57 ตอน ดีด
โดย Beloved_Moouan
“ตัวเล็กครับ ตื่นได้แล้วครับ ตีห้ากว่าแล้วนะครับ จุ๊บๆๆ” วายุที่ตื่นล้างหน้าล้างตาตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาปลุกคนขี้เซาที่ยังนอนขดตัวอยู่กับผ้าห่มผืนใหญ่ โดยการไล่จูบไปตามใบหน้าไล่ลงมาที่ซอกคอและขบเม้มเบาๆ
“อื้อออ ขออีกห้านาทีนะครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับพยายามหันหน้าหนีริมฝีปากที่กำลังไล่พรมจูบไปตามใบหน้าและซอกคอของตัวเองอยู่
“เดี๋ยวจะไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นนะครับ ไปครับเดี๋ยวพี่พาไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะครับ” วายุพูดพร้อมกับเอาผ้าห่มออกจากร่างเล็ก
สายน้ำก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดีโดยการชูแขนทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาทั้งๆที่ตายังไม่ลืม
“หึๆ ง่วงก็ง่วงอยากดูก็อยากดูใช่มั้ยครับ หืมมม ฟอด!” วายุก้มตัวลงไปแล้วจับแขนทั้งสองข้างของคนตัวเล็กให้มาคล้องคอของตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็จับขาเรียวเล็กมาเกี่ยวเข้าไว้ที่เอวของตัวเองพร้อมกับก้มลงไปหอมที่แก้มนุ่มอย่างอดมันเขี้ยวไม่ได้
วายุอุ้มคนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องน้ำ พอผ่านไปสักพักก็อุ้มคนตัวเล็กที่ยังนั่งหลับตาอยู่มาวางไว้บนเตียงพร้อมกับนำผ้าขนหนูผืนนุ่มมาเช็ดหน้าให้กับสายน้ำอย่างเบามือ
“เดี๋ยวตัวเล็กใส่เสื้อคลุมไปหน่อยนะครับเช้าๆอากาศน่าจะเย็น” เค้าพูดพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อแขนยาวในตู้มาใส่ให้กับสายน้ำ สายน้ำก็ให้ความร่วมมือกับคนพี่ด้วยดีโดยที่ยังไม่ลืมตา
“อ้าวน้ำมาแล้ว” เป็นออกัสที่หันมาเห็นวายุกำลังอุ้มสายน้ำเดินมาตรงที่พวกเค้านั่งพอดีจึงเอ่ยทักขึ้น
วายุเดินมาหยุดและนั่งลงข้างๆหินผาที่มีวารินั่งอยู่อีกข้าง ตอนนี้พวกเค้าพากันมานั่งอยู่ที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้ โดยจะมีกาแฟร้อน โกโกร้อน และปาท่องโก๋เตรียมไว้บริการให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยวด้วย แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงโลซีซั่นนักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างน้อยจึงทำให้มีแต่พวกเค้าและนักท่องเที่ยวอีกแค่สามกลุ่มเล็กๆเท่านั้น
“ปลุกยากมั้ยเฮีย” อิฐหันมาถามวายุระหว่างที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า
“เรียกว่ายังไม่ตื่นจะดีกว่า” วายุตอบพร้อมกับลูบหลังคนตัวเล็กไปด้วย
“ฮ่าๆๆ กูไม่คิดว่าจะได้เห็นมึงมุมนี้เลยว่ะ เป็นบุญตากูฉิบหาย” ไฟที่นั่งมองเพื่อนตัวเองกระชับเสื้อคลุมแขนยาวให้กับคนในอ้อมกอดพร้อมกับลูบหลังปลอบเวลาที่สายน้ำขยับตัว จึงอดที่จะเอ่ยแซวขึ้นไม่ได้
“อย่าว่าแต่มึงเลยพวกกูก็ด้วย คบกันมาจะสิบปีกูก็เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ ถ้าไม่มีน้องน้ำนี่พวกเราคงจะไม่ได้เห็น กูว่านับวันอาการมันจะยิ่งหนักขึ้นทุกวัน หึๆ” ดินพูดเสริมขึ้นยิ้มๆ
“อื้อออ ใครเรียกน้องน้ำเหรอครับ” อยู่ๆสายน้ำก็งัวเงียเงยหน้าขึ้นมาจากอกของวายุและถามขึ้นพร้อมกับขยี้ตา
“อย่าขยี้ตาครับเดี๋ยวตาแดง” วายุยกมือขึ้นมาจับมือเล็กเอาไว้และจับผมสีน้ำตาลอ่อนมาทัดหูพร้อมกับใช้นิ้วมือเรียวยาวสางผมที่ยาวจนถึงกลางหลังแล้วให้กับคนตัวเล็กไปด้วย
“ผมจะหาแฟนแบบพี่สายน้ำได้ที่ไหนครับ” นัทที่นั่งมองคู่หวานแห่งปีอยู่ จู่ๆก็พูดขึ้นมาลอยๆเหมือนคนกำลังเพ้อฝันอยู่
ทุกคนที่ได้ยินถึงกับหันไปมองรุ่นน้องที่ไม่ค่อยพูดคนนี้เป็นตาเดียวกัน จะมีก็แต่วายุและสายน้ำที่ไม่ได้สนใจใครนอกจากคุยกันงุ๊งงิ๊งอยู่สองคน
“นัทมึงรู้มั้ยว่าทำไมกูกับไอ้อิฐถึงอยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้” อยู่ๆดินก็ถามรุ่นน้องปี 1 ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
นัทส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจไปในคราวเดียวกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับประโยคที่เค้าเพิ่งพูดไปเมื่อกี๊
“ก็เพราะว่ากูกับไอ้อิฐก็พูดประโยคเดียวกันกับมึงเมื่อปีที่แล้วนี้แหละ ฮ่าๆๆ” ดินพูดจบก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกับทุกคนที่พากันหัวเราะตามไปด้วย นัทที่เพิ่งเก็ตในคำพูดของรุ่นพี่ก็ถึงกับต้องยกยิ้มขึ้นมา นี่คงจะไม่ใช่เค้าคนเดียวละมั้งที่คิดแบบนี้
“ทุกคนหัวเราะอะไรกันเหรอครับ” สายน้ำที่ตอนนี้เรียกสติตัวเองกลับมาเกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์ดีแล้วก็ถามขึ้นมาพร้อมกับหันมองซ้ายขวาไปด้วย
“หึๆ ตัวแสบอย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลยครับ แค่นี้เค้าก็หลงกันจะแย่แล้วรู้รึเปล่าครับ หืมมม ฟอดๆ” หินผาที่อดเอ็นดูปนมันเขี้ยวน้องชายตัวเองไม่ก็ดึงตัวน้องเข้ามาฟัดแก้มทั้งสองข้างไปฟอดใหญ่
“น่ารักอะไรเล่า น้องยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ว้าว!! มีโกโก้ร้อนด้วย” สายน้ำที่พูดกับหินผาอยู่ดีๆ อยู่ๆเจ้าตัวก็ร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพราะสายตาดันไปปะทะกับตัวหนังสือที่เขียนคำว่าโกโก้ร้อนไว้อยู่
สายน้ำรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นจากตักของคนพี่อย่างรวดเร็วแบบไม่สนใจใคร เจ้าตัวเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะที่จัดวางเครื่องดื่มร้อนไว้ จนวายุต้องรีบลุกตามไปแทบจะทันที
“อ่าา ค่อยตื่นขึ้นมาหน่อย พี่กายชงอร่อยมากเลยครับ” พอได้กินโกโก้ร้อนสมใจอยากแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มออกทันที หน้าตาที่ดูเหมือนจะไม่ตื่นดีในตอนแรกบัดนี้ดูสดใสและยิ้มกว้างออกมาจนอวดลักยิ้มบุ๋มสองข้าง
“ทุกคนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ สวยมากเลยเห็นทะเลหมอกบางๆด้วย” เบลที่เห็นดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าก็ชี้ให้ทุกคนได้ดู
ทุกคนนั่งซึมซับบรรยากาศกันอย่างเงียบๆ เพื่อไม่เป็นการรบกวนกลุ่มอื่นๆจนเกินไปนัก จะมีบ้างที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันในบางครั้ง
“หนาวรึเปล่าครับ” หินผาก้มลงไปถามวาริในตอนที่มีสายลมเบาๆพัดเข้ามา
“ไม่เลยครับ วาชอบอากาศเย็นครับ ตอนที่วายังไม่ได้ไปเรียนที่กรุงเทพ วาก็ชวนคุณแม่มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นบ่อยๆครับ” วาริหันมาตอบหินผาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“พี่ขอกอดได้มั้ยครับ พี่หนาว” หินผาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันสองคนขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับภาพตรงหน้า วาริเองก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆในใจก็คิดแต่ว่ายังจะมาถามเค้าอีกทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนกอดเค้าอยู่ทั้งคืน
พอน้องอนุญาตแล้วเจ้าตัวก็ยกร่างบางขึ้นมาไว้บนตักและวาดแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้าเพื่อกอดกระชับเอวบางเอาไว้
วาริที่ไม่คิดว่าคำว่าขอกอดจะรวมไปถึงการที่จะต้องมานั่งตักด้วย เจ้าตัวเลยอดที่จะมองค้อนคนเจ้าเล่ห์ไม่ได้ แต่เค้าก็ไม่กล้าโวยวายอะไรออกมาเพราะกลัวจะเป็นการรบกวนคนอื่นและจะพลอยทำให้ทุกคนเสียบรรยากาศในขณะที่กำลังดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติอยู่ด้วย
“ตัวเล็กชอบมั้ยครับ” วายุก้มลงไปถามคนบนตักที่ตอนนี้กำลังนั่งพิงอยู่ที่อกของเค้าอยู่
“ชอบมากเลยครับ สวยมากๆเลยด้วย น้องชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็พระอาทิตย์ตกด้วย ขอบคุณนะครับที่ปลุกน้องให้ตื่นมาดูได้ จุ๊บ!” สายน้ำยื่นหน้าขึ้นไปจูบที่ปลายคางของคนพี่เป็นการขอบคุณ
ขนมพายกับนัทที่หันมาเห็นพอดีก็พากันซุบซิบและทำท่าเขินอย่างกับตัวเองเป็นคนโดนจูบเองก็ไม่ปาน
“พี่ๆทุกคนครับ เดี๋ยวเช้านี้พอกินข้าวกันเสร็จแล้ว วาจะพาไปเที่ยวที่สวนส้มกันนะครับ วันนี้เป็นวันเก็บเกี่ยวพอดีเผื่อพี่ๆจะอยากลองเก็บส้มดูบ้าง”
หลังจากที่ทุกคนดื่มด่ำกับภาพธรรมชาติกันจนเต็มอิ่มแล้วก็พากันเดินกลับมายังที่พักเพื่อที่จะได้แยกย้ายกันอาบน้ำอาบท่าแล้วไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ทางรีสอร์ตจัดเตรียมไว้ให้
การมาเที่ยวครั้งนี้พวกเค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพราะพ่อกับแม่ของวาริบอกว่าเป็นการตอบแทนที่พวกเค้าช่วยกันดูแลลูกชายของตนเอง แถมตอนนี้วาริยังไม่ต้องเสียค่าเช่าห้องให้กับหินผาอีกด้วย เพราะหินผาอ้างว่าเป็นเฟนกันเลยไม่ต้องเสีย
ส่วนเงินที่พ่อและแม่ของวาริส่งมาให้ทุกเดือน วาริเองก็แทบจะไม่ได้ใช้เลย เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นหินผาที่รับผิดชอบและดูแลให้ทุกอย่าง จนวาริต้องบอกให้พ่อกับแม่ของตัวเองว่าไม่ต้องส่งมาให้แล้วเพราะตัวเค้าเองก็ยังแทบจะไม่ได้แตะเงินในกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ แต่พ่อกับแม่ของวาริก็ยังคงส่งให้เป็นปกติโดยบอกว่าให้วารินั้นเก็บไว้เป็นเงินเก็บของตัวเอง
“น้องวาน่ารักที่สุดเลยครับ พี่ฝันอยากจะเก็บส้มมาตั้งนานแล้ว มานี่ครับขอพี่กอดให้รางวัลหน่อย” สายน้ำที่ดูจะดีใจกว่าใครเพื่อนที่รู้ว่าตัวเองนั้นจะได้เก็บส้มจากต้นเอง ก็เดินมาหาวาริและกางมือมาแต่ไกล
หมับ!!
ฟอด! ฟอด! จุ๊บ!
“พี่ขอบคุณน้องวามากนะครับ ที่ทำให้พี่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศดีๆสวยๆแบบนี้ ไปครับพี่กายเราไปอาบน้ำกันดีกว่าเดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวและก็ไปเก็บส้มกัน” สายน้ำที่หลังจากทั้งกอดทั้งหอมแก้มสองข้างและจูบที่ปากของวาริแล้วก็ชวนวายุเดินออกไปทันที โดยที่ไม่ได้สนใจอาการของคนที่ยืนหน้าแดงตาโตเบิกกว้างและนิ่งค้างอยู่เลย
“หึๆ ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอครับ อาการมันเป็นยังไงไหนบอกพี่ทีสิครับ” หินผาเดินเข้าไปถามแฟนของตัวเองที่ยังยืนไม่ได้สติอยู่ โดยทุกคนก็ยังอยู่กันครบเพื่อที่จะรอฟังวาริพูดบอกอาการ
“หอมครับหอมมากเลย ตัวพี่สายน้ำหอมมากแล้วก็นุ่มมากด้วย วาเข้าใจเลยว่าทำไมพี่วายุถึงได้ชอบกอดชอบหอมพี่สายน้ำนัก” วาริพูดบอกออกไปอย่างเพ้อๆ เพราะเค้าไม่เคยเจอใครตัวหอมเท่านี้มาก่อนเลย ขนาดคนพี่ที่ว่าหอมแล้วเจอคนน้องเข้าไปนี่หอมยิ่งกว่า ตอนท้องม๊าของทั้งคู่กินน้ำหอมเข้าไปรึยังไงกันนะ ไหนจะยังที่มาหอมมาจูบเค้าอีกยิ่งคิดเจ้าตัวก็ยิ่งหน้าแดงเพราะความเขิน
“เดี๋ยวนะครับน้องวาพี่ขอหึงน้องชายตัวเองได้มั้ยครับเนี่ย ทำไมน้องวาต้องทำหน้าฟินแล้วก็เคลิ้มขนาดนี้ด้วยล่ะครับ พี่ไม่ยอมนะครับ” หินผาที่เห็นอาการเพ้อๆฟินๆของแฟนตัวเองเวลาที่พูดถึงน้องชายเค้าถึงกับโวยวายขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ เป็นเอามากนะมึงอ่ะ ว่าแต่ว่าน้องน้ำนี่ไม่ได้ใช้น้ำหอมใช่มั้ยวะ เพราะดูท่าแล้วก็คงจะยังไม่ได้อาบน้ำ ขนาดเวลากูเดินผ่านกูยังได้กลิ่นอ่อนๆเลย” ดินถามขึ้นด้วยความสงสัย ทุกคนถึงกับต้องพยักหน้าตามกันเลยทีเดียวเพราะพวกเค้าเองก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของสายน้ำเช่นเดียวกัน
“เบลก็ว่าจะถามหลายทีแล้วค่ะ เพราะเบลเคยถามน้ำอยู่ว่าใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรหอมดี น้ำก็บอกว่าไม่เคยใช้เพราะว่าแพ้”
“หึๆ นี่เป็นหัวข้อที่ต้องขึ้นอภิปรายเลยใช่มั้ยวะ” หินผาถามขึ้นอย่างขำๆที่ทุกคนดูจะให้ความสนใจกับกลิ่นตัวหอมของน้องชายเค้ามากกว่าการต้องไปอาบน้ำแล้วก็กินข้าวกันแล้วในตอนนี้
ทุกคนต่างพยักหน้ารับกันเป็นแถว จนหินผาถึงกับต้องถอนหายใจออกมายาวๆ
“กูก็ไม่รู้เว้ย น้องน้ำมีกลิ่นตัวหอมอ่อนๆติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว กูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีเพราะที่บ้านกูก็ไม่มีใครเคยใช้น้ำหอมกันเลยสักคน” เค้าก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงเหมือนกัน รู้แต่ว่าน้องเค้ามีกลิ่นตัวหอมอ่อนๆติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วมันเป็นกลิ่มหอมเย็นๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของน้องเค้า
“ไปๆแยกย้ายกันไปอาบน้ำได้แล้วพวกมึงอ่ะ จะมาสนใจอะไรกับกลิ่นตัวน้องกูกันนักหนาวะ นี่ก็อีกคนนะครับเดี๋ยวพี่จะจัดการลงโทษเราด้วย” หินผาพูดพร้อมกันหันหน้ามาชี้นิ้วคาดโทษแฟนตัวเอง
“อ้าวว พี่ผาจะมาลงโทษวาไม่ได้นะครับ วาก็พูดไปตามความรู้สึกของวาอ่ะ” วาริยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ขณะที่กำลังถูกหินผาจูงมือเข้าที่พัก
“วาไปอาบน้ำก่อนดีกว่าวาเริ่มหิวแล้วด้วย แบร่!” พอเปิดประตูห้องเข้ามาได้วาริก็รีบสะบัดมือออกจากการกอบกุมของคนตัวใหญ่ พร้อมกับวิ่งไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป โดยไม่ลืมที่จะหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกคนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่
“หึๆ ฝากไว้ก่อนเถอะตัวแสบ เดี๋ยวคืนนี้จะเอาให้ร้องไม่ออกเลย” หินผายกยิ้มขึ้นมาอย่างคนเจ้าเล่ห์
“ว้าววว สวยมากเลยครับ ทุกคนครับเรามาถ่ายรูปกันดีกว่าเดี๋ยวน้ำจะได้เอาไปลงในไอจีด้วย” ตอนนี้พวกเค้ายืนอยู่ตรงจุดเริ่มต้นของสวนส้มจึงทำให้เห็นผลของส้มที่กำลังสุกพร้อมเก็บอยู่เต็มไปหมด
หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมการถ่ายรูปอย่างแท้จริง โดยมีดินและอิฐสลับสับเปลี่ยนกันเป็นช่างภาพจำเป็นให้กับทุกคน ดีที่วันนี้แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่และอากาศก็กำลังดี เพราะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้ว จึงทำมีเมฆมาช่วยบดบังดวงอาทิตย์ซะเป็นส่วนใหญ่
กล้องที่ใช้ถ่ายนั้นเป็นกล้องที่หินผาเพิ่งซื้อให้กับสายน้ำใหม่เพื่อเป็นการไถ่โทษและง้อน้องชายที่ละเลยหน้าที่ของพี่ชายเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่จะมาเที่ยวที่นี่กัน
ทางด้านวายุ หินผา เหนือ ไฟ และนัท ก็ได้แต่ยืนมองและยิ้มให้กับภาพนายแบบและนางแบบจำเป็นตรงหน้าที่พากันสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป บางครั้งพวกเค้าก็ถูกลากให้ไปร่วมเฟรมด้วยเช่นกัน
“ไอ้เหนือมึงมาเปลี่ยนกูดิ๊ กูหมดแรงจะเดินตามแล้วว่ะ เอาแรงมาจากไหนกันเยอะแยะวะ โดยเฉพาะน้องน้ำของมึงนะดีดฉิบหายเลย เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวเดินไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลย” ดินที่เดินมาด้วยท่าทางหมดแรงพร้อมกับบ่นไปด้วย
“เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนให้ก็ได้ครับดูท่าพี่อิฐก็น่าจะแย่แล้วเหมือนกัน” นัทพูดพร้อมกับเดินออกไปเพื่อที่จะไปเป็นตากล้องจำเป็นให้แทนดินและอิฐ
“เฮ้อ! เมื่อยฉิบ” ไม่นานนักอิฐก็เดินมานั่งอยู่ข้างๆกับดินที่นั่งอยู่บนเนินหญ้า
“เฮีย เฮียไปเก็บแฟนเฮียมาทีสิ พวกผมจะหมดแรงกันอยู่แล้วเนี่ย พอจะเดินมานั่งก็ถูกน้ำลากไปลากมาให้ไปถ่ายนู่นถ่ายนี่ ป่านนี้พวกนั้นคงจะเป็นลมกันหมดแล้วมั้ง เมื่อเช้าเฮียให้แฟนเฮียกินอะไรมาเนี่ยถึงได้ดีดขนาดนี้” อิฐพูดบอกกับวายุทันทีที่ตัวเองได้ที่นั่ง
วายุก็ไม่พูดตอบอะไรได้แต่เดินออกไป เพื่อเดินไปหาคนตัวเล็กของเค้าที่ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงใสๆแต่ไม่เห็นตัว ที่เค้าไม่เดินตามไปด้วยเพราะอยากให้น้องได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆของตัวเองและมีอิสระที่จะทำอะไรตามใจชอบบ้าง
“ตัวเล็กครับพี่ว่าไปพักกันก่อนดีมั้ยครับ เดี๋ยวจะไม่มีแรงไปช่วยเค้าเก็บส้มนะครับ” วายุที่เดินมาถึงตัวของคนที่กำลังลากคนนั้นทีคนนี้ทีก็เอ่ยบอกขึ้น
“เฮ้อ! พี่วายุมาช่วยชีวิตพวกเราไว้ได้ทันเวลาพอดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เบลถึงกับยกมือไหว้ที่วายุเอ่ยปากเรียกแฟนของตัวเองให้กลับไปพัก เพราะนี่ก็กินเวลาไปเกือบตั้งชั่วโมงหนึ่งแล้วที่พวกเค้าถูกลากไปลากมาให้ไปเป็นนายแบบนางแบบกัน
“ก็ได้ครับ แต่ว่าน้องยังไม่เหนื่อยเลยนะครับ ทุกคนเหนื่อยกันแล้วเหรอครับ” สายน้ำหันมาบอกวายุและหันไปถามเพื่อนๆของตัวเองและรุ่นน้อง โดยที่ทุกคนก็ต่างพร้อมใจกันพยักหน้าตอบ
“ก็ได้ครับเดี๋ยวเราค่อยถ่ายกันใหม่ก็ได้เน๊าะ ไปครับพี่กายน้องเองก็เริ่มหิวน้ำแล้วเหมือนกัน” สายน้ำพูดจบก็เดินเกาะแขนวายุออกไปทันที ทิ้งทุกคนให้เดินตามกันมาอย่างคนหมดแรง
“ฮ่าๆๆ มึงดูสภาพแต่ละคนสิวะ เหมือนไปทำสวนกันมาเลยว่ะ” เหนือที่เห็นแฟนของตัวเองและทุกคนที่เดินตามหลังวายุกับสายน้ำมาก็ชี้นิ้วให้เพื่อนๆดูและหัวเราะออกมาเสียงดัง
“มีน้องวากับไอ้นัทที่ยังพอดูได้หน่อย ที่เหลือนี่กูนึกว่าส่งไปวิ่งรอบสวนกันมา” ไฟพูดขึ้นมาและมองไปยังแฟนตัวน้อยของตัวเองเดินมาอย่างหมดแรง
“เหนื่อยมั้ยครับ หึๆ” ไฟถามขึ้นทันทีที่ออกัสมานั่งลงกับพื้นข้างๆตัวเองพร้อมกับส่งน้ำในมือให้ ออกัสก็รับไปดื่มแบบไม่พูดไม่จา
“อย่าถามว่าเหนื่อยมั้ยเลยครับพี่ไฟ ถามว่ากัสจะมีแรงเดินต่อรึเปล่าจะดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเดินไม่ไหวเดี๋ยวขี่หลังพี่ก็ได้” ไฟพูดพร้อมกับลูบผมของแฟนตัวน้อยไปด้วย
“น้องนัทพี่ขอกล้องหน่อยครับ” สายน้ำที่ยืนให้วายุได้เช็ดเหงื่อให้อยู่ก็ยื่นมือมาขอกล้องในมือจากนัท
“โอ้โห! มีแต่รูปสวยๆทั้งนั้นเลย ดีนะที่ได้กล้องตัวนี้มาสุดยอดจริงๆเลย ภาพก็ชัดแจ๋วเลยครับพี่กายดูสิครับ” สายน้ำพูดพร้อมกับมือที่เลื่อนดูรูปแต่ละรูปไปด้วย
“เดี๋ยวน้องขอไปถ่ายวิวตรงนั้นแป๊บหนึ่งนะครับ” พูดจบสายน้ำก็เดินถือกล้องออกไปเพื่อถ่ายวิวเขาตรงหน้าคนเดียว วายุก็ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆปล่อยให้คนตัวเล็กได้อยู่กับตัวเองและได้ทำในสิ่งที่รักโดยไม่ต้องมาห่วงหรือพะวงใคร
“นี่น้องน้ำยังไม่หมดแรงอีกเหรอวะ” ดินที่มองตามหลังวายุที่เดินตามสายน้ำไปแบบห่างๆพูดขึ้น
“นั่นดิเฮีย คนอะไรไม่รู้โคตรดีดเลยตัวก็เล็กนิดเดียวไม่รู้ไปเอาแรงจากที่ไหนมาลากคนอื่นเค้านัก” อิฐพูดสมทบขึ้นในขณะที่ตาก็มองไปทางเพื่อนตัวเล็กที่กำลังถ่ายรูปอยู่
“นั่นน่ะสิครับ ขนาดผมตัวใหญ่กว่าพี่สายน้ำตั้งเยอะยังแทบจะหมดแรงแล้วเลย” ขนมพายพูดเห็นด้วยกันกับอิฐ
“เมื่อยมั้ยครับ เดินต่อไหวรึเปล่า” หินผาถามวาริขึ้นหลังจากที่ส่งน้ำให้น้องดื่มเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ วาเดินบ่อยจนชินแล้ว จะมีแค่ช่วงหลังๆที่ไปอยู่ที่นู่นเลยไม่ค่อยได้เดินเลยเหนื่อยนิดหน่อยครับ” วาริหันมาตอบหินผาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ หินผาก็ได้แต่ยกมือขึ้นไปโยกหัวแฟนของตัวเอง
“ทุกคนหายเหนื่อยกันรึยังครับ น้ำอยากไปเก็บส้มแล้ว” พอสายน้ำเดินกลับมาจากถ่ายภาพวิวทิวเขาแล้วก็ถามทุกคนขึ้น
“ไปกันเลยก็ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวพี่ๆเค้าจะพักเที่ยงกันซะก่อนนี่ก็จะ 10 โมงแล้วด้วย” วาริพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนในทันที ตามด้วยคนอื่นๆที่พอได้พักและดื่มน้ำก็พอที่จะทำให้เรี่ยวแรงกลับคืนมาบ้าง
วาริพาทุกคนเดินลัดเลาะมาตามทางเดินของสวนส้ม แต่จะมีหยุดพักถ่ายรูปกันบ้างบางช่วง
พอมาถึงตรงที่คนงานทำการเก็บส้มและขนขึ้นรถกันอยู่ วาริก็ให้คนงานในสวนช่วยสอนวิธีการเก็บส้มให้กับทุกๆคน จนทุกคนที่เริ่มจะเก็บกันจนคล่องแล้วก็แยกย้ายตั้งหน้าตั้งตาเก็บกันใหญ่เหมือนกับแข่งกันว่าคู่ไหนจะเก็บได้เยอะกว่ากัน จนคนงานที่อยู่ตรงนั้นถึงกับยิ้มขำในบางช่วงบางตอนที่พวกเค้าพูดอวดว่าใครเก็บได้มากได้น้อยกว่ากัน
ทำให้บรรยากาศในการเก็บส้มวันนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทุกคน เหมือนเป็นการสร้างสีสันให้กับคนงานในสวนไปด้วย
จนมาถึงตอนเที่ยงทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปกินข้าว ส่วนสายน้ำก็ยังบอกกับคนงานในสวนของวาริอีกว่าตอนบ่ายจะลงมาช่วยเก็บอีก ทำให้ทุกคนต่างพากันพยักหน้าและยิ้มรับกันเป็นแถวทุกคนต่างพากันชอบและตกหลุมรักให้กับความสดใสร่าเริงและความช่างพูดช่างเจรจาของสายน้ำกัน
“เดี๋ยวตอนบ่ายวาจะพาพี่สายน้ำลงไปที่สวนส้มอีกรอบนะครับ ถ้าพี่ๆยังเหนื่อยกันอยู่ก็พักหรือเดินเล่นกันอยู่แถวนี้ก็ได้นะครับ หรือว่าจะขับรถกอล์ฟเล่นกันก็ได้นะครับ” วาริที่เห็นว่าทุกคนคงเหนื่อยกันแล้วเลยถามพร้อมกับพูดบอกทางเลือกให้ขึ้นมา
“พี่ว่าพี่จะไปเก็บส้มด้วยดีกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นด้วยครับ ได้พักสักแป๊บก็หายเหนื่อยแล้ว ดูอย่างน้องน้ำสิยังนั่งฮัมเพลงไปกินข้าวไปด้วยอยู่เลย” ดินพูดขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ทำให้ทุกคนที่ต่างมีข้าวกันอยู่เต็มปากพากันพยักหน้ากันไปตามๆกันอย่างเห็นด้วยกับที่ดินพูด
พอประมาณบ่ายโมงครึ่งทุกคนก็พากันลงไปที่สวนส้มอีกครั้งโดยครั้งนี้ทุกคนขับรถกอล์ฟกันไปไม่ได้เดินไปเหมือนเมื่อเช้า
ทุกคนต่างพากันขะมักเขม้นในการเก็บส้มเป็นอย่างมากอย่างกับว่าตัวเองจะได้รับค่าแรงเมื่อทำงานเสร็จหรือเก็บผลผลิตได้เยอะๆ จะมีพูดคุยหัวเราะพร้อมกับพูดถากถางกันอยู่บ้างเป็นบางช่วงบางตอนเพื่อเป็นการสร้างสีสัน คนงานในสวนก็ต่างพากันยิ้มแย้มอารมณ์ดี ที่นอกจากจะมีคนช่วยเก็บเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้ทุกคนไม่เหงาอีกด้วย ไหนจะเสียงฮัมเพลงของคนอารมณ์ดีที่เก็บไปยิ้มไปอย่างมีความสุขอย่างสายน้ำนี่อีก
ทางด้านพ่อแม่ของวาริที่เพิ่งกลับมาจากประชุมเรื่องการส่งออกผลผลิต ก็ได้ลงมาดูที่สวนส้มที่ทุกคนกำลังช่วยกันเก็บกันอยู่ด้วย ท่านทั้งสองยืนดูทุกคนอยู่ห่างๆได้ยินทั้งเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะหรือแม้กระทั่งเสียงที่เกิดจากการถกเถียงให้ได้ยินกันอยู่เป็นระยะ
ท่านทั้งสองยืนมองลูกชายคนเล็กของตัวเองที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าอยู่ตลอดเวลาอย่างรู้สึกหมดห่วง นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ลูกชายคนเล็กของตัวเองได้มาเจอกับกลุ่มคนกลุ่มนี้ตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้าไปในมหาวิทยาลัย ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพวกท่านทั้งสองคนหมดห่วงและหมดกังวลลงไปได้ทันที และแม่ของวาริก็ยังไม่ลืมที่จะยกมือถือขึ้นมาเก็บบันทึกภาพและบันทึกวิดีโอส่งไปให้กับภูธาราได้ดูอีกด้วย
ตกเย็นของวันพ่อและแม่ของวาริก็ได้ให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารการกินไว้ให้กับทุกคน เพื่อเป็นการเลี้ยงขอบคุณที่ทุกคนไปช่วยคนงานเก็บส้มที่สวน ทำให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตของวันนี้ยอดทะลุเป้าไปได้มากเลยทีเดียว
Comments (0)