70 ตอน ปาฏิหาริย์
โดย Beloved_Moouan
“น้องน้ำเป็นยังไงบ้างวะ” หินผาถามขึ้นทันทีที่วิ่งมาถึงที่ไฟและออกัสยืนอยู่ ตอนที่ไฟโทรไปบอกเค้าตกใจมากเพราะไม่คิดว่าอยู่ๆอาการของสายน้ำจะกำเริบขึ้นมาอีก เพราะเมื่อตอนหัวค่ำเค้ายังถามเหนือถึงอาการของน้องชายเค้าอยู่เลย
“กูไม่รู้ว่ะ เหมือนกับว่าก่อนน้องจะถูกเข็นเข้าไปในห้องน้องเหมือนจะหมดสติไปแล้ว แล้วยังพูดฝากไอ้วายุให้ดูลูกด้วย” ไฟพูดขึ้นเบาๆแต่ก็พอที่ทุกคนจะได้ยิน
เบลที่พอได้ยินไฟพูดก็ถึงกับร้องไห้ปล่อยโฮออกมาทันที เหนือเองก็ได้แต่กอดปลอบเบลเอาไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
วาริเองที่ได้ยินก็ร้องไห้ออกมาแทบจะทันทีเหมือนกันและโผเข้ากอดหินผา หินผาก็ได้แต่กอดปลอบเพราะเค้าเองก็จะไม่ไหวเหมือนกัน เค้าไม่เคยคิดว่าน้องชายของเค้าจะต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
เบล ออกัส และวาริ ต่างส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแข่งกันจนตาบวมช้ำและแดงไปหมด โดยมีหินผา เหนือ และไฟคอยปลอบอยู่
ตึก! ตึก! ตึก! เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาใกล้ทำให้ทุกคนหันไปมองทันที
“หมอครับเกิดอะไรขึ้นครับ คนไข้ข้างในเป็นยังไงบ้างครับ” เป็นดินที่เห็นหมอกำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปก็รีบวิ่งเข้าไปถาม
“คนไข้หัวใจหยุดเต้นครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” พอหมอพูดจบก็รีบเดินเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที ทิ้งให้ดินและทุกคนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
วายุได้ยินในสิ่งที่หมอตอบออกมา เค้าเงยหน้าขึ้นพิงผนังพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาโดยไม่พูดอะไร ขอร้องเถอะได้โปรดสวรรค์อย่ากลั่นแกล้งผมและคนรักอีกเลย ขอให้เราได้อยู่เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่แบบพร้อมหน้าพร้อมตากันพ่อแม่ลูกทีเถอะ วายุได้แต่หลับตาอธิษฐานอยู่ในใจ ขอให้บนโลกใบนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆด้วยเถิด
ทุกคนมองมาที่วายุด้วยความสงสารจับใจ ซึ่งพวกเค้าก็รู้สึกไม่ต่างไปจากวายุเลย ถึงเวลาที่รู้จักกันจะไม่นานเท่าไหร่แต่สายน้ำก็คือคนที่พวกเค้ารักมากที่สุดคนหนึ่ง
“มึงได้โทรบอกป๊าม๊ารึยัง” ไฟถามหินผาขึ้นมา
“ยัง กูกลัวม๊าจะช็อกไปอีกคน” หินผาตอบออกมาเสียงเบาและเหม่อลอยน้ำตายังไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เค้าไม่พร้อมที่เสียคนที่เค้ารักมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิตไป สายน้ำเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเค้าเปรียบเสมือนลมหายใจส่วนหนึ่งของชีวิตเค้าก็ว่าได้
“ทำใจดีๆไว้นะมึง กูเชื่อว่าน้องน้ำเก่งน้องน้ำจะต้องกลับมาได้ กูยังเชื่อว่าปาฏิหาริย์ยังมีอยู่จริง” ดินเดินมานั่งลงข้างๆวายุและพูดให้กำลังใจเพื่อนตัวเอง
“ผมก็เชื่อว่ายังไงน้ำก็จะไม่ยอมจากไปง่ายๆเหมือนกัน เฮียก็รู้ว่าน้ำสู้และอดทนเก่งขนาดไหน” อิฐเดินมาตบที่ไหล่และพูดให้กำลังใจรุ่นพี่ตัวเองทั้งๆที่ตัวเองก็ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่บนใบหน้าอยู่
วายุลืมตาขึ้นมามองนาฬิกาที่ติดผนังไว้อยู่ บอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว ซึ่งเวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีนั้นมันช่างบีบคั้นหัวใจเค้าเหลือเกิน คนรักของเค้าหายเข้าไปในห้องนั้นนานเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว วายุได้แต่ก้มหน้าเอามือมาปิดหน้าไว้ เค้าคิดไม่ออกว่าชีวิตเค้าจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีคนตัวเล็กของเค้าคอยอยู่เคียงข้างกัน แค่คิดน้ำตาลูกผู้ชายก็ถูกปล่อยไหลออกมาอีกรอบ
ทุกคนต่างมองไปที่วายุที่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ด้วยความรู้สึกเศร้าใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคอยส่งแรงใจและกำลังใจไปให้คนที่อยู่ในห้องผ่านประตูบานนี้ไป
แกร็ก!!
เสียงเปิดประตูออกมาพร้อมกับคุณหมอดิชพล ทำให้วายุรีบเงยหน้าขึ้นมาแต่ยังไม่ยอมขยับไปไหน เจ้าตัวรู้สึกว่าขามันหนักจนก้าวไม่ออก วายุไม่รู้ว่าตัวเองนั้นพร้อมที่จะฟังข่าวที่กำลังจะได้รับได้หรือไม่
คุณหมอดิชพลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเขย ที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าโครงหนุ่มหล่อมาดนิ่งเลย มีแต่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ร้องไห้จนตาบวมแดงช้ำไปหมด
ทุกคนต่างรอลุ้นคำตอบของคุณหมอดิชพลจนแทบจะลืมหายใจ โดยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม จนกระทั่ง
“เมียกับลูกของผมปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ คุณอาคงไม่ปล่อยให้น้องต้องเป็นอะไรไปใช่มั้ยครับ” วายุลุกขึ้นยืนและถามอาหมอขึ้นมาด้วยแววตาที่นิ่งไม่มีหวั่นไหวแต่อย่างใด เค้าจะต้องเชื่อใจคนที่เค้ารักและคนที่รักเค้า คนตัวเล็กของเค้าจะไม่มีวันปล่อยให้เค้าต้องเผชิญความเดียวดายอยู่คนเดียวเป็นอันขาด
“อาดีใจนะที่วายุเชื่อมั่นในตัวน้องและเชื่อมั่นในตัวอา น้องน้ำเก่งมากที่ฮึดสู้กลับมาได้ถึงแม้จะหยุดหายใจไปถึงสองรอบก็ตาม” คุณหมอดิชพลพูดจบก็ส่งยิ้มกว้างให้กับวายุ
หมับ!!
“ขอบคุณครับอาหมอ ขอบคุณมากนะครับ แล้วลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” วายุยิ้มออกและโผตัวเข้ากอดอาหมอทันทีที่ได้ยิน แต่พอนึกขึ้นได้ก็ผละตัวออกมาและถามถึงลูกน้อยทันที
“เหลนอาแข็งแรงดี ร้องไห้เสียงดังน่าดูเลย สงสัยเพราะเสียงนี้แหละน้องน้ำถึงต้องพยายามฮึดสู้และต้องฟื้นกลับมาให้ได้ หมดทุกข์หมดโศกแล้วนะ ต่อไปอาขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามานะ” คุณหมอดิชพลพูดจบก็ตบไหล่หลานเขยเบาๆวายุก็ยิ้มและพยักหน้ารับ
ทุกคนในตอนนี้ต่างมีรอยยิ้มออกมาให้ได้เห็น แต่สภาพของแต่ละคนก็ดูไม่ได้แตกต่างกันเลย เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านการร้องไห้กันมาอย่างหนักจนตาบวมแดงด้วยกันทุกคนอย่างเสมอภาคไม่มีใครด้อยไปกว่าใครเลย
“แล้วน้องจะออกจากห้องได้ตอนไหนครับ แล้วลูกผมล่ะครับ” วายุยังคงถามต่อเพราะตัวเองอยากที่จะเจอหน้าลูกหน้าเมียเต็มทีแล้ว
“อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงนะ ตอนนี้น้องกำลังให้น้ำเกลือแล้วให้ออกซิเจนอยู่ น้องหยุดหายใจไปสองรอบการหายใจยังคงมีติดขัดอยู่บ้าง ส่วนลูกของเราเดี๋ยวจะต้องได้เข้าตู้อบเพื่อรอดูอาการอีกทีเพราะว่าคลอดก่อนกำหนด แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติสักสองสามวันอาก็คงจะให้มาอยู่กับพ่อแม่ได้เลย แต่อาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเด็กดูแข็งแรงดีแต่เพื่อความไม่ประมาทอาเลยอยากให้เข้าตู้อบเพื่อรอดูอาการสักหน่อย” อาหมอพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเหลนตัวน้อยที่ร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ได้ออกมาจากท้องแม่
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วอาขอตัวกลับก่อนนะ ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วป่านนี้เมียอาเก็บเสื้อผ้าหนีไปแล้วก็ไม่รู้” อาหมอพูดขึ้นทีเล่นทีจริงพาให้ทุกคนพลอยหัวเราะขำตามไปด้วย เพราะตั้งแต่สายน้ำแอ็ดมิทเข้ามานอนที่โรงพยาบาล คุณหมอดิชพลก็ยังไม่ได้กลับบ้านด้วยเช่นกัน เพราะต้องคอยสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างวันนี้
“เฮ้อ!! กูไม่เคยลุ้นอะไรจนแทบจะขาดใจขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ” เหนือทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้และพูดขึ้น
“หมดทุกข์หมดโศกแล้วมึง ทีนี้ก็เริ่มไว้หนวดกันได้แล้ว” ดินตบไหล่วายุแล้วพูดขึ้นขำๆทำให้ทุกคนต่างมีรอยยิ้มขึ้นมาได้
ตอนนี้ทุกคนขึ้นมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าห้องเด็กแรกเกิด เพราะด้วยความที่อยากเห็นหน้าสาวคนแรก ทุกคนต่างใจจดใจจ่อรอคอยให้พยาบาลเข็นหลานสาวขึ้นมาไวๆ
“มาแล้วๆ” พอเบลเห็นว่าพยาบาลชญาภาเดินเข็นรถเข็นมาก็รีบบอกกับทุกคนด้วยอาการตื่นเต้น
วายุค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆจากด้านหลังของเพื่อนด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าลูกตัวเองครั้งแรก
“เดี๋ยวขอให้ญาติรอดูเด็กตรงกระจกด้านนั้นนะคะ” พยาบาลชี้จุดที่เธอจะพาเด็กมาให้ทุกคนได้ดูและเข็นรถเข็นเด็กเข้าไปในห้อง
“กรี๊ดด!! น่าเกลียดน่าชังมาก” เบลร้องออกมาพร้อมกับกระทืบเท้าหน่อยๆทันทีที่ได้เห็นหน้าหลานสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม
วายุเดินไปจนติดกระจกและยกมือขึ้นลูบตรงที่ตำแหน่งแก้มของลูกน้อย พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
ลูกน้อยของเค้านั้นมีผิวที่ขาวใสอมชมพูไม่ต่างจากผิวของคนเป็นแม่เลย ส่วนคิ้วนั้นก็ดูได้รูปและน่าจะเข้มขึ้นเมื่อโตขึ้น สายตาของวายุค่อยๆไล่พิจารณาใบหน้าของลูกน้อยจนมาถึงจมูกและปาก จมูกของลูกน้อยของเค้านั้นโด่งเป็นสันเหมือนกับของเค้าไม่มีผิดเพี้ยนนี่ขนาดว่าเพิ่งคลอดยังเห็นได้ชัดขนาดนี้ ไหนจะปากบางรูปกระจับที่แทบจะถอดแบบแม่มา และเค้ามั่นใจว่าดวงตาที่กำลังหลับตาพริ้มโชว์ขนตาที่งอนยาวอยู่นั้นคงจะไม่พ้นได้แม่มาแน่ๆเช่นกัน
“ผมว่าผมคงจะได้ไว้หนวดจริงๆแล้วนั่นแหละ ดูหลานสาวสิน่าเกลียดน่าชังซะขนาดนี้” อยู่ๆอิฐก็พูดขึ้นมาหน้าตาจริงจังแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลานสาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มโชว์ขนตางอนยาวอยู่
“อือ กูเห็นด้วยกับไอ้อิฐว่ะ โคตรจะน่ารักเลยว่ะหลานกู” ดินพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา โดยที่สายตายังคงจับจ้องมองอยู่ที่หลานสาวตัวน้อยไม่ไปไหน
“ไอ้ผามึงมัวแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กอดน้องวาอยู่นั่นแหละ มึงโทรบอกป๊าม๊ามึงรึยัง” ไฟหันมาเห็นหินผาที่ยืนกอดกับวาริอยู่ก็อดที่จะแซวไม่ได้ เค้ารู้ว่านาทีนี้ทุกคนเหมือนถูกปลดปล่อยกันหมด รวมทั้งตัวเค้าด้วยมันเป็นอารมณ์ที่ต่างกันสุดขั้วกับเมื่อชั่วโมงที่แล้วเลย
“เออว่ะ กูลืมไปเลยมัวแต่ดูหลานอยู่ น้องวาก็ไม่เห็นเตือนพี่เลยล่ะครับ” หินผาที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหมือนกันก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหลานไว้แล้วส่งให้ม๊าดูทันทีก่อนจะเดินออกไปโทรหาป๊าม๊าโดยที่ไม่ลืมเดินโอบเอววาริไปด้วย วาริก็ได้แต่ทำหน้างงสรุปนี่ความผิดเค้าใช่มั้ย
หลังจากที่พยาบาลปล่อยให้พ่อ ลุงและป้าได้ชื่นชมลูกและหลานตัวน้อยแล้วนั้น พยาบาลก็อุ้มเจ้าหนูน่าฟัดตัวน้อยเข้าไปไว้ในตู้อบตามที่อาหมอได้บอกไว้ก่อนหน้านี้
“ไอ้เหนือมึงทำอะไรวะ” ดินที่เห็นเหนือและเบลต่างก้มหน้าก้มตากดอะไรอยู่ที่มือถือจึงถามขึ้น
“กูก็โพสต์อวดหลานสาวของกูให้กับชาวโลกได้เห็นยังไงล่ะวะ” เหนือตอบเพื่อนแต่ตาก็ยังไม่ละไปจากหน้าจอมือถือ เจ้าตัวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองรูปหลานสาวตัวน้อยของตัวเอง
“โห! ไอ้ลุงขี้เห่อใครเค้าจะมาดูโพสต์มึงตอนนี้วะ มึงดูด้วยนี่มันจะตีสามแล้วโว้ย” ดินพูดขึ้นยิ้มๆ
“ไม่รู้โว้ยกูรู้แต่ว่ากูต้องได้โพสต์เป็นคนแรกโว้ย” เหนือเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อนและยักคิ้วให้เพื่ออวดว่าตัวเองเป็นคนแรกที่ได้ลงรูปหลานสาวสุดน่ารักลงในโลกโซเซียลเป็นคนแรก แถมยังลงก่อนพ่อแม่ของหลานสาวเสียอีก
“แล้วนี่พวกมึงจะกลับกันเลยมั้ยวะ” ไฟถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับกันเลย
“ผมขอขึ้นไปดูน้ำก่อนนะ ถ้าพวกพี่จะกลับก็กลับกันไปก่อนได้เลย” อิฐเป็นคนแรกที่ตอบออกมา เค้าขอขึ้นไปให้เห็นกับตาก่อนว่าเพื่อนตัวเล็กของเค้านั้นปลอดภัยดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเค้าคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่
“กูด้วยกูขอขึ้นไปดูน้องน้ำก่อน” เหนือพูดต่อขึ้นมาจากอิฐจนทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ไปไอ้วายุขึ้นไปดูเมียมึงก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลงมาดูลูกใหม่” ดินเดินเข้าไปกอดคอของวายุที่ยังคงยืนมองลูกสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในตู้อบอยู่ วายุเองก็หันมาพยักหน้าตอบดินและเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนๆ
หลังจากนั้นทุกคนก็พากันขึ้นมาในห้องเพื่อที่จะรอเจอคุณแม่ตัวน้อยกัน
แกร็ก!!!
ผ่านไปไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาล 2 คนและบุรุษพยาบาล 1 คน เป็นคนที่คอยเข็นเตียงที่มีสายน้ำนอนอยู่เข้ามา และทำการย้ายตัวของสายน้ำให้มานอนบนเตียงผู้ป่วยในห้อง พอเสร็จทั้งสามคนก็ขอตัวออกไปทันที
วายุเดินไปหยุดอยู่ที่เตียงที่สายน้ำนอนอยู่ ก่อนจะค่อยๆก้มลงไปจูบที่หน้าผาก ที่จมูก ที่แก้มทั้งสองข้าง และจูบลงไปที่ริมฝีปากสีซีดของสายน้ำ วายุก้มลงไปกอดร่างเล็กที่นอนหลับอยู่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ
เพื่อนๆและน้องๆที่ยืนมองกันอยู่ถึงกับน้ำตาคลอไปตามๆกันกับภาพที่เห็นตรงหน้า โดยเฉพาะเบล ออกัส และวาริที่ตอนนี้ร้องไห้ตามวายุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่ตัวเล็กกลับมาหาพี่กับลูก ขอบคุณที่สู้เพื่อครอบครัวของเรา พี่กายรักตัวเล็กมากนะครับ” วายุก้มลงไปพูดกับคนที่ยังนอนหลับไม่ได้สติอยู่ราวกับว่าอยากให้คุณแม่ตัวน้อยได้รับรู้ในสิ่งที่ตัวเองพูด
หินผาเองได้แต่ยืนมองใบหน้าซีดขาวของน้องชายพร้อมกับลูบผมของน้องไปด้วย ตอนแรกหินผาคิดว่าอยากจะมีลูกกับวาริเร็วๆ อยากมีลูกให้ทันได้เป็นเพื่อนเล่นกับหลานสาวของตัวเอง
แต่พอหลังจากวันที่หินผาได้กับวาริเป็นครั้งแรกแล้ว หินผาก็ได้คุยกับวาริและเข้ามาปรึกษากับอาหมอเรื่องที่หินผาได้เห็นจากตัวของวาริ และได้ให้อาหมอทำการตรวจร่างกายของวาริอย่างละเอียดจนพบว่าวารินั้นมีมดลูกและสามารถท้องได้เหมือนกับสายน้ำ แต่มดลูกของวารินั้นยังคงไม่สมบูรณ์แข็งแรงพอที่จะมีลูกได้ยังคงจะต้องบำรุงกันอีกขนานใหญ่ แต่ถ้าเกิดว่ามีลูกขึ้นมาจริงๆก็มีโอกาสที่จะแท้งสูงมาก หรือถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะติดจนถึงท้องแก่ใกล้คลอด แต่ก็ต้องมาลุ้นกันอีกว่าคุณแม่นั้นจะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษหรือคลอดก่อนกำหนดหรือเปล่า หรือว่าเด็กจะแข็งแรงสมบูรณ์ดีรึเปล่าด้วย
ตอนแรกหินผาก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าครรภ์เป็นพิษที่อาหมอพูดถึงนั้นคืออะไรจนเมื่อกลับไปศึกษาดูก็เกิดนึกกลัวขึ้นมาเพราะมันมีความเสี่ยงที่คุณแม่และเด็กอาจจะเสียชีวิตได้เลย หินผาจึงได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะมีลูกในเร็วๆนี้ไปก่อน เวลาที่หินผาจะมีอะไรกับวาริก็จะใช้วิธีการหลั่งข้างนอกเอา จนเมื่อมาเจอเหตุการณ์ใกล้ตัวที่เกิดขึ้นจริงกับน้องชายของตัวเอง ทำให้เจ้าตัวยิ่งคิดหนักอยู่เหมือนกันว่าพอถึงเวลานั้นยังอยากที่จะมีลูกอีกหรือไม่ เพราะเจ้าตัวเองไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งและมีสติได้เท่ากับเพื่อนของตัวเองอย่างวายุหรือไม่
“พี่ผา พี่ผาครับ”
“คะ ครับ น้องวาว่ายังไงนะครับ” หินผาสะดุ้งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงสะกิดที่แขนของเค้า
“พี่ผาเป็นอะไรไปครับ วาเรียกตั้งนานแล้ว” วาริทำหน้ายุ่งๆใส่
“เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไรครับ พี่แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย เมื่อกี๊น้องวาว่ายังไงนะครับ”
“วาถามว่าจะกลับพร้อมพวกพี่ๆเลยมั้ยครับ แล้วเดี๋ยวสายๆหรือบ่ายๆเราค่อยมากันใหม่ พี่วายุจะได้พักผ่อนด้วย”
“กลับเลยก็ได้ครับแล้วเดี๋ยวเราค่อยมากันใหม่ น้องวาจะได้กลับไปพักด้วยดูสิร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมดแล้ว” หินผาอดที่จะแซวคู่หมั้นของตัวเองไม่ได้
“ไอ้วายุเดี๋ยวพวกกูกลับกันก่อนนะ เดี๋ยวสายๆพวกกูจะมากันใหม่ มึงก็นอนพักซะบ้างเดี๋ยวน้องน้ำตื่นขึ้นมาเห็นมึงในสภาพแบบนี้จะตกใจเอา” ดินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆวายุและพูดขึ้นพร้อมกับตบไปที่ไหล่เบาๆ
“อือ ขอบใจพวกมึงมาก ขับรถกลับกันดีๆนะมึง” วายุหันไปขอบใจเพื่อนๆรวมถึงน้องๆด้วย
“พี่กลับก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวตอนสายๆพี่จะมาใหม่นะครับ จุ๊บ!” หินผาก้มไปบอกกับสายน้ำและจูบลงไปที่หน้าผากมนของน้องชาย
หลังจากที่ทุกคนกลับกันไปหมดแล้วจะเหลือก็แต่ไฟและออกัสที่ยังคงนอนกันอยู่ในห้องพักญาติเหมือนเดิม วายุก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาและเดินมาห่มผ้าให้กับคุณแม่ตัวน้อยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงนอนไปที่โซฟาตัวใหญ่ที่แทบจะไม่ได้นอนเลยตั้งแต่มาค้างที่นี่ แต่คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่วายุจะนอนมัน เนื่องจากพยาบาลบอกว่าคุณแม่ตัวน้อยนั้นจะฟื้นขึ้นมาอีกทีก็น่าจะเป็นช่วงสายๆของวันเลย และวายุก็อยากให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นมาเจอตัวเองในแบบที่ดูดีกว่านี้สักหน่อยแม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
วายุนอนมองหน้าของเมียตัวเล็กของตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดวงตานั้นค่อยๆปิดสนิทลงไปด้วยความอ่อนเพลียทั้งกายและทั้งใจที่ต้องเจอมาตลอดสามสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานและบีบคั้นหัวใจอย่างที่สุด วายุได้แต่สัญญาเอาไว้กับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปจะทำให้ครอบครัวตัวเองมีแต่ความสุข จะทำให้ครอบครัวของตัวเองเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและคุณพ่อจะทำได้
Comments (0)