43 ตอน ย้ายห้อง
โดย Beloved_Moouan
หลังจากที่ทุกคนอิ่มกันแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนวาริหินผาก็ยังให้ไปนั่งกับสายน้ำอยู่ และพอบ่ายๆรุ่นพี่ก็ปล่อยรุ่นน้องให้ได้แยกย้ายกันกลับบ้านเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกจึงไม่มีอะไรมากนอกจากทำความรู้จักและทำกิจกรรมร่วมกัน ก่อนกิจกรรมจะเลิกเบลยังแนะนำวาริให้เพื่อนๆและพี่ๆได้รู้จักกันพร้อมทั้งบอกว่าวันนี้วาริขาเจ็บจึงไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมด้วยได้ ซึ่งพอแนะนำเสร็จก็มีเสียงโห่แซวตามมาเล่นเอาหินผาคิ้วกระตุกไปบ้างเหมือนกัน ทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มถึงกับแซวและหัวเราะออกมาเพราะเป็นที่รู้ๆกันว่าหินผานั้นเป็นคนขี้หวงมากขนาดไหนตั้งแต่สายน้ำแล้ว
“เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจพร้อมกันของทุกคนไม่เว้นแม้แต่วาริเอง ก็จะไม่ให้โล่งอกโล่งใจกันได้ยังไง เพราะพวกเค้าเพิ่งวางสายจากพ่อและแม่ของวาริไปเมื่อกี๊นี้เอง โดยมีแกนนำเป็นสายน้ำ ออกัส และเบลที่ช่วยกันคุยให้ ทางด้านพ่อแม่ของวาริก็ใจดีและรับฟังเหตุผลที่ทั้งสามช่วยกันพูดและหยิบยกกันขึ้นมา ท่านทั้งสองยังพูดฝากฝังให้พี่ๆทุกคนช่วยกันดูวาริให้ด้วย เพราะน้องเพิ่งเคยห่างจากพ่อแม่และห่างบ้านเป็นครั้งแรก ทั้งยังขอบอกขอบใจทุกคนเสียยกใหญ่ที่เอ็นดูลูกชายของตัวเอง เห็นอย่างนี้แล้วท่านทั้งสองก็สบายใจหมดห่วง เพราะแรกๆก็ยังพากันกังวลอยู่ว่าวาริจะอยู่ยังไงตัวคนเดียวไหนจะยังไม่มีเพื่อนอีก พอก่อนที่จะวางสายพ่อและแม่ของวาริก็เอ่ยปากชวนทุกคนให้ไปพักกันที่รีสอร์ตและไปเที่ยวที่ไร่ชาและสวนส้มกันด้วย ซึ่งทุกคนก็ให้สัญญาว่าเมื่อมีโอกาสจะไปเที่ยวหากัน
“งั้นปิดเทอมพวกเราไปเที่ยวที่บ้านน้องวาริกันนะครับน้องอยากไปเที่ยวไร่ชาแล้วก็ไปเก็บส้มด้วย นะๆพี่กายพี่ผา” สายน้ำพูดพร้อมกับเกาะแขนวายุและหินผาคนละข้างและสลับกับถูหน้าไปมากับแขนของทั้งสองคน
“หึๆ นี่เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรกเองนะครับ อีกนานเลยกว่าจะปิดเทอมวางแผนเที่ยวแล้วเหรอครับ หืมมม ฟอด!” หินผาพูดแล้วก้มลงไปหอมที่แก้มนุ่มของน้องชายช่างอ้อน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่สายน้ำก็ยังเป็นน้องตัวน้อยของเค้าอยู่ดี
“แหะๆ ไม่รู้ล่ะ น้องจองคิวทุกคนไว้แล้วนะครับห้ามใครเบี้ยวหรือหนีเที่ยวด้วย ไม่งั้นน้องจะโกรธให้ไม่เชื่อคอยดูสิ” สายน้ำพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าทุกคน ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันพยักหน้าตอบรับเป็นอย่างดี
“แล้วน้องวาริจะย้ายห้องวันไหนเหรอครับ” เป็นออกัสที่ถามขึ้นมาหลังจากตกลงกันเรื่องเที่ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม นั่นน่ะสิ เย็นนี้เลยเป็นไงครับ” สายน้ำพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าของรุ่นน้องที่เค้ารู้สึกถูกชะตาถูกใจด้วยอย่างบอกไม่ถูก
“หืออ!! ไม่ต้องด่วนขนาดนั้นก็ได้นะครับ วันนี้พี่ๆก็เหนื่อยกันแล้ววาเกรงใจน่ะครับ” วาริรีบพูดขัดขึ้นทันทีที่เห็นทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้า นี่พวกพี่ๆเค้าจะสามัคคีกันไปไหนเนี่ยไม่มีใครคิดจะขัดใครเลยมิน่าถึงได้อยู่ด้วยกันได้
“แต่ว่าน้องวาขาเจ็บอยู่นะครับ จะเดินจะเหินก็ไม่ถนัด” หินผาหันไปพูดกับวาริพร้อมส่งสายตาห่วงใยไปให้ จนวาริเริ่มที่จะหน้าขึ้นสีอีกรอบ เค้าแพ้สายตาของผู้ชายคนนี้จริงๆ
“แต่ว่า.....”
“นี่ก็เพิ่งจะบ่ายสามเองช่วยกันเก็บช่วยกันขนแป๊บเดียวก็เสร็จ” วายุที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าจากการจับมือของคนตัวเล็กมาเล่นเปลี่ยนมาเป็นมองหน้าวาริแทน
“อะ เอ่อ ก็ได้ครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ๆมากจนเกินไป” วาริที่เห็นสายตาของวายุกดดันมาก็รีบพูดตกลงทันที
พอได้ยินดังนั้นวายุก็หันไปยักคิ้วให้กับเพื่อนตัวเองโดยที่วาริไม่ทันได้เห็น หินผาก็ยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนเป็นการขอบใจ เพราะถ้าไม่ใช่วายุพูดก็คงจะยังตกลงกันไม่ได้อย่างแน่นอน
“ว่าแต่ว่ากูยังไม่เห็นไอ้อิฐเลยว่ะ มันหายหัวไปไหนของมันวะ” เหนือพูดขึ้นพร้อมกับมองหาอิฐไปด้วย
“เห็นบอกว่าต้องไปประชุมเกี่ยวกับตารางการรับน้องกับพวกพี่ๆน่ะค่ะ แล้วก็คุยเรื่องคัดเลือกตัวแทนดาวเดือนด้วย” เป็นเบลที่ตอบคำถามของเหนือแทน
“นั่นไงพูดถึงก็มาเลย ตายยากฉิบหาย” ดินพยักหน้าไปทางที่อิฐกำลังเดินมา
“หืออ!!! พี่อิฐก็อยู่กลุ่มเดียวกันกับพี่ๆเหรอครับ” เป็นวาริที่พูดขึ้นทันทีที่ดินพูดจบ เพราะเค้าได้ยินตอนที่อยู่โรงอาหารมาว่ากลุ่มรุ่นพี่กลุ่มนี้ถูกตั้งฉายาให้ว่ากลุ่มฟ้าประทานเนื่องจากหน้าตาของแต่ละคนที่สวยหล่อและน่ารักกันไปคนละแบบ เรียกได้ว่าแทบจะหาที่ติของแต่ละคนไม่ได้เลย แต่ไม่คิดว่าจะรวมถึงอิฐเดือนคณะที่สาวๆต่างพากันกรี๊ดกร๊าดด้วย นี่เค้าตกมาอยู่ในหมู่หงส์เหรอเนี่ย
“หึๆ คิดอะไรอยู่เหรอครับถึงได้ทำหน้าแบบนั้น หืมม” หินผาถามวาริขึ้นเมื่อเค้าหันมาเห็นน้องทำหน้าแปลกๆอยู่
“เปล่าครับเปล่า วาแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะครับ” วาริหันไปยิ้มตอบให้กับคนข้างๆที่คอยหันมาถามไถ่เค้าตลอด
“เฮียๆ หวัดดีครับ เฮ้อออ!!!” อิฐนั่งลงข้างๆเบลพร้อมกับซบหัวลงกับไหล่ของลูกพี่ลูกน้องตัวเองอย่างหมดแรง
“เบาๆหน่อยไอ้อิฐนี่แฟนกู” เหนือยื่นมือผ่านเบลไปผลักตรงหน้าผากของอิฐไม่แรงมากนัก
“แฟนเฮียมันก็น้องผมมั้ยล่ะ ไปดีกว่าไม่ง้อก็ได้” อิฐพูดพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งข้างๆสายน้ำแทน
“น้ำจ๋า มีอะไรให้อิฐกินบ้างมั้ยครับ อิฐหิวจะตายอยู่แล้ว” อิฐหันไปพูดอ้อนสายน้ำพร้อมทำหน้าน่าสงสารโดยมีวายุมองตาขวางอยู่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะนอกจากหินผาแล้วก็จะมีอิฐนี่แหละที่เค้าให้เข้าใกล้คนรักแบบถึงเนื้องถึงตัวได้ถ้ายังอยู่ในขอบเขตอยู่ เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่อิฐนี่แหละที่คอยดูแลสายน้ำอย่างดีมาตลอดทำให้เค้าวางใจได้ไปเปลาะนึง
“นี่อิฐยังไม่ได้กินข้าวเหรอ เดี๋ยวนะน้ำมีขนมปังที่ซื้อไว้ให้อิฐอยู่” สายน้ำถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงพร้อมก้มไปควานหาขนมในกระเป๋าเป้ของตัวเอง เพราะทุกครั้งที่เพื่อนๆติดธุระหรือมาไม่ทันกินข้าวก็จะได้สายน้ำนี่แหละที่ซื้อขนมเก็บไว้ให้พวกเค้าทุกที
“นี่ไงเจอแล้ว” สายน้ำยื่นแซนด์วิชชิ้นใหญ่ที่ซื้อเมื่อตอนกลางวันมาให้กับอิฐพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด
“ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีน้ำอิฐต้องแย่แน่ๆเลย” อิฐพูดพร้อมกับรีบแกะแซนด์วิชเข้าปากทันทีด้วยความหิว นี่ถ้าเค้าไม่เกรงว่าจะโดนวายุกระทืบนะคงจะกอดและหอมขอบคุณเพื่อนตัวเล็กไปแล้ว
“เบาๆหน่อยไอ้อิฐเดี๋ยวก็ได้ติดคอตายหรอกมึง อะไรจะหิวขนาดนั้นวะ” เป็นไฟที่พูดขึ้นเมื่อเห็นอิฐยัดแซนด์วิชเข้าไปเต็มปาก
“อ้อ อนอันอิ๋วอี่ (ก็คนมันหิวนี่) ” อิฐที่มีแซนด์วิชอยู่เต็มปากยังไม่วายเถียงกลับ
“หมดกันเดือนมหา'ลัยผู้หล่อเหลาของสาวๆ” ดินพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“เฮ้อ! อิ่มมาก” อิฐลูบท้องตัวเองหลังจากที่กินแซนด์วิชชิ้นใหญ่เข้าไปหมดแล้ว
“เดี๋ยวพวกกูจะไปช่วยน้องวาขนของมึงจะไปด้วยมั้ย” ดินถามอิฐขึ้นมา
“ไปดิ คืนนี้ผมขอนอนค้างด้วยนะขี้เกียจขับรถกลับแล้วเหนื่อย” อิฐหันไปมองหน้าวาริแล้วตอบรุ่นพี่กลับไป เพราะเบลเล่าให้เค้าฟังคร่าวๆบ้างแล้ว
“เออ งั้นเดี๋ยวกูไปรถมึงแล้วกันเดี๋ยวกูขับรถให้มึงนั่งวันหนึ่งเห็นว่ามึงเหนื่อยหรอกนะ” ดินพูดพร้อมกับลุกขึ้นพร้อมกับทุกคน เค้าไม่ได้ว่าอะไรที่อิฐจะไปนอนด้วยคืนนี้เพราะรุ่นน้องเค้าคนนี้ก็ไปขอนอนห้องเค้าบ่อยๆช่วงที่ต้องทำกิจกรรมจนเลิกดึกหรือช่วงสอบที่ต้องติวกัน จนห้องรับแขกอีกห้องที่เหลือจากห้องของเค้าและห้องของเหนือกลายเป็นห้องประจำของรุ่นน้องคนนี้ไปแล้ว ถึงขนาดว่าถ้าไปค้างก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาเสื้อผ้าไปเลยก็ได้ เพราะตู้เสื้อผ้าในห้องก็มีแต่ของมันเต็มไปหมด เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันไม่ย้ายเข้ามาอยู่ซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
ทางด้านวาริก็ได้แต่ทำตาปริบๆหันมองคนนั้นคุยทีคนนี้คุยกันทีอย่างเก็บข้อมูล เค้าชอบความสัมพันธ์ของรุ่นพี่รุ่นน้องและความเป็นเพื่อนของกลุ่มนี้มากที่เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน มันรู้สึกให้ความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“หึๆ อยู่ไปนานๆเดี๋ยวก็ชินครับ พวกพี่ก็เป็นแบบนี้แหละเดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวดีกัน แต่ทุกคนก็รักกัน” หินผาพูดพร้อมกับลูบผมของวาริไปด้วยระหว่างที่เดินไปที่รถ โดยมีหินผาคอยประคองวาริเหมือนเดิม
หลังจากที่พากันไปช่วยเก็บของที่ห้องของวาริกันมาแล้ว ยกเว้นไฟกับออกัสที่ไม่ได้ไปเพราะไฟต้องเข้าไปดูงานที่บริษัทด่วน รถของวายุ เหนือ และอิฐ ก็มาจอดตรงที่จอดประจำ
วาริที่นั่งมาด้านหลังกับสายน้ำโดยมีวายุเป็นคนขับและหินผานั่งข้างหน้าได้แต่มองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เค้าว่าคอนโดที่เค้าอยู่ก็ดูหรูดูดีมากแล้วแต่พอได้มาเห็นที่นี่เรียกว่าแทบจะเทียบกันไม่ติดเลยก็ว่าได้
“น้องวาครับลงมาได้แล้วครับ เดี๋ยวถ้าข้อเท้าหายดีแล้วพี่จะพามาเดินเล่นรอบๆนะครับ” หินผาเปิดประตูให้กับวาริแล้วพูดขึ้นยิ้มๆที่เห็นหน้าตาท่าทางน่าเอ็นดูของน้อง
“อ๋อ ครับๆวาขอโทษนะครับมองเพลินไปหน่อย” วาริพูดพร้อมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขินที่ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อ
จุ๊บ!!
“น่ารักจังครับ” หินผาอดใจไม่ไหวที่เห็นแก้มของน้องขึ้นสีชมพูระเรื่อ จึงก้มลงไปใช้ริมฝีปากหยักได้รูปจูบไปที่แก้มของวาริ
วาริถึงกับยืนนิ่งตาโตด้วยความตกใจอยู่แบบนั้นพร้อมกับค่อยๆยกมือขึ้นมาวางทาบตรงหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองที่ตอนนี้เค้ารู้สึกว่ามันสามารถจะกระเด้งหลุดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
“หึๆ” วายุได้แต่ยกยิ้มมุมปากให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า ทีนี้แหละไอ้เพื่อนตัวดีจะได้รู้ว่าอาการหลงรักจนหัวปักหัวปำมันเป็นยังไง ไม่ว่าคนที่เรารักจะทำหรือพูดอะไรมันก็จะดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของเราไปซะหมด ว่าแล้วเจ้าตัวก็ก้มลงไปหอมแก้มของคนตัวเล็กฟอดใหญ่จนสายน้ำถึงกับงงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไป
“หืออออออ!!!!!” ทันทีที่ร่างบางก้าวเข้ามาในห้องของหินผาก็ถึงกับตกตะลึงตาค้างไปเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่เค้าคิดว่าเป็นคอนโดธรรมดาๆเหมือนคอนโดทั่วๆไปแต่กลับกลายเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่และกว้างมาก ถ้าจะให้เทียบกับห้องเก่าที่เค้าเพิ่งย้ายมาก็เทียบได้กับ 4-5 ห้องเลยทีเดียวและเท่าทีมองดูรอบๆแล้วจะเรียกว่าไม่มีคนอยู่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะทั้งข้าวของเครื่องใช้การจัดเรียงจัดวางก็เหมือนกับว่ามีคนอยู่หรือใช้เป็นประจำอยู่แล้ว
ขณะที่วาริกำลังมองสำรวจไปรอบๆห้องนั้น สายน้ำก็ส่งซิ๊กให้กับพี่ชายว่าขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนเพราะดูจากหน้าตาท่าทางของวาริแล้วพี่ชายของเค้าคงต้องได้อธิบายกันยาวเป็นแน่ ส่วนเค้าก็คงช่วยได้เพียงเท่านี้นอกนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของพี่ชายสุดที่รักแล้วล่ะ
ทุกคนที่ช่วยกันขนของขึ้นมาก็นำมาวางกันไว้ที่ประตูทางเข้าแล้วพากันเดินออกไปพร้อมกับสายน้ำอย่างรู้หน้าที่
“น้องวาครับ” หินผาลองเรียกชื่อคนที่ยืนนิ่งอยู่เบาๆหลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว
“นี่มันอะไรกันครับ ไหนพี่ผาบอกกับวาว่าเป็นห้องว่างไงครับ” วาริพูดขึ้นเสียงนิ่งไม่มีท่าทางล้อเล่นหรืออารมณ์ดีอย่างที่เค้าเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลย
“เอ่อ...คือ น้องวามานั่งตรงนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะปวดข้อเท้าขึ้นมาอีก” หินผารีบเข้าไปประคองวาริให้มานั่งที่โซฟาทันทีที่เห็นท่าไม่ค่อยดี
“วาขอคำอธิบายได้มั้ยครับ” ถึงเค้าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกแต่เค้าก็ยังอยากที่จะฟังเหตุผลของคนตรงหน้าก่อน เค้าไม่อยากโวยวายหรือตีโพยตีพายไปเอง
“คืออย่างแรกที่พี่บอกว่าห้องว่างก็คือห้องมันว่างอยู่จริงๆนะครับ บริเวณห้องที่นี่มันกว้างมากน้องวาก็เห็นแล้วอีกอย่างก็ยังเหลืออีกตั้งสองห้องที่ยังว่างอยู่” หินผาพูดพร้อมกับมองหน้าวาริไปด้วย
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกให้น้องวาต้องมาอยู่ด้วยกันกับพี่นะครับ ที่พี่ทำไปเพราะพี่เป็นห่วงกลัวว่าน้องจะเป็นอันตรายกลัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องหากจะต้องอยู่คนเดียว คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจกันได้ยากๆอยู่ แต่ถ้าน้องวาไม่สบายใจที่มีพี่อยู่ด้วยพี่ก็พร้อมจะย้ายกลับไปอยู่บ้านนะครับ ขอให้น้องวาได้อยู่ที่นี่ก็พออย่างน้อยก็อยู่ใกล้กับทุกๆคน พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก” วาริยังคงนั่งฟังและมองหน้าหินผาอยู่อย่างนั้นไม่ขยับหรือพูดอะไรออกมาเลย
“จริงอยู่ที่เราเพิ่งรู้จักกันแค่วันแรกแต่พี่สามารถพูดได้เต็มปากว่าพี่ชอบน้องวาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหรือตอนนี้อาจจะกลายเป็นรักไปแล้วก็ได้ พี่มั่นใจว่าน้องวาคือคนที่ใช่สำหรับพี่คือคนที่พี่รอมาตลอด น้องวาอาจจะยังไม่ต้องเชื่อหรือไว้ใจในตัวพี่หรือในตัวทุกๆคนก็ได้ แต่พี่ขอสาบานต่อหน้าไฟตรงนี้เลยนะครับว่าพี่ไม่เคยคิดร้ายกับน้องวาเลยถ้าพี่คิดร้ายหรือคิดจะทำไม่ดีกับน้องวาขอให้พี่ถูกรถชนตา...” ยังไม่ทันที่หินผาจะพูดจบวาริก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของคนตัวใหญ่ทันที
“ไม่ต้องพูดแล้วครับวาเข้าใจแล้ว แต่ทำไมพี่ผาต้องโกหกวาด้วยล่ะครับว่ามีห้องว่างอยู่” วาริพูดพร้อมกับมองไปที่มือใหญ่ที่จับมือเค้าอยู่
“ขอโทษครับที่พี่พูดบอกไปไม่หมด ก็พี่กลัวว่าถ้าวารู้ว่าต้องมาอยู่ห้องเดียวกันกับพี่แล้ว น้องวาจะไม่ยอมมาอยู่ด้วยกันนี่ครับหรือว่าไม่จริงครับ” หินผาพูดยิ้มๆเมื่อเห็นว่าน้องเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากที่ได้ฟังเค้าอธิบาย เค้าดีใจที่เค้าชอบหรือรักคนไม่ผิดน้องดูมีเหตุผลมากกว่าที่คิดไว้ น้องยอมฟังเค้าพูดเค้าอธิบายจนจบโดยที่ไม่โต้แย้งเลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วยังมีอะไรที่พี่ผายังบอกวาไม่หมดอีกมั้ยครับ” วาริถามพร้อมจ้องเข้าไปที่ดวงตาเรียวยาวของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเอง
“หึ! ไม่มีแล้วครับพี่ไม่กล้าโกหกอะไรน้องวาแล้วครับ แค่นี้พี่ก็กลัวน้องวาโกรธพี่จะแย่แล้ว ขอบคุณนะครับที่ไม่โกรธไม่เกลียดพี่ จุ๊บ!” หินผาพูดพร้อมกับยืดตัวไปสวมกอดร่างบางและจูบลงที่ซอกคอขาวของน้องอย่างห้ามใจไม่อยู่
“อ๊ะ!! พี่ผาทำอะไรครับ” วาริถึงกับสะดุ้งที่ได้รับสัมผัสเย็นตรงซอกคอตัวเอง
“เอ่อ..ขอโทษครับพี่ชอบลืมตัวทุกทีเลย” หินผาพูดพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสแก้มที่ขึ้นสีชมพูจางๆ
วาริได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินที่คนตัวใหญ่เดี๋ยวเอะอะก็จูบเอะอะก็หอมเค้าอยู่เรื่อย เค้าพอจะรู้อยู่ว่าหินผานั้นติดการสกินชิพกับน้องชายมากจากที่ได้เห็นมาในวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะติดมาทำกับเค้าด้วยนี่สิ แค่นี้เค้าก็เขินจะตายอยู่แล้วจะให้เค้าเขินวันละกี่รอบกันเนี่ย นี่ขนาดยังไม่ผ่านพ้นวันแรกไปเลยนะหัวใจเค้าก็ทำงานหนักจนแทบจะหยุดเต้นไปหลายรอบแล้ว
“พี่กายครับ พี่กายว่าพี่ผาจะกับน้องวาริจะเป็นยังไงบ้างแล้วครับ” สายน้ำที่ตอนนี้นั่งพิงอกของคนพี่อยู่พร้อมกับดูทีวีไปด้วยเอ่ยถามขึ้น
ฟอด! จุ๊บ!
“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอกครับ พี่เชื่อว่ามันสามารถอธิบายให้วาริเข้าใจได้ เพราะดูท่าวาริแล้วก็ดูเป็นคนมีเหตุมีผลอยู่พอสมควรไม่ได้ดูเหมือนคนขี้โวยวายหรือโมโหร้ายอะไร” วายุพูดบอกคนในอ้อมกอดเพื่อที่จะได้สบายใจ เพราะเท่าที่เค้าสังเกตดูแล้ววาริดูเป็นคนที่ออกจะติดนิ่งคนหนึ่งเลย ดูได้จากตอนที่มองสำรวจไปรอบๆห้องของหินผาอย่างใจเย็น
วายุพูดพร้อมกับจมูกโด่งที่กำลังไล่สูดดมไปตามซอกคอหอมของคนตัวเล็ก
จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!
ริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบและขบเม้มไปทั่วทั้งลำคอขาวและลงมาที่ไหปลาร้าของคนตัวเล็ก ก่อนที่มือหนาค่อยๆเลื้อยเข้าไปในเสื้อนักศึกษาของคนน้อง
“อ๊ะ! อื้ออ พี่กายจ๋า” สายน้ำถึงกับสะดุ้งร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีที่นิ้วเรียวยาวสะกิดไปที่เม็ดตุ่มไตพร้อมทั้งยังโดนขบเม้มอยู่ตามซอกคอให้ได้เสียวจนขนลุกนั่นอีก
“จ๋า ว่ายังไงครับที่รักของพี่กาย”
Comments (0)