37 ตอน ปมในใจ
โดย Beloved_Moouan
วายุตอนนี้ที่เดินวุ่นเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวในห้อง เค้าเดินหาคนตัวเล็กไปทั่วทั้งในห้องน้ำ ห้องนอนอีกห้อง และห้องอีกห้องที่เค้าเพิ่งจะตกแต่งใหม่ให้เป็นห้องทำงานเพราะบางทีคนตัวเล็กของเค้าก็ชอบมานั่งต่อจิ๊กซอว์อยู่ในห้องนี้ รวมไปถึงสระว่ายน้ำขนาดเล็กที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องของเค้าด้วย เมื่อหาดูจนทั่วแล้วยังไม่พบก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้กับเจ้าตัว ครั้นพอหยิบมือถือโทรออกหาคนตัวเล็กก็พบว่ามีเสียงเรียกเข้าดังมาจากในห้องนอนของตัวเอง
“โธ่โว้ย!! คอยดูนะถ้าเจอจะจับมาตีให้ก้นลายเลย” วายุขบฟันจนสันกรามนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เค้าทั้งโกรธคนตัวเล็กที่ไปไหนไม่ยอมบอกยอมกล่าวกันก่อน และโกรธตัวเองที่มัวแต่สนใจงานไม่สนใจคนรักของตัวเอง เค้าจำได้ว่าคนตัวเล็กเรียกเค้าสองสามรอบแต่เค้าก็ยังไม่หันไปสนใจได้แต่ขานรับก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบลงไป เค้ามัวแต่สนใจงานตรงหน้าทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆ และคนตัวเล็กของเค้าก็ร้องอยากกินเค้กตั้งแต่เช้าแล้วด้วยเค้าจึงกะว่าบ่ายๆจะพาไปกินแต่ก็ดันมาหายตัวไปซะก่อน
“ใช่ เค้กๆๆ” วายุเพิ่งนึกได้ว่าน้องอยากกินเค้กมาก ร่ำร้องอยากจะกินตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะตั้งแต่สอบมาเค้ายังไม่ได้เข้าบริษัทเลย เลยทำให้คนตัวเล็กพลอยอดกินเค้กเจ้าโปรดไปด้วย
พอนึกได้ดังนั้นวายุก็รีบเข้ากูเกิ้ลเพื่อเสิร์ชหาชื่อร้านและเบอร์โทรในทันที
“ร้าน Boon J’ Café สวัสดีค่ะ” รอไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
“สวัสดีครับ ผมวายุ เบญจกิจวรกุล นะครับ ผมรบกวนสอบถามหน่อยครับว่าวันนี้สายน้ำได้เข้าไปที่ร้านรึเปล่าครับ” วายุพูดแนะนำตัวและสอบถามถึงคนตัวเล็กของตัวเองทันที เจ้าตัวรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อภาวนาของให้น้องอยู่ที่นั่นด้วยเถอะ
“อ๋อ คุณวายุนั่นเองสวัสดีค่ะ คุณสายน้ำอยู่ที่ร้านค่ะเหมือนว่ากำลังจะกลับด้วยนะคะ” พนักงานที่พอรู้ว่าเป็นใครก็รีบแจ้งให้วายุทราบทันที พนักงานของร้านทุกคนจะรู้จักชื่อและนามสกุลผู้บริหารทุกคนเพราะชื่อบริษัทก็ใช้นามสกุลของพวกเค้าเช่นกัน
“อ่อ งั้นผมขอคุยกับสายน้ำหน่อยได้มั้ยครับ รบกวนด้วย”
“ได้ค่ะ คุณวายุรอสักครู่นะคะ”
“พี่กาย น้องพูดสายครับ” สายน้ำเอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงติดสั่นเล็กน้อย
“เป็นยังไงครับ เค้กอร่อยมั้ยครับ” วายุตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งอย่างที่สายน้ำไม่เคยได้ยินมาก่อน
“น้องขอโทษครับ ที่ออกมาโดยไม่บอกทำให้พี่กายต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงหวานที่ส่งมาตามสายวายุได้ฟังถึงกับใจอ่อนยวบลงทันทีจากที่โมโหๆอยู่ แต่เค้าก็ต้องทำใจแข็งเข้าไว้
“เอาไว้ค่อยคุยกันครับ รอพี่อยู่ที่นั่นห้ามไปไหนทั้งนั้น แล้วพี่ก็จะทำโทษเราด้วย เข้าใจมั้ยครับ” วายุยังคุยกับน้องเสียงนิ่งและติดเย็นอยู่เหมือนเดิม
“คะ ครับพี่กาย” หลังจากนั้นวายุก็วางสายไปด้วยความโล่งอก เค้าทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาทันทีที่วางสายจากสายน้ำแล้ว ตอนที่รู้ว่าน้องไม่อยู่ในห้องใจเค้าแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนตัวเล็กของเค้าอีกเค้าจะทำยังไงจะอยู่ยังไง
กริ๊ง!! กริ๊ง!!
“สวัสดีค่ะ Boon J’ Café ยินดีต้อนรับค่ะ” เมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้นสายตาของสายน้ำก็มองไปที่ประตูในทันทีเค้านั่งจ้องอยู่ที่หน้าประตูมาประมาณเกือบชั่วโมงแล้ว และครั้งนี้เค้าก็เห็นคนตัวสูงใหญ่ หน้าคมดุกำลังเดินและจ้องมาที่เค้า สายน้ำได้แต่เอาเล็บจิกที่มือเย็นของตัวเอง
ตั้งแต่ที่วางสายจากวายุสายน้ำก็กลับมานั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับนั่งมองที่ประตูนิ่งแทบไม่กะพริบตา มือสองข้างกำเข้าหากันแน่น บางครั้งพนักงานก็เห็นสายน้ำเอามือไปหยิกที่แขนของตัวเองด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปคุยเหมือนตอนแรกๆ เพราะสายน้ำตอนนี้ผิดไปเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้
สายน้ำนั่งก้มหน้าทันที มือไม้เกะกะไปหมดอย่างไม่รู้ว่าจะต้องวางไว้ตรงไหนดี นี่เป็นครั้งแรกที่เค้ากลัววายุมากขนาดนี้เพราะที่ผ่านมาวายุใจดีกับเค้ามาก ไม่เคยดุไม่เคยว่าเลยสักครั้ง วายุถึงกับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะตลกกับท่าทางของคนรักที่เหมือนเด็กน้อยทำความผิดมา เค้าจะโทษน้องคนเดียวก็ไม่ถูกเพราะเค้าเองก็มีส่วนผิดที่ไม่สนใจน้องกลับทำแต่งาน
“ตัวเล็กครับ” วายุเรียกคนที่กำลังก้มหน้างุดอยู่ พร้อมกับยื่นมือไปจับมือเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ
“คะ ครับ” สายน้ำสะดุ้งเล็กน้อยทันทีที่วายุจับมือเค้า วายุถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตัวเล็ก
“ไปครับพี่มารับกลับครับ มีอะไรเราค่อยไปคุยกันที่ห้อง แล้วเราก็จะต้องถูกทำโทษด้วยที่ทำให้พี่ต้องเป็นห่วงมากขนาดนี้” สายน้ำไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าแล้วพยักหน้าให้อีกฝ่าย ทำให้วายุยิ่งสงสัยหนักเข้าไปกันใหญ่
ตลอดทางที่ขับรถกลับมาที่คอนโดสายน้ำได้แต่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง บางทีก็จิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเองจนห้อเลือด วายุที่เห็นดังนั้นถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที เค้าไม่เคยเห็นคนตัวเล็กของเค้าเป็นอย่างนี้มาก่อน พอเค้าถามหรือชวนคุยคนตัวเล็กก็ถามคำตอบคำหรือไม่ก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว
พอมาถึงห้องสายน้ำก็รีบตรงเข้าไปในห้องและเข้าไปในห้องน้ำทันที โดยที่ไม่พูดไม่จากับวายุสักคำ
“ว่าไง” หินผารับสายทันทีที่เห็นเพื่อนโทรเข้ามา
“กูมีเรื่องอยากถามหน่อย”
“เรื่องอะไรวะเกี่ยวกับน้องน้ำเหรอ ทำไมเสียงมึงดูซีเรียสจังวะ” หลังจากนั้นวายุจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้กับหินผาได้ฟังอย่างละเอียด
“เดี๋ยวนะมึงได้พูดกับน้องทำนองว่าจะทำโทษมั้ยวะ” หินผาเริ่มซีเรียสขึ้นมาทันทีที่วายุเล่าจบ
“ก็พูดทำไมวะ”
“มึงพูดว่ายังไงแล้วใช้น้ำเสียงแบบไหน ทำหน้าตาแบบไหน”
“ทำไมวะ”
“กูถามก็ตอบ” เป็นหินผาที่ตะคอกวายุกลับมา
“กูก็บอกตัวเล็กว่าจะต้องถูกทำโทษตอนที่คุยโทรศัพท์ แล้วก็ตอนที่กูไปรับตัวเล็กที่ร้าน กูก็ใช้เสียงนิ่งๆของกูนั่นแหละ หน้าก็คงดุล่ะมั้งเพราะน้องแทบจะไม่กล้ามองหน้ากูเลย”
“ตอนนี้น้องอยู่ไหน น้องน้ำอยู่ไหน” หินผารีบถามอย่างกระวนกระวายขึ้นมาทันที
“อยู่ในห้องน้ำทำไมวะ นี่มันอะไรวะมึงช่วยบอกกูหน่อยได้มั้ยวะ”
“มึงรีบไปหาน้องไปเอาน้องออกมาเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกูรีบไปหามึง” พูดจบหินผาก็วางสายลงทันที ทิ้งให้วายุงงอยู่พักหนึ่ง และพอตั้งสติได้เค้าก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำที่น้องนั้นเค้าไปนานแล้ว
“ไม่ๆ น้ำทำเองได้ครับ ไม่ต้องครับ ไม่ครับไม่” พอวายุเดินเข้าไปใกล้ห้องน้ำก็ได้ยินเสียงน้องพูดขึ้นมาในประโยคซ้ำๆกันไปมาอยู่อย่างนั้น
ก๊อก!! ก๊อก!!
“ตัวเล็กครับ เปิดประตูให้พี่กายหน่อยครับ” วายุเริ่มเคาะประตูอย่างร้อนรนพร้อมเรียกชื่อคนตัวเล็กไปด้วย
“มะ ไม่ต้องครับ น้องทำเองได้ พะ พี่กายไม่ต้องครับ มะ ไม่ๆ น้องทำเอง น้องทำเอง” สายน้ำยังคงท่องอยู่อย่างนั้นไม่หยุดยิ่งได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆก็ยิ่งร้องบอกออกมา
“ตัวเล็กทำอะไรครับ เปิดประตูครับ” เมื่อเห็นว่าน้องไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูให้เค้า วายุจึงรีบวิ่งไปเอากุญแจสำรองจากห้องทำงานของเค้าทันที
“มะ ไม่ต้องน้องทำเอง น้องทำเอง” ยิ่งได้ยินเสียงพูดของน้องวายุยิ่งมือไม้สั่น เค้าไขกุญแจด้วยมือที่สั่นเทาไปหมด ตอนนี้เค้าไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไรแต่จากที่คุยกับหินผาแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่ๆ
แกร๊ก!!
ทันทีที่วายุเปิดประตูเข้าไปเค้าแทบช็อกกับภาพที่เห็น ตามตัวของสายน้ำเต็มไปด้วยจ้ำแดงๆและรอยช้ำเต็มไปหมดตั้งแต่แขนไปจนถึงขา เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่ว่างเลย
“ตัวเล็กเกิดอะไรขึ้นครับ ตัวเล็กทำอะไรครับ” วายุพยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเองแล้วค่อยๆขยับเข้าหาคนตัวเล็กทีละนิด
“มะ ไม่ต้องครับ พี่กายไม่ต้องทำโทษน้องนะครับ น้องทำเองได้” สายน้ำพูดพร้อมกับหยิกที่แขนตัวเองไปด้วย วายุถึงกับตกตะลึงกับคำพูดและการกระทำของคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก
พรึ่บ!!!
“กรี๊ด!!! ม่ายยยย กรี๊ด!!!”
“ตัวเล็กครับตั้งสติหน่อยครับ นี่พี่กายเองครับ พี่ไม่ทำอะไรตัวเล็กแล้วครับ พี่ไม่ทำโทษตัวเล็กแล้ว” วายุเข้าไปจับตัวสายน้ำมาไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดปลอบไปด้วย
“จริงๆนะ ไม่ทำโทษแล้วนะ จริงๆนะ” สายน้ำที่ได้ยินวายุพูดดังนั้นก็ถึงกับนิ่งไป ได้แต่พูดถามซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
“ครับๆไม่ทำแล้วครับ ใจเย็นนะครับ จุ๊บ” วายุได้แต่กอดน้องไว้แน่น เพราะเค้าไม่รู้ว่าเค้าทำพลาดหรือทำผิดตรงไหนคนในอ้อมกอดเค้าถึงได้เป็นแบบนี้
พอเห็นว่าน้องสงบลงแล้ววายุก็อุ้มคนตัวเล็กมายังเตียง เค้ามองหน้าคนตัวเล็กของเค้าที่ตอนนี้มีอาการเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ปากก็พร่ำบอกแต่ว่า ‘ไม่ทำโทษแล้วจริงๆนะ’ พอเวลาผ่านไปสักพักสายน้ำก็หลับไปด้วยความเพลีย วายุจึงจัดการเช็ดตัวให้กับคนตัวเล็ก วายุไล่มองผิวที่เคยขาวอมชมพูที่บัดนี้มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆเต็มไปหมดด้วยความปวดใจ น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆไหลออกมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว พอเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเค้าก็ค่อยๆ ทายาให้กับน้องอย่างเบามือ
อ๊อด!! อ๊อด!!
เสียงออดจากหน้าห้องทำให้วายุรีบลุกขึ้นไปเปิดทันทีก็พบว่าเป็นคนที่เค้าต้องการพบมากที่สุดในตอนนี้
“น้องกูล่ะ” หินผาถามหาน้องชายทันทีที่วายุเปิดประตูห้องให้ วายุไม่พูดอะไรได้แต่หันไปมองในห้อง
“แม่งเอ๊ย!!” หินผาสบถขึ้นทันทีที่เห็นน้องชายนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เค้าหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยดวงตาวาวโรจน์อย่างพยายามข่มใจ วายุก็ได้แต่เดินออกไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้านนอกอย่างคนหมดแรง
“มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกเกี่ยวกับตัวเล็ก” ทันทีที่หินผาเดินออกมาวายุก็ถามขึ้นทันที
“เฮ้อ!! เมื่อก่อนตอนน้องน้ำอยู่ประมาณ ป.2 น่าจะได้ น้องน้ำเล่นกับเพื่อนในห้องแล้วเพื่อนคนนั้นก็คงจะเห็นว่าผิวน้องนุ่มดีก็เลยหยิกเล่นๆ ตามประสาเด็กแต่คงหยิกแรงไปจนทำน้องเจ็บ น้องก็เลยเอาคืนโดยการหยิกกลับไปบ้าง แต่ว่าบังเอิญว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของครูประจำชั้นที่น้องเรียนอยู่ ครูคนนั้นพอเห็นว่าลูกตัวเองร้องไห้ไปฟ้องก็รีบมาตามหาตัวน้อง พร้อมกับพูดจาเสียงดังใส่ทั้งตวาดทั้งขู่ว่าน้องจะต้องถูกทำโทษที่เป็นเด็กเกเรโดยที่ไม่ฟังน้องกูอธิบายเลย รู้มั้ยครูคนนั้นทำโทษน้องกูด้วยวิธีไหน ครูคนนั้นทำโดยการหยิกเข้าไปที่แขนเด็กแปดขวบอย่างแรง พร้อมกับให้เพื่อนๆที่อยู่ในชั้นเรียนช่วยกันรุมหยิกที่แขนและขาของน้อง พอตกเย็นป๊ากับม๊าไปรับน้องที่โรงเรียน และพอเห็นสภาพน้องที่นั่งเนื้อตัวเขียวร้องไห้อยู่ไม่หยุดเท่านั้นแหละโรงเรียนแทบแตก ม๊ากูแทบจะฆ่าครูคนนั้นทิ้งถึงขนาดครูคนนั้นต้องเข้าโรงพยาบาลหยอดน้ำข้าวต้มไปเกือบครึ่งเดือน หลังจากนั้นป๊าก็ไปขู่จนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมา และทั้ง ครู ผอ.และโรงเรียนก็ถูกป๊ากับม๊ากูฟ้องร้องจนเกือบได้ปิดโรงเรียน” หินผาเล่ามาถึงตรงนี้ก็เงียบไป
“แล้วยังไงต่อ” วายุที่ตั้งใจฟังเพื่อนเล่าทุกคำพูดเอ่ยถามขึ้น
“หลังจากที่น้องรักษาตัวพร้อมกับบำบัดสภาพจิตใจแล้ว ป๊ากับม๊าก็หาโรงเรียนให้กับน้องใหม่ ทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่งน้องน้ำอยู่ประมาณ ม.3 น้องหนีป๊ากับม๊าออกไปซื้อขนมที่หน้าปากซอยโดยไม่บอก พอป๊าจับได้ป๊าโมโหมากเพราะคิดว่าน้องถูกลักพาตัวหรือเป็นอะไรไป ป๊าพูดเสียงดังพร้อมทั้งทำหน้าดุอย่างที่ไม่เคยทำกับน้องน้ำมาก่อน และพูดขู่จะทำโทษเพราะว่าน้องทำผิดเป็นเด็กไม่ดี พอน้องเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับนิ่งไปจากนั้นก็วิ่งหนีทุกคนขึ้นไปบนห้อง จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นป๊าเลยให้กูขึ้นไปตามน้องมากินข้าว แต่กูเคาะประตูเท่าไหร่น้องก็ไม่ตอบ กูเลยไปขอกุญแจสำรองจากแม่บ้านมาเปิด มึงรู้มั้ยกูเจออะไร” วายุส่ายหน้าให้กับหินผา
“กูเจอน้องกำลังนั่งหยิกแขนกับขาตัวเองอยู่ใต้โต๊ะคอม พร้อมกับพูดว่า น้องทำโทษเอง ป๊าไม่ต้องทำนะน้องเจ็บ พอได้สติกูก็เข้าไปรวบน้องพร้อมทั้งกับตะโกนเรียกป๊ากับม๊าอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นน้องกูแทบไม่ได้สติพูดเพ้อกลับไปกลับมาเหมือนคนบ้า ป๊าม๊ารีบพาน้องไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ให้น้องไปพบจิตแพทย์และรักษากันยาวเพราะเป็นช่วงปิดเทอมพอดี”
“แล้วรักษาหายมั้ยวะ” วายุเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พอวันรุ่งขึ้นน้องกูก็แทบจะจำอะไรไม่ได้เลย อารมณ์เป็นปกติมากเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น พอเห็นรอยช้ำที่แขนและขาตัวเองก็ได้แต่ถามว่าตัวเองไปโดนอะไรมา แรกๆพวกเราก็พากันงงไปสักพักแต่คิดไปคิดมาก็ดีแล้วที่น้องจำไม่ได้ ก็ได้แต่หลอกไปว่าน้องล้มเลยทำให้มีรอยฟกช้ำแบบนี้ แต่พอมานั่งปรึกษากันว่ากลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกม๊าก็เลยค่อยๆอธิบายให้น้องฟังและน้องก็ยอมเข้ารับการรักษา จนทุกคนคิดว่าหายขาดไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่า.....” หินผาพูดพร้อมกับมองเข้าไปในห้องที่น้องนอนอยู่
“กูผิดเองๆ” วายุพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
“ไม่หรอกมึงก็ไม่รู้ว่าน้องกูเคยมีปมเรื่องนี้ มึงไม่ผิดหรอก แล้วอีกอย่างน้องกูก็ผิดที่หนีไปโดยไม่บอกมึง ไม่เป็นไรโว้ยอย่าคิดมากเรื่องมันผ่านไปแล้ว” หินผาตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อน ตอนแรกเค้าก็โกรธที่วายุทำให้สายน้ำต้องมาเป็นแบบนี้อีกครั้ง แต่พอคิดไปคิดมาวายุก็ไม่รู้ว่าน้องเค้าเคยเจออะไรมาบ้าง
“แล้วรอยพวกนั้นจะบอกน้องว่ายังไงวะ”
“มึงก็บอกไปตรงๆนั่นแหละ กูเชื่อว่าน้องกูเข้มแข็งพอและรับได้ และต่อไปก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้วกัน”
“อือ....แล้วมีเรื่องไหนเกี่ยวกับตัวเล็กที่กูยังไม่รู้หรือต้องระวังอีกมั้ยวะ”
“ไม่แล้ว มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว กูขอโทษด้วยแล้วกันที่ไม่เคยบอก กูก็ไม่คิดว่าน้องจะกลับมาเป็นอีก” หินผาเอ่ยขอโทษเพื่อนเพราะเค้าก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกันที่ไม่เคยบอกเพื่อน
“อื้อ......”
“ตัวเล็กครับ” วายุที่เอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กของเค้าทันทีที่ร่างบางทำท่าจะตื่นขึ้นมา เค้าตื่นขึ้นมานานแล้วเพราะเมื่อคืนเค้านอนไม่ค่อยจะหลับเพราะมัวแต่พะวงว่าคนตัวเล็กจะตื่นขึ้นมาตอนไหน พร้อมทั้งลุ้นว่าน้องจะจำเหตุการณ์เมื่อวานได้รึเปล่าอีกด้วย
“คร้าบบบบ” สายน้ำขานรับแต่ตาก็ยังไม่ยอมลืม
“หึๆ ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ”
สายน้ำค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับกะพริบตาปริบๆเหมือนกำลังปรับโฟกัส ทางด้านวายุก็นอนมองหน้าน้องด้วยใจลุ้นระทึกอย่างไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย
“หือ มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือน้องนอนน้ำลายไหลครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับเอามือไปแตะที่มุมปากของตัวเองเพราะเห็นว่าพี่กายของเค้าจ้องเค้าตาแทบไม่กะพริบ
“หึๆ เปล่าหรอกครับพี่แค่คิดถึงคนดีของพี่ครับ จุ๊บ” วายุพูดพร้อมกับจูบไปที่ริมฝีปากบาง
“เอ๋....นี่มันคืออะไรครับ” สายน้ำที่ทำท่าทางตกใจที่ลุกขึ้นนั่งแล้วเห็นรอยช้ำตามแขนของตัวเอง
“เอ่อ ตัวเล็กครับ คือว่า....” วายุที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายให้น้องฟังยังไงดี
“นี่น้องทำให้พี่กายต้องตกใจมากเลยใช่มั้ยครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับดึงผ้าห่มออกเพื่อดูขาของตัวเองไปด้วย
“นี่ตัวเล็กจำได้เหรอครับ” วายุถามด้วยท่าทีแปลกใจเพราะคนตัวเล็กของเค้าไม่ได้มีท่าทางตกใจมากอย่างที่เค้าคิดไว้เลย
“น้องจำไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าม๊าเคยเล่าให้น้องฟังว่าน้องเคยมีอาการแบบนี้ตอนอยู่ประมาณ ม.3 น่ะครับ” สายน้ำพูดตอบกลับวายุพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“พี่ขอโทษนะครับ ที่ทำให้น้องต้องเป็นแบบนี้ขอโทษครับ” วายุพูดพร้อมกับยกคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักของเค้า
“เอ่อ พี่กายพอจะเล่าให้น้องฟังได้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน น้องจำได้แค่ว่าเดินไปรับโทรศัพท์จากพี่กายน่ะครับ” สายน้ำเอ่ยถามพร้อมซบลงไปที่อกของคนพี่ จากนั้นวายุก็ค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้น้องได้ฟังตั้งแต่เค้าไปถึงที่ร้านกาแฟ จนกระทั่งหินผามา
“น้องขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่กายต้องเป็นห่วง” สายน้ำพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ต้องขอโทษตัวเล็กด้วยเหมือนกันที่ไม่สนใจตัวเล็กมัวแต่ทำงานทั้งๆที่เป็นวันหยุดเป็นวันของตัวเล็ก แล้วยังต้องทำให้ผิวสวยของตัวเล็กต้องมีตำหนิด้วย ฟอดๆ” วายุพูดพร้อมกับหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างของน้อง มือใหญ่ก็ลูบตามรอยช้ำอย่างเบามือไปด้วย
“งั้นก็ถือว่าเจ๊ากันก็แล้วกันนะครับ ไม่มีใครผิดใครถูกแล้วเราค่อยมาปรับกันใหม่ดีมั้ยครับ จุ๊บๆ” สายน้ำพูดพร้อมจูบไปที่ริมฝีปากหยักหนาของคนพี่ย้ำๆอย่างเอาใจ เมื่อเห็นคนหน้าหล่อของเค้านั้นเศร้าขึ้นมา
“หึๆ ครับ พี่กายรักตัวเล็กมากนะครับ จุ๊บ” วายุรู้สึกดีขึ้นมาทันทีที่ได้ยินน้องพูด
“น้องก็รักพี่กายมากเหมือนกันครับ รักมากที่สุดในสามโลกเลย” สายน้ำพูดพร้อมกับกางมือออก
“หึๆ ครับๆสามโลกก็สามโลกครับ ว่าแต่วันนี้อยากออกไปไหนมั้ยครับ” วายุถามอย่างเอาใจ
“อือ...น้องอยากกลับไปกินข้าวแล้วก็ค้างที่บ้านได้มั้ยครับ เอาเสื้อผ้าไปด้วยเพราะพรุ่งนี้พี่กายต้องไปทำงาน น้องคิดถึงป๊าม๊าแล้วก็พี่ผาครับ”
“ได้สิครับ น้องอยากได้อะไรอยากไปไหนพี่กายคนนี้จัดให้ได้หมดเลยครับ”
“งั้นก่อนไปขอน้องแวะไปกินโกโก้กับเค้กก่อนได้มั้ยครับ น้องอยากกินอีกแล้วอ่ะ”
“ได้สิคะ พี่กายจะให้ตัวเล็กกินสัก 10 ชิ้นเลยดีมั้ยคะ จุ๊บ แต่ว่าตอนนี้น้องช่วยพี่หน่อยได้มั้ยคะ พี่จะไม่ไหวแล้วค่ะ” วายุพูดพร้อมกับใช้จมูกคมสูดดมความหอมและซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอของคนตัวเล็ก ก็จะให้เค้าทนได้ยังไงไหว เพราะตลอดเวลาที่คนตัวเล็กของเค้านั่งอยู่บนตักเจ้าตัวก็แทบจะไม่อยู่นิ่งเลย ทั้งกระแทกทั้งเบียดน้องชายของเค้าไปมาจนมันตื่น
“อ๊ะ อ๊าส์~ พี่กาย” สายน้ำเริ่มร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วมือเรียวของคนพี่เริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อนอนพร้อมทั้งบดขยี้อยู่ที่ยอดอกของตัวเอง
Comments (0)