10 ตอน ฝากเนื้อไว้กับเสือ
โดย Beloved_Moouan
หลังจากที่วายุกับหินผาได้พาสายน้ำมาทำแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ทั้งสามก็มานั่งรอรับยาโดยสายน้ำนั่งรอที่วีลแชร์ โดยที่หัวเข่ามีผ้าพันแผลไว้และที่แขนพยาบาลได้นำผ้าก็อตมาติดไว้ให้ส่วนรอยที่คอได้แต่ทายาเนื่องจากเป็นแค่รอยขีดข่วนที่ได้รับจากกิ่งไม้เท่านั้น
"ไอ้ผา ถ้าตัวเล็กกลับบ้านไปสภาพแบบนี้ป๊ากับม๊ามึงจะไม่ตกใจแย่เลยเหรอวะ"
"เออว่ะ กูลืมคิดไปเลย เอาไงดีวะถ้าม๊าเห็นนี่ได้เป็นลมชัวร์" เค้าจำได้ดีมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนสายน้ำอยู่มัธยมต้น สายน้ำปีนขึ้นไปเก็บมะม่วงต้นหลังบ้านแล้วตกลงมาหัวแตก ม๊าเห็นยังแทบเป็นลมแถมร้องไห้ตามสายน้ำด้วย
"ให้ตัวเล็กไปอยู่กับกูที่คอนโดก่อนมั้ย ให้แผลค่อยยังชั่วก่อน เพราะอาทิตย์หน้าก็รับน้องแล้ว กว่าตัวเล็กจะได้กลับบ้านแผลก็คงใกล้หายแล้ว" วายุเสนอหินผาขึ้นมาตามที่ตัวเองคิด
"มึงพูดยาวๆแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ หึๆ" พอเป็นเรื่องน้องเค้าก็พูดมากขึ้นมาทันทีเลยไอ้เพื่อนตัวดี
"ว่าแต่กูไว้ใจมึงได้ใช่มั้ยเนี่ย มึงจะไม่ปล้ำน้องกูใช่มั้ย"
เพี๊ยะ!!!!!
"โอ๊ย!!! น้องน้ำตีพี่ทำไมครับ" หินผาลูบแขนตัวเองตรงที่โดนสายน้ำฟาดมือลงมา
"กะ ก็พี่ผาพูดอะไรไม่รู้ น้องเป็นผู้ชายนะครับแล้วพี่กายก็เป็นเพื่อนพี่ผาเท่ากับว่าเป็นพี่ชายของน้องด้วยอีกคน มาปลงมาปล้ำอะไรเล่า" สายน้ำพูดพร้อมกับก้มหน้าซ่อนความเขินเอาไว้ แต่อกข้างซ้ายก็รู้สึกกระตุกกับคำว่าพี่ชายอย่างไรบอกไม่ถูก
"เฮ้อ!! เด็กน้อยเอ๋ย" หินผาได้แต่ถอนหายใจกับความเดียงสาของน้องตัวเอง ไอ้วายุมันแสดงออกขนาดนี้ แถมยังให้เรียกชื่อเล่นที่มีเอาไว้เรียกเฉพาะคนในครอบครัวอีก สงสัยเพื่อนเค้าคงจะเจองานยากเข้าแล้ว
วายุได้แต่นั่งส่ายหน้ายกยิ้มมุมปากกับคำพูดของน้อง รอให้น้องไปอยู่กับเค้าก่อนเถอะเค้าจะต้องทำให้น้องยอมเป็นแฟนเค้าก่อนไปรับน้องให้ได้ เพื่อป้องกันพวกแมลงหวี่แมลงวันมารุมตอม
เมื่อรับยาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสามก็พากันมาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล โดยวายุเป็นคนเข็นรถให้กับสายน้ำ
"เดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าของน้องที่บ้านมาก่อน แล้วคืนนี้กูคงนอนห้องมึงเลยขี้เกียจย้อนไปย้อนมาว่ะ"
"อือ...แล้วมึงจะบอกป๊ากับม๊าว่ายังไง"
"ก็คงบอกว่าไปค้างห้องเพื่อนทำรายงานนั่นแหละ ไม่รู้ม๊าจะเชื่อรึเปล่าน้องกูไม่เคยไปนอนค้างที่อื่นเลย เฮ้อ!!!" 'เหมือนฝากเนื้อไว้กับเสือแท้ๆเลยกู คิดถูกหรือคิดผิดวะ' หินผาได้แต่คิดในใจแล้วมองหน้าน้องชายสุดที่รัก
สายน้ำได้แต่มองหน้าพี่ชายตัวเองและวายุ ที่ตกลงกันเองพูดเองเออเองกันเสร็จสรรพโดยไม่ถามความเห็นเค้าสักคำ แต่ก็นะถ้ากลับไปสภาพนี้มีหวังม๊าได้เป็นลมแน่
เมื่อหินผาขับรถออกไปแล้ว สายน้ำได้แต่ทำตาละห้อยมองตามรถพี่ชาย เวลาสายน้ำต้องอยู่กับวายุรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ใจมันพลอยแต่จะเต้นแรงยังไงไม่รู้
"หึๆ ขึ้นรถกันครับ" วายุได้แต่นึกเอ็นดูกับท่าทางของคนตัวเล็กที่มองตามรถพี่ชายไปตาละห้อยก่อนที่จะเปิดประตูรถและอุ้มสายน้ำให้เข้าไปนั่งประจำที่ข้างคนขับ
หลังจากขับรถมาได้สักพัก วายุก็เหลือบไปมองคนนั่งข้างๆซึ่งตอนนี้ได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวจึงตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง แล้วจัดการปรับเบาะให้คนตัวเล็กได้นอนสบายๆพร้อมกับลูบไปที่ผมนุ่มด้วยความเอ็นดู
วายุนั่งมองหน้าสายน้ำอยู่สักพัก จากนั้นเจ้าตัวจึงค่อยๆก้มหน้าลงไปหอมที่แก้มของสายน้ำอย่างแผ่วเบาด้วยเกรงว่าน้องจะตื่น
"จุ๊บ!! ตัวเล็กของพี่กาย ของพี่กายคนเดียว" 'หอมมาก นุ่มมาก นี่แก้มผู้ชายใช่มั้ยวะ' วายุได้แต่คิดถามตัวเองอยู่ในใจหลังจากที่ได้สัมผัสกับความนุ่มและความหอมของน้องไปแล้ว
"ตัวเล็กครับ ตัวเล็กครับ จุ๊บ!! ตื่นได้แล้วครับคนดี" เมื่อมาถึงที่คอนโดและรถจอดสนิทดีแล้ว วายุก็ก้มลงไปปลุกและจูบไปที่หน้าผากของคนที่กำลังหลับอยู่
"อื้อ!! พ พี่กายทำอะไรครับ" สายน้ำตื่นขึ้นมาถึงกับตาโตและใจเต้นแรง ก็หน้าพี่กายอยู่ใกล้หน้าเค้ามากเรียกว่าแทบจะหายใจรดกันเลยทีเดียว
สายน้ำมองตาของวายุด้วยดวงตาสั่นระริกทั้งตื่นเต้นทั้งเขินไหนจะยังหัวใจบ้าที่เต้นรัวเหมือนมีคนมาตีกลองอีก มือของสายน้ำยกขึ้นมาดันหน้าอกของวายุออกแต่กลับไม่ขยับเลยสักนิด 'พี่ผาช่วยน้องด้วย น้องจะหัวใจวายตายแล้ว'
วายุยกมือขึ้นมาลูบแก้มสายน้ำเบาๆราวกับว่ากลัวว่าน้องจะเจ็บ จนสายน้ำนั้นเขินจนหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อกับความอ่อนโยนของคนพี่
"เอ่อ....พี่กายครับ" สายน้ำเรียกชื่อวายุเพื่อเตือนสติคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะล่องลอยไปแล้วเมื่อวายุไม่ยอมขยับออกไปเสียที
"ครับ ว่ายังไงครับ" ใจหนึ่งก็สงสารคนตัวเล็กของเค้าที่ตอนนี้หน้าแดงตัวแดงพร้อมที่จะระเบิดตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากให้น้องได้รู้ใจตัวเองบ้างว่าคิดยังไงกับเค้าเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้
"เราไม่ลงกันเหรอครับ น้ำอยากกินยาแล้วก็นอนพักแล้วครับ รู้สีกตึงๆที่แผลน่ะครับ" ใช่เค้ารู้สึกตึงๆที่แผลและตอนนี้ก็เหมือนจะครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้แล้วด้วย ไม่รู้เพราะเขินหรือว่าแผลอักเสบกันแน่
"ครับ พี่ขอโทษครับที่มัวแต่แกล้งเรา ก็เรามันน่าแกล้งนี่ครับ" วายุพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปบีบแก้มสายน้ำเบาๆ
"พี่กายอ่ะ ชอบแกล้งน้อง" สายน้ำทำหน้างอปากจู๋จนแทบจะติดจมูก เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นโดนแกล้ง
"จุ๊บ!!!" เร็วกว่าความคิดวายุก้มไปจูบที่ริมฝีปากบางสีสวยของสายน้ำอย่างเร็วด้วยความที่อดใจไม่ไหวจริงๆ เค้าอดใจไม่ไหวจริงๆให้ตาย ก็ใครใช้ให้น้องมาทำหน้าทำตาแบบนี้ใส่เค้า แถมเรียกแทนตัวเองว่าน้องอีก เคยได้ยินแต่ใช้คำนี้กับหินผาแต่พอมาใช้กับเค้าทำไมมันน่ารักจังวะ
ทางด้านสายน้ำนี่ถึงกับสตั๊นท์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งวายุที่เปิดประตูรถแล้วอุ้มสายน้ำมาจนถึงห้องสายน้ำยังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตนเองมานั่งที่โซฟาตัวนี้ได้ยังไง
"ตัวเล็กครับ" วายุเดินไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าน้อง เมื่อเห็นน้องนั่งก้มหน้าอยู่
"คะ ครับ" สายน้ำเงยหน้าขึ้นมาพร้อมน้ำตาคลอหน่วยที่พร้อมจะไหล มองหน้าวายุด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมจึงทำกับตนเองแบบนี้ ทำไมต้องทำให้ตนเองเขิน ทำไมต้องทำให้หัวใจเต้นแรง ในหัวตอนนี้มีแต่คำถามว่าทำไมๆหรือเพราะว่าเค้ามันแค่น่าแกล้งเท่านั้นหรือ
"ตัวเล็กเป็นอะไรครับ เจ็บแผลเหรอครับ เจ็บมากมั้ยครับบอกพี่กายทีว่าตัวเล็กเป็นอะไรครับ" วายุเมื่อเห็นหน้าน้องถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่ลูบๆคลำตามแผลของน้องเบาๆ
"ฮึก!! ฮือๆๆๆๆ น้องอยากกลับบ้านแล้ว น้องไม่อยากอยู่กับพี่กายแล้ว พี่กายชอบแกล้งน้อง เห็นน้องเป็นอะไรจะแกล้งยังไงก็ได้ ฮือๆๆๆ" สายน้ำพอได้ยินวายุถามเท่านั้นแหละทำนบน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาผลักวายุให้ออกห่างจากตนเอง
Comments (0)