หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเค้าที่กำลังจะแยกย้ายกันเดินไปที่รถของใครของมัน แต่ทว่า......

"มึงทั้ง 3 ตัวจะเดินตามกูกับน้องมาทำไมเนี่ย"

"โหย!!!!! น้องลักยิ้มจ๋าดูสิไอ้ผามันว่าพวกพี่เป็นแมวเหมียวน่ะครับ" เหนือพูดฟ้องสายน้ำพร้อมกับเดินทำท่าจะเข้าไปกอด แต่ถูกหินผายกเท้ายันเอาไว้ก่อน สายน้ำได้แต่ยืนหัวเราะคิกคักในความบ๊องของเพื่อนพี่ชาย

"กูว่าพวกมึงเป็นหมาโว้ยไม่ใช่แมว อย่าเอามืออันโสโครกมาจับตัวน้องกู ไปๆแยกย้ายๆพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน" หินผาพูดพร้อมกับเปิดประตูให้สายน้ำขึ้นไปนั่งรอบนรถ"

"โหยไรวะ กับเพื่อนกับฝูงก็หวง" เหนือที่ยังไม่หยุดบ่นพูดขึ้นพร้อมกอดคอไฟกับดินเดินออกไปที่รถ

"เฮ้อ!!!" หินผาถึงกับลอบถอนหายใจพร้อมกับเดินขึ้นรถเพื่อขับกลับบ้าน

เมื่อกลับถึงบ้านสายน้ำก็รีบตรงไปยังห้องรับแขกที่คาดว่าม๊าของตัวเองจะนั่งอยู่ เนื่องจากว่าม๊าของเค้านั้นติดดูซีรีส์มากๆเห็นอย่างนี้ม๊าของเค้าก็ยังวัยรุ่นอยู่นะจะบอกให้

หมับ!! ฟอด!! ฟอด!!

"อุ๊ย!!....น้องน้ำนี่เล่นอะไรคะม๊าตกใจหมดดูซิม๊ากำลังดูมินโฮอยู่เพลินๆเลย" ม๊าพูดขึ้นยิ้มๆพร้อมกับกอดตอบสายน้ำไปด้วย

"เป็นยังไงบ้างคะวันนี้ เหนื่อยรึเปล่า แล้วนี่น้องน้ำมีเพื่อนรึยังคะ"

"ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ครับม๊า วันนี้พี่ๆให้แค่แนะนำตัวแล้วก็ทำกิจกรรมนิดเดียวครับ และน้ำก็มีเพื่อนหนึ่งคนแล้วด้วยนะครับ" สายน้ำพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ม๊าด้วยความภูมิใจที่ตัวเองมีเพื่อนกับเค้าแล้วตั้งหนึ่งคน

"ไงน้องพี่อ้อนอะไรม๊าอยู่ครับ หือ...ฟอด!! " หินผาพอเดินมาถึงก็ก้มลงมาฟัดแก้มน้องด้วยความมันเขี้ยว

"ป่าวซะหน่อยพี่ผาน้องแค่บอกม๊าว่าน้องมีเพื่อนแล้วหนึ่งคนครับ"

"ฮ่าๆๆๆ ทำไมมีเพื่อนเยอะจังเลยครับ" หินผาถามน้องพร้อมกุมท้องหัวเราะโดยไม่ทันได้ดูหน้าน้องตัวเองเลยว่ากำลังทำท่าจะร้องไห้เมื่อถูกพี่ชายล้อ

พี่ชายอย่างหินพาพอเมื่อหยุดหัวเราะน้องตัวเองแล้ว เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมามองน้องและถึงกับต้องหน้าจ๋อยไปในทันทีที่เห็นน้ำตาคลอหน่วยตาของน้องชาย

"เอ่อ.....พี่ชายขอโทษน้องด้วยนะครับที่หัวเราะเมื่อกี๊" หินผารีบเอ่ยขอโทษน้องชายออกมาทันที โดยที่สายน้ำนั้นไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่เจ้าตัวกลับลุกขึ้นยืนและหิ้วกระเป๋าเดินขึ้นไปข้างบนชั้น 2 ของบ้านในทันที

"ซวยแล้วไอ้ผา" หินผาพูดพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับสายตาที่หันไปหาม๊าเพื่อขอความช่วยเหลือ

"ไม่รู้ ไมชี้ ผาก็รู้อยู่ว่าน้องไม่ค่อยกล้าแสดงออกแล้วก็ไม่มั่นใจที่จะคุยกับคนแปลกหน้าก่อน แล้วยังจะไปล้อน้องอีก ม๊าไม่ช่วยหรอกนะง้อเองเลย ม๊าจะไปดูในครัวสักหน่อย" ว่าแล้วม๊าก็ลุกแล้วเดินไปทางห้องครัวทันครัวทิ้งให้แต่หินผายืนคอตกอยู่คนเดียว

ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!

หินผายืนเคาะประตูห้องของสายน้าำอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะประตูจะถูกเปิดออกเลย ปกติแล้วสายน้ำจะไม่ล็อกห้องนี่คงโกรธเค้ามากแน่ๆถึงได้ล็อกห้องไม่ให้เค้าเข้าไป

"เฮ้อ!! คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ยกูทำน้องโกรธซะแล้วไอ้ผาเอ๊ย"

เช้าวันถัดมาหินผารีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปง้อน้องชาย แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอสายน้ำอยู่ในห้องแล้ว

"ป๊าครับ ม๊าครับ เห็นน้องน้ำมั้ยครับ ผาจะเข้าไปปลุกน้องแต่ไม่เห็นน้องในห้องเลยครับ หรือว่าอยู่ในครัวกับพี่ชมพู่ครับ" หินผาถามเผื่อว่าสายน้ำจะไปหาชมพู่เพราะสองคนนี้เค้าชอบช่วยกันทำอาหารกับขนม"

"น้องให้คนขับรถขับไปส่งไปที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าแล้วครับ เห็นบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าคนที่ล้อปมตัวเอง" ป๊าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับจิบกาแฟเอ่ยตอบลูกชายกลับไปทั้งๆที่ตายังคงจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์

"ห๊ะ!!! แล้วป๊ากับม๊าก็ปล่อยให้น้องไปเหรอครับ" หินผาถามขึ้นมาด้วยความตกใจ

"ก็เรานั่นแหละไปทำให้น้องโกรธทำไมล่ะ รู้ก็รู้อยู่ว่าเวลาน้องโกรธน้องงอนแล้วหายยากขนาดไหน ถ้าม๊าไม่ให้คนขับรถไปส่งน้องบอกว่าจะเรียกแท็กซี่ไปเองก็เลยต้องยอม"

เวลาที่สายน้ำโกรธหรืองอนใครสักคนจากหน้าที่เคยยิ้มจะกลายเป็นหน้านิ่งไปเลยในทันที ปกติสายน้ำเป็นคนโกรธคนยากแต่จะมีอยู่เรื่องเดียวนี่แหละที่เจ้าตัวไม่ชอบถูกล้อคือเรื่องเพื่อนเพราะที่ผ่านมาสายน้ำจะมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนเนื่องจากไม่ค่อยมีมั่นใจที่จะคุยกับใครก่อน แต่ถ้าว่าได้สนิทกับใครแล้วล่ะก็สายน้ำก็ทุ่มสุดตัวสุดใจพร้อมมอบรอยยิ้มและความจริงใจให้ในทันทีด้วยเหมือนกัน

"งั้นผาไปแล้วนะครับไม่รู้ตอนนี้น้องเป็นยังไงบ้างแล้ว เช้าๆแบบนี้ที่มหา'ลัยยิ่งเงียบๆอยู่"

ตื๊ด!! ตื๊ด!! ตื๊ด!!

เสียงโทรศัพท์ของสายน้ำที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมา เจ้าตัวจึงหยิบออกมาดูและปรากฏว่าเป็นเบอร์ของพี่ชายตัวเองจึงกดตัดสายแล้วเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม ก่อนที่จะก้มหัวลงฟุบกับโต๊ะม้าหินอ่อนเนื่องจากเมื่อเช้าต้องตื่นแต่เช้าเพื่อหนีพี่ชายเลยทำให้เจ้าตัวนั้นง่วงอยู่พอสมควรเลย ความจริงเค้านั้นก็ไม่ได้โกรธพี่ชายนักหรอกแต่ก็อยากจะสั่งสอนพี่ชายว่าอย่ามาล้อเรื่องเพื่อนของตนเท่านั้นเอง ก็จะให้เค้าทำยังไงล่ะเค้าไม่รู้จะเข้าไปคุยกับใครยังไงนี่ เฮ้อ!!!

เช้านี้วายุและดิวถูกคณะอาจารย์ที่ควบคุมดูแลเรื่องการรับน้องเรียกให้มาเป็นตัวแทนของคณะบริหารเข้าประชุมเนื่องจากเมื่อวานคณะวิศวะมีน้องถูกทำโทษและเป็นลมกันไปหลายคน คณะอาจารย์จึงต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีก ส่วนคณะวิศวะก็ถูกลงโทษโดยการห้ามรับน้องนอกสถานที่ไปแล้ว

พอประชุมเสร็จวายุก็เดินมารอเพื่อนที่โต๊ะม้าหินอ่อนประจำของกลุ่มตัวเอง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กอันคุ้นเคยนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

ร่างสูงค่อยเดินเข้าไปนั่งข้างๆน้องตัวเล็กของตัวเอง ยิ่งใกล้ยิ่งหอม หอมกลิ่นคนตัวเล็ก

"อือ..." สายน้ำส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกับหันหน้ามาอีกฝั่งด้านที่วายุนั่งอยู่

วายุหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาหินผาแต่ก็ไม่เจอ หรือจะพูดให้ดีก็คือตอนนี้แทบจะไม่มีใครเลยจะดีกว่าเพราะนี่ก็ยังเช้าอยู่มาก ทำไมคนตัวเล็กของเค้าถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้ ดีนะที่วันนี้เค้ามาเช้าไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลย แถมเจ้าตัวก็ทำท่าจะง่วงมากเสียด้วย

มือใหญ่ค่อยๆยื่นมือเข้าไปใกล้หน้าของสายน้ำพร้อมกับใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยไปที่แก้มนวลใสที่ออกไปทางอมชมพูซะมากกว่า จากนั้นจึงปัดผมที่ปกหน้าไปทัดหูให้กับน้อง เนื่องจากผมน้องค่อนข้างที่จะยาวจนระต้นคอจึงทำให้หน้าที่หวานอยู่แล้วยิ่งหวานเข้าไปอีก

เวลาผ่านไปสักพัก วายุจึงใช้มือลูบผมสายน้ำพร้อมเรียกสายน้ำให้ตื่นเพราะกลัวว่าน้องจะยังไม่ได้กินข้าวเดี๋ยวจะหิวตอนเข้าประชุมเชียร์เอาได้

"ตัวเล็กครับ ตัวเล็กตื่นได้แล้วครับ" น้ำเสียงนุ่มนวลที่ไม่เคยมีใครได้ยินเอ่ยเรียกคนตัวเล็กของเค้า

"อือ....พี่วายุเหรอครับ" สายน้ำขานรับพร้อมกับลืมตาก็เห็นวายุนั่งอยู่ข้างๆตน

"ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ แล้วไอ้ผาไปไหนไม่มาอยู่กับเรา"

"วันนี้น้ำมาเองครับให้คนขับรถที่บ้านมาส่งครับ"

วายุพยักหน้ารับแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไอ้พี่ชายจอมหวงน้องถึงได้ปล่อยให้น้องมาก่อน เดี๋ยวเอาไว้เค้าค่อยถามไอ้เพื่อนตัวดีอีกที

"ตัวเล็กกินข้าวรึยังครับ"

"หือ....เมื้อกี๊พี่วายุเรียกน้ำว่าอะไรนะครับ" สายน้ำทำตาโตถามวายุออกไปด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู จนวายุแทบอยากจะจับน้องมาฟัดมันซะเดี๋ยวนี้เลย

"เรียกว่าตัวเล็กครับ พี่ไม่อยากเรียกเหมือนใคร ได้มั้ยครับ" พอคนตรงหน้าเป็นสายน้ำเค้าก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองกลายเป็นคนพูดเยอะไปได้ แถมน้ำเสียงแบบนี้เค้าก็ไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเลยแม้กระทั่งคนในครอบครัว

"ดะ ได้ครับ" สายน้ำตอบรับพร้อมกับที่แก้มที่เริ่มขึ้นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย ก็สายตาที่วายุมองมาที่เค้าในตอนนี้นี่สิมันชวนให้เค้านั้นใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีเลย ทั้งคนตรงหน้าของเค้าก็ยังหล่อเอามากๆอีกด้วย 

"หึๆ งั้นแลกกัน ตัวเล็กเรียกพี่ว่าพี่กายนะครับ กายเป็นชื่อเล่นพี่ที่ใช้เรียกเฉพาะคนในครอบครัวน่ะครับ"

"แต่น้ำไม่ได้เป็นคนในครอบครัวพี่วายุนี่ครับ"

"เดี๋ยวก็ได้เป็นครับ หึหึ" วายุพูดเบาๆพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก

"พี่วายุว่าอะไรนะครับ"

"ไม่มีอะไรครับ ลองเรียกพี่กายทีสิครับ"

"ครับพี่กาย" สายน้ำพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า เค้าก็ไม่คิดว่าเพื่อนพี่ชายคนนี้จะใจดีกับเค้าขนาดนี้ ถึงแม้จะใช้เวลาคุยกันไม่นานนักแต่เค้ารู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเพื่อนพี่ชายคนนี้

"ตัวเล็กยังไม่ได้ตอบพี่เลยครับว่ากินข้าวมารึยัง"

"ยังครับน้ำรีบออกมาแต่เช้า"

"อืม งั้นตัวเล็กไปหาอะไรกินรองท้องก่อนนะครับเข้าประชุมเชียร์เดี๋ยวจะหิวเอา ไปกินคนเดียวได้มั้ยครับพอดีพี่ต้องไปคุยธุระกับรุ่นน้องน่ะครับ"

ใจจริงเค้าก็อยากจะไปกินข้าวกับคนตัวเล็กของเค้าใจจะขาด แต่ก็กลัวตัวเล็กของเค้าจะโดนเขม่นเอาที่สนิทกับพี่ว๊ากมากจนเกินไป เพราะวันนี้กลุ่มพี่ว๊ากต้องลงประชุมเชียร์รับน้องด้วยเอาไว้รับน้องเสร็จก่อนเถอะเค้าจะตามติดตัวเล็กของเค้า 24 ชม.เลย

"ได้ครับ พี่วายุเอ๊ยพี่กายไปทำธุระเถอะครับเดี๋ยวสาย"

"พี่ขอมือถือหน่อยครับ"

สายน้ำยื่นมือถือให้กับวายุแบบงงๆ โดยที่วายุเองพอรับมือถือมาจากน้องแล้วก็กดเมมเบอร์ของตัวเองในเครื่องของน้องพร้อมทั้งโทรออกไปยังเครื่องของตนเองด้วยในทันที

"ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ" วายุพูดพร้อมยื่นมือถือส่งคืนให้กับสายน้ำ

"ครับ"

"งั้นพี่ไปก่อนนะครับ ตัวเล็กก็ไปหาอะไรกินได้แล้วครับคนเริ่มทยอยมากันแล้ว แล้วเจอกันตอนเลิกประชุมเชียร์นะครับ" วายุพูดพร้อมลุกขึ้นแล้วลูบไปที่ผมนุ่มของน้องเบาๆก่อนที่จะเดินออกไปในทันที เนื่องจากว่าในตอนนี้คนเริ่มที่จะทยอยมากันเยอะแล้ว และเค้าเองก็ไม่อยากให้น้องนั้นต้องเป็นที่จับตามองของใครต่อใครมากนัก ถึงแม้ว่าในใจจะห่วงแสนห่วงมากแค่ไหนก็ตามที

พอวายุเดินออกไปแล้ว สายน้ำได้แต่ยกมือขึ้นไปสัมผัสที่ผมของตัวเองอย่างแผ่วเบาในตำแหน่งที่วายุลูบลงมาเมื่อสักครู่ พร้อมกับรอยยิ้มบางกับความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว