บทที่ 16(2)

 คนที่แอบคบ

Trigger Warnings/Content Warnings

พฤติกรรมการแอบถ่าย(ไม่ใช่ภาพลามกอนาจาร)/การถูกแอบถ่าย

 

“เธอเข้าใจ เฉียวเจียว” เซียวเยี่ยนจื่อลดเสียงต่ำลง “ขอโทษ… ก่อนที่เธอจะพูดคำนี้กับฉัน เธอเพิ่งจะพูดกับคนคนนั้นไปนี่”

วิธีการของเธออาจจะดูไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ อยู่บ้าง แต่ความห่วงใยที่มีต่อลูกศิษย์ เซียวเยี่ยนจื่อเชื่อว่าเธอมีไม่แพ้อาจารย์คนอื่นๆ

ปัญหาของเฉียวเจียวเป็นปัญหาส่วนตัวที่อาจารย์อย่างเธออาจไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เพราะเซียวเยี่ยนจื่อปล่อยวางไม่ได้

เฉียวเจียวถีบตัวเองมาถึงตอนนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรก็ตาม จนอนาคตที่อีกฝ่ายวาดรอไว้ต้องดับลง

“ฉันพักผ่อนไม่พอ จำไม่ได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไปบ้างค่ะ”

“ไม่มีคำพูดไหนที่มีประโยชน์เลยสินะ ไม่ว่าจะคำสัญญา หรือคำขอโทษของเธอ”

เฉียวเจียวตกตะลึงไป แม้อีกฝ่ายจะพูดเรียบๆ คล้ายไร้อารมณ์แต่ความหมายในประโยคนั้นสั่นคลอนความรู้สึกของเธอ

ในตอนที่คิดว่าโลกนี้ไม่มีสักคนที่เข้าใจเธอกลับมีอาจารย์แซ่เซียวคนนี้โผล่มา ดังนั้น สิ่งที่เฉียวเจียวกลัวที่สุดคือการที่อีกฝ่ายสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเธอ หมดความเชื่อใจในตัวเธอ

แต่ต่อให้เฉียวเจียวศรัทธาในอาจารย์คนนี้มากขนาดไหน ก็ยังมีบางเรื่องที่อีกฝ่ายทำให้เธอคลางแคลง แทนที่จะตอบคำถามเฉียวเจียวเลยตัดสินใจถามกลับ

“แล้วอาจารย์มีคนรู้จักแซ่หงบ้างหรือเปล่าคะ”

เซียวเยี่ยนจื่อขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าจะโดนถามกลับ “ไม่มี” เธอตอบโดยไม่เสียเวลานึกด้วยซ้ำ

“อาจารย์ตอบเร็วเกินไปหรือเปล่าคะ” เฉียวเจียวยิ้มอย่างคนที่ได้พลิกกลับมาเป็นฝ่ายไล่ต้อนบ้าง “จะไม่ลองใช้เวลานึกดูก่อนสักนิดเหรอ”

เซียวเยี่ยนจื่อกระตุกมุมปาก “วิธีการแบบนี้เธอก็คิดออกมาได้นะเฉียวเจียว”

“ฉันไม่ได้กำลังถ่วงเวลา ไม่ได้กำลังเล่นเกม หรืออะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันอยากรู้คำตอบจริงๆ ” เฉียวเจียวเงียบไปอึดใจถึงเอ่ยต่อว่า “ถ้าอาจารย์ยอมตอบคำถามของฉัน อาจารย์ก็จะได้รู้คำตอบของคำถามที่อาจารย์ถามฉันเมื่อกี้ค่ะ”

เซียวเยี่ยนจื่อมุ่นคิ้ว หงุดหงิดนิดหน่อยที่ตามอีกฝ่ายไม่ทัน “ฉันไม่มีคนรู้จักแซ่นี้จริงๆ ฉันจะโกหกเธอไปเพื่ออะไร”

เฉียวเจียวยิ้ม ขยับตัวนิดหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมากดสองสามทีแล้ววางลงบนโต๊ะ เลื่อนไปตรงหน้าเซียวเยี่ยนจื่อ

สิ่งที่เห็นผ่านหน้าจอเครื่องมือสื่อสารเบื้องหน้าทำเอาเซียวเยี่ยนจื่อตกตะลึงจนพูดไม่ออก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามด้วยความเคร่งเครียดทันที “นี่มันอะไรกัน”

สิ่งที่เซียวเยี่ยนจื่อเห็นคือภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่ล้วนมีเธอเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของภาพ หญิงสาวปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“อาจารย์ไม่รู้จักพี่หงจริงๆ เหรอคะ”  เฉียวเจียวเห็นหญิงสาวมีสีหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูกแบบที่ไม่น่าจะเสแสร้งแกล้งทำออกมาได้ก็ขมวดคิ้วถาม “พี่หงเป็นเจ้าของมือถือเครื่องนี้ แล้วในนี้ก็มีรูปอาจารย์อยู่เต็มไปหมด ถ้าบอกว่าไม่รู้จัก ฉันไม่เชื่อหรอกนะคะ”

“ฉันไม่รู้จักพี่หงของเธอจริงๆ แล้วเธอไปเอามือถือของเขามาได้ยังไง” หางเสียงของเซียวเยี่ยนจื่อแผ่วลง จู่ๆ เธอก็รู้สึกไม่แน่ใจในคำยืนกรานของตัวเองขึ้นมา

พี่หง พี่หง พี่หง… ก่อนหน้านี้เฉียวเจียวพูดชื่อนี้กับเธอซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งแต่สมองของเธอก็ยังว่างเปล่า

ทว่าทันทีที่อีกฝ่ายเฉลยออกมาว่าโทรศัพท์มือถือที่มีรูปเธอโผล่อยู่ในนั้นเป็นของคนแซ่หง เซียวเยี่ยนจื่อก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านสมอง จากที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกในตอนแรก ตอนนี้เธอกลับปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้อย่างรวดเร็ว

เฉียวเจียวเห็นสีหน้าเซียวเยี่ยนจื่อเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็เอ่ยกดดัน “อาจารย์บอกฉันมาก่อนสิคะว่ารู้จักพี่หงได้ยังไง รู้จักกันแบบไหน แล้วฉันจะบอกว่าฉันเอามือถือของเขามาได้ยังไง”

เซียวเยี่ยนจื่อยกมุมปาก รอยยิ้มที่เผยออกมาทำให้ความกระตือรือร้นในการกดดันอีกฝ่ายของเฉียวเจียวหดหาย

เมื่อเริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เซียวเยี่ยนจื่อก็ประเมินได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของอีกฝ่ายเลย เพราะคนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นเฉียวเจียว ไม่ใช่เธอ

“ฉันเตือนเธอแล้วว่างานแบบนั้น เลิกได้ก็เลิกซะ เพราะเธอไม่เชื่อฉัน วันที่ทำพลาดเลยมาถึงจนได้”

เฉียวเจียวอ้างกับเธอว่างานพิเศษธรรมดาทั่วไปไม่พอให้เธอส่งตัวเองเรียนต่อปริญญาโทได้ เธอถึงต้องทำงานกลางคืนที่มีโอกาสหารายได้ทางอื่น อย่างการหลอกลูกค้าที่เมาหัวราน้ำไปปลดทรัพย์ ตื่นเช้ามาอีกฝ่ายก็จำอะไรไม่ได้แล้ว อีกทั้งเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้น้อยคนที่จะกล้าไปแจ้งความ

แต่ความผิดพลาดของเฉียวเจียวคงจะเกิดตอนที่เธอมารู้ภายหลังว่าลูกค้าที่โดนเธอรูดทรัพย์คนหนึ่งดันเป็นนักแสดงชื่อดังที่เธอชื่นชอบจนถึงขั้นเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนมว่า ‘พี่หง’

เซียวเยี่ยนจื่อที่บังเอิญเห็นข่าวฉาวของหงเทียนสิงผ่านตาทุกข่าวยังจำภาพข่าวที่ชายหนุ่มนอนเปลือยอกอยู่ในโมเต็ลได้ดี

เธอไม่เคยจดจำชื่อคนที่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเขา แต่หลังเฉียวเจียวเผยออกมาว่ามือถือของเขาอยู่กับตัวเอง ชื่อของเขาก็ปรากฏขึ้นมาในสมอง พร้อมกับที่เรื่องราวราวกับตาเห็นถูกเชื่อมโยงออกมาเป็นฉากๆ โดยอัตโนมัติ

เฉียวเจียวชื่นชอบหงเทียนสิง และเชื่อว่าเธอมีความสัมพันธ์บางอย่างกับอีกฝ่าย จึงต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

คนถูกจับได้ปฏิเสธไม่ออก ได้แต่หลบสายตาปิดปากเงียบระหว่างหาข้อแก้ตัว

“คราวนี้เชื่อฉันหรือยัง” เซียวเยี่ยนจื่อไม่รอให้เฉียวเจียวพูดอะไรก็ตอกย้ำลงไปอีก “ว่าถึงเธอจะทำงานแบบนี้จนส่งตัวเองเรียนจบปริญญาโทได้ก็ไม่มีอะไรน่าภูมิใจหรอก”

เฉียวเจียวก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่นาน เซียวเยี่ยนจื่อมองเห็นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงเผาะลงมาจากดวงตาลูกศิษย์ แต่ไม่คิดจะพูดปลอบแม้แต่คำเดียว ทำเพียงนิ่งรอ หวังว่าอีกฝ่ายจะไตร่ตรองคำพูดเธอให้ดี และจดจำความรู้สึกย่ำแย่ในเวลานี้ให้ขึ้นใจ

เฉียวเจียวสงบสติอารมณ์ รอจนน้ำตาหยุดไหลถึงเงยหน้าขึ้น “อาจารย์ช่วยติดต่อพี่หงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” เธอมองเซียวเยี่ยนจื่ออย่างแน่วแน่ ดวงตาวาวน้ำเจือแววขอร้อง “ฉันอยากคืนมือถือให้พี่เขา”

ราวกับกลัวว่าเซียวเยี่ยนจื่อที่ผิดหวังในตัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะไม่ยอมช่วยเหลือ เฉียวพลันก้มหน้าต่ำลงจนหน้าผากเกือบจะแนบกับโต๊ะ “ฉันจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังในตัวฉันอีกแล้วค่ะ”

“เพราะคนแซ่หงคนนี้ใช่ไหม” เซียวเยี่ยนจื่อยิ้ม แววตาฉายความเท่าทัน “ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเธอก็คงยังไม่กล้ารับปากแบบนี้”

เซียวเยี่ยนจื่อไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนคลั่งศิลปินดาราเท่าไร แต่เธอมองออกว่าความรู้สึกของเฉียวเจียวไปไกลเกินกว่านั้น เหมือนน้องสาวที่แอบรักพี่ชายข้างบ้านมากกว่าจะเป็นแค่การชื่นชอบศิลปินดาราทั่วๆ ไป

เฉียวเจียวถึงขั้นละลาบละล้วงของใช้ส่วนตัวอย่างโทรศัพท์มือถือของคนที่ตัวเองชอบ ความรู้สึกรักชอบมักจะควบคุมมารยาทเอาไว้จนอยู่หมัด บางครั้งก็ถึงขั้นทำให้คนทำตัวคล้ายมีปัญหาทางจิต

เฉียวเจียวพยักหน้าแต่โดยดี “ฉันอยากคืนมือถือให้เขา” เธอไม่คิดจะปิดบังหรือเล่นแง่กับเซียวเยี่ยนจื่ออีกแล้ว  “ถ้าฉันคืนมือถือเขาไปแล้วยังกลับมาทำเรื่องแบบนั้นอีก ถึงจะไม่ใช่กับเขา…”

เซียวเยี่ยนจื่อยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง เธอพูดจนปากเปียกปากแฉะกลับไม่ได้ผล คนแซ่หงคนนี้ไม่ได้ลงทุนอะไรด้วยซ้ำกลับซื้อความภักดีของลูกศิษย์เธอไปได้

เฉียวเจียวเดาสีหน้าท่าทางของเซียวเยี่ยนจื่อไม่ออก จึงถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ “ตกลงว่าอาจารย์จะช่วยฉันใช่ไหมคะ”

มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้หญิงสาวจะไม่ได้ยอมรับว่ารู้จักหงเทียนสิง หรือพี่หงของเฉียวเจียว แต่ก็ไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่นอีกแล้ว

เซียวเยี่ยนจื่อกอดอกเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้ “ฉันจะลองดู”

เฉียวเจียวยิ้มกว้าง ดวงตาค่อนข้างเล็กเบิกโตกว่าเดิม ประกายยินดีสะท้อนผ่านแววตาออกมา

เซียวเยี่ยนจื่อเอี้ยวตัวทำเป็นล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาด้วยท่าทางสงบนิ่งเป็นปกติ แต่ความจริงแล้วเธอค่อนข้างลนลาน เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่ากระดาษที่หงเทียนสิงจดเบอร์โทรศัพท์ให้เธออยู่ในกระเป๋าใบนี้หรือใบอื่น หรือว่าหายไปแล้วกันแน่ เพราะวันนั้น หลังจากรับมันมาสอดไว้ในกระเป๋าส่งๆ เธอก็ลืมมันไปเสียสนิท

หญิงสาวพยายามควานหาด้วยท่าทางสงบนิ่ง จังหวะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเธอก็มีสายเรียกเข้า ไฟหน้าจอส่องช่องว่างมืดแคบในกระเป๋าให้สว่างขึ้นมา จนกระดาษสีขาวสะท้อนเข้าตาเธอ

เซียวเยี่ยนจื่อปกปิดความยินดีในดวงตา แล้วหยิบกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ของหงเทียนสิงขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง

สายที่โทรเข้ามายังไม่ได้วางไป เซียวเยี่ยนจื่อเห็นชื่อฮ่าวป๋อชุนปรากฏบนหน้าจอจึงเลือกที่จะกดตัดสายทิ้ง แล้วรีบรัวนิ้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของหงเทียนสิงตามที่ปรากฏบนกระดาษ ไม่ให้เฉียวเจียวมองเห็นว่าเธอเองก็เพิ่งจะได้เบอร์โทรศัพท์ของเขามา ยังไม่ทันจะบันทึกลงในเครื่องด้วยซ้ำ

เซียวเยี่ยนจื่อยกเครื่องมือสื่อสารแนบหู เฉียวเจียวยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธออย่างตื่นเต้น

เสียงรอสายดังอยู่หลายครั้งจนเซียวเยี่ยนจื่อเกือบจะหมดความอดทน ทว่าสุดท้ายก็ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย

“ครับ? ”