เพราะตอนนี้ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วดังนั้นจะกินตามใจปากและท้องของตัวเองไม่ได้เหมือนแต่ก่อน
“หืออ วันนี้น้องน้ำมาแปลกนะคะเนี่ย” แก้มถึงกับแปลกใจกับเมนูที่สายน้ำสั่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพราะปกติแล้วถ้าสายน้ำมาที่นี่ทีไรจะต้องสั่งเป็นโกโก้เย็นหรือไม่ก็โกโก้ปั่น ส่วนเค้กนั้นก็ต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตหรือชีสเค้กหน้าไหม้เท่านั้น
“น้ำอยากลองอะไรใหม่ๆดูบ้านน่ะครับ งั้นน้ำขอตัวไปนั่งรอตรงนั้นนะครับ” สายน้ำพูดจบก็เดินไปหาวายุที่มองมาทางตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
“ตัวเล็กสั่งอะไรมากินครับ” ทันทีที่สายน้ำเดินมาถึงวายุก็ยื่นมือออกไปรอรับทันที เพื่อที่จะให้คนตัวเล็กมานั่งข้างๆตัวเอง สาวๆที่นั่งมองวายุอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย เพราะตั้งแต่วายุเดินเข้ามาในร้าน สายตาของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยเหลียวมองใครเลยแม้แต่น้อย แต่กลับจับจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กน่ารักอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“น้องสั่งนมสดเย็นสตรอเบอร์รี่แล้วก็เค้กส้มกับเค้กสตรอเบอร์รี่มากินครับ”
“หึๆ ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อเบบี๋ของเรา ฟอด!” วายุรู้ดีว่าคนตัวเล็กของเค้าต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกเยอะเลยทีเดียวที่จะต้องดูแลตัวเองและดูแลลูกที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องในทุกๆวัน
สายน้ำได้แต่ส่งยิ้มเขินๆกลับไปให้คนพี่และคนในร้านที่มองมา ก็เล่นมาหอมแก้มเค้ากลางร้านแบบนี้จะไม่ให้เขินได้ยังไงกันเล่า
“ยิ่งเห็นตัวเล็กเขินแบบนี้พี่ยิ่งอยากจะจับจูบซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยรู้มั้ยครับ” วายุกระซิบอยู่ข้างๆหูของสายน้ำด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“พี่กาย ทำไมหื่นแบบนี้เนี่ยเดี๋ยวเถอะ” สายน้ำหันไปแว๊ดใส่คนพี่ที่นั่งยกยิ้มมุมปากอยู่อย่างอารมณ์ดี
“หึๆ น้ำกับเค้กมาแล้วครับ กินก่อนครับเดี๋ยวค่อยเขินใหม่” วายุที่เห็นน้ำและเค้กที่สั่งมาพอดีจึงบอกออกมายิ้มๆ สายน้ำได้แต่ทำหน้ายู่ใส่คนพี่ที่เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้กับตัวเอง
ตลอดเวลาที่นั่งกินกันอยู่ที่ร้าน วายุก็ได้แต่กอดเอวบางของสายน้ำไว้อยู่ตลอด จะมีบางช่วงที่ปล่อยมือจากเอวบางและเอื้อมมือมาลูบวนอยู่แถวหน้าท้องแบนราบของสายน้ำเล่นแทน ทำให้สาวๆที่นั่งมองอยู่ได้แต่ตาลุกเป็นไฟ ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆที่นั่งมองสายน้ำอยู่ด้วย
“ตัวเล็กยังเวียนหัวอยู่มั้ยครับ” หลังจากที่กินเสร็จวายุก็ถามขึ้น
“เมื่อเช้าตื่นมาก็มีบ้างนิดหน่อยครับ แต่พอได้กินยำที่พี่กายทำให้กินเมื่อเช้าก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้คนรัก เพราะเมื่อเช้าวายุตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหุงข้าวแล้วก็ทำยำวุ้นเส้นกับหมูสับไว้ให้กับคนตัวเล็กของตัวเองกิน แถมเจ้าตัวก็ยังเตรียมทำยำเส้นแก้วกับกุ้งมาไว้ให้คนตัวเล็กได้กินตอนกลางวันอีกด้วยโดยทำแบบแยกน้ำยำเอาไว้
“พี่ดีใจนะครับที่ตัวเล็กชอบ นี่ถ้าลูกออกมาพี่กะว่าจะให้ชื่อยำๆดีมั้ยครับ หึๆ” วายุถามสายน้ำแบบทีเล่นทีจริง ทำให้ได้รับค้อนวงใหญ่มาจากว่าที่คุณแม่ทันที
แกร็ก!!!
“น้องน้ำเป็นยังไงบ้างครับ แล้ววันนี้หลานพี่ดื้อมั้ยครับ” ทันทีที่วายุเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน วาโยที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วพอเห็นสายน้ำก็รีบเดินเข้ามาหาทันที เพราะเมื่อเช้าวายุได้โทรมาบอกกับวาโยเรื่องที่สายน้ำท้องแล้วฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าจะเข้ามาคุยกับพ่อแม่เรื่องงานแต่งของพวกเค้าทั้งคู่ด้วย
“เอ่อ วันนี้เบบี๋ไม่ดื้อเลยครับ สงสัยเพราะเมื่อเช้าได้กินยำฝีมือคุณพ่อเข้าไป” สายน้ำที่ออกจะงงๆสักหน่อยว่าทำไมวาโยรู้ข่าวเร็วจัง แต่ก็ตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“ค่อยๆนั่งนะครับ เดี๋ยวหลานพี่สะเทือน” วายโยค่อยๆประคองสายน้ำให้นั่งลงที่โซฟา วายุได้แต่มองและส่ายหัวไปมากับความเห่อหลานของคุณลุง นี่ยังไม่รวมถึงเพื่อนๆตัวดีของเค้าอีกนะที่กระหน่ำไลน์กันมาตั้งแต่เช้าว่าจะมาขอเยี่ยมสายน้ำ เค้าถึงต้องรีบพาสายน้ำหนีออกมาจากห้องตั้งแต่เช้า แค่คิดก็เตรียมปวดหัวไว้รอแล้ว
“นี่ไอ้กายมึงไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยนะ กูยอมรับว่ากูเห่อหลานแล้วจะทำไมวะ ก็นี่หลานคนแรกของครอบครัวเราเลยนะเว้ย เดี๋ยวมึงคอยดูเถอะว่าถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าล่ะก็มีหวัง.....ฮ่าๆๆ” วาโยหยุดไว้แค่นั้นแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จนสายน้ำถึงกับต้องหัวเราะตามถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
“หึๆ รู้เหรอครับว่าไอ้กานต์มันหัวเราะอะไร” วายุเดินมาหาคนตัวเล็กของเค้าพร้อมกับโยกหัวด้วยความเอ็นดู สายน้ำได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างยิ้มๆ
“งั้นเดี๋ยวกูไปทำงานก่อนแล้วกัน กูแค่แวะมาดูน้องสะใภ้กับหลานกู เดี๋ยวบ่ายๆพ่อกับแม่คงมาจากประชุมที่โรงแรม” วาโยพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ก่อนไปยังไม่วายที่จะก้มไปคุยกับหลานว่าขอกลับไปทำงานก่อนแล้วจะมาเล่นด้วยใหม่
หลังจากที่วาโยออกไปแล้ววายุก็กลับไปนั่งทำงาน ส่วนสายน้ำก็นอนอ่านหนังสือแม่และเด็กที่เพิ่งซื้อมาจากร้านหนังสือเมื่อวานตอนที่แวะซื้อของที่ซูเปอร์อยู่ที่โซฟา
พอนั่งทำงานไปได้สักพักวายุก็เงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็ก ปรากฏว่าได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวจึงเดินไปนั่งยองๆอยู่ข้างๆและดึงหนังสือที่วางไว้อยู่ที่หน้าอกออกมาวางไว้บนโต๊ะแทน
แกร็ก!!
“ตากายลูกเห็นตากา.....” วายุรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ที่ปากทันทีที่แม่ของเค้าอยู่ดีๆก็โผล่พรวดเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ
“น้องหลับเหรอลูก โทษทีจ้ะแม่ตื่นเต้นมากไปหน่อย” คุณประภัสสรพูดขึ้นเบาๆราวกับกระซิบพร้อมกับค่อยๆนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว
“ชู่วววว ไม่มีอะไรแล้วครับนอนต่อนะครับคนดี” วายุพูดพร้อมกับลูบหัวปลอบคนที่นอนหลับที่สะดุ้งขึ้นมาเมื่อกี๊ตอนที่แม่เค้าเปิดประตูเข้ามา
คุณประภัสสรที่เห็นท่าทางของลูกชายกำลังปลอบคนรักให้นอนอยู่ ก็ถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมาทันที เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นลูกชายคนเล็กของเธอในมุมที่อ่อนโยนแบบนี้ ด้านคุณดิเรกที่เดินตามหลังคุณประภัสสรมาก็ต้องเดินมาลูบไหล่ภรรยาเบาๆ เค้ารู้ดีว่าภรรยาของตัวเองนั้นห่วงลูกชายคนเล็กมากขนาดไหน แต่ถึงตอนนี้ต่อให้ต้องตายเค้าทั้งสองคนก็คงจะนอนตายตาหลับกันแล้ว อย่างน้อยลูกชายของพวกเค้าทั้งสองคนก็มีที่ให้พึ่งพิงในเวลาที่ต้องการใครสักคน
“งั้นเดี๋ยวผมขอพาน้องไปนอนในห้องก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะออกมาคุยด้วย” วายุหันมาบอกพ่อและแม่ของตัวเองไม่ดังมากนัก จากนั้นก็ลุกขึ้นอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ด้านหลังของโต๊ะทำงาน
“เห็นตากานต์บอกว่าน้องท้องเหรอตากาย” ทันทีที่วายุปิดประตูห้องนอนแล้วคุณประภัสสรก็ถามขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้นที่กลับมาอีกครั้ง เธอพอจะทราบจากที่ลูกชายคนโตที่เล่าให้ฟังมาบ้างแล้วว่าทำไมสายน้ำจึงท้องได้ แต่ก็ยังต้องการคำยืนยันชัดเจนจากปากของลูกชายคนเล็กอีกครั้งหนึ่งด้วย
“ใช่ครับคุณแม่น้องมีอาการเวียนหัวแล้วก็อาเจียนเมื่อวาน พวกผมก็เลยพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลในเครือของครอบครัวน้อง อาหมอเป็นคนตรวจให้แล้วก็ยืนยันว่าน้องนั้นท้องได้หนึ่งเดือนแล้วครับ” วายุเล่าไปก็ส่งยิ้มบางๆไปให้กับพ่อและแม่ที่นั่งฟังอยู่ด้วย ไม่บ่อยนักที่ท่านทั้งสองจะได้เห็นรอยยิ้มจากใบหน้าของลูกชายคนนี้ แต่ตั้งแต่มีสายน้ำเข้ามาก็ทำให้ท่านทั้งสองได้เห็นมันบ่อยขึ้นมาก
“แล้วทีนี้จะเอายังไงกันต่อล่ะ เพราะน้องก็ยังเรียนอยู่แค่ปี 2 เอง อีกตั้ง 2 ปีกว่า กว่าน้องจะเรียนจบหรือว่าต้องดรอปเอาไว้ก่อน” เป็นพ่อของวายุที่ถามขึ้นมาบ้าง เพราะว่าการเรียนนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน
“เรื่องนี้ผมปรึกษากับไฟแล้วครับ ว่าคงให้น้องไปเรียนปกติก่อน จนถึงตอนที่น้องเริ่มจะท้องใหญ่ขึ้นหรือร่างกายเริ่มที่จะไม่ไหว พอถึงตอนนั้นอาจจะให้น้องทำรายงานส่งแทนการเข้าเรียน ส่วนเรื่องสอบอาจจะตามสอบทีหลังเอา เดี๋ยวไฟจะไปคุยกับลุงมันให้อีกทีครับ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ผมอยากให้น้องจบพร้อมกับเพื่อนๆ ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรให้น้องต้องเป็นกังวลใจน่ะครับ” วายุได้ปรึกษากับไฟ หินผา แล้วก็เหนือระหว่างที่ออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้จึงได้ข้อสรุปแบบนี้ขึ้นมา
“งั้นก็ตัดเรื่องนี้ออกไป พ่อกับแม่ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เพราะพ่อกลัวว่าทางคุณศุภสิษฐ์กับคุณหญิงสุภัตราจะมาว่าเอาได้ว่าเราทำให้ลูกชายเค้าท้องจนเรียนไม่จบ”
“ครับ แต่ว่าที่ผมอยากจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ก็คือเรื่องแต่งงานครับ ผมอยากจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากให้ใครมามองน้องว่าไม่ดี ผมอยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง” วายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังผิดกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“แม่ก็เห็นด้วยนะลูก เพราะว่าถ้าเกิดน้องท้องใหญ่ขึ้นมามากกว่านี้ จะเป็นที่ซุบซิบนินทาของคนอื่นเอาได้ถึงแม้ว่าน้องจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ตาม แถมทางฝั่งของน้องก็ออกจะมีหน้ามีตาทางสังคม” คุณดิเรกและวายุพยักหน้าเห็นด้วยทันทีที่คุณประภัสสรพูดขึ้นมา
“งั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่จะเป็นฝ่ายโทรไปนัดคุณหญิงสุภัตราคุยเรื่องงานแต่งงานเอง แล้วถ้าได้วันยังไงเดี๋ยวแม่จะบอกอีกที่แล้วกันนะจ๊ะ”
“ครับคุณแม่ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากนะครับที่เข้าใจผมกับน้อง ผมรักพ่อกับแม่นะครับ” วายุยกมือไหว้และเดินมาคุกเข่าต่อหน้าท่านทั้งสองและเข้าไปสวมกอดท่านไว้ทั้งสองคน ตั้งแต่เล็กจนโตเค้าไม่เคยที่จะแสดงออกและบอกรักแบบนี้กับพ่อกับแม่ของเค้าเลย จะมีก็แค่กอดกันพอเป็นพิธีเท่านั้น
คุณประภัสสรที่ได้รับสัมผัสอ้อมกอดจากลูกชายของตัวเอง ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
แกร็ก!!
“อ้าวๆ มาซึ้งอะไรกันตอนนี้ครับท่าน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมขอกอดด้วยคนสิครับ” วาโยที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นสามคนพ่อแม่ลูกกำลังกอดกันอยู่ ก็อดที่จะแซวไม่ได้แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปกอดด้วยคน
“ไม่ต้อง หยุดอยู่ตรงนั้นเลย” วายุผละตัวออกจากพ่อและแม่ของตัวเองแทบจะทันทีที่เห็นวาโยเดินกางแขนเข้ามา
“อะไรวะ ทีกับน้องน้ำกูเห็นกอดเอากอดเอา ที่กับพี่ชายตัวเองทำเป็นรังเกียจคุณพ่อคุณแม่ดูสิครับ”
“ก็ตัวเล็กของกูออกจะตัวนุ่มนิ่มแล้วก็หอมด้วย ไม่เหมือนมึงที่ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้ พูดแล้วขนลุกว่ะ”
ทั้งคุณดิเรกและคุณประภัสสรที่เห็นลูกชายทั้งสองทะเลาะกันแบบเด็กๆก็ได้แต่ยิ้มขำ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนวายุแทบจะไม่พูดไม่คุยกับวาโยเลย จะเป็นวาโยที่เป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว และยิ่งวายุแยกออกไปอยู่คอนโดด้วยแล้วความสัมพันธ์พี่น้องก็ยิ่งห่างออกไปอีก
แต่พอวายุเริ่มที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ก็ทำให้สองพี่น้องได้คุยกันมากขึ้น และนับวันก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในทุกๆวัน ถึงจะออกไปในแนวทะเลาะกันมากกว่าก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอขอบคุณคนตัวเล็กที่ชื่อสายน้ำที่ก้าวเดินเข้ามาในชีวิตของลูกชายคนเล็กของเค้าทั้งสองคน
Comments (0)