บทที่ 4(2)

ความรู้สึกนั้นยาวนาน

Trigger Warnings/Content Warnings

มีการบรรยายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (คล้ายมิจฉาชีพ/นักต้มตุ๋น)

กลุ่มควันสีเทาพรั่งพรูออกจากริมฝีปากที่คว่ำลงเล็กน้อย ล่องลอยไร้รูปไร้ทิศทาง กระจายจากมุมมืดมุมหนึ่งของอาคารจอดรถโรงพยาบาลจนจางหายไปช้าๆ หลงเหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเผาไหม้เข้มข้น

เสียงสนทนาเบาๆ ของคนสองคนเงียบหายไปได้พักใหญ่แล้ว แต่หงเทียนสิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ความรู้สึกที่กดทับอยู่ในหัวใจราวกับทำให้สองขาพลอยหนักอึ้งยากจะขยับเขยื้อนไปด้วย

บุหรี่ที่เหลือติดตัวมวนสุดท้ายถูกเผาไหม้จนหดสั้นลงทุกที ชายหนุ่มไม่ได้ยกมันขึ้นมาสูบอีกขณะมองเหม่อไปยังความมัวสลัวรอบด้าน แสงไฟสีแดงจุดเล็กๆ เพียงหนึ่งเดียวจากมวนบุหรี่สว่างวาบขึ้น ง่ามนิ้วที่คีบมันไว้ถูกความร้อนแผดเผาอยู่นานจนถุงมือที่สวมอยู่กลายเป็นรู ความร้อนสัมผัสถึงผิวเนื้อแท้ในเวลานี้เอง เจ้าของนิ้วมือพลันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ สะบัดมือสลัดมวนบุหรี่ปลิวหายไปไกล

หงเทียนสิงก้มลงมองถุงมือกันหนาวที่เพิ่งซื้อมาใส่เมื่อคืนกลายเป็นรูน่าเกลียด ก่อนจะตัดสินใจถอดทั้งสองข้างทิ้งลงไปในถังขยะ แล้วเดินออกมาจากมุมลับตาคน แสงไฟจากทางเดินหน้าประตูทางเข้าอาคารของโรงพยาบาลสะท้อนให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ปรากฏอารมณ์หม่นทึมราวกับคนมีอายุที่เก็บความทุกข์มานานหลายสิบปี

ชายหนุ่มเดินอย่างเชื่องช้าฝ่าอุณหภูมิเกือบติดลบด้านนอกเข้าไปในตัวอาคาร เสื้อสเวตเตอร์คอกลมที่สวมติดกายเพียงชั้นเดียวแทบจะทำให้เขาหนาวตายได้ หากว่ายังยืนอยู่ด้านนอกนานอีกเพียงวินาทีเดียว

...แต่ทั้งๆ ที่หนาวจนชาไปทั้งร่างแบบนี้ ความรู้สึกกลับไม่ยอมด้านชาไปด้วย

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็เดินตากไอหนาวจากร้านอาหารข้างโรงพยาบาลมาจนถึงนี่ได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาแท้ๆ ตอนนี้กลับทนหนาวอีกต่อไปไม่ไหว

เยี่ยนจื่อ คบกับพี่เถอะ’...

อาจเพราะประโยคตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนั้น ที่ชาตินี้เขาคงไม่มีวันกล้าเอ่ย

หงเทียนสิงเดินทะลุอาคารของโรงพยาบาลออกมาด้านหน้า แสงแดดยามสายเจิดจ้าจนแสบตาแต่ความหนาวเย็นกลับไม่ได้ทุเลาลง

ด้านหน้าโรงพยาบาลผู้คนเริ่มพลุกพล่าน  ชายหนุ่มขยับหมวกแก็บที่ใส่ทับอยู่บนหมวกไหมพรมให้หลุบต่ำลงมาโดยอัตโนมัติ

ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ชายหนุ่มรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหนต่อ  กลับที่พักก็ทำไม่ได้แล้วเพราะไม่เหลือเงินพอจะจ่ายค่าเช่าเดือนถัดไป เขาเลยตัดสินใจคืนห้องไปตั้งแต่เมื่อคืน หากจะกลับเข้าไปในโรงพยาบาลเวลานี้ก็คงไม่เหมาะ ทั้งดูจะเป็นการฝืนตัวเองเกินไป ตอนนี้เขาต้องการเวลาให้หัวใจได้พักฟื้น

หงเทียนสิงเห็นจากหางตาว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินมุ่งหน้ามาทางเขา ทำให้อดระแวงไปก่อนไม่ได้ ชายหนุ่มตัดสินใจในวินาทีนั้น โบกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี

ไปไหนครับ

คนโบกเรียกรถเงียบไปนานจนคนขับชักสีหน้าและกำลังจะเปิดปากไล่เขาลงจากรถอยู่แล้ว จังหวะนั้นเองเขาก็คิดที่ไปของตัวเองออก แถวนี้มีไนท์คลับไหมครับไม่รอให้อีกฝ่ายตอบก็พูดต่อ ไปที่ใกล้ที่สุดแล้วกัน

คนขับแท็กซี่ยังไม่ออกรถ ใกล้ๆ นี้ก็มีอยู่ แต่ป่านนี้ใครเขาจะเปิดล่ะคูณณณน้ำเสียงและสีหน้าทั้งเป็นการตำหนิผู้โดยสารของตนว่าเพี้ยนและเป็นการขอคำยืนยันจุดหมายของอีกฝ่ายกลายๆ

ขับไปเถอะครับชายหนุ่มตอบเรียบๆ สายตาที่มองตอบมาทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าพูดมากอีก

ไนท์คลับที่เป็นจุดหมายปลายทางของหงเทียนสิงยังคงปิดเงียบอยู่ตามคำบอกของคนขับแท็กซี่ ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ไนท์คลับเปิดตอนกลางวันแสกๆ เขาเดินข้ามถนนไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หยิบเบียร์สามกระป๋องออกมาจากตู้แช่ไปจ่ายเงิน ตอนรอพนักงานคิดเงินก็อดที่จะกดปีกหมวกต่ำลงมาอีกไม่ได้ หลังจ่ายเงินเสร็จจนเงินจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ร่อยหรอลงไปอีกก็เดินไปนั่งจิบเบียร์ที่ซื้อมาเงียบๆ

อากาศหนาวจัดจนปลายจมูกของชายหนุ่มแดงเถือก ของเหลวสีอำพันที่จิบลงคอไปค่อยๆ กระจายความร้อนไปทั่วร่างกายช้าๆ ถึงจะไม่เพียงพอให้รู้สึกอบอุ่นแต่ก็ลดทอนความหนาวไปได้เล็กน้อย

เบียร์สามกระป๋องหมดลงในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา แต่หงเทียนสิงยังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม

หลายชั่วโมงต่อมาแสงแดดที่คล้อยต่ำลงไปทางทิศตะวันตกเริ่มอ่อนแรงลงช้าๆ ชายหนุ่มดึงความคิดตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่รู้ว่าไนท์คลับฝั่งตรงข้ามมีคนมาเปิดประตูตั้งแต่เมื่อไร

ประตูไม้บานคู่ที่มองดูคล้ายประตูโรงบ่มไวน์ถูกเปิดออกกว้างทั้งสองบาน มองจากตรงนี้แม้จะเห็นอะไรไม่ชัดแต่ก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดจากตรงกลางช่องประตูได้ หงเทียนสิงคาดว่าอีกไม่เกินชั่วโมงไนท์คลับก็คงจะเปิดและเขาก็คงจะเป็นลูกค้าคนแรก

ตอนที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในไนท์คลับก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกที่นั่งด้านในยังคงว่างโล่ง โต๊ะบางตัวยังมีเก้าอี้คว่ำอยู่

หงเทียนสิงเดินไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ไร้บาร์เทนเดอร์ หรือกระทั่งพนักงานคนอื่นๆ ก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนทยอยยกเก้าอี้ที่ยังคว่ำอยู่บนโต๊ะบางตัวลงมา เสียงเก้าอี้กระทบกัน เสียงขาเก้าอี้ครูดพื้น ดังต่อเนื่องอยู่ครู่หนึ่ง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หันไปมอง คนที่ทำเสียงดังไม่หยุดก็ไม่ได้เอ่ยปากไล่เขา

กระทั่งฝ่ายนั้นเดินมาหยิบนู่นจับนี่แถวๆ เคาน์เตอร์บาร์ ชายหนุ่มจึงมองเห็นอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอีก ทว่าหงเทียนสิงกลับรู้สึกอยู่เป็นระยะว่าถูกแอบมอง แต่เพราะกำลังซังกะตาย ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็ไม่มีอารมณ์มาใส่ใจทั้งนั้น

 

หน้าหนาวแบบนี้ท้องฟ้าจึงมืดลงอย่างรวดเร็ว เหล่าปีศาจสุราและนักท่องราตรีทั้งหลายเริ่มทยอยกันเข้ามาในร้านจนบรรยากาศเงียบเหงาในตอนกลางวันหายวับไปทันตา

เวลานี้หงเทียนสิงจับจองที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ได้ก็แทบไม่ขยับเขยื้อน จะลุกอีกทีก็ในตอนที่อยากจะเข้าห้องน้ำเท่านั้น เขาสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเองทันทีที่ร้านเปิด เบียร์สามกระป๋องเมื่อตอนกลางวันไม่เพียงพอจะทำให้เมาได้ แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เครื่องดื่มที่สั่งมาโดยไร้กับแกล้มแม้แต่อย่างเดียวทำให้หงเทียนสิงกระดกมันเข้าปากโดยไม่มีช่วงเว้นพัก สติสัมปชัญญะจึงไม่มีทางครบถ้วน

การดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนเคล้ารสร้อนแรงของสุรา นั่งทอดถอนใจผ่อนคลายอารมณ์ที่เก็บกดมาทั้งวัน พลางจิบสุราเนิบช้าคล้ายกลัวจะหมด เมื่อคนต้องการมอมเมาตัวเอง พิธีรีตรองในการดื่มเหล้าแบบนั้นจึงไม่จำเป็น

พอสติเริ่มไม่ครบถ้วนความรู้สึกปวดหนึบเจียนตายที่กดทับอยู่ในโพรงอกก็ดูเหมือนจะหายไปแล้ว หงเทียนสิงยกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างอ้อนแอ้นในเสื้อผ้าน้อยชิ้นโผล่เข้ามาอยู่ในครรลองสายตา ก่อนที่เธอจะเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆ เขาตามอำเภอใจโดยไม่สนใจคำเชื้อเชิญ

มาคนเดียวเหรอคะ

หงเทียนสิงไม่ได้ตอบอะไร เพราะรู้สึกว่าเสียงจอแจรอบด้านดังจนน่ารำคาญ ตอนนี้เขาแยกแยะคำพูดใครไม่ออกทั้งนั้นจึงเพียงยกขวดเหล้าขึ้นกระดกลงคอไปหลายอึก ในตอนนั้นเองต้นแขนก็รู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นที่ทำเอามือซึ่งกำลังยกขวดเหล้าขึ้นดื่มชะงักไป

ให้ฉันนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะคะคราวนี้เสียงเล็กๆ ของคนที่ถือวิสาสะมานั่งข้างๆ ดังอยู่ชิดริมหู ลมหายใจที่ทั้งอบอุ่นและชื้นเล็กน้อยเป่ารดลงบนใบหูเขา

หงเทียนสิงรู้สึกอึดอัดรำคาญกับสัมผัสใกล้ชิดของคนแปลกหน้าแบบนี้ เขาปรายสายตาขวางๆ มองคนที่พยายามจะเบียดกระแซะเข้าหา ไสหัวไป

ชายหนุ่มไม่ได้ออกแรงผลักเธอเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินกว่าจะทำแบบนั้น จึงเพียงแค่ดึงแขนหลบ แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการสุงสิงกับเธอ และไม่ชอบที่เธอมานัวเนียอยู่ใกล้ๆ

หงเทียนสิงยังคงสวมหมวกแก๊ปเอาไว้แบบเดิม เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้คอยแต่จะดึงมันลงมาปกปิดใบหน้าแล้ว เพราะความระมัดระวังตัวหายไปพร้อมกับสติที่พร่าเลือน

ผุ้หญิงคนนั้นไม่ดึงดันต่อ เธอผละห่างออกมาพอประมาณพลางเท้าแขนกับบาร์ ใช้มือรองแก้มตัวเอง เอียงหน้ามองใบหน้าภายใต้หมวกแก็บของคนตรงหน้า

อกหักสิท่าเธอพูดยิ้มๆ น้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบังนั้นทำให้คนฟังต้องปรายตามองมา พยายามจะทำความเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายผ่านการอ่านสีหน้า

หงเทียนสิงมองอะไรไม่ออกทั้งนั้น เพราะทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด แล้วจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูด ฉันเห็นคุณมานั่งหงอยอยู่คนเดียวตั้งแต่ร้านเปิด ไม่อยากได้คนปลอบใจสักหน่อยเหรอ ฉันช่วยคุณได้นะไม่พูดเปล่าแต่ยังเอื้อมมือออกมาลูบหน้าอกเขาเบาๆ

หงเทียนสิงขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นบีบสันจมูก จู่ๆ ก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา เขาในตอนนี้แยกเธอคนเมื่อตอนหัวค่ำกับในตอนนี้ไม่ออกอย่างสิ้นเชิง กระทั่งเธอเฉลยออกมา

เมื่อตอนหัวค่ำเขาโผล่เข้ามาเป็นลูกค้าคนแรก ขณะที่เธอจัดเตรียมร้านยังไม่เสร็จเรียบร้อย และยังสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดา หน้าตาก็ขาวๆ เรียบๆ ไม่น่าจดจำอะไร แต่เธอในตอนนี้กลับแพรวพราวไปทั้งตัว ทั้งยังเสื้อผ้าวับๆ แวมๆ นั่นอีก เรื่องหน้าตาก็ถูกเครื่องสำอางกลบจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

จำได้แล้วล่ะสิ

อย่ามายุ่งกับฉันถึงท่าทางของเขาจะแข็งกร้าวยังไงแต่เสียงอ้อแอ้ที่เปล่งออกมากลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม

ผู้หญิงคนนั้นจู่ๆ ก็คว้าขวดเหล้าในมือเขาไปยกดื่ม

เธอ! หงเทียนสิงได้แต่หันมาถลึงตาใส่ ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเชื่องช้าจนน่าขัดใจ

พอดื่มจนหมดขวดเธอก็วางขวดเบียร์ลงบนโต๊ะดังโครม ฉันจูบคุณแล้ว ทีนี้จะเลิกเล่นตัวได้หรือยัง

หงเทียนสิงรู้สึกเหมือนหัวเขากำลังจะระเบิด ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นทันที มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กำเงินที่คว้าเจอทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะแล้วเดินโซเซออกจากร้าน วินาทีนั้นเองจู่ๆ ก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกระเพาะกำลังจะทะลักขึ้นมาที่คอหอย

ชายหนุ่มพุ่งไปที่ริมฟุตปาธแล้วโก่งคออาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง ระหว่างนั้นก็มีมือข้างหนึ่งคอยลูบหลังให้อยู่ตลอดเวลา แม้อยากจะสะบัดตัวให้พ้นจากสัมผัสที่ตามหลอกหลอนไม่เลิก แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่แม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะทำอะไรได้อีกนอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ

สภาพแบบนี้ คุณจะกลับบ้านยังไงผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นขณะพยายามพยุงคนตัวสูงให้ยืนตรง ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงคุณก็ต้องพึ่งฉัน

เธอพยุงชายหนุ่มเดินหน้าสามก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวไปนั่งตรงหน้าป้ายรถเมล์อย่างทุลักทุเล พอได้นั่งลงหงเทียนสิงก็แหงนหน้าพิงหัวกับฉากด้านหลังทันที เขาเลยไม่มีทางเห็นว่าหญิงสาวที่มีน้ำใจต่อเขาเหลือเกินล้วงทิชชูจากหน้าอกออกมาซับคราบอาเจียนตามริมฝีปากและลำคอให้เขาจนสะอาด

หงเทียนสิงไม่ได้ออกปากผลักไสเธอหรือแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอะไรอีก เขาหมดแรงและมึนงงสับสนจนอยากจะหลับไปเสียเลย

หญิงสาวข้างกายเห็นเขานิ่งไป ในจังหวะนั้นมีแท็กซี่คันหนึ่งผ่านมาพอดีเธอจึงโบกมือเรียก แล้วพยุงชายหนุ่มเข้าไปนั่ง เสร็จเรียบร้อยก็ตามเข้าไปนั่งประกบ พลางร้องบอกที่หมายกับคนขับซึ่งเป็นโมเต็ลแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโล

ตอนจะจ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่หญิงสาวพยายามล้วงหาเงินในกระเป๋าของคนเมา แต่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างกลับไม่มีเงินเลยแม้แต่หยวนเดียว เธอยกมือขึ้นตีไปที่อกของหงเทียนสิงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ก่อนจะยอมควักเงินของตัวเองออกมาจ่ายแล้วพยุงเขาลงจากรถ

พนักงานคนหนึ่งของโรงแรมมองเห็นเธอทันทีที่เธอเดินเข้าไปในโรงแรม ไม่ต้องสังเกตให้ละเอียดก็เข้าใจทันทีว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่มัวมาขวางเธอเพื่อผดุงคุณธรรมแต่ยังช่วยเธอแบกชายหนุ่มเข้าไปในห้องพักห้องหนึ่งอีกด้วย

ทั้งคู่ประสานสายตาส่งความนัย เมื่อพนักงานโรงแรมคนนั้นเห็นเธอเข้าใจความต้องการของเขาแล้วก็รีบเดินออกไปด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ