31 ตอน อย่าให้ต้องโหด
โดย Beloved_Moouan
หลังจากที่มากันครบแล้วทุกคนก็พากันเดินเข้ามาในร้านอาหาร หินผาก็ให้เบลนั่งลงข้างๆตนเอง และตลอดการทานอาหารกันนั้นหินผาก็ชวนเบลคุยและตักอาหารให้กับเบลตลอด ทุกการกระทำของหินผาตกอยู่ในสายตาของเพื่อนๆทุกคน ส่วนออกัสนั้นไฟก็ได้เล่าแผนการให้ฟังตั้งแต่อยู่ในรถแล้วเลยไม่ตกใจเหมือนกับตอนที่หินผาเดินจูงมือเบลขึ้นรถไป
เหนือนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดเค้ารู้สึกหน่วงๆที่ใจอย่างไรบอกไม่ถูก เค้าไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบที่เห็นเพื่อนตัวเองดูแลเอาใจใส่หญิงสาวคนเดียวของกลุ่ม เพราะปกติแล้วหินผาจะค่อนข้างไว้ตัวและจะไม่ใกล้ชิดใครเกินความจำเป็นเรียกได้ว่าจะไม่ยอมให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวหรือเข้าใกล้เลยก็ว่าได้ นอกจากสายน้ำและเพื่อนๆในกลุ่ม แต่นี่คืออะไร?
“คิกคิก” สายน้ำกับออกัสที่เห็นเหนือขมวดคิ้วยุ่งก็พากันส่งซิ๊กหัวเราะกันยกใหญ่
“หึๆ ตัวเล็กครับกินกุ้งแชบ๊วยทอดซีอิ๊วมั้ยครับ ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ” เป็นวายุที่ต้องรีบหันเหความสนใจของเจ้าแสบก่อนที่แผนการที่พวกเค้าวางไว้จะแตกเสียก่อน
“จริงด้วยน้องลืมไปเลยครับว่ามีของโปรดของน้องด้วยมัวแต่มอ.....อื้อ...” ยังไม่ทันที่สายน้ำจะพูดจบกุ้งตัวโตก็ถูกส่งเข้าไปในปากเล็กซะก่อน
“เฮ้อ!!” ดิน ไฟและออกัสแทบจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ที่วายุนั้นสามารถปิดปากแฟนของตนเองได้ทัน
“มึงว่าจะรอดมั้ยวะ” ดินกระซิบถามไฟเบาๆพร้อมทั้งมองเด็กที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินกุ้งอยู่
“ยังไงกูก็เชื่อว่าไอ้วายุเอาอยู่” ไฟกระซิบตอบดินไปเบาๆเช่นเดียวกัน
“กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” อยู่ๆเหนือก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกเดินออกไปโดยทันที
“เฮ้อ!!!” เสียงทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกันไม่เว้นแม้แต่หินผากับเบล หลังจากที่เหนือลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว จะเว้นก็แต่...
“ทุกคนเป็นอะไรเหรอครับ อาหารไม่อร่อยกันเหรอ แต่น้ำว่าอาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะครับ หรือว่า.....”
ฟอดๆๆ
เป็นหินผาที่อดใจไม่ไหวกับความเป็นเจ้าหนูจำไมของน้องชายตัวเอง นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าทำแผนเกือบแตก หนำซ้ำยังมานั่งกินกุ้งเคี้ยวตุ้ยๆแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก
“อื้อ....พี่ผาทำอะไรครับเนี่ย กุ้งน้องหกหมดแล้ว” สายน้ำที่กำลังจะเอากุ้งเข้าปากแต่โดนพี่ชายจับไปฟัดแก้มถึงกับโวยวายออกมาเสียงดัง
“ก็เรามันน่ามันเขี้ยวนี่ครับตัวแสบ หืมมม” หินผาพูดกัดฟันพร้อมหยิกแก้มย้วยของน้องไปด้วย
“พี่ผาอ่ะแกล้งน้อง สั่งกุ้งมาให้น้องใหม่อีกจานเลยนะ”
“มึงว่าไอ้เหนือมันจะรู้สึกยังไงวะตอนนี้” ดินหันมาถามความคิดเห็นเพื่อนๆหลังจากจบศึกพี่น้องไปแล้ว
“กูดูจากสายตากับท่าทางของมันแล้วมันคงจะกำลังสับสนอยู่ คงจะยังไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรหรือรู้สึกยังไงกับน้องเบล” เป็นไฟที่ตอบคำถามของดินแทน
“อือ กูเห็นด้วย” วายุพูดเสริมขึ้น
“นี่มึงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้วายุ” วายุไม่ตอบได้แต่ยักไหล่ส่งไปให้กับดินพร้อมกับยื่นแขนไปโอบไหล่คนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินกุ้งแบบไม่สนใจบทสนทนาบนโต๊ะอยู่
“เปื้อนหมดแล้วครับตัวเล็ก ค่อยๆกินครับถ้าไม่พอเดี๋ยวพี่สั่งมาให้ใหม่ครับไม่ต้องรีบ” วายุพูดดุคนตัวเล็กของเค้าพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ดปากให้
“น้องอิ่มแล้วครับ อร่อยมากๆเลย เอาไว้พี่กายพาน้องมากินอีกนะครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย
“หึๆ ครับผม ไว้พี่จะพามากินอีกบ่อย นะครับ”
ติ๊ด ติ๊ด
“ใครส่งอะไรมาวะ” ดินล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันทีที่มีสัญญาณเตือน
“ไอ้เหนือมันบอกว่าขอกลับก่อนมันมีธุระด่วนว่ะ” ดินบอกกับเพื่อนยิ้มๆ
“เออ ปล่อยมันไปก่อนมึงให้มันกลับไปทำความเข้าใจกับความรู้สึกของมันเองก่อน ส่วนเบลก็ไม่ต้องคิดมากนะ” หินผาพูดจบก็หันไปบอกเบลที่นั่งทำหน้ากังวลอยู่
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวเบลขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีว่าอิฐมารอรับที่หน้าร้านแล้ว เดี๋ยวคืนนี้เบลต้องไปนอนค้างที่บ้านอิฐน่ะค่ะ พ่อกับแม่เบลไม่อยู่ไปดูงานที่ต่างประเทศ” เบลพูดพร้อมกับยกมือไหว้รุ่นพี่ และโบกมือบ๊ายบายเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคน
“งั้นก็แยกย้ายกันเลยแล้วกันไว้เจอกันพรุ่งนี้ ไปไอ้ดินกลับกับกู” ไฟพูดพร้อมกับลุกขึ้นและจูงมือออกัสเดินออกไป
“เออ ไอ้วายุเดี๋ยวมึงล่วงหน้าไปก่อนนะกูจะแวะเอาชุดผ้าไหมของม๊าที่ร้านxxx ก่อนเดี๋ยวกูตามไปทีหลัง”
“อือได้ ไปครับตัวเล็ก”
“มือเย็นจังตื่นเต้นเหรอครับ หืม...” ระหว่างทางที่ขับรถมายังบริษัทวายุก็เอื้อมมือไปจับมือน้องมาไว้ที่หน้าขาของตัวเอง
“ตื่นเต้นมากครับพี่กาย พ่อแม่แล้วก็พี่วาโยดุมั้ยครับน้องกลัว” ทั้งสายตาและน้ำเสียงของสายน้ำนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด วายุจึงหันมามองคนตัวเล็กของเค้าพร้อมกับตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางทันที
“ฟังพี่กายนะครับคนดี พ่อกับแม่พี่แล้วก็พี่วาโยใจดีมากครับ ทุกคนค่อนข้างมีเหตุผล และเรื่องของเราพี่ก็บอกกับที่บ้านตั้งแต่ก่อนที่พี่จะเริ่มจีบคนดีอีกนะครับ ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าทุกคนจะรังเกียจหรือไม่ยอมรับเรื่องของเรานะครับ หรือต่อให้ทุกคนไม่อนุญาตหรือไม่สนับสนุนเราพี่ก็จะไม่มีทางปล่อยมือจากคนดีเป็นอันขาด คนดีเชื่อใจพี่กายคนนี้มั้ยครับ” วายุพูดจบก็ยกมือน้องขึ้นมาจูบ
“ครับ น้องเชื่อใจพี่กายครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้วายุเค้าเชื่อว่าพี่กายของเค้าจะต้องคอยปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายเค้าได้แน่ๆ
“โอเค งั้นเราไปกันเลยนะครับ”
“ครับผม”
เมื่อรถเข้ามาจอดตรงที่จอดรถสำหรับผู้บริหารแล้ว สายน้ำก็สอดส่ายสายตาไปทั่วราวกับเด็กที่ได้เจอของเล่นใหม่ บริษัทที่วายุพาคนตัวเล็กของเค้ามาวันนี้คือบริษัทที่นำเข้ารถซูเปอร์คาร์จากต่างประเทศและบริษัทผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์รวมทั้งยางรถยนต์ยี่ห้อดัง ด้านหน้าจะเป็นตึกที่มีความสูงทั้งหมด 15 ชั้น โดยที่ชั้น 15 จะเป็นห้องผู้บริหารทั้งหมด พนักงานคนอื่นๆไม่สามารถขึ้นไปได้หากไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนด้านหลังของตึกจะมีทางเดินเชื่อมไปยังโรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์รวมทั้งผลิตยางรถยนต์และต่อด้วยโกดังเก็บรถซูเปอร์คาร์ ส่วนโชว์รูมรถซูเปอร์คาร์ก็จะอยู่ถัดไปข้างๆอีกไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
“ตัวเล็กครับพี่อยากกินกาแฟตรงนั้นน่ะครับถ้าพี่จะให้ตัวเล็กเข้าไปนั่งรอพี่ข้างในก่อนได้มั้ยครับ พี่ไม่อยากให้ตัวเล็กเดินไปน่ะครับแดดมันร้อน” วายุชี้ไปยังร้านกาแฟหรูที่อยู่ไม่ไกลจากตัวตึกมากนัก แต่ด้วยแดดช่วงบ่ายที่ร้อนมากเค้าเลยไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องมาเดินตากแดดไปกับเค้าด้วย
“ได้ครับ งั้นพี่กายซื้อโกโก้เย็นใส่วิปครีมเยอะๆให้น้องด้วยนะครับ” สายน้ำรับคำอย่างว่าง่าย
“ได้ครับ ป่ะงั้นเราลงกัน” วายุพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับที่มี รปภ.เข้ามายืนรอทำความเคารพอยู่ก่อนแล้ว รปภ.ที่นี่ทุกคนจะจำยี่ห้อรถเลขทะเบียนรถและหน้าของผู้บริหารได้ทุกคน ถึงแม้ว่าวายุจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่บริษัทสักเท่าไหร่นักแต่พนักงานทุกคนก็จะได้โปรไฟล์และแผนผังของผู้บริหารจากฝ่ายบุคคลทุกแผนกอยู่แล้ว
“เข้าไปรอพี่ที่ด้านในแป๊บนะครับ ฝากดูด้วย” วายุพูดกับสายน้ำพร้อมกับหันไปบอกกับ รปภ.
“ครับผม เชิญทางนี้เลยครับ” รปภ.โค้งให้กับวายุและหันไปบอกกับสายน้ำ
พอวายุเห็นว่าน้องเดินเข้าไปในตัวตึกแล้วเจ้าตัวเลยรีบเดินตรงไปที่ร้านกาแฟทันที เพราะเค้าก็ไม่อยากทิ้งให้คนตัวเล็กของเค้าต้องอยู่คนเดียวนานเหมือนกัน
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วสายน้ำถึงกับตะลึงกับความโอ่อ่าหรูหราเป็นอย่างมาก จนดวงตากลมโตนั้นมองสอดส่องไปจนทั่ว
“เดี๋ยวเชิญคุณหนูนั่งรอคุณวายุตรงนี้ก่อนนะครับ” รปภ.ที่เดินมากับสายน้ำผายมือให้กับสายน้ำนั่งที่โซฟารับแขกที่อยู่เยื้องๆกับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่
“อ้าว คุณนิดาไม่อยู่เหรอเนี่ยเอาไงดีวะ” รปภ.พยายามชะเง้อหาประชาสัมพันธ์สาวที่จะต้องยืนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์แต่ก็ไม่เห็น จึงได้แต่ยืนบ่นอยู่คนเดียว
“พี่ครับถ้ามีอะไรต้องไปทำก็ไปได้เลยนะครับไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมก็ได้ครับ” สายน้ำที่เห็นพี่ รปภ.ยืนหันซ้ายหันขวาลุกลี้ลุกลนอยู่จึงรีบบอก
“เอ่อ มันจะดีเหรอครับ ผมเกรงว่าจะโดนคุณวายุว่าเอาน่ะครับ” รปภ.เอ่ยด้วยความไม่แน่ใจเพราะวายุฝากให้เค้าดูแลคุณคนนี้ไว้ แต่เค้าก็ทิ้งเพื่อนให้เฝ้าด้านหน้าอยู่คนเดียวได้สักพักแล้วกลัวว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาพวกเค้าจะรับผิดชอบกันไม่ไหว
“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง พี่ไปเถอะครับ” สายน้ำพูดตอบกลับไปยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณนะครับ” รปภ.พูดจบก็โค้งตัวและรีบวิ่งออกไปทันที
สายน้ำที่นั่งอยู่เฉยๆไม่รู้จะทำอะไรจึงหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปสีฟ้าดูฆ่าเวลาระหว่างรอวายุ
“นี่น้องคะ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คะ ตรงนี้ไม่ใช่ที่นั่งเล่นหรือที่หลบแดดนะคะ ใครอนุญาตให้เข้ามาคะเนี่ย” พอสายน้ำได้ยินเสียงแหลมๆของผู้หญิงก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับชี้มือเข้าหาตัวเอง
“ผมเหรอครับ ผมมานั่งรอคุณวา....”
“นี่จะมารอใครก็ช่างแต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ย่ะ ที่นี่ไม่ใช่ห้องสมุดที่โรงเรียนหรือที่มหา'ลัยนะ จะได้มานั่งตากแอร์ได้ตามใจชอบ ออกไปเลยนะไม่อย่างนั้นฉันจะเรียก รปภ.มาลากออกไป”
“แต่ว่า.....” สายน้ำแทบจะพูดไม่ทันเจ๊ปากแดงที่ยืนพูดฉอดๆๆอยู่ โดยไม่เว้นช่องว่างให้เค้าได้มีโอกาสอธิบายอะไรเลย
“แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างว่ารู้จักผู้บริหารของที่นี่นะจ๊ะมุกนี้มันเก่าแล้วจ้ะ หรือว่าเธอจะบอกว่ารู้จักกับคุณดิเรก คุณประภัสสร หรือคุณวาโยเหรอ” นิดายังคงมองสายน้ำด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอมาอยู่ที่นี่ได้แค่สองเดือนเศษๆจึงรู้จักผู้บริหารแค่สามคนที่เธอเห็นเท่านั้น ครั้นพอฝ่ายบุคคลเอาแผนผังของผู้บริหารมาให้เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะดูเพียงแต่รับมาและก็เก็บเข้าลิ้นชักไป
“เอ่อ ไม่รู้จักครับแต่ว่าผมมานั่งรอคุณวา.......”
“งั้นก็เชิญออกไปได้แล้ว เสียเวลาฉันจริงๆที่นี่ไม่มีหรอกนะคนชื่อวงชื่อวาอะไรของเธอเนี่ย ไป๊ไปได้แล้วอย่าให้ฉันต้องใช้กำลังนะ รปภ.นี่ก็ไม่รู้ไปอยู่ไหนกันหมดปล่อยให้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาเดี๋ยวแม่จะรายงานฝ่ายบุคคลซะให้เข็ดเลย” พูดจบเธอก็เดินมากระชากแขนแล็กของสายน้ำให้ลุกขึ้น พร้อมกับผลักร่างบางอย่างแรง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้ายังทำท่าเฉยอยู่
ผลั่ก!! ตุ้บ!!
“เฮ้ย!! โอ๊ย!!!” สายน้ำที่ถูกแรงเหวี่ยงจากคนตัวใหญ่กว่าแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้หัวไปชนกับมือจับสเตนเลสหน้าประตูอย่างแรงและด้วยน้ำหนักตัวที่เบาทำให้ร่างบางกระเด็นออกมาจนหลังของมากระแทกเข้ากับกระถางต้นไม้อันใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากประตูมากนัก
“หึ สมน้ำหน้าฉันบอกแล้วไม่ฟัง” นิดายังยืนกอดอกมองหันตัวเล็กที่เอามือกุมหัวตัวเองไว้
“ตัวเล็ก” วายุที่ได้ยินเสียงร้องจากหน้าประตูก็รีบวิ่งเข้ามา แต่ภาพที่เค้าเห็นตรงหน้าทำให้เค้าแทบจะล้มทั้งยืนเลยทีเดียว แก้วกาแฟและโกโก้ที่เค้าซื้อมาถูกปล่อยให้หลุดมือออกไปทันที
เสียงดังโครมครามทำให้คนที่อยู่ด้านในถึงกับต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น รวมไปถึงคุณดิเรก คุณประภัสสร และวาโยที่กำลังประชุมกับแผนกการตลาดอยู่ชั้นล่างด้วย
“ฮึก! พะ พี่กายน้องเจ็บ” สายน้ำเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเลือดที่ไหลลงมาตามหน้าจากหัวที่แตกเพราะโดนกระแทก
“คะ ใครทำตัวเล็กครับ บอกพี่กายสิครับ” วายุพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาซับเลือดให้น้อง
“เกิดอะไรขึ้นตากาย” เป็นคุณประภัสสรที่รีบเดินเข้ามาหาลูกชายคนเล็กทันทีที่เห็น
“ผมก็ไม่รู้ครับ ผมไปซื้อกาแฟเลยให้น้องเข้ามารอด้านในก่อน พอกลับมาก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
“คุณนิดา เกิดอะไรขึ้นครับ” เป็นวาโยที่หันไปถามประชาสัมพันธ์สาวที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ เพราะเธอเองก็เริ่มที่จะรับรู้ชะตากรรมตัวเองบ้างแล้ว
“เอ่อ คะ คือดิฉันไม่รู้ค่ะว่าน้องคนนี้ปะ เป็น...”
“วาโยเปิดกล้องดู” วายุพูดสั่งพี่ชายเสียงเหี้ยม เค้ารู้ว่ามือถือของวาโยสามารถลิ้งก์เพื่อเปิดดูภาพในกล้องวงจรปิดได้
วาโยเมื่อเห็นแววตาน้องชายมองมาเค้าก็รีบเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดทันที ทางด้านวายุก็อุ้มคนตัวเล็กของเค้าไปนั่งที่โซฟาเมื่อเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว
“คุณแม่ครับผมฝากน้องก่อนนะครับ” วายุพูดเสร็จก็เดินมาหาพี่ชายที่กำลังเปิดลิ้งก์ภาพอยู่
วายุกับวาโยและคุณดิเรกยืนดูภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยกัน กล้องวงจรปิดนั้นบันทึกได้ทั้งภาพและเสียงอย่างชัดเจน วายุถึงกับกำโทรศัพท์แน่นจนมือสั่นเมื่อได้ยินและได้เห็นสิ่งที่ตัวเล็กของเค้าถูกกระทำ เสียงกัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นอย่างน่ากลัว จนคุณดิเรกกับวาโยถึงกับต้องมองหน้ากัน เพราะทั้งคู่ไม่เคยเห็นวายุในโหมดนี้เหมือนกัน
แววตาคมกริบหันไปมองยังประชาสัมพันธ์สาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ สองขายาวค่อยๆก้าวเข้าไปหา
หมับ!!
พลั่ก!!
กรี๊ดดดด!!!!!!
“ตากาย / เจ้ากาย / พี่กาย” ภาพที่เห็นคือวายุลากนิดาไปใกล้ๆกับประตูพร้อมกับผลักตัวของนิดาให้ไปชนประตูอย่างแรงแบบเดียวกันกับที่ทำกับคนตัวเล็กของเค้า จนเลือดไหลอาบหน้าของนิดา ยังไม่ทันที่ทุกคนจะหายช็อกกัน วายุจับนิดาทุ่มเข้าไปที่กระถางต้นไม้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้แรงมากนัก
กรี๊ด!!!!! พนักงานที่มายืนดูถึงกับกรีดร้องกันออกมา
“มือนี้ใช่มั้ยที่มึงทำแฟนกู ห๊ะ!!!” วายุที่ชูมือของนิดาขึ้นมาเตรียมที่จะบิด
“พี่กาย พี่กายครับ พอแล้วครับพอแล้วน้องไม่เจ็บแล้วครับ ปล่อยพี่เค้าไปเถอะนะครับ น้องขอ” สายน้ำเข้าไปกอดคนพี่ไว้พร้อมกับดึงมือของวายุออกมาจากข้อมือของนิดาทันที ในตอนนี้คนที่พอมีสติอยู่ก็คงจะมีแต่สายน้ำเท่านั้น เพราะทุกคนรวมถึงคุณดิเรก คุณประภัสสรและวาโย ช็อกตาค้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่ครับใครก็ได้ เรียกรถพยาบาลให้หน่อยครับ” สายน้ำเมื่อเห็นว่าวายุมีท่าทีอ่อนลงแล้วก็หันมาบอกพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“คะ ค่ะได้ค่ะ ดิฉันจะเรียกรถพยาบาลให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ” พนักงานสาวรีบกดโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทา
หมับ!!
“พี่ขอโทษครับ ที่ทิ้งให้ตัวเล็กอยู่คนเดียว พี่กายขอโทษครับ แล้วตัวเล็กเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่าครับ” วายุเมื่อตั้งสติได้ก็รีบอุ้มน้องขึ้นแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแทน โดยที่ไม่ได้สนใจนิดาที่นอนนิ่งตาค้างให้เลือดไหลอาบหน้าอยู่เนื่องจากช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตะ ตากาย แม่ว่ารีบพาน้องไปทำแผลข้างบนก่อนมั้ยจ๊ะ” แม่ของวายุที่เพิ่งหาสติของตัวเองเจอเอ่ยบอกกับลูกชายเมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอได้สงบลงแล้วอย่างกับเป็นคนละคนก่อนหน้านี้
“ครับ ไปครับตัวเล็กเดี๋ยวพี่พาไปทำแผลนะครับ” วายุพูดพร้อมกับอุ้มคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวแล้วเดินออกไปแบบไม่สนใจใครเลย
“เฮ้อ! ฉันจะเป็นลม ฉันไม่เคยเห็นตากายโมโหร้ายแบบนี้เลยนะคะคุณ” คุณประภัสสรพูดขึ้นมาเมื่อเดินมาหาสามีที่ยืนอยู่กับลูกชายคนโต
“หึๆ นี่ยังเบาๆนะครับคุณแม่ ที่ผ่านมามีคนเกือบตายเพราะโดนมันกระทืบมาแล้วนะครับ เห็นว่าพยายามจะเข้าไปกอดหรือทำอะไรกับน้องนี่แหละครับ ป่านนี้ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยนะครับ” วาโยพูดยิ้มๆแล้วก็เดินหันหลังออกไปทิ้งให้คุณดิเรกกับคุณหญิงยืนอึ้งอยู่กับสิ่งที่ลูกชายคนโตเพิ่งเล่าให้ฟัง
พนักงานที่ยืนกันอยู่ยังไม่ไปไหนก็ได้ยินสิ่งที่วาโยพูดหมดเช่นกัน ทุกคนถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอไปตามๆกัน ทำไมเจ้านายคนใหม่ของพวกเค้าถึงโหดได้ใจแบบนี้เนี่ย แบบนี้จะรอดกันมั้ย
“คุณอรอินทร์ เดี๋ยวช่วยจัดการเรื่องรักษาพยาบาลแล้วก็ค่าทำขวัญให้กับคุณนิดาด้วยนะพร้อมกับหาคนใหม่มาแทนด้วยเลย แล้วก็พรุ่งนี้เรียกประชุมหัวหน้าแผนกทุกแผนกให้ผมด้วยเดี๋ยวเวลาผมจะแจ้งอีกที” คุณดิเรกหันไปสั่งงานกับเลขาที่เป็นสาวใหญ่วัยกลางคน
“ได้ค่ะท่านประธาน เดี๋ยวดิฉันจะรีบจัดการให้นะคะ”
“งั้นเราขึ้นไปดูหนูน้ำกันเถอะค่ะ มาวันแรกก็มาเจอเรื่องเสียขวัญเลย ถ้าพ่อแม่เค้ารู้ว่าลูกเค้ามาที่บริษัทของเราครั้งแรกแล้วต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ไม่รู้จะว่ายังไงบ้างนะคะเนี่ย” คุณประภัสสรกล่าวด้วยหน้าตาเป็นกังวล
“ตากายน้องเป็นยังไงบ้างลูก” ทันทีที่เปิดประเข้ามาในห้องของลูกชายคนเล็กคุณประภัสสรก็รีบถามถึงว่าที่ลูกสะใภ้ทันที
“ผมทำแผลให้แล้วครับ มีแผลที่หัวที่แตกแต่ไม่มากเท่าไหร่แล้วก็ที่หลังช้ำจากแรงกระแทกน่ะครับ ผมเลยให้น้องกินยาแล้วก็เลยให้นอนพักสักหน่อย”
“ผมว่าปิดเทอมนี้ผมจะหมั้นกับน้องไว้ก่อนนะครับ คุณพ่อคุณแม่เห็นว่ายังไงบ้างครับ” พอนั่งคุยกันไปสักพักก็เป็นวายุที่เอ่ยถามขึ้นมา
“ก็ดีนะ เอาลูกเค้ามาอยู่ด้วยแล้ว แถมยังมาเจ็บตัวในที่ของเราอีกหมั้นกันไว้ก่อนก็ดี ถ้าจะแต่งก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที” เป็นคุณดิเรกที่พูดเห็นด้วย
“งั้นเอาไว้เดี๋ยวพ่อกับแม่จะนัดทานข้าวกับคุณศุภสิษฐ์แล้วก็คุณหญิงสุภัตราก็แล้วกันนะจ๊ะ เอ้อแล้วนี่หินผาไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“เดี๋ยวตามมาน่ะครับ เห็นว่าจะแวะเอาชุดผ้าไหมให้กับม๊าก่อน นี่ยังไม่รู้ว่าถ้ามันเห็นแผลที่หัวกับหลังของน้องมันจะว่ายังไงบ้าง เป็นผมที่ทำให้ตัวเล็กต้องเจ็บอยู่เรื่อย” วายุพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เอาเถอะจ้ะ ต่อไปนี้ก็คงจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาแทนแล้วหล่ะนะ น้องก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ” คุณหญิงประภัสสรพูดพร้อมกับลูบผมลูกชายคนเล็กปลอบไปด้วย
“งั้นลูกก็เข้าไปพักผ่อนกับน้องก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถ้าตาผามาพ่อกับแม่จะเป็นคนอธิบายให้ตาผาฟังเองนะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมฝากด้วยนะครับ ผมจะเข้าไปดูน้องด้วยเผื่อตื่นขึ้นมาไม่เจอใคร” วายุพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินหายเข้าไปในห้องนอนด้านหลัง
“อื้อ....พี่กาย” คนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างๆร้องเรียกชื่อเค้าตั้งแต่ยังไม่ลืมตาตื่นทำให้วายุรีบวางแมคบุ๊คลงในทันที
“ตัวเล็กปวดหัวหรือว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ จุ๊บ” ทันทีที่น้องลืมตาวายุก็รีบถามอาการทันทีพร้อมกับก้มลงไปจูบที่ขมับ
“ไม่แล้วครับ น้องแข็งแรงจะตาย บุกน้ำลุยไฟก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ หนักกว่านี้น้องก็เจอมาแล้วพี่กายอย่ากังวลไปเลยนะครับ” เมื่อเห็นสีหน้าของคนพี่เป็นกังวลสายน้ำก็รีบส่งยิ้มหวานกลับไปให้โดยเร็ว
“พี่ขอโทษอีกครั้งนะครับ ที่ทำให้ตัวเล็กต้องเจ็บตัวเพราะพี่อีกแล้ว ต่อไปนี้พี่ไปไหนพี่จะเอาตัวเล็กไปด้วยตลอดเลยดีมั้ยครับ”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ พี่กายอย่างทำหน้าแบบนี้สิครับน้องไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆนะครับ ว่าแต่พี่ผามารึยังครับ” สายน้ำรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ยังเห็นหน้าวายุยังคงเศร้าอยู่
“น่าจะมาแล้วล่ะครับ คงรออยู่ข้างนอก”
“งั้นเดี๋ยวน้องไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่าจะได้ออกไปหาพี่ผา พี่กายจะได้ไปคุยงานกับพี่วาโยด้วย”
“ครับ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปนะ ค่อยๆลุกนะครับ” หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ววายุนำผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้สายน้ำอย่างเบามือ
กริ๊ก!!!
เสียงเปิดประตูทำให้หินผาละความสนใจจากหน้าจอมือถือแล้วหันมามองที่ประตู เค้ายื่นมาสองข้างออกมาแล้วส่งยิ้มให้กับน้องทันทีที่เห็น พ่อกับแม่ของวายุได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้วพร้อมกับเอ่ยขอโทษกันยกใหญ่ที่สายน้ำต้องมาเจ็บตัวเพราะพนักงานของตัวเอง ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไปเพราะรู้ว่าเพื่อนของเค้าคงจัดการไปอย่างสาสมแล้ว
“เป็นยังไงบ้างครับเจ็บมากมั้ยครับ” ทันทีที่สายน้ำเดินมานั่งตักหินผาก็พูดพร้อมกับจูบลงตรงผ้าก็อตที่ถูกปิดแผลเอาไว้
“สบายมากครับ แค่นี้เองจิ๊บๆ ” สายน้ำส่งยิ้มสดใสกลับไปให้พี่ชาย เพราะเค้าก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายจะมีแค่ปวดๆนิดหน่อยเท่านั้นเอง สงสัยเค้าคงจะชินซะแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ เจ้าตัวได้แต่คิดเล่นๆในใจ
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกมึง กูเข้าใจว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยและมึงก็คงไม่อยากให้มันเกิด ช่วงนี้น้องกูคงดวงตกน่ะ กูว่าวันเสาร์นี้จะพาน้องไปทำบุญ 9 วัดซะหน่อย ต่อไปจะได้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา” หินผารีบพูดเมื่อหันไปเห็นหน้าเพื่อนที่ยืนมองน้องเค้าด้วยสายตาที่รู้สึกผิดอยู่
“ก็ดี กูก็กะว่าจะชวนอยู่เหมือนกัน”
“อือ เดี๋ยวจะได้ชวนไอ้พวกนั้นไปด้วย”
“เอ่อออ พี่ผาพี่กายจ๋าาา”
“หืม ว่ายังไงครับน้องพี่ / ว่ายังไงครับตัวเล็ก” หินผาและวายุแทบจะตอบกลับพร้อมกันเมื่อเจอเสียงหวานของน้องเข้าไป
“คือว่า น้องยังไม่ได้กินโกโก้เลยนะครับ น้องอยากกินม๊ากมาก”
“หึๆ งั้นเราไปนั่งกินที่ร้านกันเลยดีมั้ยครับตัวเล็กจะได้กินเค้กด้วย” วายุรีบยื่นข้อเสนอเพราะเค้าก็อยากที่จะเอาใจคนตัวเล็กด้วยหลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา
“เย้ๆ ดีครับน้องกำลังอยากกินอยู่พอดีเลย แต่ว่าพี่กายไม่ต้องคุยงานกับพี่วาโยแล้วเหรอครับ”
“ไม่แล้วครับไว้คุยวันพรุ่งนี้ก็ได้ครับ วันนี้พี่หมดอารมณ์แล้วครับ ป่ะไปกัน ไปมึง” พูดจบก็ยื่นมือไปให้คนตัวเล็กจับแต่ก็ไม่ลืมที่จะชวนเพื่อนไปด้วย
ตลอดทางที่ทั้งสามคนเดินผ่านไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาคมของวายุเลย เพราะภาพที่วายุทำกับนิดายังติดตราตรึงใจพนักงานทุกคนอยู่เลย เรียกได้ว่าเมื่อนึกถึงทีไรก็ยังอดขนลุกกันไม่ได้เลย
Comments (0)