16 ตอน บทที่ 8(2)_สายตา...มากกว่าคำพูดใด
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 8(2)
สายตา...มากกว่าคำพูดใด
เมื่อถูกวางลงอย่างแผ่วเบา จากที่กลั้นหายใจอยู่ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาได้อีกครั้ง เสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ดังห่างออกไปทำให้อดไม่ได้ที่จะเปิดเปลือกตาข้างหนึ่งขึ้นมอง เซียวเยี่ยนจื่อเห็นหงเทียนสิงเปิดประตูบ้านออกไปข้างนอก ทั้งที่ฝนตกหนักขนาดนี้ แล้วเขาออกไปทำอะไร
หญิงสาวผุดลุกขึ้น จังหวะนั้นเองเสียงน้ำฝนที่หยดกระทบลงบนเตียงก็เรียกความสนใจจากนาง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองหลังคาบ้านจุดที่น้ำฝนรั่วลงมา แล้วก็เข้าใจทันทีว่าหงเทียนสิงออกไปทำอะไรนอกบ้านเวลานี้
หญิงสาวทนอยู่เฉยในบ้านไม่ได้ หลังจากลังเลเพียงครู่ก็เปิดประตูบ้านตามเขาออกไป ทว่าสุดท้ายก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้วเงยหน้ามองคนที่ซ่อมหลังคาอยู่ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ แม้จะช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้เปียกปอนไปพร้อมกัน
หงเทียนสิงง่วนอยู่กับการซ่อมหลังคา จากที่พบวัสดุ อุปกรณ์การซ่อมวางกองรวมกันอยู่ทางหนึ่งไม่ไกลจากตัวบ้าน ก็รู้ได้ไม่ยากว่าหลังคาบ้านนี้ไม่ได้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันแต่แรก เรื่องน้ำฝนรั่วก็คงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
ครั้นจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยกำลังเตรียมจะปีนลงมาจากหลังคา ชายหนุ่มถึงสังเกตเห็นคนที่ยืนตากฝนแหงนหน้ามองเขาอยู่ตรงหน้าบ้าน
ชายหนุ่มลนลานลงมาจากหลังคาจนเกือบจะก้าวเท้าพลาด เมื่อเดินมาถึงตัวนางก็รีบฉุดแขนเข้าไปในบ้าน ท่าทางแสดงออกชัดว่าไม่พอใจ
เมื่อเข้ามาถึงด้านในด้วยกันทั้งคู่ เซียวเยี่ยนจื่อก็สะบัดแขนออก ท่าทางของนางบ่งบอกว่าไม่พอใจเขาเช่นกัน นางไม่พอใจเขาที่เขาไม่พอใจนาง “อย่ามาทำท่าทางแบบนี้ใส่ข้า”
หงเทียนสิงสีหน้าเคร่งเครียด มองนางอย่างอ่อนใจ ขณะที่เม้มปากแน่น เป็นอีกครั้งที่เขาอึดอัดใจกับการพูดไม่ได้ของตนเอง ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากนาง หญิงสาวเบี่ยงศีรษะหลบเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็นิ่งเฉย ผมเผ้าที่หลุดลุ่ยจนเปียกลู่ไปตามหน้าผากและพวงแก้มจึงถูกเขาปัดออกให้อย่างอ่อนโยน
เพราะเข้าใจที่เขาต้องการจะบอก ท่าทีของเซียวเยี่ยนจื่อจึงอ่อนลง ไม่โมโหอีกแล้ว เขาไม่อยากให้นางตากฝนจนไม่สบาย หากนางยังวางท่าไม่พอใจอีกก็นับว่าไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
“ข้ารู้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อน “แต่เจ้าเองก็ตากฝนเหมือนกัน แล้วยังต้องปีนหลังคาอีก จะให้ข้าอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ต้องการให้ข้าเป็นคนใจดำหรือ”
สายตาที่ช้อนมองเขา ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก คิดเพียงอยากดึงนางเข้ามากอด หงเทียนสิงทำอย่างที่ใจคิดด้วยกิริยาเชื่องช้าอ่อนโยน สวนทางกับสายฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งด้านนอก ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่านางอาจจะผลักเข้าออก แต่สุดท้ายเซียวเยี่ยนจื่อกลับยืนนิ่งให้เขากอดอยู่อย่างนั้น แม้ไม่ได้ตอบสนอง ทว่าก็ไร้วี่แววจะผลักไส คล้ายว่าจะเริ่มยอมรับอย่างช้าๆ ว่าคนแปลกหน้าผู้นี้อย่างไรก็คือสามีนาง นางกับเขาต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน ต่อไปต้องใช้ชีวิตร่วมกันให้ดี
เซียวเยี่ยนจื่อกำลังนั่งนับเหรียญที่เหลือเพียงไม่กี่เหรียญนับจากวันแรกที่นางหลุดพ้นจากการเป็นหญิงคณิกาอย่างถาวร และย้ายจากหอหอไถมาอยู่ในหมู่บ้านริมกำแพงเมืองร่วมกับชายแปลกหน้าผู้หนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของหงเทียนสิง เดี๋ยวนี้เขารู้จักหารองเท้ามาใส่แทนการเดินเท้าเปล่าแล้ว นางหันไปก็เห็นเขาหิ้วปลาที่จับได้เดินเข้ามา
หลายวันมานี้พวกนางคล้ายเป็นคนป่า กินผักกินปลาที่หาได้รอบบ้าน ไม่มีข้าวแม้แต่เม็ดเดียวตกถึงท้อง ฟืนที่เจ้าของเก่าเหลือทิ้งไว้ให้ก็หมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน บริเวณรอบบ้านไม่ได้เป็นป่าทึบ ไม่อาจหาฟืนได้เหมือนอย่างปลากับผัก
“ฟืนหมดแล้ว” เซียวเยี่ยนจื่อหารือกับหงเทียนสิง “คืนนี้จะทำอย่างไร”
หงเทียนสิงโยนปลาไปไว้ทางหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปแตะบ่านาง ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นลูบหว่างคิ้วที่ย่นเข้าหากันอย่างแผ่วเบา
“เรื่องฟืน ข้าคิดว่าข้าทนหนาวได้” เซียวเยี่ยนจื่อปล่อยให้เขาลูบพลางเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ “เงินที่เหลือข้าตั้งใจว่าจะเอาไปลงทุนเปิดร้านอาหาร”
นางหลุบสายตาลง ไม่รู้ว่าตัวเองคิดสวยหรูเกินไปหรือไม่ แม้จะมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตนเองอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ก็ต้องฟังความเห็นจากคนที่กินกับข้าวฝีมือนางมาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมาด้วย
จังหวะนั้นเองนิ้วมือแข็งแรงก็ช้อนคางนางขึ้น บังคับให้สานสบกับแววตาล้ำลึกที่แฝงรอยยิ้มของเขา ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มตามดวงตาแล้วพยักหน้าเพื่อเรียกความมั่นใจให้นาง
จากนั้นในตอนสายหงเทียนสิงก็ทำไม้ทำมือบอกนางว่าเขาอาสาออกไปหาซื้อร้านให้นางเอง เซียวเยี่ยนจื่อจึงยื่นถุงใส่เงินที่มีทั้งหมดให้เขา แม้จะกังวลอยู่บ้าง เพราะชาวบ้านคนอื่นล้วนมองเขาเป็นคนสติวิปลาส แต่ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเขาก็ทำให้นางต้องสงบใจลง
ชายหนุ่มกลับมาในตอนเย็น ข่าวดีจากเขาทำให้นางยิ้มเต็มหน้าด้วยทั้งดีใจและคาดไม่ถึง เพราะเดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องนี้จะง่ายดาย อย่างมากก็ไม่น่าจะเร็วถึงเพียงนี้ หญิงสาวเผลอโผกายเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำ
คนถูกกอดผงะไป แต่ถึงอย่างไรรางวัลลักษณะนี้ใครบ้างจะไม่ยินดี เพียงอึดใจเดียวก็รีบยกแขนขึ้นกอดตอบ เรือนกายที่ทั้งเล็กและบาง ทว่านุ่มนิ่มและหอมกรุ่นไม่ได้ทำให้เขาอุ่นกายสักเท่าไร แต่หัวใจกลับอุ่นซ่านไปทั้งดวง
เมื่อนางผละกายออกห่าง หงเทียนสิงก็สังเกตเห็นพวงแก้มขาวเนียนแดงซ่านอย่างน่ารัก เขารู้ว่านางคงนึกตำหนิตัวเองที่เผลอไผลไป จึงยื่นถุงใส่เงินที่เหลือไปให้ หาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจคนที่ขวยอายจนทำอะไรไม่ถูก
“ยังเหลือเงินอีกด้วย” เซียวเยี่ยนจื่อเงยหน้ามองชายหนุ่ม ดวงตาวาววามเต็มไปด้วยความรู้สึกประทับใจและกังขา “เจ้าทำได้อย่างไรกัน”
หงเทียนสิงเพียงยิ้มบางๆ แล้วเดินผละออกไป ตั้งใจว่าจะก่อเตาไฟให้นางทำอาหารเย็น ก่อนจะตระหนักได้ว่าไม่มีฟืนให้ก่อไฟแล้ว
“มีปลาเหลือจากเมื่อเช้า” เซียวเยี่ยนจื่อเดินตามมาบอกเขาเสียงเบา “อาจจะเย็นไปสักหน่อย”
ชายหนุ่มหันมามองนาง ก่อนจะทำเรื่องที่นางคาดไม่ถึง จู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้นทาบลงมาบนหน้าท้องนางแล้วลูบไปมา ขณะส่งสายตามีคำถามมาให้
หญิงสาวเม้มปากเพื่อสะกดกลั้นความขวยอาย นางเข้าใจว่าเขาอยากถามว่านางไม่หิวหรือ แต่ท่าทางของเขาก็คล้ายกับท่าทางของคนที่เพิ่งรู้ข่าวว่าภรรยาของตนกำลังตั้งครรภ์ไม่น้อย
เซียวเยี่ยนจื่อรีบส่ายหน้า “ข้าอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้วิ่งไปวิ่งมาเหมือนเจ้า ไม่หิวหรอก” เอ่ยพลางดึงมือเขาออกจากหน้าท้องตัวเองแล้วเขย่าเบาๆ อย่างจะยืนยันคำพูด
ความมืดโรยตัวปกคลุมท้องฟ้าเหนือกำแพงเมืองสูงตระหง่าน พร้อมกับความหนาวเย็นอันชวนสั่นสะท้าน สองสามีภรรยาที่นอนร่วมเตียงจึงยากจะข่มตาหลับ ระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่มีชายหนุ่มนอนอยู่เคียงข้าง เซียวเยี่ยนจื่อคุ้นชินนานแล้ว จากที่เคยนอนตัวเกร็งก็สามารถนอนได้อย่างผ่อนคลาย แต่คืนนี้ไม่มีกองไฟให้ความอบอุ่นนางจึงอดตัวสั่นไม่ได้
ทนหนาวอยู่ไม่นาน จู่ๆ ก็มีท่อนแขนแข็งแรงโอบรั้งเอวนางเข้าไปเบียดชิดกับตัวเขา ร่างกายสัมผัสถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวกายเขาทันที ลมหายใจอุ่นชื้นเป่ารดต้นคอเปล่าเปลือยของนางให้รู้สึกอุ่นยิ่งขึ้นไปอีก
หลายเดือนมานี้นอกจากป้าหวังแล้วนางก็ไม่มีใครให้พึ่งพา ชีวิตเรียกได้ว่าโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง แต่นับจากหงเทียนสิงปรากฏตัวเข้ามาในชีวิต แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทั้งแรกเริ่มในสายตานางเขายังเป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่ง หากแต่เขากลับเป็นเพียงคนเดียวที่นางรู้สึกสนิทใจด้วย
อาจเพราะตอนนั้นเขาดูเหมือนไร้เดียงสาจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องสร้างกำแพงของความแปลกหน้า ทั้งยังมั่นใจได้ว่าระหว่างเขากับนางจะไม่มีเรื่องผลประโยชน์ หรือบุญคุณความแค้นใดให้ต้องรู้สึกว่าควรเว้นระยะห่าง หรือรักษามารยาทต่อกัน พอรู้ความจริงว่าความไร้เดียงสานั้นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ นางก็พบว่าตนไม่สามารถกลับไปมองเขาเช่นคนแปลกหน้าได้แล้ว
เพราะนางและเขาเริ่มต้นเช่นนี้ หากบอกว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แท้จริงแล้วก็ไม่สามารถเอ่ยได้อย่างเต็มปาก
หลังนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งหญิงสาวก็รู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อย แต่ร่างกายก็ยังโหยหาความอบอุ่นยิ่งไปกว่านี้ นางพลิกตัวขดร่างเข้าสู่อ้อมกอดผู้เป็นสามีโดยไม่ลังเล
...ชายแปลกหน้าคนนี้คือสามีนาง
หญิงสาวยอมรับกับตัวเองอยู่ในใจเงียบๆ ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าริมฝีปากของตนปรากฏรอยยิ้ม
หลังความอบอุ่นโอบล้อมทั้งสองคนจนไม่รู้สึกถึงความหนาวอีกแล้ว เซียวเยี่ยนจื่อก็รับรู้ถึงความนุ่มชื้นระคนสากระคายที่สัมผัสแผ่วเบาลงบนหน้าผาก หลังจากที่หายอึ้งงัน ดวงตาที่เบิกโตก็พริ้มหลับ ยินยอมให้คนข้างกายแสดงความรักใคร่โดยไม่คิดผลักไส
หงเทียนสิงเลื่อนริมฝีปากลงมายังปลายจมูกแดงเพราะความหนาว ขณะที่แตะสัมผัสเบาราวกับแมลงปอล้อผิวน้ำก็พลิกกายขึ้นมาก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด เปลือกตาบางขยับไหวน้อยๆ ก่อนเจ้าตัวจะเปิดมันออก แววตาตกประหม่าสานสบกับเขาโดยไม่หลบเลี่ยง
นางรู้ว่าเขาไม่ได้คิดจะหยุดเพียงเท่านี้...
ชายหนุ่มหลุบตาลงมองกลีบปากที่แห้งแตกเล็กน้อยด้วยความหนาวเย็นของนาง ไม่รู้ว่ามองอยู่นานเท่าใด แต่หลังจากนั้นเขาก็โน้มใบหน้าลงถ่ายทอดความอุ่นชื้นของตนให้นาง
เซียวเยี่ยนจื่อหอบหายใจแรงหลังจากหงเทียนสิงผละริมฝีปากออก เสื้อผ้าของนางถูกปลดออกไปจนหมดแล้ว แต่กลับไม่ได้รู้สึกหนาวสั่นเพราะถูกเขาทาบทับจนราวกับถูกปกป้องจากความหนาวเอาไว้ทั้งตัว ฝ่ามืออุ่นร้อนแกมสากของเขาลูบไล้ไปทั่วตัวนางราวกับกำลังปัดเป่าไอเย็น
ทั้งที่ไม่ประสาจนอดประหม่าไม่ได้แต่เซียวเยี่ยนจื่อก็ยอมให้ชายหนุ่มเติมเต็มความรู้สึกที่นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าคืออะไร ทำเพียงกอดเขาจนแน่นเพื่อระงับความกลัว
จากที่เจ็บมากจนแทบขาดใจแต่เพราะทุกการกระทำของเขาเป็นไปอย่างอ่อนโยนและประโลมปลอบ ความรู้สึกผูกพันรักใคร่ราวกับเป็นสามีภรรยากันมานับสิบปีก็แผ่ซ่านไปทั้งใจ
นัยน์ตาพราวระยับ สะท้อนความรู้สึกรักถนอมของหงเทียนสิงสานสบกับเซียวเยี่ยนจื่อ แม้สีหน้าของนางจะบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความเจ็บแต่แววตากลับสะท้อนความรักใคร่อย่างที่นางเองก็อาจจะไม่รู้ตัว
-------------------------------------------------------------------------------
ศ. ส. อา. นี้ ติดธุระ ไม่ได้เจอกันนะคะ
ก็เลยมาอัปให้ก่อนค่ะ
^ ^
Comments (0)