71 ตอน เกิดมาด้วยความรัก
โดย Beloved_Moouan
ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังใบหน้าของชายที่ตนเองรักแทบจะไม่กะพริบตา น้ำตาหยดใสค่อยๆไหลออกจากหางตา สายน้ำคิดย้อนไปถึงวินาทีที่ตัวเองใกล้จะหมดลมหายใจ ในหัวของเค้าตอนนั้นเห็นแต่ภาพของป๊าม๊า พี่ชาย คนรักของตน พี่ๆและเพื่อนๆตัดสลับกันไปมาจนสติดับวูบลงไป แต่จิตใต้สำนึกที่อยู่ลึกๆในหัวใจของเค้านั้นสั่งให้ต้องสู้ สู้เพื่อคนที่เค้ารักทุกคน วินาทีนั้นเหมือนเค้าต้องต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นจนเค้าได้ยินเสียงของเด็กน้อยร้องดังแว่วออกมา เสียงนั้นเหมือนอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล
ลูก สายน้ำนึกถึงลูกได้เป็นคนแรกเสียงนั้นคือเสียงของลูกน้อยของเค้าเอง เค้าจะต้องสู้เพื่อลูกเพื่อคนที่รอเค้าอยู่ จนวินาทีที่เค้าได้มีโอกาสกลับมาหายใจได้อีกครั้งนาทีนั้นเหมือนกับว่าตนเองได้ตายไปแล้วและได้มีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่อย่างไงอย่างนั้น
พอผ่านไปสักพักร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวอยู่ที่โซฟาก็เริ่มที่จะขยับตัว สายน้ำจึงรีบยกมือข้างที่ไม่ติดสายน้ำเกลือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที
ทันทีที่วายุลืมตาขึ้นมาเจ้าตัวก็รีบหันมามองคนตัวเล็กของตัวเองทันทีเพราะดูจากแสงแดดที่เห็นผ่านผ้าม่านแล้วคงจะสายมากแล้ว
วินาทีที่ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตากลมโตของคนบนเตียง วายุถึงกับน้ำตาไหลออกมาทันทีพร้อมกับรีบลุกเดินไปที่เตียงและก้มกอดร่างเล็กบนเตียงเอาไว้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย น้ำตาแห่งความดีใจน้ำแห่งความโล่งใจและอึดอัดใจได้ถูกปลดปล่อยออกมาแทนคำพูดทั้งหมดรวมทั้งสายน้ำเองด้วย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูเบาๆ ม่ได้ทำให้ทั้งสองคนที่กอดกันร้องไห้อยู่ได้ยินหรือหันไปสนใจแต่อย่างใด
พ่อและแม่ของวายุ และวาโย ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่คลอเต็มสองหน่วยตา ทุกคนเห็นไหล่ที่สั่นไหวของลูกชายคนเล็กที่เกิดจากการร้องไห้
ทุกคนได้รู้ข่าวเมื่อตอนสายๆช่วงเก้าโมงกว่าที่ผ่านมานี่เองจากหินผาที่โทรไปเล่าและบอกกล่าวให้ฟัง ตอนที่ทุกคนได้ยินหินผาเล่าอยู่นั้นต่างก็ตกใจกันมากโดยเฉพาะแม่ของวายุที่สงสารลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเองจับใจ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้มันจะเป็นช่วงที่ผ่านมันไปได้อย่างยากลำบากก็ตามที
“แฮ่ม!! คุณพ่อคุณแม่ขี้แยอย่างนี้หลานพี่จะไม่ร้องไห้งอแงตามเหรอครับ” วาโยที่ปรับอารมณ์ของตัวเองได้ก่อนใครก็ทำเสียงกระแอมกระไอและเอ่ยแซวน้องชายและน้องสะใภ้ทันที ส่วนพ่อของวายุก็เดินมาหาลูกชายคนเล็กที่หันมามองพ่อแม่ตัวเองด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาอยู่ พ่อของวายุตบไปที่ไหล่ของลูกชายคนเล็กเบาๆและส่งยิ้มไปให้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูกเราผ่านมันมาได้แล้ว ลูกทั้งสองคนของแม่เก่งมาก ไม่เป็นไรแล้วนะ” แม่ของวายุเดินมากอดลูกชายเล็กของตัวเองและลูบหลังปลอบ
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ พี่วาโย” เมื่อวายุคลายอ้อมกอดจากแม่ตัวเองแล้ว สายน้ำก็ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนด้วยรอยยิ้ม โดยมีวายุคอยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือให้อย่างเบามือ
“ตามสบายเลยลูกน้องน้ำ น้องน้ำยังเจ็บแผลอยู่อย่าเพิ่งขยับมากนะจ๊ะ” แม่ของวายุรีบจับมือของสายน้ำข้างที่ให้น้ำเกลืออยู่ลงและลูบลงไปที่หลังมือเบาๆ
“แล้วนี่หลานกูอยู่ไหนวะ เป็นยังไงบ้างน่ารักมากมั้ยวะ” พอทุกคนพูดคุยไต่ถามอาการของสายน้ำไปได้สักพักวาโยก็ถามหาหลานขึ้นมา
“นั่นน่ะสิครับ น้องจะได้เจอลูกตอนไหนเหรอครับ” สายน้ำถามขึ้นมาบ้างเมื่อนึกขึ้นมาได้
“อาหมอให้เข้าตู้อบสักสองสามวันเพื่อรอดูอาการแต่ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติอาหมอก็จะให้ขึ้นมาอยู่กับพ่อกับแม่ได้” วายุตอบวาโยไปแต่มือใหญ่ยังคงลูบที่ผมของสายน้ำไปด้วย
“งั้นตอนนี้กูไปดูหลานสาวกูก่อนดีกว่าพ่อกับแม่จะไปด้วยกันมั้ยครับ” วาโยพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเพราะเค้าเองก็อยากมีลูกเหมือนกันแต่ติดตรงที่ภรรยาของเค้ายังไม่ตั้งครรภ์ซะทีนี่สิ
“ไปจ้ะไป แม่ก็อยากเห็นหน้าหลานจะแย่แล้วไปกันค่ะคุณเดี๋ยวกลับไปดิฉันจะต้องไปหาของขวัญชิ้นใหญ่มารับขวัญหลานสาวซะแล้ว เดี๋ยวแม่ขึ้นมาคุยด้วยใหม่นะจ๊ะแม่ขอไปหาหลานสาวก่อนนะ” แม่ของวายุหันมาบอกทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำให้ทั้งวายุและสายน้ำพลอยอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้กับท่าทางตื่นเต้นของปู่ย่าและลุง
“จุ๊บๆๆ ฟอดๆ พี่กายคิดถึงตัวเล็กมากๆเลยรู้มั้ยครับ คิดถึงแทบใจจะขาด” พอทั้งหมดออกไปแล้ววายุก็ก้มลงมาหอมจูบที่หน้าผากที่ปลายจมูกที่ปากและหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างของสายน้ำทันทีด้วยความคิดถึง
“น้องน้ำก็คิดถึงพี่กายเหมือนกันครับ จุ๊บ!” สายน้ำพูดจบก็กดท้ายทอยของวายุลงมาให้ตัวเองได้จูบไปที่ริมฝีปากหยักของคนรัก
“ว่าแต่พี่กายมีรูปของลูกเรามั้ยครับ น้องอยากเห็นหน้าลูกจะแย่แล้ว”
“มีครับพี่ถ่ายไว้ให้ตัวเล็กดูอยู่” วายุพูดพร้อมกันหันไปหยิบมือถือมากดเปิดให้สายน้ำได้ดูรูปของลูกสาวตัวน้อย
พอสายน้ำได้เห็นรูปของลูกสาวตัวจ้ำม้ำก็ยิ้มกว้างออกมาทันที เพราะลูกสาวตัวน้อยของเค้านั้นแทบจะถอดแบบมาจากเค้าและวายุเลยทีเดียว
“เรายังไม่ตั้งชื่อให้ลูกกันเลยนะครับ” สายน้ำพูดขึ้นมาแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่รูปของลูกตัวน้อยของตัวเองอยู่ พร้อมกับใช้นิ้วลูบลงไปตำแหน่งที่เป็นแก้มของลูกน้อยเบาๆ
“พี่ตั้งไว้แล้วครับแต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจตัวเล็กรึเปล่า” วายุพูดขึ้นมายิ้มๆ
“หืออ ชื่ออะไรเหรอครับ” สายน้ำพอได้ยินวายุพูดขึ้นมาก็อดที่จะตื่นเต้นตามไปด้วยไม่ได้
“ชื่อเล่นน้องของขวัญ หรือเด็กหญิงกันติชา เบญจกิจวรกุล ครับ” วายุหันมาบอกกับสายน้ำด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ชื่อเล่นพี่กายตั้งตรงใจกับน้องเลยครับน้องก็อยากให้ลูกชื่อน้องของขวัญ เพราะลูกคือของขวัญของพ่อและแม่ แล้วชื่อกันติชานี่แปลว่าอะไรเหรอครับเพราะดี”
“กันติชา แปลว่า เกิดมาด้วยความรักครับ จุ๊บ!” วายุพูดจบก็ก้มลงไปจูบที่ปากของสายน้ำอีกครั้ง จนสายน้ำนั้นหน้าแดงขึ้นมาเมื่อได้รู้ความหมายของชื่อ
“ตัวเล็กชอบมั้ยครับ”
“ชอบสิครับ ชื่อเพราะแล้วก็ความหมายดีด้วย ขอบคุณนะครับ” สายน้ำตอบพร้อมกับยิ้มกว้างส่งไปให้วายุ
“แล้วนี่ตัวเล็กเจ็บแผลมากมั้ยครับ ขอพี่ดูหน่อยได้มั้ยครับ”
“ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ครับมันตึงๆมากกว่า เห็นหน้าพี่กายกับลูกน้องก็หายเจ็บแล้วครับ” สายน้ำตอบพร้อมกับมองมือใหญ่ที่กำลังเปิดเสื้อของตัวเองขึ้นมาเพื่อดูแผลผ่าตัด
“พี่อยากเจ็บแทนตัวเล็กได้จังเลยครับ รู้มั้ยครับว่าตอนนะ.......” วายุพูดขึ้นมาพร้อมกับมือที่ลูบลงไปที่ผ้าก็อตปิดแผลอย่างเบามือ แต่ยังไม่ทันที่วายุจะพูดจบก็ถูกสายน้ำยกมือขึ้นมาปิดปากซะก่อน
“ไม่เอาครับพี่กาย เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมากันแล้วนะครับ ต่อจากนี้ไปครอบครัวของเราจะต้องเดินหน้าต่อไปและจะไม่ย้อนกลับมาคิดถึงวันที่ไม่น่าจดจำอีกแล้ว ครอบครัวเราจะมีแต่ความสุข เราจะช่วยกันเลี้ยงน้องของขวัญให้เป็นเด็กที่ดีเด็กที่มีความสุขที่สุดนะครับ น้องเจ็บแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าความเจ็บปวดนี้มันจะต้องแลกมากับที่เราได้ลูกของเรามามันก็คุ้มไม่ใช่เหรอครับ” สายน้ำพูดขึ้นยิ้มๆเค้ายอมที่เจ็บหากเค้าได้แก้วตาดวงใจของเค้าและคนรักมา
“ครับ พี่ขอโทษนะ ต่อไปนี้ครอบครัวของเราจะมีแต่ความสุข เราจะช่วยกันเลี้ยงน้องของขวัญให้โตขึ้นเป็นเด็กที่ดีและเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด จุ๊บ!” วายุพูดขึ้นและจูบลงไปที่ฝ่ามือน้อย
.
.
.
แกร็ก!!!
“หลานกูมารึยังวะ” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเหนือก็ถามหาหลานก่อนเลยคนแรก เพราะวันนี้เป็นวันที่อาหมออนุญาตให้พยาบาลพาน้องของขวัญมาอยู่กับพ่อแม่ได้ ทำให้ทุกคนตื่นเต้นและพากันมาแต่เช้าอย่างที่เห็น
วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วหลังจากที่สายน้ำฟื้นขึ้นมา หน้าตาของคุณแม่ตอนนี้นั้นดูสดใสขึ้นมาก พร้อมกับคุณพ่อที่หน้าตาดูกลับมาหล่อเหลาเหมือนเดิมแล้ว
เมื่อวานอาหมอแวะมาตรวจอาการของสายน้ำและบอกว่าสายน้ำนั้นแข็งแรงดีแล้ว และไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้วด้วย ส่วนหนูน้อยน้องของขวัญก็แข็งแรงสมบูรณ์ดี และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นขวัญใจเหล่าบรรดาพี่ๆพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มและอารมณ์ดีไม่ค่อยร้องไห้งอแงจึงทำให้พี่ๆพยาบาลตกหลุมรักได้ไม่ยาก
“มึงแหกขี้ตาดูด้วยนี้เพิ่งจะแปดโมงมึงจะไม่ให้พยาบาลเค้าทำอะไรเลยรึไงวะ” ไฟพูดขึ้นและเดินจูงออกัสไปยืนข้างเตียงคนละฝั่งกับที่วายุนั่งอยู่ ส่วนออกัสก็เดินไปยกเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงที่สายน้ำนอนอยู่และพูดคุยกันตามประสาเพื่อน
“ก็กูตื่นเต้นนี้หว่า เคยเห็นแต่ผ่านกระจกกับตู้อบ กูอยากอุ้มหลานแล้ว” เหนือพูดพร้อมกับทำท่าอุ้มหลานไปด้วย
เมื่อสองวันที่แล้ววายุและสายน้ำได้เข้าคอร์สเรียนการดูแลลูกน้อยโดยมีพยาบาลมาสอนถึงที่ห้อง และพอดีกับช่วงที่เหล่าบรรดาลุงๆและป้ามาพอดี ทุกคนเลยขอให้พยาบาลช่วยสอนตัวเองด้วย เพื่อที่จะได้เอาไว้อุ้มและดูแลหลานสาวตัวน้อย กว่าที่คุณพยาบาลจะสอนจบคอร์สกันหมดทุกคนก็เล่นเอาเหงื่อตก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
พอประมาณเก้าโมงครึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นและเป็นวายุที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เป็นคนแรก เพราะเจ้าตัวเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กับทุกคนหรืออาจจะยิ่งกว่า วายุจะมองไปที่นาฬิกาทุกๆห้านาทีว่าเมื่อไหร่พยาบาลจะพาน้องของขวัญมาให้ตัวเองได้อุ้มสักที
“พาน้องของขวัญมาส่งแล้วค่ะ” พยาบาลชญาภาเดินเข็นรถเข็นของเด็กน้อยมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงของสายน้ำโดยมีวายุช่วยประคองคุณแม่และหินผาช่วยปรับเตียงให้สายน้ำได้เอนพิงในท่าที่สบาย
“อีกประมาณสองชั่วโมงจะมารับน้องของขวัญกลับไปที่ห้องนะคะ แล้วก็เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงคุณแม่ลองให้น้องดูดนมจากเต้าดูด้วยนะคะ” พูดจบพยาบาลก็เดินหันหลังและออกจากประตูไป
สายน้ำมองหน้าลูกสาวตัวน้อยที่ลืมตามองทุกคนอยู่ตาแป๋ว ดวงตานั้นสีดำขลับและกลมโตเหมือนเค้าไม่มีผิด
“พี่กายอุ้มลูกมาให้น้องหน่อยครับ” สายน้ำพูดขึ้นเมื่อเห็นวายุเอาแต่ยิ้มและมองหน้าลูกน้อยของตัวเองอยู่อย่างหลงใหล
วายุพอได้ยินที่สายน้ำพูดเจ้าตัวก็ยื่นมือที่สั่นๆไปช้อนตัวของลูกน้อยขึ้นมาไว้ที่อ้อมอกอุ่นและกดจมูกโด่งลงไปที่แก้มนุ่ม
“หลานกูโคตรน่ารักเลยว่ะ เหมือนน้องน้ำตอนเด็กๆแทบจะพิมพ์เดียวกันเลย เว้นแต่จมูกที่โด่งได้ไอ้วายุมา น้องวาเข้ามาดูสิครับ” หินผาที่ยืนอยู่ข้างๆวายุพูดขึ้นพร้อมใช้นิ้วลูบไปที่แก้มนุ่มของหลานสาวเบาๆ เสร็จแล้วหินผาก็เบี่ยงตัวให้วาริได้เข้ามาดูบ้าง วาริเองก็ยกมือขึ้นมาลูบแก้มหลานตัวน้อยด้วยสัมผัสที่เบาพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
หลังจากให้ลุงและป้าสะใภ้ได้ชื่มชมหลานเสร็จแล้ว วายุก็ค่อยๆอุ้มลูกส่งให้กับสายน้ำที่นั่งรออยู่แล้ว พอน้องของขวัญได้มาอยู่ที่อ้อมอกของแม่ก็ยกยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้างที่ไม่เคยมีใครได้เห็น สายน้ำก้มลงไปจูบที่ลักยิ้มทั้งสองข้างนั้นเมื่อได้เห็น
“เฮ้ย! น้องของขวัญมีลักยิ้มบุ๋มสองข้างเหมือนน้องน้ำเลยว่ะ” เหนือพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ทุกคนก็พลอยยิ้มไปกับหลานสาวตัวน้อยที่นอนอวดยิ้มอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ไปด้วย
พอผ่านไปสักพักวายุก็เอาน้องของขวัญมาอุ้มซะเองเพราะกลัวว่าสายน้ำจะเจ็บแผลผ่าตัดขึ้นมา เหล่าบรรดาลุงๆและป้าก็พากันไปห้อมล้อมเล่นกับหลานสาวตัวน้อยด้วย
“น้องจะให้ลูกกินนมเลยมั้ยครับ” วายุหันมาถามเมื่อเห็นว่านี่ได้เวลาที่พยาบาลได้บอกไว้แล้ว
“ให้เลยก็ได้ครับ ลูกคงจะหิวแล้ว” พอสายน้ำบอกออกมาทุกคนก็พากันไปนั่งที่เก้าอี้และโซฟาเพื่อให้สายน้ำนั้นได้ให้นมลูกได้สะดวก ส่วนวายุนั้นก็รูดม่านมาปิดเตียงไว้
จ๊วบๆๆ
เสียงดูดนมจากเต้าของน้องของขวัญนั้นดังจนทะลุม่านออกมาให้บรรดาลุงๆได้ยิ้มกัน
“สงสัยหลานจะโดนลุงๆกับป้าแกล้งจนหิวเลยกินใหญ่เลย” ออกัสพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียง
“หึๆ คงอย่างนั้นแหละครับ สงสัยคงโดนไอ้เหนือกวนไปเยอะเลยหิวจัด” ไฟพูดและหันไปมองเพื่อนตัวเองที่นั่งดูรูปหลานสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
“ไอ้ดิน มึงดูหลานยิ้มให้กูด้วย” เหนือยื่นมือถือให้ดินดูรูปที่ตัวเองถ่ายเอาไว้เมื่อกี๊
ดินได้แต่ส่ายหัวน้อยๆให้กับความเห่อหลานของไอ้ลุงเหนือ เพราะตั้งแต่สายน้ำคลอดออกมาหน้าเฟสและไอจีของเหนือมีแต่รูปของน้องของขวัญเต็มไปหมด จนใครๆนึกว่าเป็นลูกของมันเอง
“เจ็บมั้ยครับตอนลูกดูด” วายุนั่งมองและถามขึ้นเมื่อเห็นลูกดูดนมจากเต้าของเมียตัวเองอย่างเมามันโดยไม่มีท่าว่ะจะอิ่มแต่อย่างใด แถมยังดูดแรงและเสียงดังอีกด้วย
“นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรครับน้องทนได้” สายน้ำพูดพร้อมกับก้มลงไปมองปากของลูกน้อยที่ดูดเต้าของตัวเองอยู่
“พี่ขอชิมหน่อยได้มั้ยครับว่ารสชาติมันเป็นยังไง มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับลูกถึงได้ดูดไม่ยอมปล่อยเลย” พูดจบวายุก็ก้มลงไปดูดนมอีกข้างที่ว่างของสายน้ำทันที ยังไม่ทันที่สายน้ำจะเอ่ยห้ามแต่อย่างใด
“จ๊วบๆ อืมหวาน” วายุพูดอยู่ในลำคอพร้อมกับใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำนมที่กำลังจะหยดออกมาด้วย
“พี่กายทำอะไรครับ พี่ๆกับเพื่อนอยู่กันเต็มเลย” สายน้ำพูดดุเสียงไม่ดังมากนัก
“ก็พี่อยากรู้นี่ครับ ดีนะที่ลูกเป็นผู้หญิงไม่งั้นพี่หวงแย่เลยใช่มั้ยคะ จุ๊บ!” วายุก้มลงไปถามลูกสาวและจูบลงที่แก้มกลมนุ่มอย่างมันเขี้ยว ลูกสาวเค้านี่เลี้ยงง่ายจริงๆเพราะพอกินจนอิ่มก็หลับไปเลยทันที
“พี่กายอุ้มลูกเรอหน่อยครับเดี๋ยวท้องจะอืดเอา” พอสายน้ำพูดขึ้นมาวายุก็ยื่นมือไปรับลูกมาอุ้มและจับลูกขึ้นพาดที่ไหล่โดยมีมือใหญ่คอยประคองไว้ที่คอ
“เอิ้ก!!!”
เสียงเรอที่ดังจนทำให้เหนือถึงกับต้องเปิดผ้าม่านออกเพื่อที่จะดู
“น้องของขวัญขา หนูจะต้องเป็นกุลสตรีมากกว่านี้นะคะลูก หนูจะเรอเสียงดังแบบนี้ไม่ได้นะคะรู้มั้ยคะ” เหนือเดินมายืนอยู่ข้างหลังของวายุและพูดบอกหลาน ทำให้ทุกคนพากันส่ายหัวไปมา หลานของพวกเค้าเพิ่งจะอายุได้ 4 วัน แล้วเด็กก็ต้องเรอกันแบบนี้ทุกคนรึเปล่าวะ
สายน้ำได้แต่นั่งยิ้มขำขณะที่ลุงเหนือกำลังอบรมมารยาทให้กับลูกสาวของตัวเองอยู่
“แล้วนี่ไอ้อิฐไม่ได้มาด้วยเหรอวะ มันพลาดได้ยังไงวะ” วายุพูดขึ้นเมื่อส่งน้องของขวัญให้ดินอุ้มกล่อมต่อ ส่วนดินนั้นก็เดินอุ้มและตบก้นหลานเบาๆและเดินไปรอบๆห้องพร้อมกับร้องเพลงกล่อมหลานไปด้วย
“มันโทรมาวีนกับกูตั้งแต่เช้าแล้วที่ไม่ได้มาด้วย วันนี้พ่อมันให้เข้าประชุมด้วยเลยมาไม่ได้” ดินบอกกลับมาเบาๆเพราะกลัวว่าหลานในอ้อมกอดจะตื่น
“ไอ้ดินกูขออุ้มหลานบ้างสิวะ มึงอุ้มนานแล้วน่ะโว้ย” เหนือที่เห็นดินอุ้มหลานสาวของตัวเองนานเกินไปแล้วก็เริ่มโวยขึ้นมาโดยมีเบลพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆเพราะเธอเองก็อยากอุ้มหลานด้วยเหมือนกัน
“มึงเอาไว้อุ้มวันอื่นก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าเปลี่ยนมือหลานจะตื่นขึ้นมางอแง จริงมั้ยคะหลานสาวสุดที่รักของลุงดิน จุ๊บ!” ดินบอกกับเหนือและก้มหน้าลงไปคุยกับหลานสาวตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองพร้อมกับก้มลงไปจูบที่หน้าผากของหลานสาวเบาๆด้วยความทะนุถนอม
วายุได้แต่หันไปมองหน้าเมียตัวเองและยิ้มให้กัน สงสัยว่าลูกของเค้าทั้งคู่คงจะมีคนช่วยเลี้ยงเยอะจนบางทีเค้ากับเมียอาจจะไม่ต้องเลี้ยงเองเลยก็ได้ เพราะนี่ขนาดยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลก็ยังแย่งกันอุ้มซะขนาดนี้ นี่ยังไม่รวมถึงปู่ย่าและตากับยายอีก
และตอนนี้นั้นพ่อและแม่ของวายุก็เข้าไปจัดการเรื่องสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ให้แล้วด้วย พร้อมกับตกแต่งบ้านและจัดบ้านตามที่ได้สอบถามความต้องการของวายุกับสายน้ำไปและจัดห้องให้หลานจนเสร็จสรรพแล้วด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แม่ของวายุบอกว่าหากไม่ชอบใจอะไรตรงไหนค่อยมาปรับเปลี่ยนเอาทีหลังเพราะอยากที่จะให้ทั้งทุกคนได้ย้ายเข้าไปอยู่ได้เลยหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล
พร้อมทั้งท่านยังนิมนต์พระให้มาสวดทำบุญขึ้นบ้านใหม่ให้พอเป็นพิธีก่อนเพื่อที่จะได้เข้าไปอยู่ได้เลย ทั้งยังจัดการหาพี่เลี้ยงไว้ให้ช่วยดูน้องของขวัญไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่งามตากับพี่น้ำหวานที่เคยเลี้ยงสายน้ำมาตั้งแต่เด็กๆนั่นเอง
หากถามว่าทำไมแม่ของวายุถึงสามารถไปดึงคนงานมาจากบ้านป๊าม๊าของสายน้ำมาได้นั้น ก็เพราะว่าม๊าของสายน้ำนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังอีกต่อหนึ่งบวกกับที่ว่าพี่งามตาและพี่น้ำหวานอยากที่จะมาดูแลคุณหนูของเธอที่ไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านและอยากที่จะเป็นคนเลี้ยงดูคุณหนูตัวน้อยด้วยตัวเอง พี่ทั้งสองยังให้เหตุผลว่าไม่ไว้ใจที่จะให้ใครมาเลี้ยงดูคุณหนูตัวน้อยของเธอระหว่างที่สายน้ำจะต้องไปเรียน ซึ่งวายุก็คิดว่ามันก็ดีที่ได้คนที่ไว้ใจได้มาอยู่ด้วยและไม่ต้องหาใครให้ยุ่งยาก เพราะทั้งวายุและสายน้ำจะได้สบายใจว่ามีคนที่เลี้ยงของลูกของพวกเค้าที่สามารถไว้ใจได้ระหว่างที่พวกเค้าไม่อยู่
Comments (0)