6 ตอน บทที่ 4(1)_ความรู้สึกนั้นยาวนาน
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 4(1)
ความรู้สึกนั้นยาวนาน
Trigger Warnings/Content Warnings
มีการบรรยายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (คล้ายมิจฉาชีพ/นักต้มตุ๋น)
เซียวเยี่ยนจื่อยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงเพล้งของโต๊ะกระจกที่ถูกกระแทกอย่างแรงพลันดังขึ้นมาเสียก่อน ตามมาด้วยเสียงของความอลหม่านย่อมๆ เสียงทั้งหมดนี้ล้วนดังมาจากบริเวณโต๊ะตัวที่อยู่ติดกัน
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของร้านอาหาร เสียงเหล่านี้จึงดังเป็นพิเศษ เรียกสายตาเพียงไม่กี่คู่ภายในร้านให้หันไปมอง
ฮ่าวป๋อชุนที่จดจ่อรอคอยคำตอบของหญิงสาวรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างที่ถูกขัดจังหวะ แต่เสียงนั้นก็เรียกความสนใจจากเขาได้เช่นกัน ชายหนุ่มหันหลังไปมองคล้ายจะหาตัวต้นเหตุที่ทำเขาเสียเรื่อง ขณะที่เซียวเยี่ยนจื่อยืดตัวขึ้นเล็กน้อย สายตาพุ่งเป้ามองไปยังจุดเดียวกัน
โต๊ะอาหารที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังฮ่าวป๋อชุน ชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ปคนหนึ่งยืนหันหลังให้พวกเขาพลางใช้มือลูบลวกๆ ไปบนเสื้อของเจ้าตัวที่ดูเหมือนจะถูกน้ำหกใส่ บนโต๊ะมีแก้วน้ำเอียงล้มจนน้ำเจิ่งนองไหลลงไปบนพื้น พนักงานคนหนึ่งกำลังกุลีกุจอเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยตามเดิมด้วยสีหน้าสำนึกผิด ราวกับเป็นตัวเองที่สร้างเรื่องขึ้น ขณะที่คนสร้างเรื่องตัวจริงเพียงพึมพำขอบคุณเสียงเบา ควักเงินจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะแล้วก้มหน้างุดเดินออกไปทันที
เซียวเยี่ยนจื่ออดเหลือบมองไปบนจานอาหารของฝ่ายนั้นไม่ได้ ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้แตะมันเลย แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งร้าน เป็นเธอก็คงกินต่อไม่ลงแล้วเหมือนกัน
พอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ อาหารที่ฮ่าวป๋อชุนสั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟพอดี เซียวเยี่ยนจื่อก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไร ท่าทางหิวจัดของเธอไม่เปิดโอกาสให้ฮ่าวป๋อชุนได้ถามคำถามที่ถามค้างไว้ซ้ำอีก
ตอนที่รถของฮ่าวป๋อชุนขับเลยประตูด้านหน้าของโรงพยาบาลอ้อมไปทางที่จอดรถด้านหลัง เซียวเยี่ยนจื่อก็หันหน้าไปมองคนขับอย่างมีคำถาม “ฉันไม่ได้บอกให้ส่งหน้าโรงพยาบาลก็พอเหรอคะ”
ตอนแรกเธอกะว่าหลังหาอะไรกินเสร็จแล้วจะแวะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านด้วยเลย แต่พอบังเอิญเจอฮ่าวป๋อชุนเธอเลยต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน แม้จะมีความคิดหนึ่งบอกว่าที่อยู่บ้านเธออาจไม่เป็นความลับสำหรับเขาแล้วก็ได้ แต่เธอไม่อยากเป็นฝ่ายเชื้อเชิญเขาเอง เมื่อทำแบบนี้แล้วก็จะไม่มีอะไรให้เสียใจภายหลัง
ฮ่าวป๋อชุนยิ้มขันกับความตรงไปตรงมาของเธอ “เข้าไปข้างในด้วยกันเถอะ”
“อยากเป็นข่าวขนาดนั้น? ” เซียวเยี่ยนจื่อเลิกคิ้ว สีหน้ามีร่องรอยยียวนมากกว่าจะสงสัยจริงๆ “ที่พรางตัวมาตั้งนานนี่จะไม่มีประโยชน์แล้วนะคะ”
คราวนี้ฮ่าวป๋อชุนกลับหัวเราะเสียงดังออกมา “สมาชิกพรรคตัวเล็กๆ แบบพี่ไม่มีใครจำได้หรอก”
หญิงสาวขมวดคิ้ว ถ้าเขาไม่ใส่ใจขนาดนั้นจริงๆ เธอก็ชักจะไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว
“พี่บอกว่าพี่เป็นสมาชิกพรรคตัวเล็กๆ ” น้ำเสียงเธอเคร่งขึ้นจนคนที่กำลังมีสมาธิกับการขับรถท่ามกลางความสลัวภายในอาคารจอดรถต้องหันมาสังเกตสีหน้าเธอ
เซียวเยี่ยนจื่อเอ่ยต่อ “แต่พ่อพี่ไม่ใช่นี่คะ ระวังเอาไว้หน่อยก็ดีค่ะ”
เธอเอ่ยคล้ายกับเป็นห่วงเขา ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอกลัวเขาจะพาเรื่องยุ่งยากมาให้เธอมากกว่า
ทว่าคนฟังดูเหมือนจะไม่เข้าใจ “เป็นห่วงพี่เหรอ” ฮ่าวป๋อชุนพูดแหย่เธออย่างอารมณ์ดี “เป็นข่าวกับเธอ…”
รถจอดสนิทพอดี ชายหนุ่มละสายตาจากลานจอดรถมืดทึบ หันไปมองหน้าหญิงสาวตรงๆ “ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแย่อะไรนะ”
ดวงตาที่กำลังมองสบเธอวาววามท่ามกลางความมืด บวกกับประโยคที่เอ่ยเป็นนัยของเขาดูเหมือนจะขับให้บรรยากาศอุดอู้อึดอัดภายในลานจอดรถโรแมนติกขึ้นมา
คนฟังรู้สึกว่าเขาเกินเยียวยาแล้วจริงๆ
“อึดอัดจังเลยค่ะ” เซียวเยี่ยนจื่อโพล่งขึ้นพร้อมกับเปิดประตูรถลงไป “ที่จอดรถในอาคารต้องเป็นแบบนี้ทุกที่เลยหรือไงนะ” ลงมาแล้วก็ยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปด
ฮ่าวป๋อชุนเปิดประตูรถตามลงมา สีหน้าเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ มุมปากก็คล้ายจะยังปรากฏรอยยิ้มจางๆ แม้จะโดนหญิงสาวหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธ
หลายปีก่อนหน้านี้ทั้งที่สัมผัสได้ว่าเธอหวั่นไหวและกำลังรอให้เขาเดินหน้าเข้าหาเธออีกหน่อย ในตอนนั้นเขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้นแต่เลือกจะมาทำเอาตอนนี้ เธอจะตั้งแง่กับเขาบ้างก็คงไม่แปลก
“ตรงนี้อึดอัดก็รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” ฮ่าวป๋อชุนกวาดตามองเสื้อผ้ามอมแมมแกมสยดสยองของเธอแวบหนึ่ง “จะไม่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจริงๆ เหรอ”
เซียวเยี่ยนจื่อชะงักฝีเท้าแล้วหันมายื่นมือไปตรงหน้าฮ่าวป๋อชุน “ถ้างั้นฉันขอเสื้อแจ็กเก็ตของพี่ตัวนั้นมายืมใส่ก่อนก็ดีค่ะ”
คนถูกยืมเสื้อนิ่งไปอึดใจหนึ่ง จวบจนถึงตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหญิงสาวไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าของแจ็กเก็ตตัวจริงเป็นใคร นั่นเลยทำให้เขานึกสงสัยตัวตนของคนคนนั้นยิ่งขึ้นไปอีก
ฮ่าวป๋อชุนขยับตัวถอดเสื้อโค้ทที่อยู่บนตัวส่งไปให้หญิงสาวแทน “ใส่ตัวนี้เถอะ”
เซียวเยี่ยนจื่อเลิกคิ้วแต่ก็ยอมรับไป “ไม่หนาวเหรอคะ” สายตากวาดสำรวจฮ่าวป๋อชุนในชอล์เน็กสเวตเตอร์เนื้อหนาที่สวมทับเสื้อตัวในซึ่งตอนนี้เธอมองเห็นแล้วว่าเป็นเชิ้ต กับท่อนล่างที่เป็นกางเกงสแล็กซ์พอดีตัว
“ไม่หนาวหรอก” เอ่ยพลางคว้าเสื้อโค้ทของตัวเองในมือเธอกลับมา ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังหญิงสาวแล้วสวมมันลงไปบนตัวเธอ
อุณหภูมิร่างกายกับกลิ่นกายเจ้าของเสื้อที่ติดมาด้วยทำให้เซียวเยี่ยนจื่อรู้สึกไม่สบายตัวกับการสวมมันนัก คล้ายกับว่าระยะห่างของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาถูกร่นเข้ามาอีกแล้ว
“เป็นไง รู้สึกมั่นใจขึ้นบ้างไหม”
ฮ่าวป๋อชุนยังคงยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเธอ สองมือหนาแตะไปบนบ่าบอบบางของเธอเบาๆ ท่าทางคล้ายโอบกอดเธอจากด้านหลังแบบนั้น พอเขาเปิดปากถามออกมา ลมหายใจจึงเป่ารดลงบนใบหูของเซียวเยี่ยนจื่อเต็มๆ ทั้งคล้ายบังเอิญและคล้ายจงใจจนเธอขี้เกียจสนใจจะแยกแยะ
หญิงสาวกระชับเสื้อโค้ทบนตัวแล้วก้าวเดินต่อโดยไม่สนใจคนด้านหลัง แต่ก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวก็ถูกชายหนุ่มรั้งเรียวแขนเอาไว้ ไม่แรงจนเธอหันกลับไปทั้งตัวแต่ก็ไม่เบาพอให้เธอขืนตัวเดินต่อ
“มาคุยกันก่อนเถอะ” หญิงสาวหันหน้ากลับมาขมวดคิ้วมองเขา
ชายหนุ่มเห็นความไม่พอใจในแววตาเธอรางๆ จึงแสร้งถามว่า “หรือเธอไม่แคร์จริงๆ ถ้าเกิดเป็นข่าวกับพี่ขึ้นมา”
แม้จะรู้ว่าเป็นข้ออ้างที่จะรั้งเธอไว้เพื่อซักไซ้เอาคำตอบของคำถามที่เขาถามค้างไว้ให้ได้ แต่เซียวเยี่ยนจื่อก็ยอมหมุนตัวกลับมาด้วยท่าทีอ่อนลง เพราะเธอคิดว่าการพูดกับเขาให้ชัดเจนไปเลยน่าจะดีกว่าการบ่ายเบี่ยงไปมา
เซียวเยี่ยนจื่อยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “อยากคุยอะไรกับฉันก็รีบคุยเถอะค่ะ ฉันว่าฉันออกมานานแล้ว”
“เธอบอกว่าเธอยังไม่มีแฟน” ฮ่าวป๋อชุนก็ไม่คิดจะอ้อมค้อมแล้วเหมือนกัน “ถ้าคิดจะปฏิเสธพี่จริงๆ ทำไมถึงไม่เลือกโกหกล่ะ”
เซียวเยี่ยนจื่อยิ้มออกมา ขณะสบตากับชายหนุ่มนิ่ง
ไม่ใช่แค่ฮ่าวป๋อชุนที่คิดว่าเธอเปลี่ยนไป แต่เธอเองก็คิดว่าเขาเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน หรือไม่ก็ตรงกันข้าม เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เป็นเธอเองที่ยังไม่รู้จักเขาดีพอ
ประสบการณ์ในตอนนั้นของเธอ การที่เธอหวั่นไหวไปกับเขา คิดดูดีๆ แล้วถึงจะน่าตลกแต่ก็โชคดีที่ไม่มีเรื่องให้รู้สึกเสียใจภายหลัง
ฮ่าวป๋อชุนขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจกับรอยยิ้มในตอนนี้ของเธอนัก “ยิ้ม? ”
“ถ้าฉันโกหกพี่จะเชื่อไหมล่ะคะ”
“ก็อาจจะเชื่อ” ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เห็นเมื่อคืนเขาก็คงไม่เชื่อเธอจริงๆ นั่นแหละ ฮ่าวป๋อชุนคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
“พี่ไม่เชื่อหรอกค่ะ” เซียวเยี่ยนจื่อเอ่ยยิ้มๆ “เพราะพี่คิดว่าฉันชอบพี่ ไม่มีทางมีแฟนไปได้หรอก จนถึงตอนนี้ก็ยังรอพี่อยู่”
ตั้งแต่กลับมาเจอเธออีกครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ฮ่าวป๋อชุนโดนเธอใช้คำพูดไม่ไว้หน้ามาไม่รู้กี่ครั้งแต่ก็ไม่เคยรู้สึกรู้สา จวบจนถึงตอนนี้ ประโยคนี้ของเธอทำเอาเขาวางสีหน้าไม่ถูกขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“ใช่ไหมล่ะคะ” เซียวเยี่ยนจื่อถามย้ำ
ฮ่าวป๋อชุนขยับตัวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สายตาหลุบลงมองพื้นขณะหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ พอเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเซียวเยี่ยนจื่ออีกครั้งก็ไม่มีร่องรอยกระดากให้เห็นแล้ว
ฮ่าวป๋อชุนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่พูดขึ้นว่า “ถ้างั้น พี่จะเริ่มจีบเธอตั้งแต่ตอนนี้เลย เรื่องที่เธอชอบพี่ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
Comments (0)