เช้าวันรุ่งขี้นวายุตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารเช้าไว้รอคนตัวเล็กของเค้าอย่างอารมณ์ดี 

"ไง เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ยมึง" หินผาเอ่ยทักวายุพร้อมยักคิ้วกวนๆเมื่อวายุหันมามอง

"อือ.....แล้วนี่ตัวเล็กตื่นยัง แล้วเมื่อคืนมีไข้รึเปล่า"

"ตื่นแล้วแต่ยังนอนเล่นอยู่ ไม่มีไข้แล้ว เดี๋ยวสักพักกูเข้าไปอาบน้ำให้เห็นบอกเหนียวตัวอยากอาบน้ำ"

"งั้นเดี๋ยวมึงพาน้องไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าวก่อนก็ได้แล้วค่อยอาบน้ำทีเดียว ออกมาข้าวต้มก็เสร็จพอดี" วายุพูดพรางหย่อนกุ้งที่ออกไปซื้อมาจากตลาดสดใกล้ๆคอนโดเมื่อเช้าลงหม้อ เดี๋ยวเค้าว่าหลังจากเลิกเรียนวันนี้คงต้องไปช้อปของสดมาไว้ทำให้ตัวเล็กกินด้วย

วายุพอที่จะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง ด้วยความที่ต้องอยู่คอนโดคนเดียว บางทีอาหารที่เค้าสั่งมาก็ไม่ค่อยถูกปากครั้นจะออกไปหากินข้างนอกก็ขี้เกียจเลยหัดทำอะไรง่ายๆกินเองซะดีกว่า

หินผาหายเข้าไปในห้องนอนของวายุได้พักใหญ่ก็เดินออกมาพร้อมกับอุ้มสายน้ำมาด้วย

สายน้ำดูหน้าตาสดชื่นกว่าเมื่อวานขึ้นมามาก คงเพราะอาการไข้ที่หายไปแล้วบวกกับได้อาบน้ำที่เมื่อวานทั้งวันไม่อาบเลยทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมามากเลยทีเดียว

วายุที่ทำข้าวต้มเสร็จนานแล้วก็มานั่งดูข่าวในทีวีรอสองพี่น้อง พอหันไปเห็นหน้าคนตัวเล็กของเค้าเท่านั้นแหละมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที

"ตัวเล็กหายปวดหัวรึยังครับ" ยังไม่ทันที่หินผาจะได้วางน้องลงไอ้เพื่อนตัวดีก็รีบเข้ามาประกบน้องเค้าแล้วจนหินผาได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็เดินเลี่ยงไปในครัวเพื่อตักข้าวต้มที่วายุทำไว้ให้ เค้ารู้ตัวดีว่าถึงเวลาต้องปล่อยให้คนอื่นดูแลน้องบ้าง แต่จิตใต้สำนึกเค้ามันยังบอกว่ายังอยากอยู่กับน้องตลอดอยู่ ช่างขัดแย้งกันซะจริง

"ยังมีปวดอยู่นิดหน่อยครับ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลยครับ เมื่อคืนพี่ผาก็เช็ดตัวให้ตั้งหลายรอบ" สายน้ำตอบวายุพร้อมกับรอยยิ้มสดใสต้อนรับเช้าวันใหม่

"แล้วนี่อาบน้ำแผลโดนน้ำรึเปล่าครับ"

"ไม่ครับน้องนั่งอาบน้ำในอ่างครับขาชี้โด่เด่แบบนี้เลย" สายน้ำพูดพร้อมทำท่าทำทางให้วายุดู วายุยกยิ้มเอ็นดูพร้อมยีผมคนตัวเล็กไปด้วย

"ไปครับไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่กับไอ้ผามีเรียนตอน 10 โมงเช้าครับ ตัวเล็กอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ยครับ เดี๋ยวบ่ายๆพี่ก็กลับมาแล้ว"

"ได้ครับสบายมาก อยู่คนเดียวจะดูซีรีส์เกาหลีให้หนำใจไปเลย ฮ่าๆ"

"หึๆ"

วายุรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากที่ได้เปิดใจคุยกับคนตัวเล็กเมื่อวาน เค้ารู้สึกว่าน้องดูเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นกล้าพูดกล้าทำมากขึ้น ไม่เหมือนตอนแรกๆที่วายุชวนคุยอะไรก็ดูจะเขินไปซะหมด

"หูวววว....นี่พี่กายทำเองเหรอครับน่ากินมาก กุ้งก็ตัวใหญ๋ใหญ่"

"ครับผม ตัวเล็กลองชิมดูก่อนครับว่าถูกปากรึเปล่า"

"อาหย่อยมากครับ" สายน้ำเอ่ยชมทั้งๆที่มีกุ้งตัวโตอยู่ในปาก

"น้องครับเคี้ยวให้หมดก่อนแล้วค่อยพูดครับ" หินผาเกรงว่ากุ้งที่น้องตักเข้าปากไปจะติดคอซะก่อนเลยพูดดุน้อง

"อึก!...แฮร่ๆ! ขอโทษครับพี่ผา"

หลังจากทั้ง 3 กินข้าวกันอิ่มแล้วหินผากับวายุก็แยกแยกกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปเรียน จะเหลือก็แต่สายน้ำที่กำลังนั่งเลือกซีรีส์เกาหลีที่จะดูอยู่

วายุที่แต่งตัวเสร็จก่อนเพื่อนก็เดินมานั่งข้างๆคนตัวเล็กโดยไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งมองหน้าคนข้างๆที่ดูจะตั้งอกตั้งใจเสียเหลือเกิน

ฟอด!!!

"อ๊ะ...พี่กาย" สายน้ำถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนคนฉวยโอกาสหอมแก้ม แถมยังมานั่งหน้านิ่งเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรอีก

"พี่กายทำอะไรครับ" พูดถามคนพี่แต่แก้มคนถามนี่แดงระเรื่ออย่างกับมะเขือเทศสุกก็ไม่ปาน

"พี่ไปเรียนต้องคิดถึงแฟนพี่แน่เลยครับ พี่เลยขอมัดจำเอาไว้ก่อน" วายุพูดพร้อมเขยิบเข้าไปใกล้แล้วยกคนตัวเล็กของเค้าขึ้นมานั่งบนตักแทน

"พะ พี่กายเดี๋ยวพี่ผาออกมาเห็นครับ"

"เห็นก็ช่างมันสิครับ ก็เราเป็นแฟนกันแล้ว" วายุพูดพร้อมกับจมูกโด่งก็พลอยดอมดมไปตามซอกคอหอมของน้องไปด้วย

"เอ่อ....พี่กายครับพอก่อนครับ" สายน้ำพูดเสียงสั่นเพราะตอนนี้เค้าขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัวพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ พี่กายคนเย็นชาและนิ่งของเค้าได้หายไปไหนแล้ว 'พี่ผา ช่วยน้องน้ำด้วย'

วายุพอได้สัมผัสกับร่างกายอันนุ่มนิ่มหอมหวานของคนตัวเล็กก็เหมือนกับว่าสติได้กระเจิดกระเจิงไปทันที มือหนาค่อยๆเลื้อยเข้าไปลูบที่เอวคอดกิ่วของน้องอย่างหลงใหล

"พี่กายถ้าไม่หยุดน้องจะโกรธจริงๆแล้วนะครับ" สายน้ำพูดเสียงดังขี้นเพื่อให้คนพี่ได้สติ

วายุถึงกับได้สติขึ้นมา ก็พอเค้าอยู่ใกล้คนตัวเล็กทีไรเค้าไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักที อยากแต่ที่จะหอมจะกอดคนตัวนุ่มนิ่มคนตัวหอมของเค้าตลอดเวลา นี่เค้าเป็นอะไรไป

วายุยกตัวสายน้ำให้กลับไปนั่งที่เดิมแล้วเดินกลับเข้าห้องไปด้วยท่าทางที่นิ่ง เค้าต้องการสงบสติอารมณ์ของตัวเค้าเอง เค้าไม่ได้คิดโกรธน้องแต่เค้ากลับรู้สึกผิดกับน้องเสียมากกว่าที่ทำอะไรไม่ทันคิดเอาแต่อารมณ์ตนเอง เค้าไม่อยากให้น้องมองเค้าเป็นคนไม่ดีและเค้าก็ไม่กล้าที่จะสู้หน้าน้องด้วยซ้ำไปในตอนนี้ 

สายน้ำมองตามหลังคนเป็นพี่ด้วยความไม่เข้าใจ นี่ถึงขนาดต้องโกรธเค้าด้วยเหรอก็ในเมื่อเค้ายังไม่พร้อมนี่นา ก็เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานจะให้มานั่งให้กอดให้หอมมันก็กระไรอยู่

"อ้าว...ไอ้วายุยังไม่ออกมาเหรอครับ" หินผาถามน้องที่นั่งเหม่ออยู่

"เอ่อ...คือออกมาแล้วครับ น่าจะลืมของในห้องน่ะครับเลยกลับเข้าไปเอา" สายน้ำพูดตอบกลับพี่ชายเสียงอ้อมแอ้ม

หลังจากนั้นสักพักวายุก็เดินออกมาแต่ก็ยังไม่กล้าเดินมาคุยกับสายน้ำกลัวว่าน้องจะโกรธเค้าเข้าจริงๆกะว่าเดี๋ยวกลับมาค่อยมาคุยกันเค้าคงจะใจร้อนเกินไปจริงๆน้องยังเด็กและยังไม่เคยกับเรื่องแบบนี้

ส่วนสายน้ำก็ทำทีว่ากำลังยุ่งกับมือถืออยู่เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับวายุเหมือนกัน คิดว่าพี่เค้าคงจะโกรธที่ตนเองไม่ให้ทำอย่างที่แฟนเค้าทำกัน

"ไปไอ้วายุ เดี๋ยวไม่ทัน เข้าไปเอาอะไรของมึงวะเป็นนานสองนาน" หินผาพูดบ่นเพื่อนโดยที่ไม่ทันสังเกตพฤติกรรมของคนทั้งคู่

"ฟอด! พี่ไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวจะซื้อของอร่อยๆมาฝากนะครับ อยู่คนเดียวก็อย่าดื้ออย่าซนนะครับ" หินผาหอมแก้มน้องพร้อมยกมือขึ้นลูบผมน้องอย่างเอ็นดู

สายน้ำทำเพียงยิ้มกลับไม่ให้พี่ชาย แต่สายตาก็ยังมองไปที่วายุที่กำลังใส่รองเท้าโดยที่ไม่หันมามองเค้าสักนิด

หลังจากที่วายุกับหินผาออกไปแล้วสายน้ำก็จมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่สักพักใหญ่ จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

"ฮัลโหลครับม๊า" สายน้ำตอบกลับเมื่อคนปลายสายรับ

"น้องน้ำอยู่ที่ไหนคะ ป๊ากับม๊าคิดถึงน้องจังเลยค่ะ" ม๊าคนสวยพูดเสียงหวานกลับมา

"ม๊าส่งคนมารับน้ำที่คอนโดxxxxทีนะครับ น้ำอยากกลับบ้านครับ"

"เกิดอะไรขึ้นกับน้องน้ำคะ" ม๊าที่พอจะจับน้ำเสียงของลูกชายตนเองได้ถามขึ้น เพราะส่วนมากลูกชายคนเล็กจะพูดจาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเสียมากกว่า แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับลูกของเธออย่างแน่นอน ไม่บ่อยนักที่สายน้ำจะใช้น้ำเสียงโทนนี้กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าป๊าและม๊า

"เดี๋ยวน้ำค่อยเล่าให้ม๊าฟังนะครับ น้ำขอไปเก็บของก่อน"

"ได้จ้ะ ม๊ารักน้องน้ำมากนะลูก" ม๊าตอบรับทั้งที่ในใจร้อนรุ่มแต่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของลูก

"สวัสดีครับม๊า น้ำก็รักป๊ากับม๊ามากนะครับ"

หลังจากวางสายม๊าแล้วสายน้ำก็พยุงตัวลุกขึ้นด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของ

ไม่นานรถของที่บ้านก็มาจอดที่หน้าคอนโดโดยมีสายน้ำยืนรออยู่ โดยใช้กำแพงพยุงตัวไว้

"คุณหนูใครทำอะไรคุณหนูครับ แล้วนี่คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงทราบรึยังครับว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บ" คนขับรถที่เห็นคุณหนูของเค้าก็แทบจะกระโดดลงมาจากรถทันที เค้าเห็นคุณหนูตัวน้อยของเค้ามาตั้งแต่เด็กทั้งรักและเอ็นดูอย่างกับลูกหลานแท้ๆก็ไม่ปาน

"ไม่มีใครทำอะไรน้ำหรอกครับ น้ำซุ่มซ่ามหกล้มเองนะครับเลยได้แผลมาอย่างที่เห็นน่ะครับ"

"น้าวิทย์ครับ ช่วยขับไปส่งน้ำที่บ้านสวนของปู่กับย่าทีนะครับน้ำคิดถึงท่านน่ะครับ ไม่ได้ไปหานานแล้ว"

หลังจากที่รถออกมาจากคอนโดของวายุแล้ว สายน้ำก็ตัดสินใจที่จะถอยห่างจากวายุสักพัก ให้วายุได้มีเวลาได้คิดทบทวนได้มีเวลาได้คิดไตร่ตรองว่าแท้ที่จริงแล้ววายุคิดอย่างไรกับเค้ากันแน่ ไม่ใช่แค่เห็นว่าเค้าน่ารักน่าเอ็นดูเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนใจและอยากลิ้มลอง เป็นแค่ที่รองรับอารมณ์ความใคร่โดยใช้คำว่าแฟนเป็นข้ออ้าง พอเค้าตอบสนองให้ไม่ได้ก็มาโกรธกันเหมือนที่ทำแบบเมื่อเช้า

สายน้ำต้องการความชัดเจนไม่ใช่ความคลุมเครือ พอไม่พอใจอะไรกันก็หันหลังให้กันโดยที่ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าทำอะไรผิดด้วยซ้ำ

"เอ่อ.....คุณหนูครับอย่าลืมโทรบอกคุณผู้หญิงด้วยนะครับ เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วงเอา" วิทย์ที่เห็นท่าทีคุณหนูผิดปกติไปก็ได้แต่เป็นห่วง แต่ไหนแต่ไรคุณหนูของเค้าแทบจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ไม่เคยมีสีหน้าที่อมทุกข์ขนาดนี้

"ครับ น้ำไลน์ไปบอกม๊าเรียบร้อยแล้วครับ น้าวิทย์ครับถ้าถึงแล้วปลุกน้ำทีนะครับน้ำขอพักสักหน่อย" สายน้ำพูดพร้อมกับหลับตาลง

..............................

"เฮ้ย! ไอ้วายุเดี๋ยวมึงกลับไปดูน้องน้ำก่อนเลยนะป๊าโทรมาให้ไปคุยงานที่บริษัทฯด่วนว่ะ"

"อือ...ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูดูตัวเล็กให้เอง" ก็ดีที่ไอ้เพื่อนตัวแสบติดธุระเค้าจะได้ปรับความเข้าใจกับคนตัวเล็กแบบไม่ต้องมีคนมาคอยขัด

"เฮ้ย! เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกกูขอไปเยี่ยมน้องลักยิ้มนะ เดี๋ยวซื้อของไปทำหมูกระทะกินกันด้วยพรุ่งนี้วันหยุดพอดีจะได้ยาวๆ" ไฟพูดขึ้นในขณะที่พวกเค้ากำลังจะออกจากห้องเรียนกัน

ส่วนเรื่องผู้หญิงที่ทำร้ายสายน้ำนั้น เธอสารภาพว่าเป็นแฟนคลับของกลุ่มวายุและยิ่งได้เห็นกลุ่มของวายุดูแลเทคแคร์สายน้ำดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะวายุจึงรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ลุงของไฟได้เชิญผู้ปกครองมาให้รับทราบพฤติกรรมของลูกสาว พร้อมทั้งให้พักการเรียน 2 อาทิตย์ แต่ถ้ายังมีครั้งหน้าอีกก็จะเชิญออกทันที

วายุจากที่ตั้งใจจะแวะซื้อของสดไปไว้ที่ห้องก็กลายเป็นต้องขับรถกลับไปที่คอนโดทันทีด้วยความที่อยากคุยกับคนตัวเล็กใจแทบขาด ชั่วโมงเรียนวันนี้เค้าเรียนแทบไม่รู้เรื่องเลย จิตใจจดจ่ออยู่กับคนตัวเล็กที่รอเค้าอยู่ที่ห้อง เมื่อเช้าเค้าน่าจะพูดอะไรกับน้องสักหน่อยก่อนออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะเอาหัวโขลกกำแพงซะให้ได้ กับเรื่องอื่นนี้ฉลาดดีนัก แต่พอมาเป็นเรื่องของคนตัวเล็กกับคิดไม่ได้ซะอย่างนั้น